xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ชี้สัญญาณร้ายศาลโลกส่อวินิจฉัยต่อ สับทีมไทยไม่ยืนยันเขตแดน จี้รีบถอนตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (แฟ้มภาพ)
โฆษกพันธมิตรฯ ชี้สัญญาณไม่ดีศาลโลกขอหลักฐานเพิ่มส่อเดินหน้าพิจารณาคดีต่อโดยไม่คำนึงอำนาจวินิจฉัย ซัดฝ่ายไทยไม่ยืนยันเขตแดนนำพาชาติสุ่มเสี่ยง ฉะไม่ปฏิเสธอำนาจส่อจำต้องยอมรับผลคดี เชื่อหากตีความเพิ่มจะบานปลายรวมพื้นที่ชายแดนทั้งหมด ชี้ยังไม่สายถอนตัว


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (2 มิ.ย.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการไต่สวนของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ที่กัมพูชาได้ยื่นคำร้องให้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีปราสาทพระวิหารว่า ขั้นตอนต่อไปศาลให้ท้ง 2 ฝ่ายยื่นหลักฐานเพิ่มเติมในส่วนของเหตุการณ์ปะทะที่ผ่านมา ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีสำหรับฝ่ายไทย เนื่องจากเป็นท่าทีที่แสดงให้เห็นว่าศาลโลกกำลังเดินหน้าในการพิจารณาในส่วนของรายละเอียดคดีต่อไป โดยไม่คำนึงถึงอำนาจของศาลว่าจะสามารถวินิจฉัยได้หรือไม่

นายปานเทพกล่าวอีกว่า แม้ว่าภาพรวมการต่อสู้ของทีมทนายฝ่ายไทยในศาลโลกนั้นมีความคล้ายคลึงกับแนวทางที่ภาคประชาชนพยายามนำเสนอ แต่เมื่อพิจารณาลงในรายละเอียดจากทั้ง 2 ฝ่าย เราพบว่ายังมีความแตกต่างจากแนวทางของภาคประชาชนคือ การที่ฝ่ายไทยยังใช้เอ็มโอยู 2543 ในการยืนยันว่าเส้นเขตแดนยังไม่ชัดเจน ขณะที่กัมพูชาใช้เอ็มโอยู 2543 ยืนยันว่าการจัดทำหลักเขตแดนแล้วเสร็จตามแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เพื่อยืนยันเส้นเขตแดนของตัวเอง จากเหตุนี้เมื่อฝ่ายไทยไม่ยืนยันเขตแดนของตัวเอง จึงไม่สามารถใช้ข้อสงวนสิทธิ์เมื่อปี 2505 ได้ และนำพาประเทศไปสู่ความสุ่มเสี่ยง โดยที่ศาลโลกจะตัดสินออกมาอย่างไรก็ได้

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า การที่ฝ่ายไทยขอให้ศาลวินิจฉัยอำนาจของศาล แต่ไม่ปฏิเสธไม่ยอมรับอำนาจศาลนั้น อาจทำให้ฝ่ายไทยต้องยอมรับอำนาจศาลโลก เพราะเท่ากับว่าศาลมีสิทธิ์วินิจฉัยว่าศาลมีอำนาจหรือไม่ จึงถือเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ของฝ่ายไทย ทำให้เสียเปรียบเข้าไปสู่ภาวะสุ่มเสี่ยงที่แขวนอยู่บนคำวินิจฉัยของศาลโลก ซึ่งหากเราถลำลึกไปมากกว่านี้ หมายความว่าการพิพากษาจะดำเนินการต่อหลังจากที่ศาลโลกมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวออกมา ก็เชื่อว่าจะส่งผลกระทบในวงกว้าง เพราะจะมีการตีความเพิ่มเติมคำพิพากษาศาลโลกเมื่อปี 2505 ทำให้ข้อพิพาทไม่จำกัดอยู่ที่ปราสาทพระวิหารอีกต่อไป แต่อาจบานปลายไปถึงพื้นที่อื่นๆตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จนถึงพื้นที่ทางทะเลอีกด้วย

“แม้ว่าฝ่ายไทยจะใช้เหตุผลที่ดีในการต่อสู้ในเวทีศาลโลก แต่การต่อสู้ที่ดีนั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2505 ที่เรามั่นใจว่าชนะอย่างแน่นอน แต่ศาลโลกกลับตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม เล่นพรรคเล่นพวก ครั้งนี้เช่นกันเมื่อฝ่ายไทยไม่ปฏิเสธอำนาจศาลโลก ก็สุ่มเสี่ยงที่เราจะต้องพลาดพลั้งอีกครั้ง ผมได้สอบถามไปยัง ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศ ท่านก็บอกว่า ยังไม่สายเกินไปที่ไทยจะถอนตัวอกมาจากกระบวนการของศาลโลก ขอให้รัฐบาลใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ก่อนที่จะมีคำพิพากษาออกมา ดำเนินการให้เกิดความชัดเจนว่าประเทศไทยไม่รับอำนาจของศาลโลก ตั้งแต่คดีปราสาทพระวิหารเป็นต้นมา” นายปานเทพ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น