xs
xsm
sm
md
lg

พธม.จี้รัฐถึงเวลาถอนตัวมรดกโลก ชี้ยูเนสโกตัวการสุมไฟสงคราม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบข่าว
พันธมิตรฯ จี้รัฐถึงเวลาถอนตัวมรดกโลก หลัง “สุวิทย์” ถกเหลว “ปานเทพ” สับยูเนสโกตัวการสุมไฟสงคราม ห่วงเพียงซากปราสาท ไม่สนชีวิตราษฎรไทย พฤติกรรมเลือกข้างก่อความขัดแย้ง เชื่อผลโพลประชาธิปัตย์พ่ายยับแน่ ชวนประชาชนโหวตโนถ่วงดุลระบบทักษิณ ขณะที่ “ประพันธ์” ยันหากไทยถอนตัวมรดกโลก อำนาจต่อรองอยู่ฝ่ายไทยทันที



วันนี้ (30 พ.ค.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่การเจรจาทวิภาคีเพื่อให้เลื่อนวาระแผนบริหารจัดการมรดกโลกปราสาทพระวิหาร ยังไม่คืบหน้า ว่า จากถ้อยแถลงของนางอิรินา โบโกวา ผู้อำนวยการยูเนสโก ที่เสนอให้ไทยและกัมพูชาเจรจากันอีกครั้งก่อนการประชุมมรดกโลก ครั้งที่ 35 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 19-29 มิ.ย.นั้น สะท้อนให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์เคยระบุว่าผู้อำนวยการยูเนสโกมีความเห็นพ้องกับข้อเสนอให้เลื่อนวาระการประชุมนั้นไม่เป็นความจริง

นายปานเทพกล่าวอีกว่า เมื่อลงรายละเอียดในข้อเสนอของยูเนสโก ก็จะเห็นว่ามีความสนใจในเรื่องการคุ้มครองซากปราสาทพระวิหารที่เป็นสิ่งไม่มีชีวิต มากกว่าที่จะสนใจวิถีทางการสร้างสันติภาพ หรือในประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชาใช้พื้นที่ปราสาทพระวิหารซึ่งเป็นมรดกโลกในการสั่งสมอาวุธ และกำลังทหาร เป็นฐานทัพในการทำร้ายราษฎรไทย

“ยูเนสโกสนใจเพียงสิ่งไม่มีชีวิต มากกว่าจะคำนึงถึงชีวิตมนุษย์ ราษฎรไทย ดังนั้นฝ่ายไทยต้องประณาม และไม่ยอมรับข้อเสนอของยูเนสโกที่มีจุดประสงค์ในการร่วมกันละเมิดอธิปไตยของไทย” นายปานเทพกล่าว

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า จากท่าทีที่ยังไม่มีข้อยุติจากการประชุมในเวทีมรดกโลก เป็นสาเหตุที่สมควรอย่างยิ่งที่ฝ่ายไทยจะต้องถอนตัวออกจากภาคีอนุสัญญามรดกโลก เนื่องจากทั้งฝ่ายกัมพูชาและยูเนสโกไม่มีความจริงใจ มีเพียงการหารือถึงแนวทางที่ไม่เคารพต่ออธิปไตยของชาติไทย ด้วยพฤติกรรมที่เลือกข้าง ทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของยูเนสโก จึงเป็นเหตุผลที่เพียงพอที่เราจะถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลกอย่างชอบธรรม

ส่วนกรณีที่มีผลการสำรวจความนิยมของพรรคการเมืองออกมาระบุว่าพรรคเพื่อไทยยังมีคะแนนนำพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายปานเทพกล่าวว่า ผลสำรวจต่างๆ ที่ออกมาชี้ให้เห็นว่า หากประชาชนตัดสินใจเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ประเทศก็ยังจะไม่สงบ เพราะพรรคเพื่อไทยก็แสดงความชัดเจนที่จะทำลายระบบนิติรัฐ โดยการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนไทยด้วยกันอีกครั้งอย่างแน่นอน ในทางกลับกันหากประชาชนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่มีหนทางในการเอาชนะพรรคเพื่อไทย แล้วไปจับมือกับพรรคการเมืองอื่นเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ประเทศก็จะไม่สงบเช่นกัน เพราะจะทำให้คนเสื้อแดงกลับมาชุมนุมอีกครั้ง

“ไม่ว่าข้างใดข้างหนึ่งเข้ามาเป็นรัฐบาล ประเทศก็ยังไม่สงบ ดังนั้น หนทางเดียวที่จะนำไปสู่ความสงบก็คือ ประชาชนต้องแสดงพลังร่วมกันด้วยการโหวตโน ที่จะเป็นการประท้วงด้วยสันติวิธี และไม่ยอมจำนนต่อระบบรัฐสภา หลังจากนั้นก็จะเป็นหนทางนำไปสู่เวทีปฏิรูปการเมือง และประเทศในท้ายที่สุด” นายปานเทพกล่าว

ด้าน นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวเสริมว่า ภาคประชาชนได้เสนอ 3 ข้อเรียกร้องเพื่อเป็นทางออกในการปัญหา ทั้งการกำลังทหารผลักดันให้ทหารและชุมชนกัมพูชาออกจากแผ่นดิน และการถอนตัวออกจากภาคีอนุสัญญามรดกโลก เพราะเชื่อว่าหากฝ่ายไทยทำใน 2 สิ่งนี้แล้ว อำนาจการต่อรองจะตกอยู่กับฝ่ายไทย เมื่อกัมพูชาและยูเนสโกต้องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารให้สำเร็จก็จำเป็นต้องต้องมาอ้อนวอนขอความร่วมมือ และเจรจาให้ได้ข้อยุติก่อนเข้าสู่ขั้นตอนคณะกรรมการมรดกโลกอีกครั้ง จึงเชื่อว่าหากรัฐบาลถอนตัวก็จะสามารถรักษาดินแดนอธิปไตยของชาติไว้ได้ เนื่องจากการยังอยู่ในภาคีมรดกโลกนั้นเป็นการย่ำอยู่กับที่ ไม่เห็นหนทางในอนาคต

นายประพันธ์ยังได้ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การถอนตัวจากภาคีมรดกโลกถือเป็นหนทางที่ควรทำตามที่ภาคประชาชนเสนอไว้ จึงเชื่อว่าขณะนี้ทั้งนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจามรดกโลกฝ่ายไทย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หวังหยิบมาใช้ในช่วงก่อนการหรือระหว่างการประชุมมรดกโลกที่ฝรั่งเศส ซึ่งจะเป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง เพื่อหวังให้ได้คะแนนเสียงจากประชาชน ในฐานะที่ได้แก้ไขปัญหาการสูญเสียดินแดนอธิปไตยของชาติ แต่ก็ขึ้นอยู่ว่าใครจะตัดสินใจทำก่อน

ในส่วนการรณรงค์โหวตโนนั้น นายประพันธ์กล่าวว่า ระบบรัฐสภาในปัจจุบันไม่ได้เป็นความหวังของประชาชน โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ที่บางฝ่ายหวังจะลงคะแนนให้พรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้เข้าไปทำหน้าที่ฝ่ายค้านนั้น ต้องบอกว่าที่ผ่านมาฝ่ายค้านในรัฐสภาไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกกรณีที่มีการคัดค้านสำเร็จเป็นผลงานการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนทั้งสิ้น การโหวตโนจึงจะเป็นการสร้างฝ่ายค้านที่แท้จริง และยังเป็นฝ่ายตรวจสอบที่ทรงอานุภาพที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น