“มาร์ค” ไม่จี้ “ยิ่งลักษณ์” ขึ้นเวทีดีเบต ยันไม่รีบร้อนแต่เป็นสิ่งที่จะทำให้ประชาชนมีโอกาสได้ฟังและเปรียบเทียบนโยบาย ลั่น “เพื่อไทย” ต้องอธิบายนิรโทษกรรมให้ชัดหวั่นเกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก พร้อมปัดเป็นนอมินิ “เทพเทือก-เนวิน” อ้างเห็นได้จากการที่ตัวเองไม่ผ่านโครงการต่างๆจนถูกวิจารณ์ว่าขัดแข้งขัดขาคนอื่น
วันนี้ (18 พ.ค.) เมื่อเวลา 18.15 น. ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงอาการป่วยของตัวเองว่า “ยังไม่หายอาการไข้หวัดดี สื่อสนใจจะรับไปบ้างไหม” ส่วนการจับหมายเลขผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตนเองอยากได้เบอร์ที่เป็นเลขเดียว จะได้ชูนิ้วง่าย แต่ไม่มีเลขที่อยู่ในใจ
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครบัญชีรายชื่อหมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย ยังไม่พร้อมที่จะดีเบตในตอนนี้ว่า ยังมีเวลา เมื่อมีการแข่งขันทางการเมืองกันแล้ว ถ้ายึดตามหลักสากลก็ต้องมีวิธีการที่จะให้ประชาชนสามารถที่จะรับรู้รับทราบได้ ก็ให้เวลาอีกสักนิดหนึ่งและเท่าที่ฟัง นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็เห็นพูดเหมือนว่าอยากจะดูกติกากันก่อน ซึ่งตนเองไม่มีปัญหาที่ต้องรีบร้อนอะไร เพียงแต่ว่าไม่ใช่เรื่องอยากหรือไม่อยาก แต่ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะรู้และมีโอกาสฟังและเปรียบเทียบเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการอ้างว่าการดีเบต จะเป็นการขยายความขัดแย้ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มี จะเห็นว่าเวลาที่ตนไปออกรายการกับใคร อย่างไรก็ตามหรือหัวหน้าพรรคคนอื่นๆ ที่เขาออกไปก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ในทางตรงกันข้ามตนว่าประเด็นที่สำคัญคือ ถ้าเรายังอยากจะให้แต่ละคนแต่ละฝ่ายฟังความกันข้างเดียว มีแต่จะทำให้สังคมไม่มีโอกาสมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน รูปแบบที่เขาทำกันในสากลหรือที่ประเทศไทยเคยทำมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร เป็นเรื่องปกติธรรมดา อย่าไปตื่นเต้นกับมัน เรื่องแค่นี้
เมื่อถามว่า คิดว่ามีคำถามอะไรบ้างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ควรจะตอบและบอกกับสังคม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกคนมีคำถามที่จะต้องตอบ ตอนนี้ควรจะให้เวลาแต่ละพรรคได้ดำเนินการเรื่องการสมัครรับเลือกตั้ง แถลงนโยบายกันให้เรียบร้อยก่อน ไม่จำเป็นต้องไปคาดคั้นอะไรกัน แต่ถึงที่สุดแล้วก็เป็นระบบการตรวจสอบอย่างหนึ่ง เมื่อถามว่า มองว่าการดีเบตมีความสำคัญสำหรับนักการเมืองใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถือว่าเป็นกระบวนการปกติ ถ้าเราอยากเป็นประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา เลือกตั้งกันมาปีที่ผ่านมาจะเป็นอังกฤษ ออสเตรเลีย อะไรต่างๆ เขาก็มีการดำเนินการกันทั้งนั้นเป็นหลักของสากลเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า นโยบายเกี่ยวกับเรื่องนิรโทษกรรม นางสาวยิ่งลักษณ์ควรจะอธิบายให้ชัดเจน หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องอธิบายให้ชัดเพราะเป็นสิ่งที่ตนเองเชื่อว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก ไม่ใช่เรื่องของการปรองดอง เวลาที่พูดถึงว่าจะทำให้คนพ้นจากความผิดอะไรต่างๆ มันจะทำให้เกิดการโต้เถียง วันนี้การเลือกตั้งมันน่าจะเป็นเรื่องที่เราก้าวพ้นสิ่งเหล่านี้ มุ่งไปสู่การแก้ปัญหาของประชาชนมากกว่า ซึ่งปัญหาที่รอคอยการแก้ไขใหญ่ๆ ประชาชนสะท้อนออกมาชัดเป็นเรื่องของปากท้อง ยาเสพติด ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ จะมุ่งหน้าตรงนี้ว่าทำอย่างไรเราสามารถที่จะทำการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชน ไม่ควรให้ประเทศมาเสียเวลา โต้เถียงขัดแย้งกันในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง
