“ประพันธ์” ให้นิยาม “การเมือง 2 ขั้ว อันตราย” หากฝ่าย “ทักษิณ” ชนะเลือกตั้งก็จะแก้รัฐธรรมนูญนิรโทษกรรมให้ตัวเอง ส่วน “มาร์ค” แหลตลอด ตั้ง คกก.ปฏิรูปประเทศแต่วันนี้ไม่พูดถึงแม้แต่คำเดียว ทำงานเพื่อ 5 พรรคร่วม ประเทศไม่ได้อะไรเลย ย้ำ “โหวตโน” สุดยอดแล้ว ไม่ตกเป็นเครื่องมือนักการเมือง ท้าคอยดูพลังพันธมิตรฯ “โหวตโน” สั่งสอนการเมืองทั้ง 2 ขั้ว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”
วันนี้ (17 พ.ค.) เวลาประมาณ 21.50 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ปราศรัยบนเวที “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า การเมืองวันนี้ตนให้ชื่อว่า การเมือง 2 ขั้วอันตราย ที่ทำลายชาติทั้ง 2 ขั้ว ขั้วหนึ่งคือนายทักษิณ อีกขั้วคือนายสุเทพ นายเนวิน โดยการเชิดนายอภิสิทธิ์
แม้ว่าบางสื่อมวลชนอาจบอกว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอนาคตของประเทศไทย แต่จริงๆ แล้วเป็นการเลือกความบรรลัยของประเทศต่างหาก วันนี้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยังออกมารับเลยว่าเลือก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ได้ทักษิณ เลือกนายอภิสิทธิ์ได้เนวิน สุเทพ แต่ตนขอต่อให้ว่า อยากมีชีวิตใหม่ให้กา “โหวตโน” อย่าไปเลือกใครเลย เพราะเราต้องปฏิเสธทั้ง 2 ขั้ว ทำลายชาติ
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ประชาธิปัตย์พยายามใส่ร้ายพันธมิตรฯ โจมตีว่าแกนนำได้เงินจากนายทักษิณ ทำอย่างกับว่าเราลืมปัญหาที่นายทักษิณทำไว้กับชาติบ้านเมือง เราไม่เคยลืม แต่ที่วันนี้ต้องพูดถึงนายอภิสิทธิ์ถึงมากหน่อย เพราะอยู่ในอำนาจรัฐ แต่ก็ยังด่าน้อยกว่านายทักษิณ เพราะเราด่าทักษิณมาถึง 4 ปีแล้ว จะมาพูดอะไรไม่ได้ ที่สำคัญประชาธิปัตย์คือหัวคะแนนที่ดีที่สุดให้พรรคเพื่อไทย ถ้าทำงานดีเพื่อไทยไม่ได้เกิด แต่เพราะความไร้น้ำยาทำให้วันนี้เพื่อไทยฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ เพราะรัฐบาลประชาธิปัตย์มันห่วยแตก
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า วันนี้ต้องพูดถึงทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อพี่น้องประชาชนจะได้ตัดสินใจว่าทั้ง 2 ฝ่าย เป็นภัยต่อบ้านเมืองทั้งคู่ ตอนนายทักษิณปกครองประเทศ ยึดสื่อ แทรกแซงองค์กรอิสระ โกงเป็นแสนๆล้าน ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง จนกระทั่งถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี แต่รัฐบาลนี้ก็ไม่เคยดำเนินการใดๆ กับขบวนการทักษิณ และขบวนการล้มเจ้าเลย กลับเลี้ยงไข้ไว้เพื่อหาคะแนนเสียงให้ตัวเอง แทนที่จะโชว์ฝีมือการทำงานให้ประชาชนพอใจ กลับหาเสียงว่ากลัวคนเลวมากกว่าให้มาเลือกที่เลวน้อยกว่า มันเป็นการหาเสียงแบบนักการเมืองปัญญาอ่อน
