“ประพันธ์” ชี้ประชาธิปัตย์ทำลายฝ่ายตรงข้ามด้วยวิธีใส่ร้ายป้ายสี เป็นดีเอ็นเอพรรคมาตั้งแต่อดีต จนวันนี้ก็กล่าวหา “สนธิ” รับเงิน “ทักษิณ” ลั่นถ้าเป็นจริงป่านนี้รัฐบาลเอาหลักฐานออกมาแล้วเนื่องจากมีเครื่องมือพร้อม ดักฟังโทรศัพท์ตลอด มั่นใจ “โหวตโน” ทำประเทศชาติเปลี่ยนแปลงแน่นอน ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในพลังตัวเอง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”
วันนี้ (6 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ขึ้นปราศรัยบนเวที “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า ตนคิดว่าการที่นายกฯ ทูลเกล้าฯ ขอให้ในหลวงทรงลงพระปรมาภิไธยพระราชกฤษฎีกายุบสภาและให้มีเลือกตั้งใหม่ เป็นการที่ไม่สมควรและไม่บังควรอย่างยิ่ง แม้ว่าเป็นสิทธิของรัฐบาลและเป็นไปตามคำแถลงของนายกฯ ก็ตาม
แต่เนื่องด้วยกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ยังอยู่ในขั้นตอนการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และยังไม่สรุปว่าจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร แต่รัฐบาลก็ชิงยุบสภาล่วงหน้าก่อนแล้ว การกระทำแบบนี้จะเห็นว่าทุกครั้งที่มีการยุบสภารัฐบาลไม่เคยแถลงข่าวแบบนี้เลย
ถ้าจะกราบบังคมทูลให้ยุบสภาจะทำเป็นกาารเงียบๆ ไม่ใช่แถลงให้สาธารณชนรับทราบ ซึ่งเป็นการกดดันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งที่ยังมีกฎหมายลูก 3 ฉบับอยู่ในศาล เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และไม่ใช่วิสัยนักการเมืองที่ดีพึงกระทำ แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงมีพระปรมาภิไธยให้ยุบสภา แต่ก็ไม่สมควรอยู่ดีที่รัฐบาลถือฤกษ์วันที่ศาลยังไม่วินิจฉัยไปทูลเกล้า
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า เชื่อแน่ว่าโดยกระบวนการพิจารณาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยู่ในสถานะที่ลำบาก ถ้าหากขณะที่กฎหมาย 3 ฉบับยังอยู่ในศาล ยังไม่ชัดเจนว่าการจัดการเลือกตั้งจะได้ดำเนินไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ การยื่นเรื่องนี้ให้ไปคาไว้ก่อน ไม่รอคำพิพากษาศาลด้านหนึ่งก็เป็นการไม่เคารพศาลด้วย
ถือว่าเป็นการกระทำที่รุกรี้รุกรน ไม่เคารพต่อศาลและกดดันสถาบันเบื้องสูงด้วย หลายคนบอกว่าที่ยื่นวันนี้อาจเพราะถือว่าเป็นฤกษ์ดี การถือฤกษ์ดีโดยไม่คำนึงถึงประเพณีทางการเมือง ไม่คำนึงถึงการพิจารณาของศาล ไม่เคารพต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ว่าถูกกดดันหรือไม่ เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
นายประพันธ์กล่าวต่ออีกว่า วันนี้ไปให้สัมภาษณ์กับทางช่องสปริงนิวส์ เรื่องโหวตโน เนื่องจากมีคนไปให้สัมภาษณ์ใส่ร้ายพันธมิตรฯ ก่อนหน้านี้ คนนั้นก็คือนายสมศักดิ์ โกศัยสุข โดยจะออกอากาศวันจันทร์นี้ วันนี้ตนเลยไปบันทึกเทปรายการเดอะแชร์ ได้เวลาเท่ากันคนละ 22 นาที นายสมศักดิ์กล่าวหาว่ารณรงค์โหวตโนไม่มีเหตุผล หาว่าพันธมิตรฯ ยุบสภาก็ไม่เอา เลือกตั้งก็ไม่เอา จะเอารัฐประหารหรืออย่างไร
“ผมก็ตอบว่าเรามาชุมนุมเรื่องแผ่นดิน เรื่องอธิปไตย แต่รัฐบาลไม่สนใจแล้วก็จะยุบสภาหนี ก็เลยรณรงค์ให้ประชาชนใช้สิทธิ์แต่ไม่เลือกใคร มันเรียกร้องให้ทหารรัฐประหารตรงไหน ส่วนถึงรัฐประหารก็ไม่เกี่ยวกับเรา จะรัฐประการก็เพราะนักการเมืองชั่วขายชาติกินเมืองจนทหารทนไม่ได้ มันก็ไม่เกี่ยวกับเรา นายสมศักดิ์มาร่วมชุมนุมกับเราหลายรอบ รู้ข้อเท็จจริงอยู่แล้ว การใส่ร้ายแบบนี้ถือว่าเป็นเท็จ บิดเบือนการต่อสู้ของพี่น้องประชาชน” นายประพันธ์กล่าว
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ในรายการก็ถามว่าถ้าโหวตโนแบบนี้แล้วประชาธิปัตย์อาจบอกว่าทำให้เขาแพ้ และเป็นการช่วยให้นายทักษิณกลับมา ตนก็บอกว่าคราวที่แล้วพวกเราเลือกประชาธิปัตย์ เลือกคนที่อ้างว่าเลวน้อย เคยให้โอกาสเป็นนายกฯมาแล้ว ทางการเมืองเมื่อให้โอกาสแล้ว เขาบริหารบ้านเมืองล้มเหลว ไม่ทำหน้าที่ ไม่ปกป้องแผ่นดิน แถมยังโกหกตระบัดสัตย์ เมื่อถึงคราวเลือกตั้งใหม่ย่อมเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะปฏิเสธ และไม่เลือกพรรคที่ล้มเหลวมาแล้ว และเราก็ไม่เลือกเพื่อไทยด้วย มันเป็นสิทธิ์ของเราไม่ใช่หรือ ดังนั้นคุณแพ้หรือชนะเป็นความผิดของเราหรือ หรือเป็นความโง่เขลาของคุณเองที่ไม่เห็นหัวประชาชน
นายประพันธ์ยังกล่าวอีกว่า เมื่อเช้านี้ นายเจิมศักดิ์ ปิ่ทอง พยายามเอาเรื่องเลวน้อยกว่ามายกตัวอย่างที่เขตดอนเมือง ว่านายแทนคุณ จิตต์อิสระ ลงรับเลือกตั้งที่เขตนี้ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เทียบกับนายการุณ โหสกุล ว่าการโหวตโนจะทำคนดีอย่างนายแทนคุณเสียโอกาส