เมื่อถามว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง ยกตัวอย่างถ้าเลือกนางสาวยิ่งลักษณ์ได้ความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าเลือกนายอภิสิทธิ์ จะได้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย นายอภิสิทธิ์ หัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า ใครจะพูดอะไรก็มีสิทธิ์จะพูด แต่ในที่สุดแล้วคนที่เข้ามาบริหารประเทศ คือจะต้องเป็นคนที่รับผิดชอบ
“ผมก็รับผิดชอบกับสิ่งที่ผมทำมา 2 ปีกว่าๆ บางเรื่องผมถือว่าได้แก้ปัญหาให้กับพี่น้องและบางเรื่องผมก็บอกแล้วว่าเชื่อว่าอาจจะมีคนผิดหวัง แต่ผมก็รับผิดชอบและก็ไม่ได้ไปขึ้นอยู่กับคนอื่นที่ไหนอย่างไร ฉะนั้น การพยายามจะมาสรุปคงไม่ใช่ และถามต่ออีกว่า ถ้าอย่างนั้นต้องไปถามหมดว่าแต่ละคนแต่ละฝ่ายมีความเกี่ยวข้องเกี่ยวพันอะไรกับใคร กับพรรคเพื่อไทย กับเสื้อแดง กับนายณัฐวุฒิ ตกลงความสัมพันธ์คืออะไร มันก็จะถามไปก็ได้ แต่วันนี้ผมคิดว่าถ้าเราเริ่มต้นพยายามจะพูดอย่างนี้ ก็จะทำให้การเมืองกับไปเรื่องของปัญหาความขัดแย้งบ้าง ตัวบุคคลบ้าง ผมยืนยันว่าสิ่งที่ผมตั้งใจทำคือต้องการให้การเลือกตั้งเป็นเรื่องประเด็นของประชาชน เมื่อวานผมไปพบประชาชน 2 จังหวัด ผมว่าเขาอยากฟังเรื่องการประกันรายได้ จะทำต่อหรือไม่ เขาอยากจะฟังว่าเงินสวัสดิการการช่วยเหลือต่างๆ ตกลงแต่ละพรรคจะสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร ผมว่านี่คือปัญหาของประชาชน ซึ่งเขาต้องการจะได้คำตอบจากการเลือกตั้ง เราให้เขาไปใช้สิทธิ์ในฐานะเจ้าของประเทศ เรากลับมาพูดเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของเขา มันก็เป็นเรื่องที่แปลกอยู่ ประชาชนควรจะได้รับการฟังเสียงเรื่องปัญหาของเขาจริงๆ” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โจมตีทั้งสองฝ่ายโดยบอกว่านางสาวยิ่งลักษณ์เป็นนอมินีของพ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนนายอภิสิทธิ์ เป็นนอมินีของนายสุเทพ และนายเนวิน นายอภิสิทธิ์หัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า คงไม่ใช่ มันชัดเจนอยู่แล้ว การตัดสินใจต่างๆ ที่ผ่านมา ตนเองถูกวิจารณ์ แม้แต่โครงการกระทรวงต่างๆ เสนอขึ้นมาไม่ผ่าน ตนก็ถูกวิจารณ์หลายรอบว่าไปขัดแข้งขัดขาคนอื่น อะไรต่างๆ ฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไปบอกว่าตนเป็นตัวแทนของนักการเมืองคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่ แต่บางเรื่องที่เห็นตรงกัน รับผิดชอบร่วมกันก็เดินหน้าไป บางเรื่องเห็นว่าไม่ตรงกันก็ชัดเจน มีหลายเรื่องที่ไม่ผ่านออกมา อย่าว่าแต่พรรคอื่นเลย พรรคเดียวกันก็เหมือนกัน เพราะกระบวนการที่ตนทำงานเป็นไปตามระบบ เป็นเรื่องของประชาธิปไตย ส่วนเรื่องของนางสาวยิ่งลักษณ์ก็ต้องไปถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์
