xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” ร่วมโครงการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“กรรมการการเลือกตั้ง” จัดโครงการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ เชิญ 1,410 ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมผู้สนับสนุนจาก 40 พรรค ด้าน “มาร์ค” โผล่ร่วมกล่าวพันธสัญญา 5 ข้อ

วันนี้ (29 พ.ค.) ที่อาคารคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ อิมแพคเมือง ทองธานี สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดโครงการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ โดยเชิญผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จำนวน 1,410 คน และผู้สนับสนุนจาก 40 พรรคการเมืองเข้าร่วม เพื่อรับทราบกติกาข้อห้าม ข้อควรปฏิบัติในการหาเสียง ตามกฎหมาย และระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดไว้ รวมทั้งเสริมสร้างแนวคิดการเลือกตั้งสุจริต การรู้รักสามัคคี การรักษาความเป็นมิตรทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง แต่มีพรรคการเมืองมาร่วมงานครั้งนี้จำนวน 28 พรรค ประมาณ 400 คน ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้นำทีมว่าที่ผู้สมัครบัญชีรายชื่อมาร่วมงาน ขณะที่พรรครักษ์สันติมี ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ว่าที่ผู้สมัครบัญชีรายชื่ออันดับหนึ่งนำทีมมา นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และนายเสรี สุวรรณภานนท์ หัวหน้าพรรคประชาสันติ นอกนั้นก็เป็นตัวแทนของพรรคที่ส่งมา ขณะที่พรรคเพือไทยส่งนางรังสิมา เจริญศิริ และนายพิทยา พุกะมาน

สำหรับพรรคที่มาร่วมงานประกอบด้วย 1.พรรคพรรคประชาธิปัตย์ 2.พรรคเพื่อไทย 3.พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน 4.พรรคประชาธิปไตยใหม่ 5.พรรคประชากรไทย 6.พรรคพลังชล 7.พรรคประชาธรรม 8.พรรคพลังมวลชน 9.พรรคไทยพอเพียง 10.พรรครักษ์สันติ 11.พรรคไทยเป็นสุข 12.พรรคกิจสังคม 13.พรรคไทยเป็นไท 14.พรรคแทนคุณแผ่นดิน 15.พรรคเพื่อฟ้าดิน 16.พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย 17.พรรคการเมืองใหม่ 18.พรรคชาติไทยพัฒนา 19.พรรคเสรีนิยม 20.พรรคชาติสามัคคี 21.พรรคกสิกรไทย 22.พรรคพลังสังคมไทย 23.พรรคประชาชนชาวไทย 24.พรรครักแผ่นดิน 25.พรรคประชาสันติ 26.พรรคพลังชาวนาไทย 27.พรรคไทยสร้างสรรค์ และ 28.พรรคเพื่อนเกษตรกรไทย

ส่วนพรรคการเมืองที่ลงสมัครบัญชีรายชื่อแต่ไม่มีตัวแทนมาร่วมงานในครั้งนี้ประกอบด้วย 1.พรรคภูมิใจไทย 2.พรรคมาตุภูมิ 3.พรรคความหวังใหม่ 4.พรรครักประเทศไทย 5. พรรคดำรงไทย 6.พรรคบำรุงเมือง 7.พรรคชีวิตที่ดีกว่า 8.พรรคเพื่อประชาชนไทย 9.พรรคมหาชน 10.พรรคอาสามาตุภูมิ 11.พรรคพลังคนกีฬา และ12.พรรคมหารัฐพัฒนา

โดยการจัดงานครั้งนี้ได้จัดให้มีการร้องเพลงประสานเสียง “แผ่นดินของเรา” และ “รักกันไว้เถิด” ของนักเรียนโรงเรียนมัธยมสังคีตวิทยา นอกจากนี้ได้มีการนำเสนอวิดีทัศน์พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นผู้สมัครรับเลือกตั้งฯ และผู้สนับสนุนได้ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนที่จะได้ชมวีดีทัศน์ ปาฐกถาธรรมของผู้นำศาสนา “คนดีในวิถีประชาธิปไตย และได้ให้ผู้สมัครฯ และผู้สนับสนุน ร่วมกันกล่าวพันธสัญญา 5 ข้อ โดยคำกล่าวมีดังนี้ “ข้าพเจ้าผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ขอให้พันธสัญญาเพื่อให้การเลือกตั้ง ส.ส.ที่มีจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ค.2554 เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม”

