xs
xsm
sm
md
lg

"ประพันธ์" ลั่นไม่อยากให้ "ทักษิณ" กลับมา ต้อง "โหวตโน" มากๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ประพันธ์"ชี้ต่อให้พันธมิตรฯเลือกปชป.ก็แพ้อยู่ดี มั่นใจ "โหวตโน" มากๆ สามารถเป็นพลังบีบคั้นรัฐบาลเพื่อไทย กัน "ทักษิณ" เข้าประเทศ หรือแม้กลับมาก็ปกครองประเทศไม่ได้ พร้อมตั้งข้อสังเกต "สมศักดิ์" เคลื่อนไหวส่อทำลาย "ก.ม.ม. - พันธมิตรฯ" อย่างน่าประหลาดใจ ไม่รู้ทำเพื่อผลประโยชน์ของพรรคไหน หรือนักการเมืองกลุ่มใดกันแน่ แนะกลับตัวยังไม่สายพร้อมให้อภัย

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายประพันธ์ คูณมี"  

วันนี้ (26 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวปราศรัยบนเวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ว่า ขอทำหน้าที่ชี้แจงว่าการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ส่วนใหญ่ที่ไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งนั้น เป็นการยืนหยัดตัดสินใจของพวกเขาเอง เพราะเห็นว่าพรรคการเมืองใหม่จะอยู่ไม่ได้ถ้าปราศจากการสนับสนุนของพี่น้องพันธมิตรฯ

การตัดสินใจของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารส่วนน้อย มีพฤติการณ์ส่อไปในทางทำลายพรรคการเมืองใหม่ และพันธมิตรฯอย่างน่าประหลาดใจ ในเมื่อกรรมการบริหารส่วนใหญ่ ที่ประชุมใหญ่ ก็ไม่ได้รับรอง แต่ก็ยังส่งลงสมัคร ไม่รู้ทำไปเพื่อผลประโยชน์ของพรรคการเมืองและนักการเมืองกลุ่มใดกันแน่

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า นี่ยังไม่หยุด นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ยังจะไปแจ้งความเปิดโปงคนโน้นคนนี้ ก่อกวนให้เกิดความเสียหายต่อพี่น้องที่เป็นสมาชิกพรรค โดยขาดความสำนึกรับผิดชอบ ของคนที่เคยร่วมอุดมการณ์กันมาก่อน ทั้งๆที่เรื่องที่กล่าวหาเป็นความเท็จ ยังดื้อด้านจะกระทำ

อีกไม่กี่วันตนเชื่อแน่ว่ากตต. จะมีคำวินิจฉัยว่าการยื่นสมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองใหม่นั้นจะรับรองให้เป็นผู้สมัครตามกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ และถ้าไม่รับก็ต้องหน้าแตก กลายเป็นเรื่องตลก น่าอับอาย ถูกว่าเป็นถึงอดีตแกนนำพันธมิตรฯมีสติปัญญาแค่นี้หรือ ก็จะเสื่อมเสียมาถึงพวกเราได้

นายประพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า ในขบวนการต่อสู้ต้องมีพวกเปลี่ยนสีแปรธาตุแบบนี้อยู่เสมอ ตนอธิบายหลายครั้งแล้ว ตามพรบ.การเลือกตั้ง ถ้ากรรมการบริหารพรรค ที่ประชุมคัดเลือกผู้สมัคร ที่ประชุมใหญ่ ที่ประชุมสาขาพรรค ไม่ได้ให้การรับรอง มันจะส่งลงเลือกตั้งไม่ได้ ซึ่งขณะนี้ผู้สมัครก็รู้ตัวดี จึงไม่กล้าลงทุนทำป้ายหาเสียงเพราะกลัวสูญเงินเปล่า

"เรื่องนี้เป็นที่รู้ดีแต่ต้องการเอาชนะแบบไม่มีเหตุผล จึงแสดงออกไปแบบนั้น กลับเนื้อกลับตัวยัง ไม่สาย ทำแบบนี้มันมีแต่ทำลายตัวพี่ และที่เอาผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์สอง คนถามทั้งบ้านทั้งเมืองว่าเป็นใครมาจากไหน มันเป็นเรื่องน่าละอาย หยุดเถอะไม่มีทางที่จะชนะความถูกต้องอย่างแน่นอน ถ้าคิดอยากเล่นการเมือง เลิกล้มความคิดสกปรก และทบทวนตัวเอง ยังไม่สาย ผิดไปแล้วคนอาจให้อภัยได้ แต่ถ้ายังดื้อด้าน ก็เสียดายที่สั่งสมคุณงามความดีมาก็จะหมดไปในวันนี้" นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ กล่าวว่า เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองใหม่ก็ยืนยันที่จะต่อสู้ เพราะหัวหน้าพรรคและกรรการบริหารบางคน ต้องการเล่นงานเขา จึงต้องต่อสู้และป้องกันตัวเองทั้งทางกฎหมายและการเมือง เพื่อเคลียร์ปัญหาให้จบสิ้น หากการเมืองใหม่จะต้องปิดฉากของมันไป ก็ควรปิดฉากด้วยน้ำมือของคนที่มีความจริงใจต่อพันธมิตรฯและการเมืองใหม่ ไม่ใช่จมลงโดยคนที่ไม่ปรารถนาดี

นายประพันธ์ กล่าวต่ออีกว่า ชุมนุมมา 122 วันแล้ว ตลอดเวลาไม่เคยดาวกระจายไปกดดันหน่วยงานใดเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพทหาร ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงต่อการปกป้องอธิปไตย ซึ่งพวกเราเฝ้าดูบทบาทของทหารมา แต่น่าเสียใจว่าตลอดเวลาที่มีข้อพิพาทกับกัมพูชา การทำหน้าที่ของทหารยังไม่เป็นไปในเชิงรุก และยังตามก้นฝ่ายการเมือง โดยละทิ้งบทบาทภาระหน้าที่อย่างไม่น่าเชื่อ

อีกเรื่องที่มีข่าววันนี้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ไปให้การต่อศาลคดีโดนฟ้องหมิ่นประมาทถึงการเผยแพร่ผังขบวนการล้มเจ้าของเสื้อแดง ก็สะท้อนให้เห็นว่าบทบาททหารในการปกป้องอธิปไตยไม่เข้มแข็งแล้ว บทบาทในการปกป้องสถาบันกษัตริย์ก็ยังขาดความเข้มแข็งด้วย

เพราะฉะนั้นวันนี้คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย จึงทำหนังสือถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ  และผู้บัญชาการทหารอากาศ  เพื่อเรียกร้องให้ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ เนื่องจากเป็นที่แน่ชัดแล้วว่ากัมพูชารุกล้ำแผ่นดินไทยจริง แม้แต่นายกฯเองก็แถลงยอมรับว่าเกิดการรุกล้ำดินแดน แต่ไม่อยากมีเรื่องเพราะเป็นประเทศเพื่อนบ้าน  เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วทหารจะอยู่นิ่งเฉยทำไม ต้องปฏิบัติหน้าที่เร่งด่วน ซึ่งหากหลังจากที่เรายื่นหนังสือแล้ว ท่านยังไม่ปฎิบัติหน้าที่ เราคงต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อท่าน  

โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรฯ กล่าวอีกว่า คนที่สนับสนุนประชาธิปัตย์มักพูดเสมอว่าถ้าโหวตโนจะเป็นการช่วยให้นายทักษิณกลับมา ความจริงแล้วมุมที่เพื่อไทยชนะประชาธิปัตย์  คราวที่แล้วพันธมิตรฯก็ลงคะแนนให้แบบสุดลิ่มทิ่มประตูประชาธิปัตย์ก็ยังแพ้ ต่อให้คราวนี้ลงให้อีกก็แพ้เพราะทำงานห่วยแตกไม่สามารถซื้อใจประชาชนได้

แต่ลองคิดดูไหนๆก็แพ้อยู่แล้ว ทำไมถึงบอกว่าโหวตโนต่างหากที่ทำให้ทักษิณกลับมาไม่ได้ แม้กลับมาได้ก็ปกครองประเทศไม่ได้ ถ้าออกมาโหวตโนมากๆ ไม่เพียงแต่เป็นการปฏิเสธประชาธิปัตย์ แต่ไม่เอาเพื่อไทยด้วย

"พี่น้องที่ไม่อยากให้ทักษิณกลับมา ต้องโหวตโนมากๆ เพราะเมื่อโหวตมากๆ จะเป็นพลังบีบคั้น กดดันพรรคที่มาเป็นรัฐบาลว่ามาเป็นรัฐบาล แต่มีคน 5-6 ล้านคนที่ไม่ได้เลือกคุณ จะมาปู้ยี่ปู้ยำประเทศไม่ได้  คนโหวตโนจะคอยควบคุมตรวจสอบทุกฝีก้าว ซึ่งถ้าเราเลือกประชาธิปัตย์มันต้องอ้างว่าแพ้แล้วอย่ามาตีรวน แต่นี่เราไม่ได้เลือกใคร อันนี้จะกลายเป็นพลังมหาศาล และต่อไปจะพัฒนาไปเป็นเรื่องที่บรรจุในรัฐธรรมนูญ เช่นใครที่ได้รับเลือกตั้งต้องได้เสียงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แบบที่หลายประเทศใช้กันอยู่" นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ถ้ากาโหวตโนมากๆ และอาจมากกว่าคะแนนของพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลด้วยซ้ำไป จะมีอำนาจต่อรองขึ้นมาทันที โหวตโนนี้ทำให้ทักษิณนั่งบนภูเขาไฟ ใครก็ตามมาเป็นนายกฯต้องคำนึงว่าคนไม่เอาคุณ จะมาอ้างความชอบธรรม แล้วทำอย่างไรกับบ้านเมืองไม่ได้แล้ว เพราะประชาชนไม่ยอมแน่นอน