ความจริงแล้วคราวที่แล้วไม่ได้โหวตโนประชาธิปัตย์ยังแพ้เลย เขตดอนเมืองประชาธิปัตย์แพ้มาตลอด ไม่เกี่ยวกับคนดีคนเลวเลย มันอยู่ที่ใครทำงานพื้นที่ มีเสียงจัดตั้ง ดูแลประชาชนดีหรือเปล่า และให้ไปบอกคนที่ลงด้วยยังไม่รู้เลยว่าเป็นคนดีจริงหรือเปล่า คนสมัยนี้ชอบสร้างภาพ ความจริงอาจเป็นคนเลวก็ได้
หรืออาจเป็นคนดีแต่เสือกไปลงพรรคเลวก็เลยแพ้ หรือพรรคทำงานไม่เป็นคนกรุงเทพฯไม่เลือก ลงอีกกี่ครั้งก็แพ้ ฉะนั้นตรรกะที่บอกว่าไม่เลือกใครทำคนดีเสียโอกาส เราไม่ยึดติดที่บุคคล เราเลือกที่ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ไม่เหมือนนายเจิมศักดิ์ ยึดที่ตัวนายอภิสิทธิ์ เวลาอภิปรายคนอื่นยกเหตุผลโน่นนี่ แต่พวกตัวเองเลวกลับเงียบ วาทะกรรมที่ว่าเลือกคนเลวน้อยกว่าหากินไม่ได้แล้ว มุขนี้แป๊กแล้ว
ประชาธิปัตย์เลยคิดกลยุทธ์ใหม่ วันนี้เลยปล่อยข่าวไปทุกวงการว่านายสนธิรับเงินนายทักษิณมารณรงค์โหวตโน นี่คือดีเอ็นเอประชาธิปัตย์ เมื่อหาทุกวิถีทางเอาชนะกระแสโหวตโนไม่ได้ ถ้ามีหลักฐานเอาหลักฐานมาตีแผ่สิ เอาภาพถ่ายมาออก หน่วยข่าวก็มี ทำไมตอนทักษิณให้พรรคเล็กพรรคน้อยมารับเงินที่กระทรวงกลาโหมเอาภาพมาออกจนถูกยุบพรรค นี่คือวิธีการสกปรกและเป็นวิธีการถนัด อยู่ในดีเอ็นเอของประชาธิปัตย์
ก่อนนี้ก็ให้นางนั่น (น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก) บอกว่าตนสู้แล้วรวย ให้คู่ขานายกฯ มาว่าตนโดนไล่ออกจากพรรค ขบวนการใส่ร้ายมาทุกรูปแบบ ถ้าเวทีพันธมิตรฯ ไม่มีเหตุผลข้อเท็จจริง ประชาชนไม่งมงายมานั่งฟังหรอก อภิสิทธิ์เป็นนายกฯ มีเครื่องมือสื่อสารทุกอย่าง มีงบมากมาย ยังไม่สามารถปิดหน้ากากอันชั่วร้ายอยู่เลย มีเครื่องมือติดตามตรวจสอบ ตนรู้ด้วยว่าคู่ขาของนายกฯดักฟังโทรศัพย์พวกเราตลอด เอาตำรวจมาตั้งเป็นผู้กำกับคอยดักฟังโทรศัพท์ ถ้าพวกเราเป็นอย่างนั้นจริงแน่นอนล่อเราตายไปแล้ว
ทั้งหมดนี้ไม่ได้อยู่ใครทำดีทำชั่ว แต่อยู่ที่ใครพูดจริง ใครพูดเท็จ คุณมันโกหก ปลิ้นปล้อน ตอแหล ต่อให้มีสื่ออะไร ก็ปกปิดความจริงไม่ได้ และเรื่องแบบนี้ก็ทำมาแล้วตั้งแต่สมัยใส่ร้ายนายปรีดี พนมยงค์ ด้วยการกล่าวหาว่าฆ่าในหลวงรัชกาลที่ 8 นี่คือดีเอ็นเอของประชาธิปัตย์
ยุคที่สอง 14 ตุลา ตอนประชาชนสู้ประชาธิปัตย์หดหัวในกระดอง พอได้ชัยชนะมีการเลือกตั้งก็แห่เข้ามาร่วมขบวนการเลือกตั้ง ตอนนั้นกระแสสังคมนิยมสูง ประชาธิปัตย์ก็ตีกินบอกว่าประชาธิปัตย์เป็นสังคมนิยมอ่อนๆ เหมือนกัน ทีนี้เลือกตั้งพรรคพลังใหม่มาแรง เป็นพรรคที่รวมตัวกันของเหล่านักวิชาการเลือดใหม่ไฟแรง มันก็ใส่ร้ายว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์คิดล้มล้างสถาบันฯ เวลามรว.เสนีย์ ปราโมช ไปเจอคนในพรรคพลังใหม่ ก็ทำเป็นชื่นชมว่าเป็นคนรุ่นใหม่น่าชื่นชม แต่เบื้องหลังเอารูปคนเหล่านั้นออกมา ทำใบปลิวแจกไปทั่วกล่าวหาว่าเป็นบุคคลอันตรายต่อสังคม
มายุคที่สาม หลังพฤษภาทมิฬ พล.ต.จำลองเป็นฮีโร่ กระแสพลังธรรมสูงมาก ปรากฏว่าประชาธิปัตย์ปล่อยข่าวไปทั่วว่าลุงจำลองพาคนไปตาย
วันนี้ก็พยายามจัดตั้งคนพอตนพูดยังไม่จบ หรือนายสนธิขึ้นพูด จะมีคนประมาณ 10 คน โพสต์ด่าในเว็บไซต์ไว้ก่อนเลย แล้วก็ด่าถ้อยคำเดิมๆ ไม่มีเหตุผล ไม่เคยโต้แย้งด้วยเหตุผลเลย ซึ่งก็เป็นวิธีแบบปัญญาอ่อนล้าหลัง
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า สรุปแล้วการต่อสู้ของเรามาถึงวันนี้ เราได้สร้างคุณูปการต่อชาติบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง ในหมู่พวกเราตนพูดด้วยความปราศจากสงสัยเลยว่าถ้ารัฐบาลรักผลปรโยชน์ชาติจริง พวกเราไม่เคยคัดค้าน แต่วันนี้นายอภิสิทธิ์พิสูจน์แล้วว่าแค่อยากเป็นนายกฯโดยไม่สนใจอะไรเลย มันแตกต่างจากพวกเรา เราไม่ต้องการนายกฯ แบบนี้ เราต้องการผู้นำที่พาประเทศไปข้างหน้า ไม่ใช่พูดแต่ปาก
“วันนี้พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจพวกเรา เพราะเราอดทน เสียสละ ไม่ท้อ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะก้าวเดินไปด้วยกัน และขอให้พี่น้องทั่วประเทศออกมาแสดงพลังร่วมกันถ้ามีการเลือกตั้ง พลังโหวตโนจะเป็นพลังสำคัญที่เปลี่ยนแปลงบ้านเมือง พลังเหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดว่าประชาชนไม่ต้องการการเมืองที่สามานย์เน่าเฟะแบบที่เป็นอยู่นี้ แต่ต้องการการเมืองที่สร้างสรรค์ นักการเมือองมีความรู้ความสามารถ ปกป้องเทิดทูนพระมหากษัตริย์อย่างแท้จริง ต้องการคนดีมาพัฒนาบ้านเมือง ไม่ใช่มาปล้นบ้านกินเมือง แต่เราจะทำเช่นนี้ได้ ก็อยู่ที่พลังของพวกเราที่จะแสดงออก ขอให้พี่น้องแสดงพลังให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ บ้านเมืองจะเกิดเปลี่ยนแปลงแน่นอนขอให้เชื่อมั่นพลังของตัวเอง” นายประพันธ์กล่าวปิดท้าย
