"ทนายสุวัตร" วอน "พล.ต.ต.ประวุฒิ" อยู่เฉยๆทำในสิ่งที่ควรทำ ชี้ถอดยศ "นช.แม้ว" 2 ปีกว่าแล้วยังลอยนวลอยู่ได้ คดียิง"สนธิ" มีชื่อคนร้ายและที่อยู่พร้อมคดียังไม่คืบ เย้ยป้ายหัวสัตย์ใครจะฟ้องหมิ่นเชิญ จะได้รู้ว่าหัวไหนของมัน ยันตั้งทนายเคยรับใช้ "นพเหล่" ไปศาลโลกแพ้เขมรแน่ๆ เชื่อคางคกตู่ตายแน่ อุทธรณ์ไปก็ไม่รอด คำพูดมีนัยยะจาบจ้วงเบื้องสูงชัดเจน
วันที่ 13 พ.ค.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณี พันธมิตรฯถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย หลังไปชุมนุมที่สนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ว่า รัฐบาลแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ดูได้จากสำนวนแต่เดิมมีชื่อ นายถาวร เสนเนียม และนายสาทิตย์ ปิตุเตชะ แต่พอไปถึงชั้นศาลรายชื่อของสองคนนี้หายไป ดังนั้น เมื่อนักการเมืองมาด้วยการซื้อเสียง บริหารบ้านเมืองด้วยความทุจริตคอร์รัปชั่น แล้วเรายังจะปล่อยให้มีการเลือกตั้ง ให้พวกนี้วนกลับมาบริหารบ้านเมืองอีกหรือ ถ้าเราไม่อยากให้กลับมาต้องโหวตโน
ส่วนกรณี พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งปลดป้ายรณรงค์โหวตโน อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา นั้น ก็อยากบอก พล.ต.ต.ประวุฒิ ว่าอย่าทะลึ่งมายุ่งกับป้ายเลย ไปถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก่อนเถอะ เพราะคนที่ถูกถอนยศหลังพ.ต.ท.ทักษิณ เขาก็ถูกถอนยศหมดแล้ว ทำไมพ.ต.ท.ทักษิณ ยังลอยนวลอยู่ได้ ทั้งที่ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปีกว่าแล้ว เมื่อถอดยศได้แล้วพันธมิตรฯจะปลดป้ายให้ อย่างไรก็ดี หากบอกว่าตั้งป้ายโดยไม่ได้อรับอนุญาติ โทษก็แค่ปรับ แต่อย่าลืมโหวตโนเป็นสิทธิตามกฎหมาย ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ก็บอกแล้วไม่ผิด
อีกอย่างพันธมิตรฯไม่ได้บอกว่าหัวสัตย์ในรูปเป็นหัวใคร เมื่อไม่รู้หัวใคร จะมีผู้เสียหายได้อย่างไร หากใครทะลึ่งจะฟ้องหมิ่นประมาทก็เชิญ จะได้รู้ว่าหัวไหนของมัน
“ที่บ้านตน มีหมาเยอะมาก ซึ่งก็ไม่ใช่หมาพันธ์ดีอะไร สงสารเก็บมาจากข้างทาง ไม่ว่าตนจะกลับบ้านดึกดื่นแค่ไหน มันวิ่งกระดิกหางเข้ามาแสดงความรัก ฉะนั้น คนอย่างตนยอมมีหมาเป็นเพื่อน ดีกว่าเพื่อนหมาๆ ก็อยากฝากพี่น้อง ว่า เพื่อนหมาๆอย่าไปคบมัน”
นายสุวัตร กล่าวฝากถึง พล.ต.ต.ประวุฒิ ว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล ถูกยิงตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. บัดนี้ 2 ปีกว่าแล้ว หมายจับผู้ร้ายก็ออกแล้วมีทหาร 2 นาย ตำรวจ 1 นาย ชื่อที่อยู่พร้อม กรุณาไปจับมาดำเนินคดีก่อนได้ไหม ขอให้ทำในสิ่งที่ควรทำ อย่ามายุ่งในสิ่งที่ไม่ควรยุ่งเลย
นายสุวัตรกล่าวว่า รัฐบาลตั้งทนาย ที่เคยทำงานให้นายนพดล ปัทมะ ซึ่งเคยยกปราสาทเขาวิหารให้เขมรมาแล้ว ยังจะไปว่าความที่ศาลโลกอีก มันจะไปกันใหญ่แล้วเตือนอะไรรัฐบาลก็ไม่ฟัง ไปอินโดนีเซียก็เตือนต้องคุยแค่ทวิภาคี ก็ดันไปทะลึ่งประชุมสามฝ่าย เสนอให้ตั้ง ดร.สมปอง สุจริตกุล ไปร่วมเป็นประจักษ์พยาน เพราะเป็นคนรู้เห็นเหตุการณ์เมื่อพ.ศ. 2505 ก็ไม่ทำ เมื่อเป็นเช่นนี้ ตนบอกได้เลยแพ้เขมรแน่ๆ ที่จริงสงครามครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องยิงกันตาย แค่ใช้ยุทธศาสตร์ ตัดไฟ ตัดการค้า ก็สามารถบีบเขมรได้แล้ว มีอย่างที่ไหนระหว่างรบกันอยู่ ดันส่งน้ำมันซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ไปให้เขมรเติมรถถังยิงใส่พวกเรา แล้วอย่างนี้มันจะชนะได้อย่างไร
นายสุวัตร กล่าวถึงคางคกตู่ ติดคุกเพราะ เคยอยู่ร่วมในเหตุการเผาบ้านเผาเมือง แล้วถูกตั้งขอหาเป็นผู้ก่อการร้าย ที่ผ่านมาคางคกใช้เอกสิทธิ์ความเป็น ส.ส. ทำให้ไม่ต้องเข้าห้องขังเหมือนพวกพ้อง อย่างไรก็ตาม ศาลได้วางข้อกำหนดห้าม ก่อความวุ่นวาย สร้างความยุ่งเหยิงในสังคม แต่คางคกกลับมาขึ้นเวทีพูดจาบจ้วงเบื้องสูง ซึ่งถือเป็นการยุสงส่งเสริมความวุ่นวาย ศาลจึงถอนประกันเอาขังคุกทันที ต้องติดคุกไปจนถึงวันอังคาร เพราะราชการหยุดตั้งแต่วันศุกร์ เรื่องนี้ตนฟันธงได้เลย อุทธรณ์ ไปก็ไม่รอด คางคกตายแน่ๆ คำพูดมีนัยยะจาบจ้วงเบื้องสูงอย่างชัดเจน