ส่วนพรรคที่ประกาศว่าจะมาเป็นทางเลือกที่ 3 ไปเลือกพวกนั้นคะแนนเสียเปล่า สู้เอามาโหวตโนให้เป็นกอบเป็นกรรมยังมีค่ามีพลังมากกว่า

คำต่ำคำ

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องทางบ้าน และที่รับชมอยู่ในต่างประเทศทุกท่าน ด้วยความคารวะอย่างยิ่งครับ วันนี้กับเมื่อวานคนละบรรยากาศ วันนี้คือ เข้าสู่ภาวะปกติของการชุมของพวกเรา แต่เมื่อวานนี้เป็นบรรยากาศของการรวมญาติพี่น้องในวาระครบรอบ 3 ปีของการชุมนุม 193 วัน เรียกว่าโดยมิได้นัดหมาย พี่น้องที่เป็นพันธมิตรฯ ทุกท่าน มาร่วมกิจกรรมด้วยความสมัครใจ ด้วยจิตวิญญาณที่เรียกร้อง และด้วยความปรารถนาที่อยากจะมาพบกับพ่อแม่พี่น้องในที่ชุมนุมเมื่อวานนี้ หลายท่านอาจจะอยู่หน้าจอ แต่อย่างไรเมื่อวานนี้ เสียงเรียกร้องจากมัฆวานทำให้ทุกคนต้องออกจากบ้าน การชุมนุมและรำลึก งานเมื่อวานนี้จึงหนาแน่น คราคร่ำไปด้วยพี่น้องที่เป็นพันธมิตรฯ โดยจิตวิญญาณและเนื้อแท้จริงๆ ครับ

ความจริงเมื่อวานนี้ คุณบุปผา ซึ่งท่านเป็นนักเขียนกลอนที่ดีมาก ส่งมาใน Facebook ของผมเป็นประจำ ผมรู้จักท่านดี ทั้งตัวและครอบครัวท่าน ท่านเป็นพันธมิตรฯ พันธุ์แท้ และติดตามหน้าจอ บางครั้งมาร่วมชุมนุม แต่ว่าตั้งแต่การชุมนุมภาค 1 ภาค 2 มาจนกระทั่งถึงการชุมนุมปัจจุบันนี้ จุดยืนของเธอไม่เปลี่ยนแปลงเลย คุณบุปผาเขียนบทกลอนมาร่วมรำลึก 193 วันด้วย เมื่อวานนี้ผมไม่ได้อ่าน ขอยกยอดมาอ่านในวันนี้ เพราะเพิ่งก้าวข้ามไปเพียงวันเดียว ยังอยู่ในบรรยากาศการชุมนุมพี่น้องพันธมิตรฯ คุณบุปผาเขียนบทกลอนฝากมาถึงพี่น้องพันธมิตรฯ ทุกท่านในงานครบรอบ 193 วัน ด้วยบทกลอนที่ว่า"ระยะทางพิสูจน์ม้าคำภาษิต กาลเวลาพิสูจน์จิตมนุษย์ได้ เมื่อคบหารู้หน้าไม่รู้ใจ แน่เพียงใดนับกันที่วันคืน ถึงวันนี้สามปีที่ฟันฝ่า ถูกทายท้าแดดลมอันขมขื่น ตะแกรงร่อนทองแท้ที่หยัดยืน ผู้ใดอื่นไม่เทียมทันพันธมิตร เราดั่งน้ำร้อยสายหลายล้านหยด ทุรยศต่างพ่ายแพ้แก่ดวงจิต ที่สละได้แม้เนื้อเลือดชีวิต เพื่ออุทิศแด่ชาติศาสน์กษัตราย์ ไปด้วยกันวันนี้ทีละก้าว แม้เหน็ดหนาวจะร่วมกันสู้ฟันฝ่า ไม่ต้องมีใครเชิดใครชูตรา สร้างปัญญาตื่นรู้วิญญูชน แม้หนทางนี้จะมากด้วยกวากหนาม แม้ถูกหยามหมิ่นอย่างไรไม่หมองหม่น ปิดทางท้อทอด้วยรักถักมวลชน จะอดทนก่อร่างสร้างชาติไทย ประวัติศาสตร์หลายหน้าต้องจารึก ด้วยสำนึกชาติสถาบันอันยิ่งใหญ่ เกิดมาแล้วชาติหนึ่งพึงภูมิใจ พวกเราไซร้นักสู้กู้แผ่นดิน" ครับพี่น้อง ต้องขอบคุณคุณบุปผา ที่ส่งบทกลอนดีๆ ด้วยภาษาที่ให้ความรู้สึก และสะท้อนถึงจิตวิญญาณของความเป็นพันธมิตรฯ ได้อย่างตรงกับความรู้สึกของพวกเราอย่างยิ่ง

เมื่อสักครู่ น้องแอน น้องเก๊ พูดถึงเรื่องเงินบริจาค พี่น้องครับ และมีทัศนะ จุดยืน และวิธีคิดจากคนบางท่านที่เคยยืนอยู่บนเวทีนี้ และร่วมต่อสู้กับพวกเรา ความจริงแล้วเรื่องการบริจาคของพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯ เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ และเป็นเรื่องทรงคุณค่าเกินกว่าที่ใครจะมาดูแคลนได้ จิตใจอันกล้าหาญ การอุทิศตน และความเสียสละของพ่อแม่พี่น้องประชาชน มาจนกระทั่งถึงวันนี้ ด้วยความเป็นพันธมิตรฯ ทุกคนไม่มีวันเสื่อมคลายแม้แต่น้อย ผมกราบเรียนพ่อแม่พี่น้องไปแล้วว่า ที่เราชุมนุมมาได้ตั้ง 122 วันนั้น ด้วยพลังศรัทธาและแรงสนับสนุน ด้วยเม็ดเงินทุกบาททุกสตางค์ของพ่อแม่พี่น้องประชาชน อันเป็นเงินสะอาด บริสุทธิ์ และด้วยความสุจริตใจของพี่น้องประชาชนทุกท่าน ดังนั้นเงินบริจาคที่พี่น้องสนับสนุนการต่อสู้ และการชุมนุมในคราวนี้ หรือทุกครั้งที่ผ่านมา จึงเป็นเงินที่ทรงคุณค่าและมีความหมายอย่างยิ่ง ใครที่ดูถูกดูแคลนศรัทธา และการบริจาคของพี่น้องประชาชนนั้น ผมคิดว่าเป็นคนที่ควรจะต้องพิจารณาตัวเองว่า ท่านไม่ละอายใจบ้างเลยหรอครับที่ดูถูกดูแคลนพี่น้องประชาชน

แน่นอนครับ ท่านพยายามจะพูดในทำนองว่า คุณไม่สังเกตหรอมันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เขาพยายามจะเลือกมุมมองและพูดในมุมที่ต้องการลดทอน และบั่นทอนกำลังใจของพวกเรา เพียงเพราะว่าวันนี้เขายืนบนจุดยืนที่รับใช้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้น แต่ถ้าวันที่เขายืนอยู่ตรงนี้ และเขาเห็นว่าเป็นประโยชน์กับตัวเขา และเป็นประโยชน์กับตัวนายอภิสิทธิ์ เขาจะมองการต่อสู้ของพี่น้องประชาชน มองทุกมุม ทุกบาททุกสตางค์ของพี่น้องประชาชนอย่างมีคุณค่า มองชีวิต เลือดเนื้อ การบาดเจ็บล้มตายของพี่น้องประชาชนอย่างมีคุณค่า แต่เราไม่แน่ใจว่า คุณค่าที่เขามองในวันนั้นเป็นคุณค่าที่เป็นไปเพื่อชาติบ้านเมือง หรือเป็นคุณค่าเพียงเพราะสามารถทำ VCD ไปขายเป็นเงินมาได้เท่านั้นเองครับ ถ้าเขาคิดเช่นนี้ เป็นเรื่องที่เศร้าใจและน่าเสียใจสำหรับคนๆ หนึ่ง