นายทักษิณบอกว่า ยิ่งลักษณ์ไม่ใช่นอมินี แต่เป็นการโคลนนิ่งนายทักษิณเลย ยิ่งหนักกว่าเดิมอีก ที่กล้าพูดแบบนี้เพราะเชื่อว่ามีมวลชนที่เชื่อมั่นในตัวเขาว่าเหนือกว่านายอภิสิทธิ์ ความจริงทักษิณทำเรื่องเลวร้ายไว้เยอะ แต่นายแหล (นายอภิสิทธิ์) ไม่สามารถทำให้คนเหนือ คนอีสาน รู้ถึงความเลวร้ายเลย วันนี้การเมืองไม่ได้สู้กันระหว่างเสื้อเหลือง-แดง แต่สู้กันระหว่างเสื้อแดง-น้ำเงิน และฟ้า เหลืองไม่เกี่ยว เหลืองเพียงแต่อยู่บนภูดูหมากัดกันอย่างเดียว
ที่สำคัญคือนายทักษิณ ไม่ทิ้งนิสัยเดิมมาบอกว่าการเลือกน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะต้องการให้ปรองดอง เป็นวาทกรรมอันฟังดูไพเราะ แต่ก็แหลเหมือนกัน คำถามคือทำไมตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่คิดทำให้บ้านเมืองปรองดอง แต่วันนี้รู้ถึงความไม่พอใจต่อการเผาบ้านเผาเมืองเลยพูดจาเพื่อลดกระแส ถ้าปรองดองจริงหยุดมานานแล้ว แต่ไม่เคยทำเลย ทะลึ่งมาทำตอนเลือกตั้ง
ถ้าอยากปรองดองจริง วันนี้ตัดขาดเสื้อแดง-เสื้อดำ กลับมาไทยเข้าคุก 2 ปี รับโทษตามกฎหมาย ที่พูดมาเชื่อไม่ได้ เวลาอยากได้ประโยชน์ก็พูด แต่พอได้อำนาจกลับหน้ามือเป็นหลังตีนเลย นายอภิสิทธิ์ก็เช่นกันพูดอะไรคนก็ไม่เชื่อ 2 คนนี้แหลพอ ๆ กัน
“ทักษิณพูดอีกว่าแก้รัฐธรรมนูญแล้วปรองดองจะเกิดขึ้นได้ ตกลงยังจะมีการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งก็หนีไม่พ้นนิรโทษกรรมให้ทักษิณ และนักโทษการเมืองอีกจำนวนมาก บอกว่าตัวเองทำกรรมดี ตกลงการโกงไปแสนล้าน ปราบปรามยาเสพติดทำคนตายไป 2,500 ศพ เหตุการณ์ที่ตากใบ กรือเซะ แล้วที่ศาลตัดสินว่าผิดให้จำคุก นี่แสดงว่าไม่เคยรู้ตัวเลยว่าทำอะไรผิด " นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า อีกฝ่ายเห็นคู่แข่งเป็นยิ่งลักษณ์ ก็รีบไปท้าเขาดีเบต คิดว่าตัวเองเก่งเรื่องดีเบต ความจริงแล้ววันนี้การดีเบตเป็นเรื่องไร้สาระที่สุด เพราะพูดเก่งก็แหลเก่งนั่นเอง ประชาธิปัตย์ท้าดีเบตไม่มีใครสนใจอยากฟัง เพราะพูดจากลับกลอกมาตลอด คำดีเบตจึงเป็นคำโกหกกลางอากาศเท่านั้น