คำต่อคำ “ประพันธ์ คูณมี”ปราศรัย
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่านครับ กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องที่รับชมอยู่ทางบ้านและที่อยู่ต่างประเทศ พี่น้องที่เคารพรักครับ วันนี้ท่านคงได้ฟังคำแถลงของคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ร่วมกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไปแล้ว ผมคิดว่าคำแถลงดังกล่าวนั้นมีเนื้อหาสาระสำคัญที่เราน่าจะได้มาพูดถึงกันเพื่อขยายความว่า เมื่อวันนี้รัฐบาลแถลงข่าวว่า ได้ยื่นพระราชกฤษฎีกา กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อให้ทรงลงพระปรมาภิไธย ยุบสภานั้น สถานการณ์การเมืองและการต่อสู้ของพวกเรานับแต่นี้จะเดินไปอย่างไร และเรามีทิศทาง ดังที่แถลงการณ์ออกมานั้นจะเป็นผลดีและเกิดประโยชน์กับการต่อสู้ และต่อชาติบ้านเมืองอย่างไร นี่คือเรื่องสำคัญที่ผมคิดว่า อยากจะพูดคุยกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนเพิ่มเติม
นอกจากนั้นคงมีอีกหลายเรื่องที่อยากจะพูดคุยกับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขบวนการทำลายวิทยากรและแกนนำในการต่อสู้ครั้งนี้ของพวกเรา ขบวนการวิชามารของพรรคประชาธิปัตย์ และคนที่ทรยศต่อพี่น้องประชาชน ที่เดินสายให้สัมภาษณ์โจมตี ให้ร้ายการต่อสู้ของพี่น้องประชาชน และแกนนำในการต่อสู้ครั้งนี้ มีประเด็นและสารสำคัญอย่างไร ผมคิดว่าทุกประเด็นเราควรได้มาทำความเข้าใจร่วมกัน เพื่อที่เราจะได้เดินหน้าต่อไปร่วมกัน อย่างที่มีความเข้าใจเป็นเอกภาพ และมีพลังเป็นหนึ่งเดียวกันครับพี่น้องครับ
พี่น้องที่เคารพรักครับ ผมคิดว่าการที่นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทูลเกล้าฯ เพื่อขอให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงลงพระปรมาภิไธยให้มีการประกาศพระราชกฤษฎีกายุบสภา และให้มีการเลือกตั้งใหม่นั้น ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีความเกี่ยวข้องกับพี่น้องในหลายมิติ หลายประเด็น และในหลายเรื่องที่น่าจะพูดถึง
ประการที่ 1. ผมได้กราบเรียนพี่น้องประชาชนไปแล้วว่า การที่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กราบบังคมทูลถวายพระราชกฤษฎีกาเพื่อลงพระปรมาภิไธยให้มีการยุบสภาในขณะนี้ และแถลงข่าวในวันนี้นั้น โดยความเหมาะสมแล้วผมคิดว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควร และไม่บังควรอย่างยิ่ง ครับพี่น้องครับ แม้ว่าจะเป็นสิทธิ และเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาล และเป็นไปตามคำประกาศ หรือคำแถลงที่นายกฯ ได้ประกาศล่วงหน้าว่าจะยุบสภาในช่วงต้นเดือนนี้ ก็ตามแต่ แต่เนื่องด้วยกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ที่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา ของสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภา ไปแล้วนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญ ยังมิได้ มีคำวินิจฉัยว่า กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับนั้นขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ เป็นกระบวนการพิจารณาผ่านความเห็นชอบจากสภา โดยชอบหรือไม่ มีปัญหาข้อกฎหมายที่ควรจะได้มีการทบทวน พิจารณาใหม่หรือไม่ และสมควรที่จะประกาศใช้เพื่อให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ลงพระปรมาภิไธยประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือไม่นั้น ยังเป็นเรื่องที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล และศาลรัฐธรรมนูญ ดูเหมือนว่าจะนัดประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ และให้รัฐบาลทำคำชี้แจง ในวันจันทร์ที่ 9 พ.ค. หรืออาจจะล่าช้ากว่านั้นก็ได้ สรุปคือ ยังไม่มีความชัดเจนว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยว่าอย่างไร แต่รัฐบาลชิงแถลงข่าว และขอให้มีการยุบสภาล่วงหน้าไปเสียก่อนแล้ว การกระทอย่างนี้ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถ้าพี่น้องติดตามทางการเมืองมาโดยตลอดจะเห็นว่า ทุกครั้งที่มีการยุบสภา รัฐบาลจะไม่เคยแถลงข่าวแบบนี้เลย ถ้าหากว่าจะมีการกราบบังคมทูลเพื่อขอให้มีการยุบสภาจะทำเงียบๆ ไม่ใช่ประกาศและแถลงข่าวล่วงหน้า โดยให้สาธารณชนรับทราบ หรือเป็นการกดดันต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทั้งๆ ที่ยังมีกฎหมายลูกอีก 3 ฉบับ อยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ การกระทำของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ในประเด็นนี้ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง และไม่ใช่วิสัยของนักการเมืองที่ดีพึงจะทำ ครับพี่น้องครับ