ข้อ 1 ข้าพเจ้าจะไม่นำสถาบันพระมหากษัตริย์ มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง ข้อ 2 ข้าพเจ้าจะไม่ใช้กลไกลของรัฐ หรือทรัพยากรของรัฐมาเป็นประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้ง ข้อ 3 ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามปบบัญญัติของกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ อันเกี่ยวกับการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด ข้อ 4 ข้าพเจ้าจะหาเสียงเลือกตั้งโดยสันติวิธีไม่ข่มขู่คุกคามคู่แข่งขันด้วยวิธีการใดๆ และไม่ใช้วิธีการรุนแรงในการหาเสียงเลือกตั้ง ข้อ 5 ข้าพเจ้าจะยอมรับผลการเลือกตั้งตามที่ประชาชนได้แสดงเจตนารมณ์ในการเลือกตั้งอย่างจริงใจ อย่างไรก็ตามหลังจากกล่าวพันธสัญญาฯ เสร็จแล้วก็ได้มีการมอบดอกกุหลาบสีชมพูระหว่างตัวแทนพรรคการเมืองที่มาร่วมกิจกรรม

โดย นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย เป็นประธานกล่าวเปิดโครงการว่า โครงการนี้เป็นนโยบายของการเลือกตั้ง คือ ต้องการลดปริมาณเรื่องการร้องเรียน ร้องคัดค้าน การเลือกตั้งที่เกิดจากการสำคัญผิดในข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริง ซึ่งการเลือกตั้งทั้งระดับชาติ หรือการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นที่ผ่านมา กกต.ได้วินิจฉัยแต่เรื่องแบบนี้ ซึ่งเมื่อสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ก็ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ และทำให้ประชาชนเกิดความเบื่อหน่ายไม่อยากไปลงคะแนน จึงมีความแตกแยกเกิดขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว สำนักงาน กกต.จึงได้มีการใช้ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งสมานฉันท์ เมื่อวันที่ 9 ก.พ.50 เป็นต้นมา ซึ่งผลที่ได้จากการดำเนินการโครงการดังกล่าวถือได้ว่าประสพผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่งที่สามารถลดปริมาณเรื่องร้องเรียนลงได้ การเลือกตั้งจะเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน

นายสมชัยกล่าวอีกว่า เหตุปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ ความตั้งใจจริงของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการเลือกตั้ง จึงขอให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนตระหนักอยู่เสมอว่าการถวายคำสัตย์ปฏิญาณการดื่มน้ำสาบาน หรือการให้พันธสัญญา รวมทั้งงบประมาณและเวลาที่เสียไปจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยหากท่านทั้งหลายไม่เคารพกฎกติกา จึงหวังเป็นอย่างยิ่งนับแต่นี้จนสิ้นสุดเลือกตั้งจนประกาศผลเลือกตั้ง ทุกคนจะดำเนินการตามระเบียบกฎหมาย และขอให้ระลึกเสมอว่าการให้พันธสัญญาในวันนี้มิใช่เป็นการให้พันธสัญญาต่อตัวท่านเอง แต่ที่แห่งนี้ยังมีบุคคลหลายฝายร่วมเป็นสักขีพยานด้วย ตนหวังว่าเลือกต้งครั้งนี้จะไม่มีเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่มาจากสำคัญผิดกฎหมายหรือกลั่นแกล้ง

“ผมคิดว่าความสมานฉันท์ในการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองที่สำคัญของการเมืองไทย และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักการเมืองรุ่นต่อไป ซึ่งต้องอาศัยความตั้งใจจริง และการมีจุดยืน มีอุดมการณ์ใหม่ที่ยึดโยงอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญก็จะทำให้การเลือกตั้งมิใช่เป็นการแข่งขันเอาเป็นเอาตาย หรือจ้องทำลายคู่แข่งหรือมองคู่แข่งในลักษณะเป็นศัตรู แต่ต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชน ซึ่งกระบวนการสร้างความสมานฉันท์จะสัมฤทธิ์ผลได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกท่าน โดย กกต.เชื่อว่าการเลือกตั้ง 3 ก.ค. ทุกท่านจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเพื่อให้การเลือกตั้งสุจริต และเที่ยงธรรม” นายสมชัยกล่าว

