“มาร์ค” ตอบโจทย์เรื่องเร่งด่วนที่จะทำถ้าได้เป็นรัฐบาล คือแก้ปัญหาปากท้อง แก้ปัญหายาเสพติด ชี้การนิรโทษกรรมไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ต้องทำโดยผู้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย มิฉะนั้นจะสร้างความขัดแย้งรอบใหม่ให้เกิดขึ้น ปัญหาไทย-กัมพูชาเดินหน้าสู้ในเวทีศาลโลก มรดกโลก ส่วนเรื่องชั่งไข่ถ้าไม่เป็นที่นิยมก็เลิกได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการ “ตอบโจทย์” ทางไทยพีบีเอส ถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ตนเองลงสมัครรับเลือกตั้งมาหลายครั้ง ตอนนี้ความสำคัญของการเลือกตั้งมีมากกว่าเรื่องของคนสวยคนหล่อ ประเทศเราได้ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มามาก อยากให้ประชาชนมีโอกาสได้กำหนดอนาคตของประเทศด้วยการเลือกตั้ง โดยครั้งนี้ตนไม่ได้มองว่าแข่งกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่เป็นการแข่งกันของสองพรรคใหญ่
เรื่องเร่งด่วนที่สุด หากประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล คือ ปัญหาปากท้อง เรื่องยาเสพติด จะสานต่อนโยบายต่างๆ ที่เคยทำมา และจะริเริ่มนโยบายใหม่ๆ เพื่อให้เต็มสิบ มากกว่าจะต้องเริ่มต้นจากศูนย์ ส่วนเรื่องการนิรโทษกรรม ทางพรรคประชาธิปัตย์มองว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวาย เกิดความขัดแย้ง เป็นการเสียโอกาส ซึ่งควรจะเป็นเรื่องของประชาชนมากกว่า ประชาชนต้องตัดสินใจว่าเรื่องเร่งด่วนตอนนี้คืออะไร ตอนนี้ราคาน้ำมันแพง ราคาอาหารแพง ต้องเร่งมาทำงานดูแลบริหารราคาสินค้าจำเป็นต่างๆ มีการตรึงราคาก๊าซ ราคาน้ำมันดีเซล เพราะเป็นต้นทุนการขนส่งสินค้าที่สำคัญ ต้องมีการเพิ่มค่าแรง การประกันรายได้เกษตรกร ส่วนเรื่องนิรโทษกรรมไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ส่วนที่เพื่อนำไปสู่การปรองดองนั้น ตนเห็นว่าการปรองดองที่ดีสุด คือ ต้องคิดและเสนอโดยผู้ที่ไม่มีส่วนได้เสีย
อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ซึ่งปัญหานี้มีความสลับซับซ้อนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2548-49 มาจนถึงทุกวันนี้จะต้องมีคณะกรรมการอิสระขึ้นมาพิจารณา และเสนอแนะต่อรัฐบาล โดยต้องมาจากคนที่เป็นกลาง แต่ถ้าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามา ก็จะเกิดความขัดแย้งกันขึ้นมาอีก ซึ่งจะต้องยึดหลักกฎหมาย ต้องให้มีผู้ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียมาคิด
ตนเห็นว่าจะต้องอยู่ภายใต้กติกา ต้องเคารพกติกา ไม่สนับสนุนความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ต้องพิจารณาไปตามกระบวนการ แต่ถ้ายึดที่ตัวบุคคล ก็จะก่อให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่ ที่ผ่านมารัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงมีอ.คณิต ณ นคร เป็นประธาน ดูแลให้สิทธิในการประกันตัว ให้กรมคุ้มครองสิทธิดูแลเรื่องการประกันตัวผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นรูปธรรมของการปรองดองที่รัฐบาลได้ทำ คณะกรรมการก็จะต้องสรุปข้อเท็จจริงออกมา แต่ละเหตุการณ์ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ง่าย ก็ต้องสอบสวนกันต่อไป โดยรัฐบาลได้กำชับไปให้ทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือกับการสอบข้อเท็จจริงครั้งนี้ โดยแนวทางของอ.คณิต คือจะยึดว่าอย่าสุดโต่ง การนิรโทษกรรมไม่ใช่แนวทางที่จะทำ แต่การใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเกินไปก็ไม่ควรกระทำ ต้องหาทางสายกลาง ที่คิดโดยคนที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย
ถ้าประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำก็จะยืนยันว่า เส้นทางการปรองดองที่ดีที่สุด คือ ให้คนกลางเสนอนแนะ และรัฐบาลต้องทำตาม แต่ถ้าจะไม่ทำตาม ก็ต้องอธิบายกับประชาชนให้ได้ว่าไม่ทำเพราะอะไร โดยไม่ควรคิดให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในทางการเมือง เพราะข้อขัดแย้งก็จะเกิดขึ้นอีก ซึ่งมีข้อจำกัดบ้าง ต้องใช้เวลาบ้าง อย่างไรก็ตามผลที่ออกมาก็คงจะไม่ถูกใจทุกกลุ่ม เพราะมีคู่กรณีกันอยู่ แต่ต้องดูแลกระบวนการให้ได้รับความเป็นธรรม ต้องเป็นธรรมต่อทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย
สำหรับเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ตอนนี้รัฐบาลได้ยุบสภาไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถทำโครงการที่ผูกมัดรัฐบาลชุดใหม่ไม่ได้ รัฐบาลหลังยุบสภาสามารถบริหารได้เท่าที่จำเป็น แต่จะเริ่มโครงการใหม่ผูกมัดรัฐบาลหน้าทำไม่ได้ ถ้าประาธิปัตย์ได้เข้ามาเป็นรัฐบาลอีก โครงการที่ทำแล้วก็จะต่อเนื่อง โครงการประกันรายได้เกษตรกร ก็จะนับต่อจากที่เราทำ แต่ถ้าถูกยกเลิกไป ก็ต้องนับหนึ่งกันใหม่
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงโครงการประชาวิวัฒน์ว่าแตกต่างจากประชานิยม โดยเราทำเป็นระบบ มีความยั่งยืน มีการขยายการประกันสังคมไปสู่ผู้ประกอบอาชีพอิสระ โครงการกองทุนเงินออมแห่งชาติ การประกันรายได้เกษตรกร แก้ปัญหาหนี้สิน เพื่อนำไปสู่การออม เราสร้างโอกาสให้คนมีเงินเก็บ มีสวัสดิการ ในอดีตกลุ่มที่มีระบบประกันมีเพียงข้าราชการ และลูกจ้างในระบบประกันสังคม มีสวัสดิการ มีการรักษาพยาบาล มีบำเน็จบำนาญ ซึ่งสองกลุ่มนี้เป็นคนส่วนน้อย ขณะที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยมีหลักประกัน ไม่มีสวัสดิการ แต่เราไม่ใช่เอาเงินไปแจก แต่เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในระบบประกันได้ ต้องเก็บเงินนำส่งส่วนหนึ่ง รัฐบาลสมทบให้ส่วนหนึ่ง ชาวนาก็จะมีกองทุนสวัสดิการชาวนา มีการหักเงินจากการขายข้าว ซึ่งประชานิยมจะไม่มีเรื่องเหล่านี้ อย่างเรื่องค่าไฟ ก็พยายามปรับโครงสร้างค่าไฟให้ผู้ที่ใช้ไฟมากก็ต้องจ่ายมากขึ้นเป็นขั้นบันได
สำหรับนโยบายขายไข่ชั่งกิโล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะเลิกหรือไม่เลิกก็ไม่ได้กระทบราคาไข่ เพียงแต่เป็นทางเลือกให้ประชาชน แต่ถ้าไม่เป็นที่นิยม ก็สามารถซื้อได้ตามระบบปกติ ซึ่งเราพยายามทำเพื่อให้ราคาไข่ลดลง แต่ถ้าคนไม่นิยมก็ไม่ต้องทำ เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งเท่านั้น