แม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะทรงมีพระปรมาภิไธยให้มีการยุบสภา ตามที่รัฐบาลได้กราบบังคมทูลไปแล้วก็ตามแต่ มันยังเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอยู่เอง ที่รัฐบาลจะถือเอาฤกษ์วันนี้ยื่นเรื่องนี้ไปในระหว่างที่ศาลยังไม่มีคำวินิจฉัย เพราะผมเชื่อแน่ว่า โดยกระบวนการพิจารณา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็คงจะอยู่ในสถานะที่ลำบาก ถ้าหากว่าเรื่องนี้ยังอยู่ในการพิจารณาของศาล ยังไม่มีความชัดเจนว่า การจัดการเลือกตั้งจะดำเนินการไปได้โดยเรียบร้อย และเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ เมื่อยื่นเรื่องนี้ไปคาไว้ก่อนโดยไม่รอฟังคำวินิจฉัยของศาลนั้น ด้านหนึ่งเป็นการไม่เคารพศาล ด้วยเช่นเดียวกันครับ ผมจึงถือว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์กระทำเรื่องนี้โดยลักษณะลุกลี้ลุกรน และกระทำการอันเป็นการรีบด่วน และไม่เคารพทั้งศาล และเป็นการกดดันสถาบันเบื้องสูงด้วย อันเป็นการกระทำที่ไม่สมควรที่คนอย่างนายอภิสิทธิ์จะกระทำเช่นนี้ครับ หลายคนบอกว่า ทำไมรัฐบาลจึงยื่นเรื่องนี้ในวันนี้ ก็ทราบมาว่า รัฐบาลคงถือเอาฤกษ์ว่า วันนี้เป็นวันดี การเชื่อถือฤกษ์งามยามดี โดยไม่คำนึงถึงประเพณีทางการเมือง โดยไม่เคารพต่อกระบวนการพิจารณาของศาล โดยไม่เคารพต่อการที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะอยู่ในฐานะถูกกดดันหรือไม่นั้น ผมคิดว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งครับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลได้ยื่นเรื่องนี้ไปแล้ว ผมคิดว่ามันเป็นปัญหาที่เราต้องนำมาคิด นำมาวิเคราะห์ว่า ทำไมเมื่อพี่น้องประชาชน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย มาชุมนุมอยู่ที่นี่นับร้อยวัน 102 วันแล้ว รวมกับที่พี่น้องชาวอโศกชุมนุมอยู่ ชาวกองทัพธรรมชุมนุมอยู่ รวมแล้วน่าจะเป็น 114 วันแล้วนั้น รัฐบาลกลับไม่เคยสนใจข้อเรียกร้องของประชาชนเลยแม้แต่น้อยครับพี่น้อง ถ้ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลที่เคารพเสียงประชาชน และยึดมั่นในหลักการในระบอบประชาธิปไตยแล้ว รัฐบาลควรจะต้องรับฟังข้อเท็จจริง เหตุผล ข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชน ที่เรียกร้องทั้ง 3 ข้อ ดังที่เราได้เรียกร้องและแถลงการณ์ไปแล้ว แต่ปรากฏว่า ตลอดเวลาที่เราชุมนุมอยู่ที่นี่ร้อยกว่าวันนั้น รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นอกจากไม่สนใจข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชนแล้ว ยังได้เกณฑ์นักวิชาการ ระดมโฆษก ระดมทีมงานทางการเมือง ระดมนักจัดราชการ คอลัมนิสต์ ที่อยู่ในโอวาทและอยู่ในกำกับดูแลของรัฐบาล ที่เป็นเครื่องมือ สมุนรับใช้ของรัฐบาล ออกมาโจมตี บิดเบือน ใส่ร้ายการชุมนุม และข้อเรียกร้องของประชาชนมาโดยตลอดครับพี่น้อง ทุกเรื่อง ไม่ว่าเราเรียกร้องเรื่องใด เราบอกว่าประเทศไทยเสียดินแดนแล้ว มีทหารกัมพูชา คนกัมพูชาเข้ามายึดครองแผ่นดินไทย เขาปฏิเสธไม่ยอมรับฟัง แล้วบอกว่า เรายังไม่เสียดินแดน แต่โดยข้อเท็จจริงก็เป็นที่ประจักษ์แล้ว และตัวเขาก็ออกมาพูดเองในวันนี้ว่า ทหารและคนกัมพูชา ยังยึดครองดินแดนประเทศไทยอยู่ ณ ขณะนี้ ใช่ไหมครับพี่น้อง
นอกจากยอมรับว่า 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของประเทศไทย และมีทหารกัมพูชา คนกัมพูชามายึดครองแผ่นดินไทย ทั้งปฏิเสธการที่ผู้แทนอินโดนีเซียจะเข้ามาสังเกตการณ์บริเวณพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร โดยยื่นข้ออ้างข้อต่อรองว่า จะต้องให้ทหารและคนกัมพูชาออกไปจากดินแดนบริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร เสียก่อน การที่จะมีผู้สังเกตการณ์เข้ามา รัฐบาลไทยจึงจะพิจารณาในเรื่องนี้ นี่เท่ากับนายอภิสิทธิ์ยอมรับอยู่แล้วว่า วันนี้ ทหารและคนกัมพูชายึดครองแผ่นดินไทยอยู่อย่างแน่นอนครับพี่น้องครับ และไม่เพียงยึดครองเพียงเท่านี้ ยึดครองอยู่ตลอดต่อเนื่องมายาวนานจนกระทั่งถึงปัจจุบัน แม้ตั้งแต่เหตุปะทะกันเมื่อเดือน ก.พ.จนกระทั่งถึงขณะนี้ ก็ยังไม่ถอนกำลังออกไป นี่คือความผิดพลาด และความรับผิดชอบที่นายอภิสิทธิ์ ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมืองเลยแม้แต่น้อยในเรื่องนี้ วันนี้กลับให้รักษาการโฆษก ดร.ปณิธาน ออกมาแถลงว่า เป็นหน้าที่ของทหารที่จะต้องทำหน้าที่ในการปกป้องดินแดน เอกราชและอธิปไตยของตนเอง รัฐบาลได้แถลงและยืนยันไปแล้วว่า 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นดินแดนของประเทศไทย นอกจากไม่รับผิดชอบแล้วยังกำลังจะปัดความรับผิดชอบและโยนความผิดไปให้ทหาร ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ออกคำสั่งให้ทหารปฏิบัติการใดๆ เลยครับพี่น้อง