คนเราครับ เมื่อวันที่ตัวเองมีจุดยืนเปลี่ยนไป ไปยืนอยู่บนจุดยืนของการเป็นผู้ปกป้อง เป็นผู้สนับสนุน เป็นผู้คอยเชลียร์ คอยชม คอยเชียร์รัฐบาลและตัวนายกฯ แล้ว ดวงตาก็มืดดำ ฝ้าฟาง มองไม่เห็นคุณงามความดีของพี่น้องประชาชนแม้แต่น้อยนั้น มันน่าอัปยศสิ้นดีสำหรับคนๆ หนึ่งครับ เพราะฉะนั้นพี่น้องครับ เราไม่ต้องไปหวั่นไหวกับคำพูดอันไร้สาระ และคำพูดอันน่าประณาม คำพูดที่อัปยศของคนที่ไร้จุดยืน เอาประโยชน์ของตนเอง เอาผลประโยชน์ของพวกตัวเอง เอาความชอบส่วนตัวมาตัดสิน มาวิเคราะห์การกระทำของผู้อื่นนั้น มันย่อมผิดวันยังค่ำครับ เขาไม่มีวันเข้าใจจิตใจพวกเราแล้ว

อย่างเช่นวันนี้ ผมได้รับจดหมายจากคนไทยคนหนึ่งที่ประเทศออสเตรเลีย ท่านผู้นี้ชื่อ คุณทัศนีย์ ซิดนีย์ นามสกุลซิดนีย์จริงๆ นะครับ เพราะเธอทำงานอยู่ที่เมืองซิดนีย์ จึงใช้นามสกุลว่า ซิดนีย์ เธอชื่อ ทัศนีย์ นามสกุลซิดนีย์จริงๆ ครับ เขียนจดหมายมาหาผม บอกว่า ถึงคุณประพันธ์คนเดียว ด้านหน้ามีคำว่า Vote No ด้วยครับ คุณทัศนีย์ เป็นตัวอย่างของคนไทยที่เป็นแบบอย่างของความรักชาติ รักบ้านรักเมือง และมีความห่วงใยประเทศชาติบ้านเมือง เธอสนับสนุน และเข้าร่วมการต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรฯ มาตลอด ไม่เคยเปลี่ยนจุดยืนเหมือนคนบางคน เธออยู่ที่เมืองซิดนีย์ เธอมีแผงเล็กๆ รับปักขากางเกง เข้าขากางเกง หรือตัดเย็บเสื้อผ้า หรือแก้เสื้อผ้าที่หลวมไป คับไป ทำงานชุน ปะเสื้อผ้าด้วยฝีมือของเธอเอง แม้สุขภาพไม่สู้จะดีนัก แต่เธอดิ้นรนทำงานเลี้ยงชีพตัวเอง เธอเขียนจดหมายมา และเก็บเงินส่วนหนึ่งจากรายได้จากการทำงาน และอดออม ส่งมาสนับสนุนให้กับการต่อสู้ เคยส่งมาครั้งแรก แม้ขณะนั้นตัวเธอป่วยด้วยซ้ำไป เธอยังเจียดเงินบางส่วนมาสนับสนุนการต่อสู้ เป็นจำนวนหลายร้อยเหรียญ หรือหลายหมื่นบาทไทย

จดหมายฉบับนี้เป็นฉบับที่ 2 ที่เธอเขียนมา ผมอยากจะอ่านสักนิด วันที่ 22 พ.ค.ที่ออสเตรเลีย สวัสดีคุณประพันธ์ที่นับถือ พี่ฝากเงินมาช่วย ASTV 200 เหรียญ กู้ชาติ 200 เหรียญ ค่าอาหารอีก 200 เหรียญกับเฮียบุ้ง รวมเป็น 600 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยขณะนี้ อัตรา 32.65 บาท ตกประมาณ 20,000 บาท ต้องปรบมือให้คุณทัศนย์ ซิดนีย์ เงินดังกล่าวเก็บสะสมอาทิตย์ละ 50 เหรียญ ทุกอาทิตย์ ตั้งใจ เต็มใจที่จะช่วยประเทศให้พ้นภัยด้วยใจกตัญญูแผ่นดินเกิด ตอนนี้ประเทศไทยเดือดร้อนมาก ถึงอยู่ไกลก็เป็นห่วง เฝ้าตามข่าวทุกวันมิเคยขาด เป็นเพราะนักการเมืองชาติชั่วจะขายแผ่นดินให้ต่างชาติ เห็นแก่ตัว ใจร้ายมากๆ พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย อาศัยแผ่นดินนี้อยู่มาจนร่ำรวย ยังไม่รู้จักพอ ไม่เคยรักประชาชน โกงได้เป็นโกง เห็นคนจนมาร้องขอที่อยู่ ที่ทำกิน มันก็ไม่สนใจดูแลประชาชน ใจร้ายมากๆ ขอพวกเราพันธมิตรฯ รวมใจ รวมกำลังช่วยกันต่อสู้ กำจัดพวกชั่วช้าออกให้หมด ต้อง Vote No เท่านั้น พวกเราเกิดมาเพื่อช่วยชาติ ต้องอดทนกันมากๆ มีผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งได้ต่อจิตไปยมโลก และได้ไปพบผู้ตัดสินคดีในนรก ถามว่า ท่านมีกุศลบุญใดที่ได้รับการยกย่อง มีอานิสงส์แรง บุญกุศลที่ถือว่าเลิศนั้น คือ มีใจจงรักชาติ มีกตัญญูต่อพ่อแม่ บุญกุศลทั้งสองนี้มีอานิสงส์แรง แม้มีบาปติดตัวจะได้รับการลดหย่อน ขอขอบคุณพนักงาน ASTV ทุกท่านที่ช่วยออกมาทำงานปกป้องแผ่นดิน ถึงเงินจะออกไม่ตรงก็กัดฟันสู้ไม่ถอยทำต่อไปนะ นี่คือการสร้างบารมี ผู้ที่พอมีทรัพย์ก็ช่วยกันนะคะ ประเทศของเราพ้นภัยถ้าเราร่วมแรงร่วมใจกันทั่วโลก มีน้อยก็ทำน้อย ขอให้พิธีกรทุกท่านจงมีความสุขความเจริญ แคล้วคลาดจากผู้คิดร้าย ให้บุญคุ้มครองท่าน สุขภาพแข็งแรงค่ะ ด้วยความเคารพ ทัศนีย์ ซิดนีย์

คงจะเขียนด้วยความลำบาก ผมก็อ่านด้วยความลำบาก แต่อ่านได้ เข้าใจนะครับ ปล.เป็นห่วงคุณประพันธ์ ดูแลสุขภาพด้วย เป็นกำลังใจให้พวกเราเสมอนะคะ นี่จากคุณทัศนีย์ ซิดนีย์ ตัวอย่างแบบนี้คุณเจิมศักดิ์เขาคงไม่รู้จักครับพี่น้อง และพี่น้อง คุณทัศนีย์ยังฝากบอกพี่น้องคนไทยมาด้วย ขอให้ผมช่วยประกาศผ่าน ASTV ว่า วันที่ 18 มิ.ย. ที่ซิดนีย์จะมีการเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งคนไทยในต่างประเทศสามารถไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งได้ที่สถานกงสุล ทุกคนที่ต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่จะไป Vote No แน่นอน ด้วยน้ำใจอันประเสริฐ และด้วยจิตใจเสียสละของคุณทัศนีย์อย่างนี้ เป็นเรื่องที่ซาบซึ้งใจพวกเราอย่างยิ่ง ที่คนพันธมิตรฯ และประชาชนที่เป็นพันธมิตรฯ จิตใจประเสริฐ และมีคุณค่ากับชาติบ้านเมืองเสียเหลือเกิน แม้เงินจะเป็นจำนวนเท่าใดไม่สำคัญ เพราะมันมาด้วยใจ และความสุจริตใจที่ต้องการสนับสนุนการต่อสู้เพื่อปกป้องชาติบ้านเมืองครับ

พี่น้องครับ การต่อสู้และการชุมนุมของพวกเราวันนี้ ผ่านพ้นมาถึงวันที่ 122 วันแล้ว คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร มีการประชุมกันเมื่อวาน และได้พิจารณาสถานการณ์ และประเมินการต่อสู้ และการขับเคลื่อนของพวกเราอย่างเข้มงวด เราเชื่อว่าการรณรงค์โหวตโนของพ่อแม่พี่น้องประชาชนนั้น กลายเป็นประเด็นการเมืองที่สำคัญที่จะชี้ทางสว่างให้กับประชาชนในประเทศอย่างมีนัยสำคัญอย่างยิ่ง เกินกว่าที่เราจะคาดหมายได้ว่าเป็นความสำคัญที่คนหลายคนอาจจะคาดไม่ถึง แต่เมื่อวันนั้นมาถึง พี่น้องจงเชื่อมั่นว่า การรณรงค์โหวตโนจะมีพลานุภาพ และมีความหมายต่อการเมือง และประวัติศาสตร์การเมืองประเทศอย่างยิ่งใหญ่

คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรได้ประชุม จัดตั้งคณะกรรมการที่เป็นศูนย์กลางอำนวยการ เพื่อรณรงค์การโหวตโน ขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ภายใต้การนำของท่าน พล.ร.ท.ประทีป, เทิดภูมิ ใจดี, ศรัณยู วงศ์กระจ่าง โดยมี อ.สมเกียรติ และคุณพิภพ เป็นที่ปรึกษา พวกเราทุกคนเป็นที่ปรึกษา และจะมีคณะทำงานรณรงค์ทั่วประเทศ เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายกับพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯ และจะกระจายไปยังประชาชนกลุ่มอื่นๆ ที่ยังไม่ได้เข้าใจ ให้ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารให้กว้างที่สุด และพลัง Vote No จะเป็นพลังสำคัญของบ้านเมืองในการเลือกตั้งคราวนี้อย่างที่ใครปรามาสไม่ได้แน่นอน

ไม่เพียงเท่านั้น พี่น้องพรรคการเมืองใหม่ เมื่อวานนี้ คุณสุริยะใส กตะศิลา คุณสำราญ รอดเพชร และคณะกรรมการบริหาร มายืนยันกับพี่น้องประชาชนบนเวทีนี้แล้วว่า พวกเขาจะร่วมรณรงค์ Vote No กับพี่น้องประชาชนอย่างทุ่มเท ต้องปรบมือให้กำลังใจพวกเขาด้วย แต่ด้วยเหตุที่เขาอาจจะมีเวลามาพูดคุยกับพ่อแม่พี่น้องน้อย อาจจะมีหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ชี้แจงกับพี่น้องประชาชน และอาจจะทำให้ไทยไม่สบายใจ ผมขอทำหน้าที่ชี้แจงบางประเด็นเพื่อให้พี่น้องสบายใจ และมั่นใจว่า การตัดสินใจของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ เสียงส่วนใหญ่ที่ยืนยันไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง และพร้อมเข้าร่วมรณรงค์ Vote No กับพี่น้องประชาชนนั้น เป็นการตัดสินใจด้วยวิจารณญาณของพวกเขาเอง ที่เห็นว่า พรรคการเมืองใหม่จะอยู่ไม่ได้ถ้าปราศจากการสนับสนุนของพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนพันธมิตรฯ เพราะพรรคการเมืองใหม่เป็นของพี่น้องพันธมิตรฯ ถ้าปราศจาการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งของพี่น้องพันธมิตรฯ พรรคการเมืองใหม่ไม่มีวันยืนหยัดทำภารกิจการเมืองเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน ได้อย่างแน่นอน และวันนี้เป็นบทพิสูจน์โดยตัวของมันเองว่า การตัดสินใจของหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารเสียงส่วนน้อย มีพฤติกรรมอันส่อไปในทางมุ่งทำลายพันธมิตรฯ และทำลายพรรคการเมืองใหม่ ทำลายขบวนการต่อสู้ของพี่น้องประชาชน อย่างน่าประหลาดใจ ทั้งๆ ที่คณะกรรมการบริหารเสียงส่วนใหญ่ไม่มีมติให้ส่งผู้สมัคร คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครไม่มีมติประชุมให้ส่งผู้สมัคร และที่ประชุมใหญ่พรรคการเมืองใหม่ลงมติท่วมท้นไม่เห็นควรส่งสมัครรับเลือกตั้ง แต่ทำไมจึงดึงดันส่งสมัครรับเลือกตั้ง ทำลายชื่อเสียงและเกียรติภูมิพรรคการเมืองใหม่ย่อยยับลงสิ้น ไม่รู้ว่าทำไปเพื่อผลประโยชน์พรรคการเมือง และนักการเมืองกลุ่มใดกันแน่

พี่น้องลองนึกดู ถ้าพรรคการเมืองใหม่ถูกทำลายลง ขบวนการพันธมิตรฯ ถูกบั่นทอน ถูกทำลายลง และนี่ยังไม่หยุด ยังเหิมเกริมจะพยายามเปิดโปง ทำร้าย แจ้งความดำเนินคดีกับคนนั้นคนนี้ ก่อกวน ปั่นป่วนให้เกิดความเสียหายต่อขบวนของประชาชนโดยส่วนใหญ่ และต่อพี่น้องที่เป็นสมาชิกพรรค โดยขาดความสำนึกรับผิดชอบ ในฐานะเป็นคนที่เคยร่วมขบวนการด้วยกันมาก่อน ทั้งๆ ที่การดำเนินการเหล่านั้นเป็นความเท็จ และผิดต่อกฎหมาย ยังดื้อด้าน ดึงดันที่จะกระทำ มันเป็นเรื่องน่าระอายจริงๆ และอีกไม่กี่วันผมเชื่อแน่ว่า คณะกรรมการ กกต. คงมีคำวินิจฉัยว่า การยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครในนามพรรคการเมืองใหม่นั้น กกต.จะรับรองให้เป็นผู้สมัครตามกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ หากว่า กกต.ไม่รับรอง ต้องหน้าแตกยับเยิน เป็นที่ดูแคลนในวงการเมืองว่า อ๋อ นี่ระดับอดีตแกนนำ ระดับหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ มีภูมิปัญญา และมีภูมิรู้เพียงแค่นี้หรือ เป็นที่ดูถูกดูแคลนในสายตาคนอื่นๆ นั่นเอง ย่อมเสื่อมเสียและส่งผลกระทบมาถึงพวกเราได้ แต่ว่าไม่เป็นไร ผมจำเป็นต้องพูดเพื่อให้พี่น้องประชาชนเข้าใจว่า ในขบวนการต่อสู้ย่อมมีคนประเภทนี้อยู่เสมอ ทุกวงการ ไม่ว่าขบวนการต่อสู้ของภาคประชาชนกลุ่มใด ย่อมมีพวกเปลี่ยนสีแปรธาตุ และพวกที่เปลี่ยนจุดยืน หรือพวกที่ถอดใจ ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง แต่คนส่วนใหญ่จะไม่มีวันเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน

ผมเคยอธิบายหลายครั้งแล้วว่า ตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง ถ้าคณะกรรมการบริหารไม่มีมติ ที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร ไม่มีมติ และที่ประชุมสาขาพรรค และที่ประชุมใหญ่ไม่ให้การรับรอง จะไปเสนอตัวเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้นไม่ได้ มันขัดต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้ตัวผู้สมัครรู้ตัวดี จึงไม่กล้าลงทุนทำป้าย ทำแผ่นพับหาเสียง เพราะรู้ว่า ถ้า กกต.ไม่รับรองการเป็นผู้สมัคร จะสูญเงินเปล่าๆ เขารู้ดี แต่ความที่อยากจะเอาชนะแบบไม่มีเหตุผล จึงได้แสดงออกในลักษณะอย่างนั้น น่าเสียใจ ผมคิดว่ากลับเนื้อกลับตัวกลับใจเสียมันยังไม่สาย อย่าดึงดันไปเลย มันมีแต่ทำลายตัวพี่ ยิ่งพี่เอาผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 2 คนถามกันทั้งบ้านทั้งเมือง เธอเป็นใครมาจากไหนจึงมีความสำคัญเสียเหลือเกิน เป็นเรื่องน่าระอาย นี่ยังข่มขู่ว่าจะแจ้งความดำเนินคดีกับคนนั้นคนนี้ จะเปิดโปงเรื่องนั้นเรื่องนี้ คุณกำลังขุดหลุมฝังศพตัวเอง คุณกำลังถ่มน้ำลายขึ้นฟ้า เดี๋ยวมันก็รดหน้าคุณเองเท่านั้นเอง หยุดเสียเถอะ ไม่มีทางที่คุณจะชนะความถูกต้อง และความเป็นธรรม ไม่มีวันที่คุณจะชนะพลังของประชาชนที่ยืนอยู่บนความถูกต้องอย่างแน่นอน ถ้าคิดอยากจะทำงานทางการเมือง อยากจะเล่นการเมือง อยากจะแข่งขันในสนามการเมือง ผมคิดว่าเลิกล้มความคิดที่สกปรกเหล่านั้นเสีย แล้วกลับไปทบทวนตัวเอง ยังมีเวลา ยังไม่สาย ผิดไปแล้วคนอาจให้อภัยได้ แต่ถ้าผิดไปแล้วยังดื้อด้าน ดันทุรัง ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เสียดายครับที่สั่งสมคุณงามความดีมามันจะหมดไปในวันนี้อย่างที่ไม่อาจจะหวนคืนกลับมาได้

เพราะฉะนั้น พรรคการเมืองใหม่ ทำไมเขายืนยันจะต่อสู้ เพราะว่ามันยังมีข้อที่หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารบางคน พยายามจะหาเรื่องเล่นงานเขาในวิธีการต่างๆ เขาเหล่านั้นจึงจำเป็นต้องต่อสู้ ป้องกันตัวเอง ทั้งในทางกฎหมายและในทางการเมือง ปกป้องเกียรติยศชื่อเสียงของตนเอง ในวันนี้กลุ่มคนเหล่านั้นเขายังต้องต่อสู้กับคุณสมศักดิ์ไประยะหนึ่งเพื่อเคลียร์ทุกปัญหาให้จบสิ้น หากพรรคการเมืองใหม่จะต้องปิดฉากลงไป ควรปิดฉากลงด้วยน้ำมือของคนที่มีความจริงใจต่อพันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่ ไม่ใช่สลายลงด้วยน้ำมือของคนที่ไม่ปรารถนาดีต่อพรรคการเมือง และพี่น้อง

