xs
xsm
sm
md
lg

พธม.เดินเกมรุก “โหวตโน” สัญจรทั่วประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พธม.เดินหน้ารณรงค์ "โหวตโน" สัญจรทั่วประเทศ ตั้ง “ประทีป” เป็นหัวหน้าคกก.อำนวยการ “ประพันธ์” ย้ำโหวตโนไม่สร้างความขัดแย้งในสังคม ชี้เลือกตั้ง อบจ.เมืองปากน้ำ กาไม่เลือกใครกว่า 10% “จำลอง” ยันกระแสโหวตโนไม่ตก แต่รับมีเวลาน้อย “พิภพ” เชื่อโหวตโนคือจุดเปลี่ยนการเมืองไทย วอน ปชช.ร่วมปฏิรูปประเทศ สร้างประวัติศาสตร์ครั้งแรกของโลก



วันนี้ (26 พ.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายประพันธ์ คูณมี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย ร่วมแถลงข่าวถึงการกระจายรณรงค์การโหวตโนทั่วประเทศ โดยจัดตั้งคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยขึ้น ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกจังหวัดทั่วประเทศ เนื่องจากเล็งเห็นว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้ที่กำลังจะมีขึ้น ไม่สามารถทำให้ประเทศไทยมีอนาคตได้ และจากการสำรวจจากโพลต่างๆ กว่าร้อยละ 50 ประชาชนยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองใด ทางแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงมั่นใจว่า กว่าร้อยละ 5-10 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จะเลือกโหวตโน ซึ่งลักษณะการรณรงค์จะเป็นการสัญจร และการจัดเสวนาที่อยู่ในขอบเขต โดยจะเริ่มในวันที่ 4 มิถุนายนนี้

นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯได้ร่วมหารือถึงสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน รวมไปถึงแนวทางในการรณรงค์โหวตโน และได้มีมติให้ตั้งคณะกรรมการอำนวยการการรณรงค์โหวตโนขึ้น โดยมี พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมย์ เป็นหัวหน้าคณะ นายเทอดภูมิ ใจดี และนายศรันยู วงศ์กระจ่าง ร่วมเป็นกรรมการ พร้อมด้วยทีมที่ปรึกษาประกอบด้วย นายพิภพ ธงไชย และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯและคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรที่เหลือร่วมทำหน้าที่ให้คำปรึกษา และออกสัญจรให้ความรู้ตามเวทีเสวนาทั่วประเทศ โดยจะมีกำหนดการที่ชัดเจนแจ้งให้ทราบอีกครั้ง อย่างในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ก็มีหมายกำหนดการไปเป็นวิทยากรที่ภาคใต้ ทั้งที่ จ.สงขลา จ.ตรัง และ จ.พังงา เป็นต้น

นายประพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การรณรงค์ทั่วประเทศนั้นจะเป็นการประสานความร่วมกับมวลชนพันธมิตรฯ และประชาชน รวมทั้งสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการลงเลือกตั้ง ที่มีความเป็นห่วงประเทศชาติ และเห็นว่าการเลือกตั้งไม่ใช่ทางออกของประเทศ เพื่อมาร่วมจุดประกายในการรณรงค์โหวตโนเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศให้ดีขึ้น

นอกจากนี้ นายประพันธ์ กล่าวถึงความคาดหวังในการได้รับคะแนนเสียงโหวตโนว่า จากผลการสำรวจล่าสุดที่มีประชาชนมากกว่าร้อยละ 50 ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองใด รวมไปถึงกรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยที่ออกมายอมรับว่าคนกลุ่มนี้มีจำนวนมาก จึงจะเห็นได้ว่ากระแสโหวตโนมีสูงขึ้นตามลำดับ ทั้งที่ในแบบสำรวจยังไม่ได้มีช่องโหวตโนให้เลือกด้วยซ้ำ ดังนั้นในเมื่อประชาชนมีความเบื่อทั้ง 2 ขั้วการเมือง และอาจตัดสินใจโหวตโนร่วมกับภาคประชาชน ซึ่งอาจจะตัดสินใจกันในช่วงสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 5-10 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งหมด