ผมเชื่อแน่ว่า ทหารไทย ศักยภาพของกองทัพไทยนั้น สามารถรุกรบขับไล่กำจัดทหารกัมพูชาที่เข้ามารุกรานดินแดน เอกราชและอธิปไตยของไทยได้ สั่งวันนี้ผมก็เชื่อว่า เขาปฏิบัติการได้โดยทันที จะไม่มีทหารเขมรอยู่แม้แต่คนเดียวได้เลยครับถ้ารัฐบาลกล้าสั่ง แต่ด้วยความที่รัฐบาลไม่มีคำสั่ง ไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ แล้ววันนี้ทำไมเหตุการณ์การปะทะกันตามชายแดนจึงสงบ ก็เพราะรัฐบาลวันนี้ นายกฯ เดินทางไปประชุมที่อินโดนีเซีย นายฮุน เซน ก็ไปที่อินโดนีเซีย เป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน จึงได้มีการสั่งให้ทหารยุติการปะทะกันตามแนวชายแดนก่อน สั่งให้ยุติการปะทะก็สั่งได้ ถ้าจะสั่งให้ทหารรบขับไล่คนกัมพูชา ทหารกัมพูชา ทำไมจะสั่งไม่ได้ใช่ไหมครับพี่น้อง ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองเลย ปัญหาว่า วันนี้ทำไมจึงรีบเอาเรื่องการยุบสภา เพื่อดึงความสนใจของคนไปสู่การเลือกตั้ง
พี่น้องครับ การยุบสภาของรัฐบาลในครั้งนี้จึงไม่มีอื่นใดเลยนอกจาก 1. เขาได้ประโยชน์สมใจแล้ว คือ สามารถประชุม ครม.อนุมัติโครงการนับแสนๆ ล้าน เพื่อให้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลไปเก็บเงินจากนักธุรกิจเจ้าของโครงการที่ได้ประโยชน์จากการอนุมัติโครงการนั้น เตรียมกระสุนดินดำเพื่อเอาเงินไปซื้อเสียงลงเลือกตั้งไว้พร้อมแล้วครับ เขาได้ประโยชน์ตรงนี้ไปแล้ว
2. ก็คือ ปัญหาการประชุมมรดกโลกกำลังจะเกิดขึ้น ปัญหาเรื่องดินแดนยังแก้ไม่ได้ เลยรีบยุบสภาปัดความรับผิดชอบ หนีความรับผิดชอบ โดยที่ตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่ต้องปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชน นี่คือการหนีปัญหาของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ การเลี่ยงความรับผิดชอบ หนีปัญหา โดยหวังว่า เมื่อดึงความสนใจของประชาชนไปสู่การเลือกตั้งแล้ว จะอาศัยกลไกที่ตัวเองกุมอำนาจรัฐ ตัวเองที่อนุมัติโครงการต่างๆ พรรคร่วมรัฐบาลโกงจนอิ่มหมีพีมัน มีเงินเป็นกระสอบๆ พร้อมซื้อเสียงเลือกตั้ง หวังว่าตัวเองจะชนะกลับมา แล้วจะได้เอาผลเลือกตั้งมาลบล้างความล้มเหลวในการไม่ปกป้องดินแดน เอกราชอธิปไตย ของตนครับพี่น้อง
นี่คือความคิดของนายอภิสิทธิ์ คิดเพียงจะแก้ไขปัญหาการเมือง ปัดสวะให้พ้นหน้า แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ เพื่อหวังจะฟอกตัวเองและกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง โดยอาศัยเงื่อนไขว่า ถ้าตัวเองเลือกตั้งไม่ได้เสียงข้างมาก จะอาศัยวิชามารแบบเดิมๆ รวมเสียงให้ได้มากกว่าพรรคฝ่ายค้าน แล้วจะขอเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยผูกมัดพรรคร่วมรัฐบาลแล้วด้วยการอนุมัติโครงการ อันเป็นการมัดใจพรรคร่วมรัฐบาลนั่นเองครับพี่น้อง นี่คือเล่เหลี่ยมและกลเกมทางการเมืองของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นอกจากนั้นมีการอนุมัติโครงการโดยการซื้อใจข้าราชการด้วยการเพิ่มเงิน สิทธิผลประโยชน์ต่างๆ ให้กับเจ้าหน้าที่และข้าราชการ รวมทั้งซื้อใจกองทัพและทหารหวังจะใช้ทหารมาเป็นเครื่องมือร่วมกับตนเอง ในการรักษาอำนาจและกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้งหนึ่งครับพี่น้อง ทั้งหมดนี้เป็นไปตามสิ่งที่ผมเคยพูดกับพี่น้องมาก่อนแล้วไม่มีผิดครับ
ทีนี้วันนี้ เมื่อรัฐบาลยุบสภาอย่างนี้ ก็มีคำถามตามมาว่า แล้วถ้าทีของพี่น้องประชาชน การชุมนุมของพี่น้องที่นี่จะเดินหน้าไปอย่างไร และท่าที ทิศทางที่เราจะเดินต่อไปนี้จะเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติอย่างไร นี่คือปัญหาที่น่าสนใจครับ เพราะขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พรรคที่จะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งนั้น อย่างที่คุณสนธิพูดไปแล้ว ก็อัปรีย์ไปจัญไรมา รู้อยู่แล้วว่า 2 พรรคนี้มีจุดยืน แนวทาง นโยบายไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย ผมได้สาธยายไปแล้วครับ ถ้าพรรคนี้เลวพรรคนี้ก็ชั่ว ถ้าพรรคนี้ไร้ประสิทธิภาพ ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหา พรรคนี้ก็พอๆ กัน ถ้าพรรคนี้โกงพรรคนี้มันก็โกงเหมือนกัน ถ้าพรรคนี้นายกฯ น่อมแน้มไร้ประสิทธิภาพก้มหัวให้กับฮุน เซน อีกพรรคหนึ่งที่จะมาไม่มีหลักประกันว่า จะมาแก้ไขปัญหาเอกราชอธิปไตยของชาติอย่างสมเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีได้หรือไม่ ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้เป็นอนาคตและความหวังของประชาชนเลยครับพี่น้อง การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจึงไม่ใช่คำตอบ จึงไม่ใช่ทางเลือกทางออกของบ้านเมือง เราพูดกันมามากแล้วในประเด็นนี้ ผมเชื่อแน่ว่า ไม่ว่าจะถามอีกกี่ครั้ง ประชาชนได้คำตอบตรงกัน อย่างเดียวกันว่า ประชาชนวันนี้เบื่อพรรคการเมือง เพื่อนักการเมืองที่มาให้ประชาชนเลือกอยู่ในขณะนี้ ทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกคน มันกลายเป็นว่า เราจะเลือกพรรคที่โกงแบบนี้ หรือจะเอาโกงแบบนี้ เราจะเลือกพรรคที่เลวแบบนี้ หรือชั่วแบบนี้ มันไม่ใช่เป็นการรณรงค์อย่างที่ กกต.