นายสมชัยกล่าวว่า นับแต่ตนมาทำหน้าที่ กกต.มาหลายปีนั้น รู้สึกท้อแท้ รู้สึกอ่อนอกเพลียใจ ว่าทำไมบ้านเมืองของเราที่อุดมสมบูรณ์ เป็นบ้านเมืองมีศาสนาพุทธ มีเมตตาธรรม แต่ทำไมบ้านเมืองมีความเครียด ประชาชนส่วนใหญ่หาความสุขยาก แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ประทับท่าน้ำโรงพยาบาลศิริราชด้วยพระพักตร์ยิ้มแย้มผ่องใส ทำให้ตนและคณะทำงานรู้สึกมีกำลังใจทั้งกายและใจเพื่อให้ประเทศของเราผ่านวิกฤตให้บ้านเมืองที่สงบร่มเย็นภายใต้พระบารมีให้ได้ ซึ่งเราได้อัญเชิญพระบรมราโชวาทมาเมื่อเราไม่อาจทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้แต่น่าจะส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมือง การเลือกตั้งคร้งนี้เป็นเลือกตั้งสำคัญยิ่งที่จะเป็นเครื่องชี้อนาคตประเทศว่าประเทศของเราจะปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบนานาอารยประเทศที่ใช้ปกครองมาได้เพียงใด

“เท่าที่ผ่านมามีหลายฝ่ายที่เห็นว่าผู้ทื่ได้รับเลือกตั้งในสภาเกินกว่าครึ่งเข้ามาโดยซื้อสิทธิขายเสียง มีหลายฝ่ายสบประมาทว่าผู้อยู่ในสภาคือเสือสิงห์กระทิงแรด มีการรณรงค์ให้โหวตโนไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีต่อประเทศชาติ วันนี้มาร่วมพิธีเลือกตั้งสมานฉันท์อยากให้ท่านทั้งหลายลบคำสบประมาทนี้ให้ได้ โดยเลือกตั้งภายใต้กฎ กติการะเบียบของ กกต. ถ้าท่านไม่กระทำผิดกฎหมายของกกต. แล้วทุกคนยอมรับว่าเลือกตั้งนั้นเป็นสุจริตและเที่ยงธรรมผมก็คิดว่าคำสบประมาทจะถูกลบไป และคนที่พูดนั้นก็น่าจะต้องอาย อยากให้ท่านช่าวยสร้างวัฒนธรรมระบอบประชาธิปไตยเอาไว้เพื่อให้บ้านเมืองของเราจะได้ไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารล้มระบอบการปกครองประชาธิปไตย” นายสมชัยกล่าว และว่าขณะนี้ กกต.ได้ตั้งศูนย์อำนวยการสืบสวนสอบสวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ศอส.) ขึ้นมาศูนย์นี้ไม่ได้จ้องจับผิดแต่มาตรวจสอบว่าท่านได้ปฏิบัติตามกฎหมายจะไม่มีใครใส่ร้ายกลั่นแกล้งท่านได้ ท่านมั่นใจได้ว่า กกต.จะจัดเลือกตั้งครั้งนี้ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ไม่มีการกลั่นแกล้งกันและสองมาตรฐาน

ด้าน นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่า หลักการประเทศไทยของเราเป็นประชาชนคนไทยเราอยากให้ประเทศเราเจริญรุ่งเรืองมีปัญหาน้อยที่สุด ท่านทั้งหลายมาเสนอตัวเสนอผู้สมัครแข่งขันให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกผู้แทนแทนประชาชนในเรื่องต่างๆ แล้วถ้าได้รับเสียงข้างมากในสภาก็เป็นรัฐบาล กกต.เป็นคนกลางว่าไปตามเนื้อผ้าดูตามความต้องการของประชาชนของประเทศ ตนเชื่อว่าถ้าอยู่ด้วยความรักสามัคคีถ้อยทีถ้อยอาศัยยอมรับผลที่เกิดขึ้น ถ้าต่างคนต่างเคารพกฎหมาย ปัญหาก็ไม่เกิด ถ้าทุกคนไม่ทำผิดกฎหมาย ถ้าทุกคนพยายามเข้าใจว่ากฎหมายและระเบียบ ทั้งนี้ การเลือกตั้ง 3 ก.ค.นี้คงเป็นสิ่งที่เปิดศักราชใหม่ที่ทำให้เกิดสมานฉันท์ปรองดอง







กำลังโหลดความคิดเห็น