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ขอยืนยันว่าการออกมารณรงค์โหวตโนครั้งนี้ไม่ได้เป็นการตอกลิ่มความขัดแย้ง เพราะความรุนแรงเกิดจากการแข่งขันของ 2 ขั้วการเมืองอยู่แล้ว ตั้งแต่การแย่งซื้อตัว ส.ส.หรือการปองร้ายหัวคะแนน การโหวตโนจึงไม่ได้มีส่วนกระตุ้นหรือส่งเสริมความรุนแรงแต่อย่างใด แต่จะเป็นการเชิญชวนให้พี่น้องวประชาชน ที่เป็นพลังเงียบออกมาใช้สิทธิ์ร่วมแสดงพลังเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการเมือง และแก้ปัญหาของประเทศในที่สุด อย่างไรก็ดีกระแสโหวตโนที่จะมีมากหรือไม่นั้นสามารถดู้ได้จากการเลือกตั้ง อบจ.สมุทรปราการที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ที่ไม่ปะสงค์ลงคะแนนให้ฝ่ายใดถึงกว่า 10 เปอร์เซนต์ เพราะมีความเบื่อในอิทธิพลของทั้ง 2 ฝ่ายที่ต่อสู้กัน โดยที่ไม่มีตัวเลือกที่ดีให้กับประชาชน และเชื่อว่ามีส่วนมาจากการรับข้อมูลจากการรณรงค์ที่เวทีมัฆวานฯด้วย

ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ เสริมว่า เราไม่ใช่พรรคการเมืองที่ทำพื้นที่หาเสียงมาเป็นเวลานาน แต่เพิ่งมาเริ่มรณรงค์ภายหลังการยุบสภาได้ไม่นาน จึงอาจจะมีข้อเสียเปรียบฝ่ายการเมืองบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นแล้วว่า รัฐบาลปัจจุบันไม่ทำหน้าที่ปกป้องดินแดน และแม้จะมีการเลือกตั้งก็จะได้พวกเก่าๆ เข้ามา ดังนั้นการณรงค์โหวตโนจึงเป็นทางออกของประเทศได้

ขณะที่ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ กรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเมื่อพรรคการเมืองหนึ่งสนับสนุนให้มีการเผาบ้านเผาเมือง ส่วนอีกพรรคการเมืองหนึ่งก็ปล่อยไม่จัดการเข้าไปดูแล รวมทั้งไม่ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย ทั้งยังมีการทุจตริตคอร์รัปชั่นอีกด้วย การออกไปเลือกตั้งแล้วเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็เหมือนกับการยอมจำนนต่อความชั่ว เมื่อมีทางเลือกในการโหวตโน คนไทยก็ไม่สมควรที่จะต้องไปจำนนต่อความชั่ว

ด้าน นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ได้ร่วมแดงความเห็นด้วยว่า ปัจจุบันประชาชนขาวไทยเริ่มมีความคิดความอ่าน ที่ผ่านมาเมื่อการเมืองล้มเหลว ประชาชนไม่พอใจพรรคการเมืองฝ่ายหนึ่งก็จะไปเลือกอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อหมดทางเลือกก็หันไปพึ่งกองทัพให้ออกมาปฏิวัติรัฐประหาร แต่มาถึงวันนี้ตั้งแต่เราเริ่มพูดเรื่องการโหวตโนเพื่อปฏิรูปประเทศ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก เพราะจะเป็นการปฏิรูปการเมืองโดยประชาชนผ่านระบบการเลือกตั้งเป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งหากผลที่ออกมาได้ 5 หรือ 10 ล้านเสียง เชื่อว่านักวิชาการจะเข้ามามีบทบาทเจาะลึกถึงเนื้อหาว่าประชาชนร่วมโหวตโนเพราะเหตุใด นำไปสู่การสร้างกลไกปฏิรูปประเทศในที่สุด

นายพิภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า การโหวตโนคือจุดเปลี่ยนประเทศไทย แต่ก่อนเราไม่พอใจฝ่ายหนึ่งไปเลือกอีกฝ่ายหนึ่ง แต่โหวตโนคือจุดเปลี่ยน ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วยเสียงของประชาชนจริงๆ และขอให้มั่นใจว่าอีก 1 เดือนที่เหลือก่อนถึงวันที่ 3 ก.ค.นั้นกระแสโหวตโนจะสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยอย่าตั้งข้อสงสัยว่าเราออกมาเคลื่อนไหวเพื่อพรรคใดพรรคหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อการเมืองอยู่ในสภาวะนี้แล้ว ควรที่จะเป็นโอกาสของพรรคการเมืองทางเลือกหรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคการเมืองทางเลือกในประเทศยังไม่มีความชัดเจน ทำให้สังคมมองไม่เห็นพรรคทางเลือก แม้แต่พรรคการเมืองใหม่ที่หมดสภาพความเป็นพรรคทางเลือกไปแล้ว เมื่อประชาชนหมดทางเลือก จึงต้องมาร่วมกันปฎิรูปการเมืองโดยการโหวตโน ที่เป็นแนวทางสมานฉันท์ที่สุด เพราะไม่ว่าการเลือกตั้งแล้วพรรคการเมืองใดชนะเข้ามาก็เชื่อว่าจะยังมีความปตกปยกในสังคมต่อไป แต่หากมีกระแสโหวตโนที่มากก็ถือว่าเป็นเสียงของประชาชนที่อยากให้มีการปฏิรูปประเทศ




กำลังโหลดความคิดเห็น