บอก ผมถึงบอกว่า กกต.ครับ ถ้ายึดถือตรรกตามที่นายอภิสิทธิ์บอก ให้เลือกพรรคที่เลวน้อยกว่า ถ้าอย่างนั้นที่ กกต.รณรงค์ให้ประชาชนใช้สิทธิ์เลือกตั้งเลือกคนดีเข้าสภา ต้องเปลี่ยนเป็นรณรงค์ให้เลือกคนเลวน้อยกว่าเข้าสภา โดยความเป็นจริงมีไหม ที่ท่านรณรงค์ให้คนดีเข้าสภา คนดีอยู่ที่ไหน เพราะที่ส่งมาให้ประชาชนเลือกตั้งขณะนี้ และนักการเมืองยอมรับกันเองในขณะนี้ก็คือ พวกกูเลวเหมือนกันหมดครับ มันจึงเป็นการเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนไปเลือกคนเลวกลับคืนสู่สภา และที่บอกว่า ยุบสภาเป็นการคืนอำนาจให้กับประชาชน มันไม่ใช่ มันเป็นการฟอกความผิดและคืนอำนาจให้นักการเมืองต่างหากครับพี่น้อง ไม่ใช่คืนอำนาจให้ประชาชน นี่คือปัญหา เมื่อปัญหาเป็นดั่งนี้ ปัญหาแผ่นดิน ปัญหาเอกราชอธิปไตย ปัญหาชาติ ไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาวีระ ราตรี ที่ถูกจองจำอยู่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหานักการเมืองโกง ทุจริตก็ไม่ได้รับการแก้ไข เลือกไปก็กลับมาทำหน้าที่โกงบ้านกินเมือง ขายชาติขายแผ่นดินอีกเหมือนเดิมไม่มีผิดครับพี่น้อง
เพราะฉะนั้นเรามาชุมนุมที่นี่เพื่อคัดค้าน และเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบต่อปัญหาแผ่นดิน ปัญหาเอกราชอธิปไตยของชาติ คัดค้านเรื่องการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ขับไล่คนกัมพูชาออกไปจากแผ่นดินไทย ทหารกัมพูชาออกไปจากแผ่นดินไทย เมื่อรัฐบาลยุบสภาแล้วปัญหานี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ขณะเดียวกัน การประชุมมรดกโลก ขณะนี้ทราบแล้วครับพี่น้องว่า จะมีการประชุมระหว่างวันที่ 19 - 29 มิถุนายน และกรณีจะพิจารณาเรื่องมรดกโลกปราสาทพระวิหาร ทราบว่าจะประชุมประมาณวันที่ 26 มิถุนายน ถ้าหากว่ามีการประชุมในระหว่างนี้รัฐบาลก็ยังไม่มี และกำลังจะไปสู่การเลือกตั้ง รัฐบาลจะไม่ทำหน้าที่อย่างเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ และเรายังไม่รู้ว่าปัญหานี้จะจบลงอย่างไร แต่การชุมนุมของพวกเราอยู่ที่นี่จะเป็นแรงกดดันให้รัฐบาลต้องทำหน้าที่อย่างเอาจริงเอาจังในการรักษาประโยชน์ชาติ ในเรื่องนี้ครับพี่น้อง ถ้าเรายุติการชุมนุม คนจะไม่สนใจการประชุมมรดกโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น และรัฐบาลจะไม่เอาจริงเอาจังในการรับผิดชอบในการทำหน้าที่เรื่องนี้ และการประชุมคราวนี้ครับพี่น้อง ยืนยันว่าจะไปประชุม เดิมทีประชุมที่ประเทศบาห์เรน เป็นเจ้าภาพในการประชุม แต่ทราบว่าที่ประเทศบาห์เรนมีเหตุวุ่นวายทางการเมือง มีเหตุการณ์ชุมนุมและลุกขึ้นสู้ของประชาชนแบบเดียวกับอียิปต์ ตูนิเซีย ลิเบีย เหตุการณ์วุ่นวาย การประชุมมรดกโลกคราวนี้ดูเหมือนว่าจะเลื่อนไปประชุมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ครับพี่น้อง นี่มันยิ่งจะเข้าทางฝ่ายกัมพูชาเลยครับพี่น้อง เพราะไปประชุมที่ประเทศฝรั่งเศส และประเทศฝรั่งเศสตัวตั้งตัวตีสนับสนุนกัมพูชา เพราะกัมพูชาเป็นอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศส และเป็นผู้สืบสิทธิ์จากประเทศฝรั่งเศส ในการทวงปราสาทพระวิหาร และฟ้องร้องเรื่องปราสาทพระวิหาร ที่วุ่นวายอยู่ในขณะนี้เรื่องเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา มาจากฝรั่งเศส ถ้าไปประชุมที่ฝรั่งเศสแล้วไม่มีการชุมนุมของพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่นี่ คอยกดดัน คอยเรียกร้อง คอยติดตามการประชุมครั้งนี้ การขึ้นทะเบียนมรดกโลกอาจจะผ่าน และจะทำให้ผนวกเอาแผนที่ แผนบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบ ผนวกเอาแผ่นดินไทยโดยรอบ ไปด้วยในคราวนี้ก็ได้ การชุมนุมของเราจึงมีความหมายเพื่อปกป้องแผ่นดินในเรื่องนี้ครับ นี่คือเหตุผลที่คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย จึงตัดสินใจให้มีการชุมนุมจนกว่าเราจะทราบผลการประชุมของคณะกรรมการมรดกโลก ครับพี่น้อง