เมื่อถามว่า มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะลดความขัดแย้งได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับประเด็นที่จะนำเสนอ คิดว่าวันนี้วิธีการก้าวพ้นปัญหาความขัดแย้ง เราให้ความสำคัญกับประเด็นของประชาชน ถ้าเราให้การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นเรื่องประเด็นของประชาชน เมื่อการเลือกตั้งผ่านพ้นไป ประชาชนก็จะได้ สิ่งที่เขาต้องการ สังคมก็จะเดินไปข้างหน้า แต่เราพยายามทำให้การเลือกตั้งหรือการเมืองวนเวียนอยู่กับเรื่องของนักการเมืองประเด็นของการเมืองก็จะทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้น วันนี้ตนเองอยากให้เราเดินหน้าประเทศไทยมากกว่าว่ากันด้วยนโยบายที่เกี่ยวข้องกับประชาชนจริงๆ อย่างนี้จะเป็นไปได้เร็วที่สุด มันจะก้าวพ้นความขัดแย้งได้
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี มองเหมือนกับที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชพน.) ว่า ถึงเวลาชิงตำแหน่งนายกฯ อาจไม่ใช่นางสาวยิ่งลักษณ์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่สามารถตอบได้ ตามระบบของรัฐสภากติกาชัดอยู่แล้ว รัฐธรรมนูญบอกให้เลือกนายกฯกันในสภา ขานชื่อกันอย่างเปิดเผย และวันนี้ควรจะถามคนที่ลงสมัคร ส.ส. โดยประชาชนถามส.ส.ในเขตว่าเลือกไปแล้วจะไปยกมือให้ใครก็จะโปร่งใสดี
เมื่อถามว่า การที่พรรคเพื่อไทยส่งนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นตัวนำขบวนในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีคิดว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนถือการเลือกตั้งทุกครั้งมีการแข่งขัน และทุกคนก็ต้องทำให้ดีที่สุด ตนไม่ไปวิจารณ์ใครตอนนี้ ตนถือว่าเป็นเรื่องที่เราต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงแนวความคิดของตนเอง แล้วมาตรวจสอบกัน
เมื่อถามว่า โดยนัยแล้วการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์สู้กับพ.ต.ท.ทักษิณโดยแท้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงต้องถามพรรคเพื่อไทย ตนไม่ไปก้าวล่วงตรงนั้น เพียงแต่บอกว่าเมื่อใครอาสาตัวเข้ามาก็ต้องมาแสดงจุดยืนให้ชัด ตอบคำถามของสังคม รับการตรวจสอบ และแข่งขันกันไปเหมือนกันตนเองและหัวหน้าพรรคคนอื่นๆ ที่เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องได้รับการตรวจสอบจากประชาชนเหมือนกัน เมื่อถามว่า คิดว่าจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์จะเอาชนะใจประชาชนได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่พูดหรอกว่าใครจะชนะใจประชาชน เพราะประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง ตนเพียงแต่บอกว่าแนวความคิดที่เห็นแตกต่างกันชัดเจน ตอนนี้คือประชาธิปัตย์ต้องการที่จะมุ่งหน้า เดินหน้า แก้ปัญหาที่เป็นนโยบายหลักๆ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยจุดประเด็นเรื่องการล้างความผิด โดยอ้างว่าจะเป็นการปรองดองสมานฉันท์ขึ้นมา ตนคิดว่าตรงนี้เป็นทางเลือกที่ชัดเจนดีเหมือนกันว่าสำหรับพี่น้องประชาชน ถ้าอยากให้เป็นเรื่องรัฐบาลใหม่ตั้งต้นขึ้นมา เดินหน้าแก้ปัญหาปากท้อง ยาเสพติด เราก็เสนอทางเลือกให้ แต่ถ้าคิดว่าเรื่องเร่งด่วนที่สุดอย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พูดว่าจะออกกฎหมายเพื่อมาล้างความผิดอะไรต่างๆ อันนั้นเป็นเรื่องสำคัญสุดก็สนับสนุนพรรคเพื่อไทย มันก็มีความชัดเจนในความแตกต่าง
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์จะยอมให้ออกกฎหมายล้างความผิด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มันไม่ใช่ใครยอมไม่ยอม ตนถึงต้องบอกว่าประชาชนต้องคิด ถ้าเราจะมุ่งเน้นไปสู่ความปรองดอง เราต้องการอะไรตนคิดว่าเราต้องการบ้านเมืองที่สงบ มีระบบการเมืองที่ทำงานตามปกติ ตนคิดว่าการจุดประเด็นเรื่องล้างความผิดคนขึ้นมามันมีแต่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนไม่ต้องการความขัดแย้ง แต่ต้องการให้รัฐบาล นักการเมือง มาสนใจปัญหาของเขามากว่าที่จะมาทะเลาะกันในเรื่องปัญหาของนักการเมืองด้วยกันเอง
