xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯ แฉ “มาร์ค” แหล 7 ประเด็น ชี้ถกเจบีซีสุดมั่วไม่รู้รับทราบหรือเห็นชอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์  (แฟ้มภาพ)
กลุ่มพันธมิตรฯ ยื่นหนังสือแฉ “มาร์ค” แหล 7 ประเด็น เตือนรัฐสภาเดินหน้าผ่านบันทึกอัปยศ ส่อเข้าข่ายละเมิดพระราชอำนาจ “ปานเทพ” ฉะประชุมสุดมั่ว ไม่รู้จะให้สมาชิกเห็นชอบหรือรับทราบผลการศึกษาของ กมธ.พิจารณาบันทึกเจบีซีไทย-เขมรกันแน่ “ประพันธ์” ปูดรัฐบาลล็อบบี้ ส.ส.และ ส.ว.ให้ร่วมประชุมเพื่อลงมติ โดยสร้างความสับสนและหลอกลวงว่าแค่รับทราบผลการศึกษาของ กมธ.พิจารณาเจบีซีเท่านั้น

วันนี้ (28 มี.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า ตนในฐานะตัวแทนคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร นำหนังสือคัดค้านต่อการรับรองผลบันทึกการประชุมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ทั้ง 3 ฉบับ ซึ่งที่ประชุมร่วมรัฐสภาได้กำหนดพิจารณากันในวันพรุ่งนี้ (29 มี.ค.) ต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อประสานงานส่งต่อให้แก่สมาชิกรัฐสภาทุกคน โดยหนังสือดังกล่าวลงนามโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และถือเป็นการยื่นหนังสือคัดค้านการให้ความเห็นชอบบันทึกเจบีซี 3 ฉบับเป็นครั้งที่ 3

นายปานเทพกล่าวว่า เนื้อหาในหนังสือดังกล่าวเป็นการตอบโต้สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อภิปรายในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา รวม 7 ประเด็นที่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง เพื่อชี้ให้ ส.ส.และ ส.ว.ทุกคนทราบว่านายกฯ พูดไม่จริงในเรื่องใดบ้าง อาทิ การที่นายอภิสิทธิ์อ้างว่าบันทึกผลการประชุมเจบีซีทั้ง 3 ครั้งไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอาณาเขต และร่างข้อตกลงชั่วคราวที่แนบท้ายบันทึกก็ยังไม่มีการลงนามไม่มีผลผูกพันธ์ จึงไม่มีความจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาไม่ว่าเป็นการรับทราบหรือขอมติเห็นชอบ เพราะในรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ไม่มีบทบัญญัติให้รับทราบในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตและสนธิสัญญา ในขณะที่ภาคประชาชนเห็นว่าร่างข้อตกลงชั่วคราวมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตอย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นการไปปักปันเขตแดนกันใหม่ในพื้นที่ที่มีการปักปันเสร็จเมื่อ 103 ปีที่แล้ว

“นายอภิสิทธิ์ยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กล่าวถึงในเอ็มโอยู 2543 นั้นไม่รวมระวางดงรัก เพราะไม่ใช่ผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนสยาม-ฝรั่งเศส การกล่าวเช่นนี้เป็นการอธิบายที่เพิ่งนำมาใช้เมื่อปี 51 และในแถลงการณ์ที่โต้แย้งฝ่ายกัมพูชาล่าสุดของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อวันที่ 31 ม.ค.54 โดยต้องการอธิบายย้อนหลังเพื่อเยียวยาผลเสียหายที่เกิดขึ้นจากเอ็มโอยู 2543 โดยในหนังสือได้บรรยายถึงโทษของเอ็มโอยู 2543 มีโทษมากมายขนาดไหน”

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า ในหนังสือยังชี้ให้เห็นอีกด้วยว่าเอ็มโอยู 2543 ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา และไม่มีการบลงพระปรมาภิไธยโดยพระมหากษัตริย์ จึงถือว่าเป็นสัญญาที่กระทำผิดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 224 ที่ระบุว่า พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งอำนาจในการทำหนังสือสัญญาอื่นกับนานาชาติ และหนังสือสัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขต ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา จึงทำให้เอ็มโอยู 2543 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น ทำให้รัฐสภาไทยไม่สามารถไปจะไปยกมือรับรองหรือรับทราบผลต่อเนื่องจากเอ็มโอยู 2543 หรือบันทึกเจบีซีทั้ง 3 ฉบับได้

“หากสมาชิกรัฐสภาจะไปรับทราบหรือรับรองบันทึกผลการประชุมที่ยืนยันในเอ็มโอยู 2543 ไม่เพียงแต่เป็นการขัดรัฐธรรมนูญเท่านั้น อาจจะเข้าข่ายละเมิดพระราชอำนาจ เพราะเอ็มโอยู 2543 ไม่ปรากฏพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” นายปานเทพกล่าว