พันธมิตรฯ นี่คือเรื่องที่อยากจะพูดในบางมุมต่อจากเมื่อวานนี้ ที่พี่น้องพรรคการเมืองใหม่เขาขอร้องให้ผมช่วยทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน เมื่อถึงที่สุดแล้ว อย่างไรเขาก็ยืนหยัดอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนตลอดไป ผมขอกราบเรียนยืนยันกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่นี่และทั่วประเทศ ที่มีความรัก ความศรัทธาต่อการนำ ต่อการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร และมีความเชื่อมั่นในพลังของพี่น้องพันธมิตรฯ ด้วยกัน จงเชื่อมั่นว่า พลังของประชาชนส่วนใหญ่ พันธมิตรฯ ส่วนใหญ่ ยืนหยัดอยู่ที่นี่ และยังยืนหยัดอยู่ภายใต้การนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ไม่มีเสื่อมคลาย

ส่วนประเด็นต่อมาที่อยากจะกราบเรียนพี่น้องคือ เมื่อเราชุมนุมถึง 122 วัน จะเห็นได้ว่า ตลอดระยะเวลามานั้น เราไม่เคยทำหน้าที่ หรือดาวกระจายไปกดดันหน่วยงานใดเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน่วยงานที่มีหน้าที่ปกป้องดินแดน เอกราชและอธิปไตย คือ กองทัพ มีหน้าที่ปกป้องดินแดนและอธิปไตย พวกเรา พี่น้องประชาชน และคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย เฝ้าดูการทำหน้าที่ของทหารและกองทัพมาโดยตลอด แต่เป็นที่น่าเสียใจว่า ตลอดเวลาที่มีปัญหา ข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา บทบาทของกองทัพไทย ยังมิได้เป็นไปในเชิงรุก ยังมิได้ปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องเอกราชและอธิปไตยของประเทศให้สมเกียรติของทหารหาญ ที่เป็นรั้วของชาติ และเป็นกองทัพแห่งชาติ ตามที่ประชาชนคาดหวัง หรือที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้เป็นภาระหน้าที่ของท่านแต่อย่างใดเลย ทหารยังแสดงบทบาทในการป้องกันและตั้งรับมากกว่าปฏิบัติการในเชิงรุก และยังปฏิบัติการในลักษณะที่ตามก้นฝ่ายการเมือง หรือตามหลังฝ่ายการเมือง โดยละทิ้งบทบาทและภาระหน้าที่ในการปกป้องประเทศ อย่างไม่น่าเชื่อ นี่เรื่องที่ 1

และเรื่องที่ 2 ที่มีข่าววันนี้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ไปเป็นพยานแถลงต่อศาลในคดีฟ้องนายอภิสิทธิ์ สุเทพ และอ.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ สะท้อนให้เห็นว่า บทบาทของทหารนอกจากเรื่องการปกป้องเอกราช อธิปไตย ดูเหมือนบกพร่องแล้ว ไม่เข้มแข็งแล้ว บทบาทในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ดูเหมือนว่าจะขาดความเข้มแข็ง และเด็ดขาดกับขบวนการล้มเจ้า หรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พวกเราชุมนุมอยู่ที่นี่เคารพและให้เกียรติทหาร จริงอยู่ แม้จะมีการพูดถึง วิพากษ์วิจารณ์ อภิปรายถึงนายทหารบางท่าน หรือกองทัพ บางครั้งบางคราว ก็ตามสถานการณ์ ความเหมาะสมที่จำเป็นต้องพูดถึง โดยส่วนใหญ่จะเป็นบรรดาทหารหาญ อดีตนายทหารที่เกษียณราชการ เช่น พล.อ.ปรีชา พล.อ.อ.เทิดศักดิ์ พล.ร.ท.ประทีป รวมทั้ง พล.ต.จำลอง เพราะเราคิดว่าให้ทหารพูดกับทหารด้วยกันเองน่าจะเข้าใจดีกว่า แต่นายทหารรุ่นพี่ ทั้งพูด ทั้งยอ ทั้งปลอบ ทั้งด่า ทั้งวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งตำหนิ ทั้งให้เหตุให้ผลให้ข้อเท็จจริงก็แล้ว ทหารเหล่านั้นยังมิได้แสดงบทบาทให้สมกับเป็นทหารปกป้องดินแดน เอกราชและอธิปไตยของตนเองเลย

เพราะฉะนั้นวันนี้ คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย จึงทำหนังสือถึงผู้บัญชาการกองทัพ หรือผู้บัญชาการทหารสูงสุดในอดีต ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บัญชาการทหารอากาศ เพื่อขอให้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องดินแดนและอธิปไตยของชาติ โดยยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพโดยตรง เรียกร้องให้ปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องดินแดน เอกราชและอธิปไตย เพราะวันนี้ปรากฏข้อเท็จจริงแล้วว่า ทหารกัมพูชา และคนกัมพูชาเข้ามายึดครองแผ่นดินไทยรอบแนวปราสาทพระวิหาร ปราสาทตาเมือนธม ตาควาย ภูมะเขือ บ้านหนองจาน และตลอดแนวชายแดนนั้น กัมพูชาใช้คนและทหารรุกล้ำเข้ามายึดครองแผ่นดินไทย การยอมรับข้อเท็จจริงนี้ แม้แต่นายกรัฐมนตรีก็แถลงและให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า เมื่อเขามาบุกรุกประเทศเราก็ไม่อยากจะมีเรื่อง เพราะในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน เท่ากับเป็นการยอมรับอยู่ดีว่า ประเทศไทยถูกกัมพูชายึดครองและรุกรานดินแดน มิหนำซ้ำยังจะเปิดทางให้มีผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียเข้ามาบริเวณพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อีกด้วย นี่เท่ากับสยบยอมต่อการที่กัมพูชาดำเนินกุศโลบายที่จะเข้ามายึดครองแผ่นดินไทย

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏดั่งนี้แล้ว ทหารหาญจะอยู่นิ่งเฉยทำไม วันนี้เราถึงต้องทำหนังสือเป็นทางการไปถึงกองทัพ ผู้บัญชาการเหล่าทัพว่า ท่านต้องปฏิบัติหน้าที่โดยเร่งด่วน ในการปกป้องดินแดนเอกราชและอธิปไตย โดยไม่มีข้ออ้าง ข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น การอ้างว่าฝ่ายการเมืองไม่มีคำสั่ง และไม่มีนโยบายนั้น มิอาจปกป้อง หรือยกเว้นความรับผิดในฐานะทหาร ที่มีหน้าที่ปกป้องเอกราชและอธิปไตยได้ เพราะหน้าที่นั้นเป็นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 และอำนาจหน้าที่ของทหารตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ กระทรวงกลาโหม และการจัดระเบียบกองทัพไทย เป็นไปตามประกาศคำสั่ง ไม่รู้กี่ร้อยฉบับที่มอบหมายให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกองทัพ ในการรักษาความมั่นคง เอกราช และอธิไตยของประเทศ จึงไม่มีข้ออ้างที่ทหารจะอ้างว่า ฝ่ายการเมืองไม่สั่งเลยไม่ทำหน้าที่ ผมคิดว่าไม่สามารถปกป้อง และทำให้ท่านหลุดพ้นจากความรับผิดตามกฎหมายได้ เราจึงทำหนังสือนี้ไปถึง และเตือนว่า การที่ทหารจะกล่าวอ้างนโยบายฝ่ายการเมืองนั้น มิอาจทำให้กองทัพหลุดพ้นจากความรับผิดในการปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว อาจเป็นความผิดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119, 120 และ 157 ทั้งเป็นการฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 77 อีกด้วย

ภายหลังจากที่เรายื่นหนังสือนี้ หากกองทัพยังมิได้ดำเนินการใดๆ อันเป็นการแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมในการขับไล่ ผลักดัน และทวงคืนแผ่นดินไทยกลับคืนมา เราต้องดำเนินมาตรการทางกฎหมายต่อท่าน ต่อไป เหมือนอย่างที่เราดำเนินการกับนายกรัฐมนตรี โดยยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.และยื่นฟ้องต่อศาล แม้ว่าวันนี้ศาลและองค์กรอิสระ อาจทำงานเชื่องช้า และไม่เร่งรัดคดีความ อันสำคัญต่อชาติบ้านเมืองก็ตาม แต่เราเชื่อว่า เมื่อวันหนึ่งอำนาจเปลี่ยนไป สถานการณ์เปลี่ยนไป คดีที่ค้างคาอยู่ จะเป็นหอกข้างแคร่ และเป็นชนักปักหลังท่านไปจนตาย ที่สำคัญ จะเป็นตราบาปทำให้ท่านถูกประณามไปตลอดชีวิตว่า ช่วงที่ท่านดำรงตำแหน่งและมีอำนาจหน้าที่ปกป้องเอกราชและอธิปไตยของประเทศนั้น ท่านไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้สมเกียรติ สมศักดิ์ศรีความเป็นทหาร อันเป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของกองทัพ ในยุคสมัยที่ท่านเป็นผู้บังคับบัญชา ซึ่งจะถูกตราหน้าไปชั่วชีวิต