เมื่อถามว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดิมพัน โดยการส่งนางสาวยิ่งลักษณ์ลงมา เท่ากับประกาศว่าครั้งนี้แพ้ไม่ได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หรือพรรคเพื่อไทยคงไม่อยากแพ้ แต่สำคัญกว่าชัยชนะของพรรคการเมืองคือบ้านเมืองจะเดินอย่างไร ตนยังยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการนำเสนอแนวทางที่จะทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ก้าวให้พ้นปัญหา ซึ่งเป็นปมความขัดแย้ง อย่าไปจุดมันขึ้นมา ส่วนปัญหาที่คิดว่าจะมาช่วยเรื่องปรองดองสมานฉันท์ดีที่สุดคือแนวทางที่เราให้คนกลางที่เรามีคณะกรรมการอิสระเขาช่วยเสนอให้กับรัฐบาลชุดไหนก็ได้ จะได้ไม่มีปัญหาข้อครหาว่าทำให้กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือเป็นพวกตัวเอง อันนั้นดีที่สุด
เมื่อถามว่า หลังเลือกตั้ง แนวทางที่คิดว่าจะทำให้ประชาชนชนะและได้ประโยชน์อย่างแท้จริงจากการเลือกตั้ง คิดว่าเป็นอะไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนอยากเห็นประชาชนได้รัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาให้เขา นั่นคือสิ่งที่เป็นหลักประกันที่ดีที่สุดว่าสังคมและประชาชนจะมีความพึงพอใจจากกระบวนการทางการเมือง ปัญหาทุกวันนี้ ซึ่งการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (18 พ.ค.) ยังต้องเอาปัญหาของประชาชน ปัญหาของบ้านเมืองมาพูดกัน ตนยังติดตามเรื่องราคาสินค้า ยังห่วงอยู่ ทั้งเรื่องน้ำมัน ราคาไข่ แม้วจะมีแนวโน้มดี แต่ก็ยังเป็นห่วง เรื่องหมู ไก่ ปัญหาเหล่านี้อยู่ในใจของประชาชน หรือเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในภาคใต้ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ก็ต้องเอาเรื่องเหล่านี้มาพูดกัน แม้กระทั่งปัญหากับประเทศเพื่อบ้าน แนวทางเรื่องกัมพูชาก็ต้องมาพูดกัน
“ผมไม่คิดว่าวันนี้ ความเร่งด่วนของบ้านเมืองจะอยู่ที่ว่าจะไปนิรโทษกรรม หรือไปล้างความผิดให้ใคร” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามออกมาพูดระยะเวลาการกลับประเทศ ดูเหมือนการเลือกตั้งคราวนี้พรรคเพื่อไทยจะพยายามทุกอย่างเพื่อให้ได้ชัยชนะ นายอภิสิทธิ์กล่าว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยมองว่านั้นคือปัญหาเร่งด่วนของบ้านเมืองก็ต้องพูดออกมาให้ชัด แต่ตนเห็นว่าปัญหาเร่งด่วนของประชาชนคือเรื่องอื่น และหน้าที่ของพรรคการเมือง ส.ส.และสภาน่าจะเป็นเรื่องของประชาชนมากกว่า เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยชัดเจนในการที่จะเอาพ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อปี 2551 ก็มีความพยายามที่จะทำอะไรอย่างนี้ และมันก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าทำอย่างไร ทำแล้วสังคมจะสงบหรือตรงกันข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปี2551 คือเกิดปัญหาความขัดแย้งมากขึ้นและเป็นปมใหม่ของความขัดแย้งขึ้นมาอีก
ส่วนเรื่องการพิจารณา ส.ส.ในส่วนบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์นั้น ได้ผ่านการคัดลือกจากคณะกรรมการบริหารพรรคแล้ว สามารถชี้แจงได้ เพราะกรรมการคัดเลือก กรรมการบริหารมีเหตุผลด้วยกันทั้งนั้น แต่ถามว่าจะพอใจทุกคนไหม คงพอใจทุกคนไม่ได้ เป็นธรรมดา เหมือนกับเรื่องจะลงเขตไม่ลงเขต ลำดับบัญชีรายชื่อก็จะมีคนพอใจ ไม่พอใจ