“สดศรี” เผย มติ กกต.รับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 19-23 พ.ค.แบ่งเขต 24-28 พ.ค.กำหนด 26 มิ.ย.เลือกตั้งล่วงหน้า ชี้ ต้องลงทะเบียนแจ้งใน 30 วันหลังยุบสภา คาด แต่งตั้งกกต.375 เขตเสร็จสัปดาห์นี้ เล็งพิจารณาให้ 62 กกต.จว.รักษาการช่วงเลือกตั้งหรือไม่ จ่อกำหนดวงเงินหาเสียง 1.5 ล้านต่อคน รวม โซเชียลเน็ตเวิร์ก แนะระวังป้ายสี เผย “มาร์ค” นัดถก กกต.พรุ่งนี้
วันนี้ (10 พ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ในวันนี้ (10 พ.ค.) ที่ประชุมกกต.ได้เห็นชอบให้มีการเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อในวันที่ 19-23 พ.ค.ที่สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น-ดินแดง และเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตในวันที่ 24 พ.ค.-28 พ.ค.นี้ ซึ่งผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด (ผอ.กต.เขต) จะเป็นผู้กำหนดสถานที่รับสมัครในแต่ละจังหวัด รวมทั้งได้กำหนดให้วันที่ 26 มิ.ย.เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้าด้วย โดยจะต้องมีการลงทะเบียนประสงค์จะใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตและนอกเขตที่จะต้องแจ้งไม่เกิน 30 วันนับแต่มี พ.ร.ฎ.ยุบสภา ทั้งนี้ ในส่วนการแต่งตั้ง กกต.ประจำเขตและผู้อำนวยการประจำเขตเลือกตั้งใน 375 เขตเลือกตั้งนั้น คาดว่า กกต.จะดำเนินการแต่งตั้งเสร็จสิ้นได้ภายในสัปดาห์นี้ สาเหตุที่ใช้เวลาในการพิจารณานานเพราะจะต้องมีการพิจารณาคุณสมบัติ รวมทั้งต้องดูความเหมาะสมของผู้ได้รับการแต่งตั้งอย่างละเอียดด้วย
ส่วนกรณีการแต่งตั้ง กกต.ประจำจังหวัด 62 จังหวัดที่จะหมดวาระในวันที่ 9 ก.ค.ที่มีหลายฝ่ายกังวลว่าจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับนักการเมืองหรือไม่นั้น นางสดศรี กล่าวว่า ขณะนี้ กกต.ได้สืบสวนสอบสวนหาความจริงต่างๆ โดยจะมีหน่วยงานต่างๆ อาทิ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติตรวจสอบในเชิงลึก รวมทั้งมีประชาชนที่ช่วยชี้เบาะแส ว่า ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต.จว.นั้นเป็นคนของนักการเมืองหรือไม่ อย่างไรก็ตาม กกต.จว.ทั้ง 62 จังหวัดที่จะหมดวาระในวันที่ 9 ก.ค.เป็นการหมดวาระการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค.ซึ่งต้องมีการพิจารณากันก่อนว่าจะให้ กกต.จว.ชุดใหม่เข้ามาทำงานแทนทันทีหรือไม่ หรืออาจจะให้ กกต.จว.ชุดเดิมรักษาการไปก่อน เพราะ กกต.จว.ชุดใหม่เข้ามาทำงานแล้วก็จะต้องมีการอบรมเพื่อให้เข้าใจถึงการทำงาน กกต.เนื่องจากในเลือกตั้งจะมีการสืบสวนสอบสวนเรื่องที่สำคัญ และจะมีเรื่องร้องเรียนจำนวนมาก ดังนั้น กกต.จว.จะต้องทำงานอย่างเต็มเวลา ทั้งนี้ ยืนยัน กกต.จะคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติความรู้ความสามารถมาเป็น กกต.จว.