ขนาดนายอภิสิทธิ์ พูดออกอากาศทั่วประเทศ ว่าจะดำเนินการปฏิรูปประเทศไทย ตั้งคณะกรรมการปฏิรูป มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน บอกว่าสิ้นปีจะยุบสภา จะมีการเสนอพิมพ์เขียวที่คณะกรรมการทำการศึกษา ปรากฎว่าเลยสิ้นปีมาแผนปฏิรูปของนายอานันท์ ซึ่งเสนอให้เรียบร้อยแล้ว วันนี้นายอภิสิทธิ์ไม่พูดถึงคณะกรรมการปฏิรูปแม้แต่คำเดียว ไม่มีนโยบายจากคณะกรรมการปฏิรูปแม้แต่ข้อเดียว เพราะแผนจากคณะกรรมการเป็นแผนผ่าตัดประเทศไทยหลายเรื่อง ทุกเรื่องสวนทางประชาธิปัตย์และเพื่อไทยท้งหมด ท่านอานันท์ก็เลยลาออกไปแล้ว แต่เพื่อไม่ให้เสียหน้าก็บอกว่าลาออกเพราะรัฐบาลหมดวาระ ทั้งๆที่คณะกรรมการนี้มีเวลาให้ทำงาน 3 ปี
นโยบายหาเสียงก็ปรากฏว่าลอกเพื่อไทยมาทั้งดุ้น เสนอว่าเดินหน้านโยบายเพื่อประชาชน จะทำงานให้พี่น้องประชาชนทุกคน อันนี้ก็แหลอีกแล้ว ตลอดเวลาที่เป็นนายกฯมา พรรคร่วมรัฐบาลได้ประโยชน์มากสุด แล้วยังแหลว่าไม่ได้ทำงานเพื่อคนใดคนหนึ่ง ประชาชนได้อะไรจากคุณ แจกคนชรา 500 บาท ใครก็แจกได้ เพราะใช้เงินภาษีประชาชน ที่ทำงานมา 2 ปีนี้ เพื่อ 5 พรรคร่วม และฮุนเซนเท่านั้น ประเทศไม่ได้อะไรจากคุณเลย
สมัยนายทักษิณมีบ้านเอื้ออาทรณ์ ประชาธิปัตย์ใช้ชื่อว่าบ้านมั่นคง ที่ดูแล้วอยากหัวเราะคือจะจัดการปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาด จะตั้งกองกำลังพิเศษ 2,500 นาย นี่แสดงว่าทำงานไม่เป็น ล้มเหลวไม่เป็นท่า เวลานี้ประเทศไทยมีตำรวจ ทหาร ที่ดูแลเรื่องยาเสพติด มีหน่วยงาน ป.ป.ส. ปปง. ดีเอสไอ มีเครื่องมือครบแล้ว ยังทะลึ่งไปจัดหน่วยงานพิเศษเพิ่ม ที่มีอยู่แล้วยังบริหารให้เกิดประสิทธิภาพไม่ได้เลย ยังจะจัดเพิ่ม แบบนี้คือนโยบายแบบปัญญาอ่อน แสดงถึงความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง นี่เป็นความคิดของคนไม่มีวุฒิภาวะ เอะอะก็จะตั้งหน่วยงานพิเศษ งบเบิกจ่ายก็เบิกแบบพิเศษ
“แล้วนโยบายเอาแผ่นดิน เอาวีระ-ราตรี คืน ก็ไม่มีพรรคไหนเลย ฉะนั้นไม่ผิดแล้วที่ว่าเลือกยิ่งลักษณ์ได้ทักษิณ เลือกอภิสิทธิ์ ได้เนวิน สุเทพ ถึงบอกว่าจะเลือกความเลวแบบไหนแค่นั้นเอง ทุกคนเข้ามาเพื่อชิงอำนาจ ฉะนั้นการตัดสินใจโหวตโนสุดยอดที่สุดแล้วไม่เอาทั้ง 2 ขั้ว ที่เป็นอันตรายต่อบ้านเมือง ไม่ว่าเลือกใครก็อัปปรีย์ไปจัญไรมา วันเลือกตั้งจะเห็นพลังพันธมิตรฯ ว่าจะสั่งสอนการเมืองทั้ง 2 ขั้วอย่างไร” นายประพันธ์กล่าว