นี่คือเรื่องหนึ่งที่เราดำเนินการไปแล้ว และมอบหมายให้ผู้แทนคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไปยื่นกับผู้บัญชาการเหล่าทัพในวันนี้ พร้อมๆ กับผมและคณะกรรมการได้แถลงข่าวต่อพี่น้องสื่อมวลชนเรียบร้อยแล้วเมื่อเช้านี้

ทำไมเราจึงต้องทำเรื่องนี้ครอบคลุมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพ เพราะเราเชื่อแน่ว่า แม้มีการเลือกตั้ง ท้ายที่สุดมีการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาใหม่ก็ตาม ปัญหาเรื่องการปกป้องดินแดน เอกราชและอธิปไตย ที่เป็นปัญหาคาราคาซังอยู่ในขณะนี้ ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ นอกจากมาเถียง ต่อปากต่อคำ อวดอ้างผลงานของตัวเองอย่างน่าระอาย เหมือนที่ อ.ปานเทพ ชำแหละไปแล้ว คุยโวโอ้อวดว่า ถ้าไม่ใช่ผม มาหาว่าผมสมคบกับกัมพูชาได้อย่างไร ถ้าผมสมคบกับกัมพูชาจะเกิดการปะทะ สู้รบกันตามแนวชายแดนได้อย่างไร ดูการเถียงของนายอภิสิทธิ์ นักเรียนออกฟอร์ด ภูมิปัญญาต่ำ นึกว่าตัวเองมีเหตุผลน่าฟัง ความจริงแล้วยิ่งเป็นการประจานตัวเอง ว่าที่ทหารกัมพูชากล้าปะทะ ยิ่งใส่กะบาลทหารไทย ยิ่งใส่พี่น้องประชาชนไทยนั้น เพราะความขี้ขลาด ไร้ความสามารถ ขาดภาวะผู้นำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นั่นเอง กัมพูชาถึงเหิมเกริม กล้าเอากำลังเข้ามาปะทะกับทหารไทย ยิงใส่ประชาชนไทย ทำไมคุณไม่พูดต่อละ ปะทะกันแล้วเป็นอย่างไร ปะทะกันแล้วทหารกัมพูชาและคนกัมพูชายังยึดครองแผ่นดินบริเวณนั้นอยู่ คุณทำอะไรไม่ได้ คุณไม่อายหรอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณไม่มีความระอายกับความไร้ประสิทธิภาพของตัวคุณเลย คุณยังมีหน้ามาเถียงว่า ถ้าไม่เป็นเพราะผมคัดค้านป่านนี้ปัญหารุกลามบานปลาย เขาขึ้นทะเบียนมรดกโลกไปแล้ว ความจริงแล้ว แม้กระทั่งเรื่องขึ้นทะเบียนมรดกโลก คณะกรรมการมรดกโลกยังไม่มีท่าทีว่าจะเลื่อนการประชุมเลย ทำเป็นเอามาคุยว่ามีท่าทีจะเลื่อนการประชุม นี่ถ้าเขาไม่เลื่อนการประชุม เดี๋ยวมันต้องแหลไปอีกทางหนึ่ง นี่คือนิสัย และยังไม่รู้เลยว่าเขาจะเลื่อนการประชุมหรือเปล่า แม้เลื่อนการประชุม ปัญหาการขึ้นทะเบียนมรดกโลกยังคาราคาซัง และไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้เรียบร้อยไปได้ภายใต้การบริหารบ้านเมืองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่นั่นเอง

การต่อปากต่อคำ พยายามจะโยนความผิดให้คนอื่น พรรคนู้นไม่ใช่หรอที่ทำให้เขาขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ และพรรคผมเป็นคนมาแก้ไข มันพอๆ กัน พวกคุณแก้ไขปัญหาแบบห่วยแตกพอๆ กัน ไร้ความรับผิดชอบเหมือนกัน ทำไมต้องคุยอวดอ้าง มันอายเขาคุณอภิสิทธิ์ แถมยังมาค่อนแคะที่น้องพันธมิตรฯ ว่า ที่พันธมิตรฯ หาว่าผมไปสมคบ ถ้าผมสมคบมันจะสู้กันหรอ ก็ตอบไปแล้ว ปานเทพชำแหละไปแล้วว่า เพราะคุณนั่นแหละ ปัญหาไทย-กัมพูชา จึงลุกลามบานปลายถลำลึกหนักกว่าเขาอีก จากทวิภาคี 2 ประเทศว่ากันเอง วันนี้ลุกลามบานปลายจนกระทั่งถึงเวทีโลก ยูเอ็น ศาลโลก มีอาเซียนเข้ามาแทรกแซง มันไม่ใช่ผลงานของคุณหรือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

เพราะฉะนั้นพี่น้อง ปัญหาของชาติบ้านเมืองที่ทับถมอยู่ในขณะนี้ มาจากนักการเมืองที่เป็นต้นเหตุปัญหาชาติบ้านเมือง การเลือกตั้งที่เราพูดถึงว่าไม่เป็นอนาคต ไม่เป็นทางเลือก วันนี้ที่ผมพูดในตอนต้นว่า การ Vote No จะมีคุณูปการอันยิ่งใหญ่อย่างไร ผมจะเพิ่มเติมจากสิ่งที่นักวิชาการของเราพูดไปแล้ว ก็คือ คนของพรรคประชาธิปัตย์หรือคนที่เชียร์พรรคประชาธิปัตย์ มักพูดอยู่อย่างหนึ่งว่า ถ้าเรา Vote No เท่ากับเป็นการช่วยทักษิณกลับมา ให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง ความจริงแล้ว ในมุมที่พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งต่อพรรคประชาธิปัตย์ เราพูดกันมาเยอะแล้ว เพราะไม่ว่าประเมินในรูปแบบไหน ไม่ว่าเราจะลงคะแนนให้ประชาธิปัตย์อย่างไร ครั้งที่แล้วเราลงคะแนนให้สุดลิ่มทิ่มประตูคุณยังแพ้เขา อันนี้ไม่มีข้อกังขา แม้คราวนี้ไปลงคะแนนให้คุณ คุณก็แพ้ เพราะคุณทำงานห่วยแตกนั่นเอง คุณไม่มีผลงานเด่น ไม่สร้างศรัทธาความเชื่อมั่นให้ประชาชน แต่พี่น้องลองคิดดู ไหนๆ ถ้าผลการเลือกตั้งจะออกมาในทางที่ประชาธิปัตย์แพ้อยู่แล้ว และพรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล

ทำไมผมถึงบอกว่า Vote No ต่างหากที่จะทำให้ทักษิณกลับมาไม่ได้ แม้กลับมาไม่ได้ก็ปกครองประเทศไม่ได้ อะไรคือความเชื่อมั่นที่ผมเชื่ออย่างนั้น คราวที่แล้วเราโหวตให้พรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์ได้มามากเต็มที่ 170 เสียง สุดท้ายเป็นอย่างไร ทักษิณกลับมากราบแผ่นดิน และกลับมาหนุนหลังรัฐบาลสมชาย สมัคร เห็นไหมครับ เลือกคุณแล้วทักษิณยังกลับมา แต่ถ้าไม่อยากให้ทักษิณกลับมา พี่น้องลองนึกดู ถ้ามีคนออกมา Vote No มากๆ ไม่หมายความว่า เราปฏิเสธเพียงพรรคประชาธิปัตย์ เราปฏิเสธพรรคเพื่อไทยด้วย คน 3 ล้าน 5 ล้าน คือคนที่ไม่เอาทั้งอัปรีย์ไปจัญไรมา นี่มันคือพลังที่ไม่ยอมรับทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อคนส่วนใหญ่ออกมา Vote No พี่น้องถ้าไม่อยากให้ทักษิณกลับมา ไม่อยากให้เพื่อไทยกลับมาเผาบ้านเผาเมืองอีก คุณต้องออกไปร่วมกัน Vote No ไม่ประสงค์ลงคะแนนให้มากๆ เพราะเมื่อคนออกไป Vote No มากๆ มันจะเป็นพลังที่จะกดดันและบีบคั้นพรรค หรือใครก็ตามที่มาเป็นรัฐบาลว่า มาเป็นรัฐบาลอย่างน้อย 5 ล้าน 6 ล้าน 7 ล้าน ไม่เลือกพวกคุณทั้งนั้น คุณจะมาปกครองแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ คุณจะมาปู้ยี้ปู้ยำชาติบ้านเมืองไม่ได้ เสียง 4 ล้าน 5 ล้าน 6 ล้านที่จะออกไปโหวตโน ยิ่งมากเท่าไหร่ จะคอยจับจ้อง และควบคุมตรวจสอบคุณทุกฝีก้าว และคุณจะอ้างความชอบธรรมว่า คุณได้รับเลือกมาจากประชาชนก็ไม่ได้เลย เพราะถ้าเราเลือกประชาธิปัตย์แล้วแพ้ ประชาธิปัตย์ได้เสียงข้างมาก เขาจะอ้างได้ว่า แพ้แล้วอย่าตีรวน ต้องเคารพกระบวนการเลือกตั้ง แต่พอเรา Vote No เยอะๆ อ้างไม่ได้ เพราะกูไม่ได้เลือกมึง อ้างไม่ได้ หรือจะบอกว่า ผมไม่ได้เลือกคุณมึง