เมื่อถามถึงวงเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้ นางสดศรี กล่าวว่า ทางด้านกิจการพรรคการเมืองได้มีการเสนอเข้าที่ประชุม กกต.เพื่อให้ กกต.ได้มีการสอบถามพรรคการเมือง โดยที่ผ่านมาได้มีการสอบถามพรรคการเมืองจำนวน 29 พรรคแล้วโดยจะใช้วงเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งซึ่งมีบางพรรคระบุว่าควรใช้จ่ายไม่เกินคนละ 3 ล้านบาท และบางพรรคเห็นควรให้กำหนดเท่าเดิม คือ คนละ 1.5 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่จะใช้วงเงินค่าใช้จ่ายเลือกตั้งเท่าเดิม คือ คนละ 1.5 ล้านบาทในแบบแบ่งเขต ส่วนแบบบัญชีรายชื่อให้เอาจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อคูณกับ 1.5 ล้านบาท ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้ข้อยุติ แต่ในการเลือกตั้งครั้งก่อนมีผู้สมัครบางคนส่วนใหญ่ใช้จ่ายไม่ถึง 1.5 ล้านบาท ซึ่งไม่ทราบว่าส่งรายจ่ายมาตามจริงหรือไม่ โดย กกต.จะต้องตรวจสอบแม้แต่การเลือกตั้งครั้งนี้จะใช้การหาเสียงโดยผ่านโซเชียลมีเดียก็ต้องคิดคำนวณรวมไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งด้วย เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ก็อาจจะคิดอัตราค่าใช้จ่ายในแบบรายเดือน โดยจะประสานงานไปกับทางกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)
นางสดศรี กล่าวต่อว่า การหาเสียงในโซเชียลมีเดีย ต้องมีความระมัดระวังไม่ใส่ร้ายป้ายสีพรรคการเมืองหรือผู้สมัคร หรือหลอกลวง โดยจะต้องหาเสียงอยู่ในกรอบของกฎหมาย เพราะขณะนี้ได้มีการลงนามในพันธะสัญญาที่ทุกพรรคได้ตกลงว่าจะสร้างความสมานฉันท์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่วนป้ายโฆษณาของกระทรวงทบวงกรมที่มีโลโก้ของพรรคการเมืองก็ต้องนำลงนับแต่ มี พ.ร.ฎ.ยุบสภา แต่ในขณะนี้สามารถขึ้นป้ายหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมืองโดยจะต้องอยู่ในขนาดป้ายหาเสียงตามที่ กกต.กำหนดไว้
“การเลือกตั้งครั้งนี้ดิฉันคิดว่าจะมีการแข่งขันที่แรงไม่น่าจะเบา เพราะเป็นการเลือกตั้งเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐ น่าจะมีการแข่งขันที่สูง จึงอยากให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปตามกรอบกฎหมายเพื่อไม่ให้มีเรื่องร้อง เรียนภายหลัง และไม่เห็นด้วยกับการใส่ร้ายป้ายสีกันจึงขอให้ทำตามกฎหมาย” นางสดศรี กล่าว
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการยุบสภาแล้วมั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า คิดว่าต้องมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่รัฐบาลชุดหน้าจะอยู่ได้นานแค่ไหน ก็เป็นเรื่องของท่าน กกต.มีหน้าที่จัดเลือกตั้งให้ดีที่สุดส่วนใครจะเป็นรัฐบาลหรือไม่ก็เป็น เรื่องที่จะต้องพูดคุยกันในสภา
นางสดศรี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กกต.ได้รับการประสานจาก นางอัญชลี วานิช เทพบุตร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเข้าหารือกับ กกต.ในเวลา 09.00 น.วันที่ 11 พฤษภาคมนี้ ถึงแนวทางปฏิบัติของนายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงที่มี พ.ร.ฎ.ยุบสภา ซึ่ง นายอภิสิทธิ์ จะมาหารือในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยจะหารือถึงกรณีการใช้ทรัพยากรของรัฐ เช่น รถประจำตำแหน่ง รวมถึงการให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้รัฐมนตรีจะทำได้หรือไม่ ซึ่งจะเป็นการหารืออย่างไม่เป็นทางการเท่านั้น ทั้งนี้หากพรรคการเมืองอื่นจะขอหารือกับ กกต.ก็ขอให้ส่งเป็นหนังสือลายลักษณ์อักษรเข้ามาหารือกับทาง กกต.
