“ประยุทธ์” ระบุ การดูแลรักษาความปลอดภัยในการเลือกตั้งเป็นเรื่องของตำรวจ แนะประชาชนต้องร่วมมือกับเจ้าหน้าที่จะช่วยให้ตัวเองปลอดภัยด้วย เชื่อ หากทุกคนเคารพกฎหมาย เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายความรุนแรงไม่เกิด ย้ำไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง ปฏิวัติยังไม่ใช่เวลานี้ ด้าน แม่ทัพภาคที่ 1 กำชับกำลังพลห้ามยุ่งเกี่ยวการเมืองและผู้มีอิทธิพล ยันทหารเป็นกลาง อย่าใส่ร้ายล่วงหน้า สั่งเกาะติดมือปืนช่วงเลือกตั้ง จับตาชายแดนไทย-กัมพูชา แหล่งเข้า-ออก บอกอยากให้ประชาชนเลือกพรรคที่สร้างสามัคคี รักชาติ ราชบัลลังก์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในช่วงเลือกตั้ง ว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้เป็นความ รับผิดชอบของทหารโดยตรง แต่ในส่วนของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จะมีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยจะมีการติดตามข้อมูลด้านการข่าวและบูรณาการการข่าว เหล่านั้นไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งหากมีข่าวไม่ดีหรือมีเหตุการณ์ไม่เรียบร้อยก็จะแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงรับทราบเพื่อให้ดำเนินการ ทหารคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องตรงนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นห่วงสถานการณ์ในช่วงเลือกตั้งที่เกิดขึ้นนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนในประเทศไทยก็ต้องเป็นห่วง คงไม่ใช่เฉพาะทหาร ตนเคยบอกไปแล้วว่าประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าได้ไม่ได้อยู่ที่เจ้าหน้าที่ เพียงอย่างเดียว ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ต้องร่วมมือกันทำหน้าที่ในการที่ในการทำให้ประเทศ ไทยมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ประชาชนต้องช่วยกันเฝ้าระวัง รวมทั้งไม่ให้ความร่วมมือในการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ
ทั้งนี้ ตราบใดก็ตามที่ประชาชนยังไม่ตระหนักถึงภัยอันตรายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราเอง ยังร่วมมือกันกระทำผิดกฎหมาย หรือเห็นการกระทำผิดกฎหมายแล้วไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้
ดำเนินการตามกฎหมาย ที่มีอยู่ ท่านก็จะหาความปลอดภัยในบ้านเมืองไม่ได้ ดังนั้น ประชาชนทุกคนต้องร่วมมือกันและแจ้งเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่มีวาระความรับผิดชอบทางกฎหมายอยู่ มีผู้รับผิดชอบโดยตรงอยู่แล้ว ดังนั้นประชาชนต้องมีส่วนร่วม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงเริ่มต้นของการเลือกตั้งก็มีเหตุรุนแรง มีการยิง ส.ส.กันแล้ว กองทัพมองอย่างไรบ้าง ผบ.ทบ.กล่าวว่า ก็แค่เริ่มต้น ยังไม่สามารถพูดได้ กระบวนการประชาธิปไตยก็ว่ากันไป ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ถ้าเรายังแก้กันไม่ได้ก็อย่าไปหาคนอื่นมาแก้ ต้องแก้กันเอง ถ้าทุกเรื่องแก้ไม่ได้หมดก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตนเคยพูดไปตั้งแต่แรกแล้วว่าทหารเรามีหน้าที่ของเราเฉพาะอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าท่านยึดโยงเอาทหารเข้าไปเกี่ยวในทุกๆ เรื่องมันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นอยากในเรื่องต่างๆ เหล่านี้อยากให้สื่อมวลชนได้ไปเตือนไปพูดให้ ประชาชนได้ตระหนักถึงภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น มีการเลือกตั้งมาไม่รู้กี่สิบครั้งแล้ว มันก็มีความรุนแรงทุกครั้ง แล้วตนอยากถามว่ามันเกิดจากใครก็ต้องไปหาให้เจอว่าใครเป็นคนทำให้เกิด แล้วจะต้องดำเนินคดีกับใคร หลายๆ อย่างอยู่ที่ประชาชนเป็นผู้เลือก เป็นผู้ที่กำหนดชะตาของบ้านเมือง เพราะเป็นระบบประชาธิปไตย
“มันไม่ใช่เฉพาะเลือกตั้งแล้วแรง บ้านเมืองไทยมันก็แรงอยู่แล้ว เพราะคนไม่เคารพกฎหมาย ถ้าเคารพกฎหมายทุกอย่างจะจบหมด ถ้าประชาชนเคารพกฎหมาย เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดมันคงไม่มีเรื่อง ดังนั้นมันอยู่ที่ 2 ประเด็นนี้เท่านั้น ประเด็นอื่นๆ มันไม่มีใครที่จะสามารถจะทำนอกกฎหมายได้ เจ้าหน้าที่ก็ทำผิดไม่ได้ ถ้าทำผิดก็ต้องมาว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นทุกอย่างมันต้องมาพูดคุยกันว่าจะทำยังไงให้บ้านเมืองปลอดภัย เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แล้วสังคมเป็นคนตัดสินว่าอะไรถูกอะไรผิด ใครดีใครไม่ดี แล้วท่านจะเลือกตั้งใคร ไม่เลือกตั้งใคร ก็เรื่องของประชาชน โดแล้ว มีประชาธิปไตยมากี่ปีแล้ว