เรื่องปัญหาไทยกับกัมพูชาจะนำสู่ศาลโลกสิ้นเดือนนี้ และสู่ที่ประชุมคณะกรรมกมรมรดกโลกกลางเดือนหน้า รัฐบาลก็ได้เตรียมไปสู้ในเวทีมรดกโลก และศาลโลก เราต้องการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี แต่เรื่องปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียวกระทบมาก เราก็พยายามรักษาสิทธิอธิปไตย โดยต่อสู้ตามแนวทางสากล จุดยืนเรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลมีอำนาจตัดสินใจเต็มที่
สำหรับเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตามธรรมเนียมของเราใครได้เสียงมากกว่าก็ได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน อย่างในประเทศอังกฤษถ้าใครรวบรวมได้เสียงข้างมากก่อนก็จัดตั้งรัฐบาลได้ ออสเตรเลียก็เหมือนกัน แต่ของประเทศไทยให้โอกาสพรรคที่ได้รับเลือกจำนวนเสียงเป็นที่หนึ่งก่อน ซึ่งในอดีตพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยได้ที่หนึ่งแต่ไม่ได้เป็นรัฐบาลมาแล้ว สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลคงจะเหมือนเดิมยาก เพราะครั้งที่แล้วตั้งรัฐบาลไม่ปกติ มีการยุบพรรค มีการเปลี่ยนเสียงในสภา มีการเปลี่ยนขั้ว แต่ครั้งนี้เริ่มจากการเลือกตั้ง ต้องดูจำนวนเสียงที่ได้เข้ามา ถ้าประชาธิปัตย์ได้เสียงข้างมาก ก็จะเป็นแกนนำที่เข้มแข็ง คราวนี้เริ่มกันใหม่
สำหรับการประเมินผลงานตัวเอง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผลงานที่ถือว่าประสบความสำเร็จ มีโครงการเรียนฟรี เบี้ยยังชีพ และโครงการประกันรายได้เกษตรกร ส่วนโครงการที่ยังไม่เป็นที่พอใจ คือ ปัญหายาเสพติด ปัญหาขยายตัวมาก จะต้องเพิ่มมาตรการเพิ่มคนเข้าไป ปัญหาของแพง ประชาชนเดือดร้อน และปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งมีข้อครหามากมาย ตอนนี้ยังทำไม่เสร็จ จะต้องมีการทบทวนวิธีการกำหนดราคากลาง การจ้างที่ปรึกษา ซึ่งเป็นช่องโหว่ของการทุจริต
สำหรับเรื่องการดีเบต หรือโต้วาที นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การดีเบตเป็นเรื่องที่คนอื่นจัด ตนมีความพร้อม การเลือกตั้งมีเวทีให้หัวหน้าพรรค มาพูดคุย ถือเป็นหลักสากล ตนไม่ได้คาดคั้นว่าต้องมีการดีเบต แต่ก็ตอบไปตามหลักการประชาธิปไตย ส่วนการจะดีเบตกับ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ตอบว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ลงเลือกตั้ง และกล่าวต่อไปว่า การดีเบตถือเป็นสิทธิของประชาชนที่จะได้รับรู้รับทราบ ถ้าไม่มีก็ถือเป็นการเสียโอกาสของประชาชน วันนี้ที่เกิดการแตกแยกเพราะต่างคนต่างพูด แฟนใครก็แฟนใคร ต่างฝ่ายก็นั่งฟังกัน สิ่งที่ดีที่สุดคือมานั่งคุยกัน มาบอกมุมมองกันก็จบ วันนี้เรื่องเลือกตั้งเป็นเรื่องของประชาชน ไม่ใช่เป็นเรื่องของตัวบุคคล
ต่อข้อถามที่ว่าตนเก่งแต่พูด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนได้ทำโครงการเรียนฟรี เบี้ยยังชีพ แก้ปัญหาระบบจำนำข้าวซึ่งถือเป็นมรดกบาป โดยใช้ระบบประกันรายได้ และปิดท้ายว่า “บอกมาสิครับมีเรื่องไหนที่ผมพูดแล้วไม่ได้ทำ” นายอภิสิทธิ์กล่าว