นายปานเทพกล่าวอีกว่า ในช่วงท้ายของหนังสือ พล.ต.จำลองได้ขอให้ไม่มีการรับรองบันทึกเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ มิเช่นนั้นจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 119, 120 และ 157 ซึ่งมีโทษสูงสุด คือ จำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต ซึ่ง พล.ต.จำลองและคณะ จำเป็นต้องดำเนินคดีอาญาต่อไปจนถึงที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากที่ประชุมรัฐสภาลงมติรับทราบในวันพรุ่งนี้ (29 มี.ค.) จะทำให้บันทึกเจบีซีมีผลบังคับใช้หรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า รัฐบาลต้องชี้ให้ชัดว่าการรับทราบนั้นคือผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการรัฐสภา ที่มีนายเจริญเป็นประธาน หรือตัวบันทึกเจบีซี 3 ฉบับ หากเป็นเฉพาะผลการศึกษาสามารถทำได้ แต่รัฐบาลอาจใช้วิธีนี้ลักไก่ให้รับทราบบันทึกและข้อตกลงชั่วคราวไปด้วย ทั้งนี้ หากเป็นการรับทราบบันทึกเจบีซี ที่ไม่ว่ารับทราบหรือเห็นชอบก็จะเข้าข่ายในลักษณะที่รัฐสภาไม่ปฏิเสธผลการประชุม ซึ่งจะสร้างปัญหาในการตีความมาอีก อย่างไรก็ตามหากยึดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ไม่มีมาตราใดที่ระบุถึงการรับทราบ มีเพียงแต่การเห็นชอบ ดังนั้นจึงเห็นว่าไม่ว่าจะมีการรับทราบหรือเห็นชอบก็ไม่เป็นผลดีต่อประเทศ

ส่วนจะมีการเคลื่อนมวลชนไปกดดันที่บริเวณหน้ารัฐสภาหรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า เราไม่มีความจำเป็นต้องประกาศว่าจะไปที่ไหนหรือไม่ เพราะหากต้องการที่จะไปก็สามารถทำได้ เนื่องจากสถานที่ไม่ไกลกันมาก โดยเราพยายามให้เกียรติสมาชิกรัฐสภา อีกทั้งมีความคลุมเครือและไม่ชัดเขนของที่ประชุมของรัฐสภา ยิ่งทำให้เราไม่จำเป็นต้องรีบเคลื่อนมวลชนไปกดดันที่ไหนก่อน

“การประชุมรัฐสภาครั้งนี้เข้าขั้นมั่วที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ไม่รู้ว่าประชุมวาระอะไรกันแน่ สมาชิกในที่ประชุมยังต้องลุกขึ้นถามหลายคนว่าตกลงแล้วจะให้เขาลงมติรับทราบหรือเห็นชอบเรื่องอะไร ทำให้ ส.ส.และ ส.ว.มีความสับสนวุ่นวายมาก ซึ่งหวังว่าหลังจากได้รับหนังสือในวันนี้แล้ว สมาชิกรัฐสภาจะมีความเข้าใจมากขึ้นว่าลงมติรับทราบหรือเห็นชอบก็ไม่ได้ทั้งนั้น”

ด้าน นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้มีความพยายามจากรัฐบาลในการล๊อบบี้ให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าร่วมประชุมในวันพรุ่งนี้ (28 มี.ค.) และร่วมลงมติ โดยเปลี่ยนจากการลงมติเพื่อเห็นชอบบันทึกเจบีซี 3 ฉบับ มาเป็นการรับทราบผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการรัฐสภาที่พิจารณาบันทึกเจบีซี ชุดที่มีนายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานแทน โดยต้องการสร้างความสับสนและไม่ชัดเจน เพื่อหลอกลวงประชาชนและสมาชิกรัฐสภา เพื่อไม่ให้ทราบถึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งทั้งหมดชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้พยายามแสดงจุดยืนในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ

“หากต้องการเปลี่ยนจากการลงมติ มาเป็นการรับทราบ แทนการเห็นชอบ ที่ระบุไว้ในวาระการประชุม คณะรัฐมนตรีในฐานะผู้เสนอญัตติต้องเป็นผู้ขอเปลี่ยนแปลงโดยออกเป็นมติคณะรัฐมนตรี ก่อนส่งเรื่องให้รัฐสภา ไม่ใช่นายอภิสิทธิ์จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้เองกลางรัฐสภา”


กำลังโหลดความคิดเห็น