เมื่อเราไม่ได้เลือกเขา เราลงคะแนนในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน อันนี้จะกลายเป็นพลังมหาศาล และพี่น้อง เรื่องอย่างนี้ต่อไปจะสามารถพัฒนาเป็นเรื่องที่จะถูกนำไปแก้ไข บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ หลายประเทศมีรัฐธรรมนูญแบบนี้ คือ ใครที่จะสมัครเป็นนายกฯ หรือประธานาธิบดี ต้องได้เสียงไม่น้อยกว่า 50% ของผู้ไปใช้สิทธิ์ ถ้าไม่ได้คะแนนมากกว่า 50% ต้องเลือกใหม่ นี่รัฐธรรมนูญ ไม่ว่าของ อุซเบกิสถาน เยอรมัน หลายประเทศ ผู้สมัครที่แข่งขันกัน ถ้าได้คะแนนไม่ถึงกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง คุณไม่สามารถเป็นตัวแทนได้ ต้องเลือกใหม่ ผ่านรอบที่ 2 รอบที่ 3 เหมือนเลือกตั้งประธานวุฒิ มีตัวอย่างให้เห็น พอเลือกตั้งโหวตครั้งแรกมีผู้สมัคร 3 ่คน ไม่มีใครได้คะแนนเกินครึ่ง เลยไม่มีใครได้เป็นประธานวุฒิ เขาจะตัดคนที่ได้คะแนนน้อยที่สุดออก และให้คนที่ได้คะแนนลำดับ 1, 2 มาโหวตใหม่ โหวตใหม่ถ้ายังไม่ได้คะแนนถึงครึ่ง ต้องหาเสียงอีกรอบ และครั้งสุดท้าย ครั้งที่ 3 เขาถึงจะให้ แบบนี้หลายประเทศใช้รัฐธรรมนูญแบบนี้

เพราะฉะนั้นถ้าเรากาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ถ้ามีจำนวนมากถึง 5 ล้าน 6 ล้าน 7 ล้าน อาจจะมากกว่าพรรครัฐบาลด้วยซ้ำไป อำนาจและเสียงของพวกเราจะมีพลังและมีอำนาจต่อรองสูงขึ้นมาทันที นี่คือพลังของ Vote No ที่คนยังมองไม่เห็นว่า Vote No แล้วทักษิณจะมา Vote No จะทำให้ทักษิณนั่งอยู่บนภูเขาไฟ ใครก็ตามที่มาเป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ คุณต้องคำนึง คุณอาจจะมีเสียงแค่ 5 ล้าน 6 ล้าน 7 ล้านเท่านั้น ดีไม่ดีอาจจะสูสีกับ Vote No แล้วพวกที่ไม่เอาคุณมันเยอะ ซึ่งถ้ารวมกับพรรคอื่นที่ไม่เอาคุณด้วย แล้วรวมกับคนที่ไม่ไปลงคะแนนเลือกตั้ง คนส่วนใหญ่ไม่เอาคุณ เพราะฉะนั้นคุณจะอ้างความชอบธรรม ทำอย่างไรกับประเทศชาติบ้านเมือง จะยกความผิด ฟอกความผิด นิรโทษกรรม ปล่อยทรัพย์สินคืน หรือจะถอนความผิดให้พวกคุณทุกคน ไม่ได้แล้วเพราะประชาชนจะไม่ยอมโดยเด็ดขาด

มีผู้สื่อข่าวท่านหนึ่งถามว่า ถ้า Vote No แล้วจะทำให้เกิดการปฏิรูป เปลี่ยนแปลงบ้านเมืองอย่างไร ทำไมไม่โหวตเลือกพรรคที่ 3 ที่เป็นทางเลือกเมื่อเราไม่ชอบพรรคนี้ ทำไมไม่เอาพรรคทางเลือก เราตอบว่า บางคนบอกทำไมไม่เลือกชูวิทย์ ดูท่าทางเอาเป็นเอาตายกับการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น นี่เป็นทางเลือกที่ 3 ทำไมไม่เลือกคนดีไม่มีวันเสื่อม ไม้บรรทัดคดไปงอมา ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ถ้าคุณไม่ชอบ 2 พรรคนี้คุณเลือกอย่างนี้ได้ คนที่ตอบก่อนผมคือ พล.ต.จำลอง ท่านบอกว่า ประเทศไทยถ้าเป็นเมื่อ 10 กว่าปี หรือ 20 ปีก่อน สมัยพรรคพลังธรรมเกิด 2531 พรรคที่เป็นทางเลือกที่ 3 มีโอกาสเกิด อย่างพรรคพลังธรรมไม่ได้ใช้เงินเลย ลงเลือกตั้งหาเสียงด้วยฝาเข่ง ไม่โกงทั้งต่อหน้าและลับหลัง ลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ได้เป็น เลือก ส.ส.หลัง พ.ค.ได้มาตั้ง 47 เสียง โดยไม่ใช้เงินเลย ท่านบอกว่า คราวนั้นพรรคทางเลือกอย่างพรรคพลังธรรม เพราะคนเบื่อนักการเมืองพรรคใหญ่ที่ซื้อเสียง พรรคทางเลือกเกิดขึ้นได้เพราะสมัยนั้น การโกง การซื้อเสียง การเลือกตั้ง ยังไม่หนักหน่วงรุนแรงเหมือนเลือกตั้งยุคนี้ พรรคที่ 3 จึงเกิดขึ้นได้ แต่หมดจากยุคพรรคพลังธรรมแล้ว การเมือง การเลือกตั้ง ซื้อเสียงกันมโหฬาร พรรคที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่ว่าพรรคการเมืองใหม่ พรรครักษ์สันติ พรรครักประเทศไทย พรรคเล็กพรรคน้อย ไม่มีวันได้เกิด เพราะการเลือกตั้งเวลานี้ใช้เงินเป็นหมื่นๆ ล้าน และระบบการเลือกตั้ง ระบบการจัดการเลือกตั้ง ถูกแทรกแซง ครอบงำ และซื้อจากฝ่ายการเมืองหมดสิ้น กกต.พึ่งไม่ได้ ข้าราชการตำรวจ ทหาร กลายเป็นเครื่องมือนักการเมืองแต่ละก๊กแต่ละเหล่าไปหมด มันพัฒนาไปไกลแล้ว การเมืองประเทศเราพัฒนาไปไกลถึงขนาดที่นักการเมือง พ่อค้า นักธุรกิจ และข้าราชการ หากินร่วมกัน หาผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่มีแล้วข้าราชการที่เป็นอิสระไม่ขึ้นต่อฝ่ายการเมือง ไม่อยู่ในสังกัดการเมือง ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ หาน้อยลงทุกวัน ที่บอกว่า 10 พ่อค้าไม่สู้ 1 พระยาเลี้ยงนั้น มันหมดแล้ว วันนี้ 10 พระยายังไม่สู้ 1 พ่อค้า เวลานี้เป็นอย่างนั้น ยุคสมัยเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นข้าราชการอยากก้าวหน้า ต้องกล้าทำชั่วรับใช้นักการเมือง นักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า จึงหากินร่วมกันทุกโครงการในประเทศนี้ เมื่อเป็นอย่างนี้ พรรคทางเลือกจึงไม่มีโอกาสเกิด ไม่มีโอกาสได้รับเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นใครที่ลงคะแนนให้พรรคทางเลือก เลิกคิดได้เลยครับ คะแนนของท่านที่จะทิ้งให้พรรคนู้นพรรคนี้เพราะเห็นกับความมัน ความบ้าๆ บอๆ ของบางคน คะแนนเสียเปล่าครับ สู้มารวมกันรณรงค์ Vote No ให้ได้ 3 ล้าน 4 ล้าน 5 ล้าน ยังจะมีพลัง มีความหมายกว่าไปเทให้พรรคต่างๆ ซึ่งไม่ใช่ทางเลือก และไม่มีวันชนะพรรคการเมืองใหญ่ๆ เหล่านี้ที่ผูกขาดกัน

