การเลือกตั้งสนามใหญ่เริ่มเชิดฉิ่งตีกลอง พรรคการเมืองต่างๆ หลังได้หมายเลขประจำพรรค ก็เดินสายออกตัวหาเสียงอย่างหน้าดำคร่ำเครียดทันที
ชัดเจนว่า ศึกครั้งนี้เป็นการต่อสู้ชิงดำกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย 2 พรรคการเมืองใหญ่ในประเทศไทย ณ ยามนี้ ต้องวัดกันว่าใครจะได้จัดตั้งรัฐบาล
“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ห้ำหั่นกันโดยคอการเมืองป้องปากนินทาว่าเป็นการต่อสู้ระหว่าง “พระเอกลิเกกับนางเอกหนังตะลุง”
เมื่อปล่อยขบวนเลือกตั้งแล้ว พรรคประชาธิปัตย์โดย “อภิสิทธิ์” นอกจากจะเดินหน้าขายฝันนโยบายตัวเอง ขอโอกาสเดินหน้าทำงานต่อแล้ว ก็ใช้ยุทธวิธีสาดโคลนคู่แข่งตามถนัด เกทับบลัฟแหลกสารพัดโครงการของพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งอวดอ้างว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์จะมาเติมเต็มให้กับชีวิตชาวบ้าน
โหมโรงออกแขกก่อนเล่นลิเก!!
แต่ 2 ปีกว่าที่ผ่านมามันไม่เป็นอย่างที่ปากว่า แทนที่จะใช้เวลารังสรรค์ผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรม กลับ “ดีแต่พูด” หลายเรื่องหลายราว เป็นเพียงการโม้ไปวันๆ ปากพูดปาวๆ ว่าตัวเลขเศรษฐกิจดีแต่ไฉนความเป็นอยู่เรื่องปากท้องชาวบ้านกลับมีแต่สาละวันเตี้ยลง
หากตอนเป็นรัฐบาลสร้างผลงานไว้ได้ดีกว่านี้ คงไม่ต้องเหงื่อตก เอาเท้าก่ายหน้าผากกับคะแนนนิยมที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินลงทุกวัน ตอนเป็นรัฐบาลนอกจากการเกี้ยเซี้ยแบ่งผลประโยชน์กับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ชาวบ้านก็ไม่เห็นว่าจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย นโยบาย 99 วันทำได้จริง รอปีแล้วปีเล่าก็ทำไม่ได้อย่างว่าเสียที
วันนี้เมื่อทำท่าว่าจะเข็นตัวเองไปไม่รอด ก็เลยต้องใช้ฝีปากดิสเครดิต เตะตัดขาคู่แข่งตามถนัด การเมืองจึงไม่ได้ออกมาเป็นรูปแบบเชิงสร้างสรรค์ เน้นแต่สาดโคลนถล่มหวังตีตื้นคะแนนตัวเองขึ้นมา ชาวบ้านร้านช่องก็ได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอา หนีไม่พ้นวังวนเดิมๆ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์กลับมาสู่เส้นทางการหาคะแนนอย่างตรงไปตรงมาแล้ว เชื่อว่าน่าจะเป็นผลดีกว่า
ในขณะที่พรรคเพื่อไทยได้ “ยิ่งลักษณ์” มาสร้างสีสันใหม่ในวงการการเมือง ชูเป็นนายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทย แต่กว่าจะเปิดตัวได้ก็ล่าช้าตามหลังพรรคการเมืองอื่นๆ จึงต้องลุยถั่วหาเสียงจนหน้าดำหน้าไหม้
หนำซ้ำ “ยิ่งลักษณ์” ยังสลัดภาพไม่พ้นนอมินี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯผู้หลบหนีคดีอยู่ต่างแดน ผู้คนเข้าใจว่าจำใจต้องมาเล่นการเมืองเพื่อหวังผลสูงสุดคือช่วยพี่ชายให้กลับประเทศ เรื่องนิรโทษกรรม “ยิ่งลักษณ์” เองก็ไม่ปฏิเสธว่าจะต้องทำ แต่เป็นเรื่องหนึ่งที่จำเป็น
ฉะนั้นมันจึงตอกย้ำซ้ำเติมภารกิจช่วยเหลือพี่ชาย หาใช่การช่วยเหลือประเทศ
วันนี้ตัวตนทางการเมืองของ “ยิ่งลักษณ์” ยังไม่แจ่มชัด ยังไม่เป็นตัวของตัวเอง จนฝ่ายตรงข้ามโห่ฮาว่าเป็นเพียงนางเอกหนังตะลุง ที่ปั้นหน้ายิ้มแต่ถูกคนเชิดอยู่เบื้องหลัง ฉะนั้นเรื่องการสร้างอิมเมจ สร้างภาพลักษณ์ของตัวเอง ให้ประชาชนเข้าใจได้ว่าจะเป็น “นารีขี่ม้าขาว” บุกฝ่าทะลวงฟันด้วยลำแข้งตัวเอง จึงเป็นเรื่องจำเป็นไม่น้อย
การล้างภาพ ลบความทรงจำชาวบ้านออกจากพ.ต.ท.ทักษิณไปก่อน แล้วพยายามผลักดันตัวเองขึ้นมาโดดเด่น ย่อมสร้างแรงบวก เพิ่มคะแนนจากกลุ่มคนใหม่ๆ ได้อีกส่วนหนึ่ง นอกจากมิตรรักแฟนเพลงที่มีอยู่ก่อนแล้ว
ภาพของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นผู้หญิงแถวหน้าของการเมืองไทย ก็เป็นที่รู้จักมักคุ้นของคนไทยอยู่แล้วส่วนหนึ่ง ย่อมไม่ใช่เรื่องยากที่จะสร้างตัวตนให้เป็นจุดสนใจของวงการการเมือง
การขายจุดเด่นว่าจะใช้ความเป็นผู้หญิงเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการปรองดอง ใช้ท่าทีนุ่มนวลของสตรีเพศเจรจากับทุกขั้ว ทุกฝ่าย ฟังแล้วน่าสนใจและมองเห็นความเป็นไปได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน จึงเป็นเรื่องที่ต้องกลับไปขบคิดว่าจะนำตัวเองไปอยู่ในจุดที่ทุกฝ่ายพร้อมเจรจา พร้อมเข้าหา ตามที่บอกว่าจะมาแก้ไข ไม่แก้แค้น ได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ “ยิ่งลักษณ์” ยังจำเป็นต้องก้าวพ้น หรือรักษาระยะห่างกับคนเสื้อแดงไว้พอสมควร ต้องไม่ทำให้เกิดภาพว่าอยู่เบื้องหลัง ให้ท้ายกลุ่มคนเสื้อแดงกระทำการใดๆ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคขัดขวางการเลือกตั้ง ไม่ให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
ภาพของคนเสื้อแดงตามราวี รังควานนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะการคุกคาม “อภิสิทธิ์” ย่อมไม่ส่งผลดีกับ “ยิ่งลักษณ์” แน่ ดังนั้นการออกมาห้ามปราม ติติงไม่ให้มีความเคลื่อนไหวลักษณะดังกล่าวนับเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และจำเป็นต้องออกมาย้ำเตือนอยู่เสมอ
อย่างไรก็ดีเมื่อประชาชนรู้แล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันระหว่าง “ยิ่งลักษณ์” กับ “อภิสิทธิ์” ข้อเสนอให้มีการดีเบตกันของพรรคการเมือง ก็นับเป็นสิ่งซึ่งควรจะให้เกิดขึ้น ประชาชนทั้งประเทศจะได้รับรู้วิสัยทัศน์ รับรู้นโยบาย ของพรรคการเมืองต่างๆ ที่เสนอทางเลือกให้ประชาชน
ควรให้มีการประชันแนวทางของพรรคการเมืองต่างๆ แคนดิเดตนายกฯของแต่ละพรรคการเมือง ควรออกมาเปิดหน้าโชว์ตัวแสดงความพร้อม ให้ประชาชนเป็นผู้คัดเลือก แน่นอนว่าคนที่ชาวบ้านอยากรับรู้รับฟังมากที่สุด หนีไม่พ้น “อภิสิทธิ์” และ “ยิ่งลักษณ์” อย่างไรก็ตามการขึ้นเวทีดีเบตกันจะต้องเป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ ประชาชนได้ฟังนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ที่จะทำหากได้เป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
แต่ถ้าเวทีดีเบตที่จะจัดขึ้น พรรคการเมืองต่างๆ ตั้งแท่นมาสาดโคลน เล่นสงครามน้ำลายใส่กัน ย่อมไม่เกิดประโยชน์ ชาวบ้านคงได้แค่ฟังการวิวาทะเดิมๆ ที่เห็นกันจนชินตาอยู่แล้วในสภาผู้แทนราษฎร จะมาเล่นสำบัดสำนวน ใช้โวหารเชือดเฉือนกัน ก็ไม่เห็นว่าจะเกิดประโยชน์ เกิดสาระอะไรกับประเทศ สุดท้ายมันก็ไม่ต่างจากละครน้ำเน่าหลังข่าวภาคค่ำ
วันนี้ประชาชนทั้งประเทศกำลังเฝ้ารอทางออก ที่ฝ่ายการเมืองเสนอตัวเข้ามานำเสนอ ไม่ต้องการที่จะตกอยู่ในวังวนการเมืองเดิมๆ อีกแล้ว เพราะสภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่เต็มที จะอดตายกันหมดแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็เป็นผลกระทบจากภาคการเมืองทั้งนั้น
ภาพของพรรคการเมือง และนักการเมืองต่างๆ ที่อาสาเข้ามาทำงานให้ประชาชน แน่นอนว่าทุกคนย่อมมีภาพแฝงในเชิงลบของตัวเอง บางคนก็มีภาพของการเข้ามากอบโกยบ้าง บางคนมีภาพของการจะได้มาซึ่งอำนาจเพื่อผลประโยชน์บางอย่างบ้าง บางคนมีภาพของการเข้ามาช่วยเหลือใครบางคนบ้าง
แต่จะมีใครเล่าที่จะทำให้ประชาชนเห็นความตั้งใจจริง ว่าจะเป็นผู้เข้ามาช่วยเหลือประเทศชาติอย่างจริงใจ เห็นความทุกข์ร้อนของประชาชนเป็นอันดับแรก หรือคำตอบ...ยังเป็นอากาศธาตุที่ล่องลอยตามสายลม