แล้วถึงวันนี้ท่านก็ยังมาทวงถามประชาธิปไตยกันอยู่ ผมก็ไม่เข้าใจว่าบ้านเมืองเรามันไม่เป็นประชาธิปไตยตั้งแต่เมื่อไร ก็เห็นเป็นประชาธิปไตยมาตลอด”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทหารพยายามไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่ยังมีบางสื่อที่พยายามเสนอว่าทหารจะปฏิวัติ ซึ่งตนมองว่ามันไม่ใช่เวลาและตนจะไม่พูดเรื่องนี้อีกเพราะพูดมาหลายครั้ง แล้ว แต่ก็ยังมีความพยายามเอาทหารเข้าไปยึดโยงเข้าไปยุ่งเกี่ยว ซึ่งหากจะวิจารณ์อย่างไรก็แล้วแต่ การเมืองจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ ขอร้องอย่าเอาทหารเข้าไปเกีย่ว มันคนละเรื่อง จะเห็นว่าทหารจะถูกลากไปเกี่ยวข้องในทุกๆ เรื่อง ทำให้ประชาชนอาจจะเข้าใจไม่ถูกต้องและทำให้เสื่อมเสียต่อกองทัพบก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เอามาพูดมาว่าทหารอยู่เบื้องหลังของการเมือง ตนเรียนว่าไม่มี เป็นเรื่องของการเมือง
ส่วนที่ กกต.ออกมาระบุห้ามไม่ให้ข้าราชการทำตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ข้าราชการคือใคร เป็นทหารหรือไม่ ถ้าเป็นทหารตนก็จะลงโทษ แต่ถ้าไม่ใช่ทหารก็ให้ต้นสังกัดต่าง ๆเขาดำเนินการ ซึ่งเท่าที่ทราบก็มีการดำเนินการไปแล้ว มีการตักเตือนหรือมีการลงโทษก็ว่าไป ทั้งนี้ ในส่วนของทหารตนได้สั่งไปแล้วว่า ทุกคนต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด พยายามอย่าไปยุ่งเกี่ยว เป็นเรื่องของทางการเมือง เป็นเรื่องของประชาชนที่เป็นผู้ตัดสินในการเลือกตั้ง
พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการติดตามและเฝ้าระวังมือปืนก่อเหตุช่วงการเลือกตั้งว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.ภาค.1) ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหาเบาะแสสิ่งเหล่านี้อยู่ ส่วนที่เกี่ยวข้องก็พยายามติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวอยู่เช่นกัน ในบริเวณแนวชายแดนฝั่งไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะการผ่านเข้า-ออก ของบุคคล สิ่งผิดกฎหมาย และ อาวุธสงครามที่จะนำเข้ามาทำอะไรในช่วงเลือกตั้ง ทางกองทัพภาคที่ 1 ก็พยายามเน้นย้ำมาโดยตลอด และ พยายามดูแลให้ดีที่สุด ติดตามไม่ให้มีความเคลื่อนไหวใดๆ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้สงบเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถือเป็นนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ว่าหากมีความรุนแรงเกิดขึ้นพรรคเพื่อไทยจะพุ่งเป้ามาที่กองทัพ พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า กองทัพบริสุทธิ์ใจที่จะปฏิบัติงาน ไม่เอนเอียง หรือโน้มเอียง ทุกอย่างให้เป็นไปตามระบบ กลไก ยืนยันว่า ผบ.ทบ.เน้นเรื่องวางตัวให้ดี เป็นกลาง ปล่อยให้กลไกในระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไป กองทัพจะดำเนินการด้วยความโป่ร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม การปฏิบัติส่วนใดก็มีความระมัดระวังอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นใครจะมาใส่ร้ายทหาร ก็ยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น วันนี้ยังไม่ได้เริ่มหาเสียงใดๆ หากจะมาใส่ร้ายก็ไม่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ผู้ใหญ่ของทุกพรรคการเมือง คงจะพยายามทำให้ทุกอย่างเรียบร้อย คิดว่าทุกท่านเป็นคนดี คงต้องการให้ทุกอย่างเข้าสู่ระบบ อยากให้ประชาชนพิจารณาสิ่งที่ดีที่สุด พรรคใดที่สร้างความเจริญ ความรักสามัคคี และเพื่อชาติ ราชบัลลังก์ ทหารเองยึดตรงนี้ว่า จะเลือกใครก็ได้ แต่สิ่งที่เข้ามาต้องดีที่สุด และเพื่อชาติ ราชบัลลังก์
พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า ในการประชุมประจำเดือนของกองทัพภาคได้เน้นย้ำให้ผู้บังคับบัญชาทุกลำดับชั้น โดยเฉพาะกำลังพลในระดับล่างไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและกลุ่มอิทธิพล ซึ่งได้กำชับตั้งแต่เริ่มมีข่าวการยุบสภา ทั้งนี้ มั่นใจว่า กำลังพลทุกคนของกองทัพภาคที่ 1 มีความเข้าใจ และจะไม่เข้าไปอยู่ในส่วนที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามนโยบายของ ผู้บัญชาการทหารบก ให้ทหารวางตัวเป็นกลาง ไม่มีส่วนได้เสียกับพรรคการเมืองใด พร้อมให้โอกาสทุกพรรคการเมืองหาเสียงในหน่วยทหาร โดยการเข้ามาหาเสียงนั้นต้องทำด้วยความโปร่งใสถูกต้อง โดยร้องขอเข้ามาก็จะจัดสถานที่ให้พูดคุยเกี่ยวกับนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ แต่การจะเข้ามาส่วนตัว มาตามบ้านพัก โดยไม่แจ้งก่อน คงไม่ได้ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเสมอภาค เท่าเทียม เกิดความโปร่งใส เรียบร้อย