ระบอบการเมืองวันนี้ ผมอยากจะบอกว่า มันเป็นระบอบผูกขาด ตัดตอน ภาคอีสาน ภาคเหนือ ถูกผูกขาดโดยพรรคเพื่อไทย ภาคใต้ ถูกผูกขาดตัดตอนโดยพรรคประชาธิปัตย์ ภาคกลาง ถูกผูกขาดโดยนายบรรหาร พล.ต.สนั่น พรรคชาติไทยพัฒนา ส่วนพรรคอื่นแย่งกัน ในกรุงเทพฯ แย่งกันระหว่าง 2 พรรคเป็นหลัก คือ เพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ อีสานบางส่วนอาจจะมีภูมิใจไทยแซม อาจจะมีรวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ของนายสุวัจน์ แซมบางจุดเท่านั้น คือ ควบคุมอิทธิพลเป็นจุดๆ สุวัจน์คุมโคราช เนวินอาจจุคุมบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ กำนันเป๊าะ พรรคพลังชน อาจจะคุมภาคตะวันออกเฉพาะ จ.ชลบุรี บรรหาร สนั่นคุมเฉพาะภาคกลางบางจังหวัด กลายเป็นการเมืองระบบผูกขาดตัดตอน แต่ละคนมีทุนระดับหมื่นๆ ล้าน ถึงแสนล้านทุกพรรค เพราะฉะนั้นพรรคที่ไม่ใช่เจ้าของพื้นที่เดิม พรรคที่ไม่มีพื้นที่ผูกขาดทางการเมือง พรรคที่ไม่เคยมีฐานการเมือง และไม่มีระบบหัวคะแนนที่เคยทำงานร่วมกัน โอกาสที่จะส่งผู้สมัครแล้วชนะเลือกตั้ง ชาตินี้เลิกฝันได้เลยไม่มีทาง นี่คือการเมืองของประเทศ จึงวนเวียนอยู่ภายใต้พรรคเหล่านี้เท่านั้น เลือกกี่ครั้งจะมีนักการเมืองหน้าเก่าๆ มาจัดสรรอำนาจ หนีไม่พ้นสุเทพ เนวิน บรรหาร สนั่น สุวัจน์ สุวิทย์ และทักษิณกับพวก หนีไม่พ้นวนเวียนอยู่แค่นี้ ประเทศไทยไม่มีวันจะเป็นอย่างอื่นไปได้ พ้นจากพวกนี้ก็เอาลูกเอาหลาน เอาเมีย เอาทายาทมาสืบอำนาจต่อๆ ไป ไม่มีที่สิ้นสุด ประชาชนไทยต้องอยู่ภายใต้การปกครองของพวกโจรห้าร้อย

เพราะฉะนั้นวันนี้ คะแนน Vote No จะเป็นตัวเปลี่ยนสิ่งที่ผมว่ามา และจะนำไปสู่การปฏิรูปบ้านเมืองได้อย่างแน่นอน เพราะจะเป็นแรงกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเป็นทางเดียวที่คนไปใช้สิทธิ์โดยสันติวิธี ไม่ใช้ปืน ไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้ความรุนแรง ใช้เสียงของท่านคนละ 1 เสียง เดินเข้าคูหากา Vote No จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศได้อย่างแน่นอน ขอเพียงพลังและความร่วมมือร่วมแรงของพี่น้อง

วันนี้ พรรคการเมือง และนักการเมืองเขามองข้ามชอร์ตไปแล้ว เพราะตอนนี้ต่างรู้แล้วว่า ใครจะได้เสียงเท่าไหร่ เพราะทุกคนรู้พื้นที่ของตัวเอง ทุกคนรู้ตลาดของตัวเอง ทุกคนรู้ว่า ผูกขาดในพื้นที่ไหน วันนี้คำสัมภาษณ์ของนายเนวิน จึงทิ่มแทงเข้ากลางกระดองใจนายอภิสิทธิ์ ซึ่งความจริงแล้ว นายเนวินคงฟังจากนายประพันธ์บนเวทีนี้ จึงมองออกว่า นายอภิสิทธิ์ไม่มีวันเอาชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ได้เลย และจะได้น้อยกว่าคราวที่แล้วด้วย เพราะฉะนั้นเนวินจึงมองข้ามชอร์ตว่า นารีขี่ม้าลาย ยิ่งลักษณ์ อาจจะไม่ได้เป็นนายกฯ เพราะเนวินกับบรรหารแอบจับมือกัน และมองว่า เสธ.หนั่น จะมาเป็นนายกฯ คือเขากะต่อรองตำแหน่งนายกฯ และมองไปว่า พรรคเพื่อไทยอาจจะได้เสียงมาก แต่ไม่มากพอจะเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล วันนี้เนวินกับบรรหาร ต่อสายไปถึงเพื่อไทยเป็นการลับๆ ไว้แล้ว เตรียมหาทางออกไว้แล้ว เนวินจึงกล้าให้สัมภาษณ์ว่า ผลเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ได้เสียงไม่มากพอ หัวหน้าพรรคคงพิจารณาตัวเองลาออก เนวินยังกล้าฟันธงอย่างนั้น แม้นายอภิสิทธิ์ไม่ลาออก นายอภิสิทธิ์ต้องถูกลูกพรรคไล่ออกอยู่ดี ผมทำนายไว้ แต่คนที่ยอมไม่ได้ คิดว่าไม่จริง ไม่จริ๊ง คือใครครับ สดีดสดิ้งออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนคนอื่น คือ นายศิริโชค โสภา บอกว่า นายเนวินอย่ามายุ่งเรื่องพรรคประชาธิปัตย์ นายเนวินอย่ามาตีท้ายครัวประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์รีบปฏิเสธเลยว่า คงไม่เป็นความจริง ผลการเลือกตั้งคงไม่เป็นอย่างนั้น แต่ถ้าผมพ่ายแพ้ขาดผมต้องพิจารณาตนเอง นายอภิสิทธิ์เองเตรียมแบะท่ารับแล้ว คุณต้องได้พิจารณาตัวเองแน่ ถึงคุณไม่พิจารณาตัวเอง ลูกพรรคจะต้องกดดันให้คุณลาออก เหมือนอย่างที่คุณกับนางอัญชลี กับนายสุเทพ จับมือกันไปกดดันนายบัญญัติ บรรทัดฐาน แล้ววันนี้คุณจะไม่มีข้ออ้างเลย เพราะคุณเป็นนายกฯ คุณเป็นรัฐบาล คุณกุมอำนาจรัฐ แต่วันนั้นนายบัญญัติ หัวหน้าพรรค เป็นฝ่ายค้าน ได้มากกว่าเดิมแท้ๆ คุณยังบีบบังคับให้เขาลาออก แล้วคุณจะเหลืออะไร เขาเอาคุณคืนแน่

เพราะฉะนั้นการเมืองในวันข้างหน้าผมคิดว่า Vote No คือเสียงปฏิเสธระบอบทักษิณ และระบอบอภิสิทธิ์ ไม่ยอมรับระบอบทักษิณ ไม่สนับสนุนใคร และจะไม่ยอมเป็นฝ่ายผู้แพ้ด้วย Vote No คือ ผู้ชนะ และมีเกียรติ Vote No โก้จะตาย วันหน้าจะร้องเพลงสาวบางโพโก้จริง เดี๋ยวร้องเพลง สาวVote No โก้จริงๆ สาวVote No โก้จริงๆ เท่ห์ มีเกียรติ เป็นผู้ชนะ ไม่ใช่ผู้สนับสนุนอัปรีย์ จัญไร จึงมีความยิ่งใหญ่โดยตัวของมันเอง และจะเป็นพลังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างแน่นอน

เอาละเขาบอกว่า ได้เวลาร้องเพลงแล้ว รู้สึกพี่น้องบอกว่า ถ้ามาแล้วไม่ร้องไม่ได้ เพราะทุกคนเตรียมเนื้อเพลงมาแล้ว พี่น้องครับ ผมดูรายการในช่อง 3 Thailand's Got Talent มีเด็ก รู้สึกจะเป็นชาวใต้ แขนข้างหนึ่งขาด เกิดอุบัติเหตุ แต่เขาชอบเล่นดนตรี ชอบเล่นกีต้าร์มาแต่เด็ก แล้วเขาก็ฝึกปรือด้วยความไม่ท้อแท้ และมีศรัทธาเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำ มุ่งมั่นพยายามจะทำ เขาเล่นกีต้าร์มือเดียวพร้อมกับร้องเพลง ไปออกรายการhailand's Got Talent เพลงที่เขาเอาไปร้อง เข้าใจว่าเขาได้แรงบันดาลใจจากผมร้องรึเปล่าไม่รู้ เขาร้องเพลงศรัทธา ได้ใจกรรมการมาก ผ่านเข้ารอบ กรรมการทุกคนนั่งดูด้วยน้ำตาซึม ที่เห็นคนแขนข้างหนึ่งใช้งานไม่ได้ แต่เล่นกีต้าร์มือเดียวและร้องเพลงไปด้วย นั่นเป็นแบบอย่างของคนที่ไม่ท้อแท้ และเป็นกำลังใจให้กับหลายคนที่มีความพิการ เช่นเดียวกัน ที่พวกเรายืนหยัดต่อสู้ชุมนุมอยู่ที่นี่ เพราะเรามีความเชื่อมั่น ศรัทธาในสิ่งที่เราทำ เมื่อเราเชื่อมั่นศรัทธาในสิ่งที่เราทำ เราจงมุ่งมั่นและทำให้ถึงที่สุด ชัยชนะ และผลสำเร็จจะต้องเป็นของพวกเราอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เราร้องเพลงนี้ นึกถึงกำลังใจและศรัทธาที่มีอยู่ และกำลังใจที่มอบให้แก่กัน ว่าเราจะมุ่งไปสู่ชัยชนะร่วมกันให้จงได้ เชิญครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น