และการประชุมคราวนี้แตกต่างจากคราวก่อนที่รัฐบาลเอาตัวรอดมาได้ ที่ๆ ประชุมเลื่อนการพิจารณามาคราวนี้ เพราะการประชุมคราวนั้น การเสนอแผนบริหารจัดการของฝ่ายกัมพูชาให้ฝ่ายไทย เป็นการเสนอแผนบริหารจัดการในลักษณะกระชั้นชิด ทำให้ประเทศไทยไม่มีเวลาพิจารณา โต้แย้ง ประกอบกับสถานการณ์ในขณะนั้น ฝ่ายไทยหยิบยกข้อเท็จจริง ข้อมูลเรื่องที่บริเวณปราสาทพระวิหารมีการซ่องสุมกำลังทหารและกำลังอาวุธ เท่ากับพื้นที่ปราสาทพระวิหารเป็นพื้นที่อันตราย ไม่สงบ ทำให้คณะกรรมการที่พิจารณาคราวที่แล้วจึงเลื่อนการประชุมมาคราวนี้ โดยขอให้ฝ่ายกัมพูชาส่งแผนบริหารจัดการให้ฝ่ายไทยรับไปพิจารณา และนายสุวิทย์ คุณกิตติ ได้เซ็นรับมาแล้วตั้งแต่การประชุมคราวที่แล้ว ครับพี่น้อง ทีนี้การประชุมคราวนี้จะต้องเป็นการพิจารณาว่า จะให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบ เว้นแต่ว่าฝ่ายไทยจะมีเหตุผลข้อเท็จจริงที่จะไปโต้แย้ง คัดค้าน และทำให้คณะกรรมการมรดกโลกเห็นว่า เงื่อนไข ข้อเรียกร้อง แผนบริหารจัดการทั้งหลายที่ฝ่ายกัมพูชาเสนอมานั้น ไม่เป็นที่เห็นพ้องต้องกัน ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์เงื่อนไข และที่ประชุมทั้ง 21 ชาติไม่เห็นพ้องด้วย แต่ในขณะนี้เรายังไว้ใจไม่ได้ เพราะบรรดาคณะกรรมการทั้งหลายที่พิจารณาเรื่องนี้ เสียงส่วนใหญ่มีท่าที ความเน้มเอียงไปในลักษณะที่จะเห็นด้วยกัยฝ่ายกัมพูชา ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องชุมนุมอยู่ที่นี่เพื่อกดดัน ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับประชาคมโลก และคณะทำงานของรัฐบาลไทย ในการจะทำหน้าที่ปกป้องเรื่องนี้
พี่น้องครับผมพูดเล่นๆ แต่อาจจะเป็นจริง ถ้ารัฐบาลไทยคิดจะสู้เรื่องนี้จริงๆ สู้แล้วไม่สามารถโน้มน้าวบรรดาคณะกรรมการให้เปลี่ยนความตั้งใจในเรื่องนี้ได้ ผมคิดว่ามีทางเดียวคือ ต้องยิงถล่มปราสาทพระวิหารแล้วเข้ายึดเลยครับ การขึ้นทะเบียนมรดกโลกถึงจะไม่สามารถขึ้นได้ จริงๆ แล้วขณะนี้เหตุที่ปะทะกัน และฝ่ายกัมพูชาเอากำลังทหารเข้าไปตั้งและประจำการอยู่ในปราสาทพระวิหารนั้น เราควรจะมีข้อมูล ภาพถ่ายหลักฐานมากเพียงพอจะไปแสดงกับคณะกรรมการมรดกโลกให้เห็นว่า พื้นที่ปราสาทพระวิหารนั้น เป็นพื้นที่มรดกโลกอันตราย ไม่อยู่ในเงื่อนไขที่องค์การมรดกโลกจะอนุมัติ เห็นชอบให้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ นี่คือประเด็นที่รัฐบาลไทยต้องทำหน้าที่ในเรื่องนี้ เราอยู่ที่นี่จึงจะเกิดประโยชน์มากกว่ายุติการชุมนุม พี่น้องเห็นด้วยและปรบมือแสดงความเห็นชอบแล้วใช่ไหมครับ
นอกจากนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย แกนนำพันธมิตรฯ และประชาชนที่มาร่วมชุมนุม ผู้รักชาติทั้งหลาย เราเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้เราจะรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์ โดยกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน เพื่อให้เกิดพลังในการเรียกร้องประชาชนขึ้นมาร่วมกันปฏิรูปการเมืองประเทศไทยครั้งใหญ่ครับ นี่คืองาน ภารกิจที่สำคัญของพวกเรา เราจะไม่ปล่อยให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้ง เพื่อเอาสิทธิ์และเสียงของเราไปรับรองอัปรีย์ไปจัญไรมาให้ขึ้นมาปกครองบ้านเมือง เราจะไม่ปล่อยให้การใช้สิทธิ์ของเราเสียเปล่าโดยไม่เกิดประโยชน์ในการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองแต่อย่างใด นี่เป็นการใช้สิทธิ์ครั้งประวัติศาสตร์ของประชาชนไทยที่จะไปใช้สิทธิ์อย่างมีความหมายทางการเมือง เพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ดี ที่โปร่งใส ที่สะอาด ที่สร้างสรรค์ และเป็นการเมืองที่ประชาชนเห็นอนาคตและมีความหวังครับพี่น้องครับ มิฉะนั้นแล้ว นักการเมืองที่ลงเลือกตั้งแต่ละครั้งจะได้ใจและอวดอ้างว่า ประชาชนทั้งประเทศเลือกเขามา เลือกกูมา กูจะโกง กูจะกินอย่างไร มันก็เป็นสิทธิ์ของกู ต่อไปนี้คุณอ้างไม่ได้แล้วถ้าพลังโหวตโนออกไปทั้งแผ่นดิน
วันนี้ผมไปบันทึกรายการของช่องสปริงนิวส์ ตอบคำถามเรื่องโหวตโน ที่มีคนไปให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ใส่ร้ายพวกเรา คนที่ไปสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ใส่ร้ายพวกเราก็ไม่ใช่ใคร คือ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ผมจึงต้องทำหน้าที่เป็นปากเสียงแทนพี่น้องประชาชน เขาไปให้สัมภาษณ์เหมือนนายเจิมศักดิ์ไปสัมภาษณ์ตอบโจทย์ ที่ไทยพีบีเอส วันนี้ สมศักดิ์ โกศัยสุข ไปบันทึกเทปที่ช่องสปริงนิวส์ จะออกวันจันทร์ บันทึกเทปเมื่อวานนี้ วันนี้เขาสัมภาษณ์ผม บันทึกเทปในรายการเดอะแชร์ ผู้สัมภาษณ์คือ นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ เวลาเท่ากัน คนละ 22 นาทีเต็มๆ คุณสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์กล่าวหา พาดพิงพี่น้อง หาว่าพวกเรามารณรงค์โหวตโนโดยไม่มีเหตุผล มาชุมนุมที่นี่เขาจะยุบสภาก็ไม่เอา เลือกตั้งก็ไม่เอา แล้วจะเอาอะไร จะเรียกร้องให้ทหารมารัฐประหารหรืออย่างไร หาว่าพวกเราเรียกร้องแบบนั้น ผมถึงต้องตอบไปว่า ที่เรามาชุมนุมอยู่นี้เรามาเรื่องแผ่นดิน เรื่องเอกราช เรื่องอธิปไตย แต่รัฐบาลไม่รับผิดชอบ ไม่มีใครรับผิดชอบแล้วจะยุบสภาหนี เราก็รณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์กาในช่องไม่ลงคะแนน มันผิดตรงไหนครับ มันเป็นการเรียกร้องให้ทหารมาปฏิวัติรัฐประหารตรงไหน ส่วนประเด็นถ้าทหารจะปฏิวัติรัฐประหาร ก็ไม่เกี่ยวกับการชุมนุมของเรา มันเกี่ยวกับรัฐบาลทำความชั่วความเลว ขายชาติ โกงบ้านกินเมือง เขาทนไม่ได้ เขาจัดการคุณเอง มันก็ไม่เกี่ยวกับเรา และทุกครั้งถ้าจะมีเหตุปฏิวัติรัฐประหาร ก็ไม่เกิดจากการชุมนุมของพี่น้องประชาชน มันเกิดขึ้นจากคณะปฏิวัติรัฐประหารเขาเห็นว่า ถ้าปล่อยให้นักการเมือง พรรคการเมือง บริหารลากดึงประเทศไปแบบนี้ชาติบ้านเมืองก็ล่มจมย่อยยับ ประเทศเสียหาย สถาบันและความมั่นคงของชาติถูกระทบกระเทือน เขาก็จัดการคุณเอง เป็นดุลพินิจและเป็นหน้าที่ของเขาเอง ที่เขาเห็นว่า ทางใดที่บ้านเมืองจะอยู่รอด แต่ไม่ได้หมายความว่า ผู้ชุมนุมไปกวักมือ ไปเรียก ไปขอร้องให้เขามาทำ ถ้าเขาจะทำก็เป็นหน้าที่ของเขาที่เขาเห็นว่าควรจะทำหรือไม่ควรทำ ไม่เกี่ยวกับเรา เพราะฉะนั้น คุณสมศักดิ์มาร่วมชุมนุมกับพวกเราไม่รู้กี่รอบ และรู้ดีอยู่แล้ว จึงไม่ควรพูดจาป้ายสี ใส่ร้ายพี่น้องประชาชน การใส่ร้ายแบบนี้ผมถือว่า เป็นการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จและบิดเบือนต่อการต่อสู้ของพี่น้องประชาชน
ส่วนการรณรงค์โหวตโน ในรายการถามเหมือนกันว่า ถ้าโหวตโนแบบนี้แล้วพรรคประชาธิปัตย์อาจจะบอกว่าทำให้เขาต้องแพ้และช่วยสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทย ทักษิณกลับมา ผมก็บอกว่า คุณดนัยครับ คราวที่แล้วเราเลือกรัฐบาลประชาธิปัตย์ พวกเราเลือกประชาธิปัตย์ ถูกไหมครับพี่น้อง แล้วเลือกคนที่อ้างว่าเลวน้อย เราก็เลือกมาแล้วและให้โอกาสมาแล้ว ในทางการเมือง เมื่อเราเลือกเขามาแล้ว เราให้โอกาสเขาเป็นนายกฯ เป็นรัฐบาล และเขาได้เป็นแล้ว เขาบริหารบ้านเมืองล้มเหลว เขาไม่ทำหน้าที่ ไม่ปกป้องแผ่นดิน และขายชาติขายแผ่นดิน รัฐบาลเขาโกง ทุจริต แล้วยังเหยียบย่ำ ปราบปราม ลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน นโยบายที่ประกาศ สัญญาประชาคมที่พูดกับประชาชน ไม่ทำสักเรื่องแถมยังโกหกตอแหล ตระบัดสัตย์เนรคุณประชาชนอีก รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ตัวนายอภิสิทธิ์ที่เป็นนายกฯ ได้ทำงานผ่านการพิสูจน์แล้วว่าล้มเหลว ไม่ประสบความสำเร็จ และไม่มีโครงการและการบริหารเรื่องใดเลยที่ทำให้ประชาชนพอใจ และเป็นไปตามนโยบายที่แถลง เมื่อถึงคราวเลือกตั้งใหม่ ย่อมเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะปฏิเสธและไม่เลือกพรรคที่ล้มเหลวมาแล้ว นี่เป็นสิทธิ์ของประชาชนใช่ไหมครับ และการโหวตโนของพวกเรา เราไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ เราก็ไม่ได้เลือกพรรคเพื่อไทย เราไม่เลือกทั้ง 2 พรรค มันเป็นสิทธิ์ของพวกเราไม่ใช่หรือพี่น้องครับ ดังนั้น คุณจะชนะหรือคุณจะแพ้เรื่องการเลือกตั้ง มันเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพวกเราหรือ มันเป็นความผิดของพวกเราหรือ หรือเป็นความผิด เป็นความโง่เขลาของคุณเอง ที่คุณไม่เห็นหัวประชาชน คุณแพ้เลือกตั้งหรือชนะเลือกตั้ง ไม่เป็นความผิด และความรับผิดชอบของพวกเรา เพราะเราไม่ใช่นางทาส หรือนายทาสที่มีหน้าที่คอยยกมือสนับสนุนคนตอแหลตลอดชีวิต เราไม่มีความผูกพันอะไรกัน ถ้าคุณอยากได้คะแนนจากประชาชน คุณต้องปฏิบัติตัวให้มันดีกว่านี้ ทำงานให้ประชาชนชื่นชม และพอใจ ให้ประเทศได้ประโยชน์ ประชาชนได้ประโยชน์ แสดงความสามารถ ความกล้าหาญ และความรับผิดชอบ ความมีประสิทธิภาพในการทำงานเท่านั้น ประชาชนถึงจะให้โอกาสคุณ ไม่ใช่ว่าทำงานก็ล้มเหลว โกหกตอแหล ตระบัดสัตย์ประชาชน ปัญหาแผ่นดินเอกราชก็ไม่ทำหน้าที่ การโกงการทุจริตในรัฐบาลก็ปล่อยปละละเลย ระบบการบริหารราชการเหลวแหลก เน่าเฟะ ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ แล้วยังมาข่มขืนให้ประชาชนไปเลือก พอประชาชนไม่เลือก ยังมีหน้าหาคนมาด่าประชาชนอีก นักการเมืองเลวๆ อย่างนี้ มันควรต้องสั่งสอนให้เจ็บแสบ เพราะฉะนั้นเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะเลือกคุณหรือไม่เลือก คุณไม่มีสิทธิ์มาหน้าด้าน หรือหาคนมาด่าประชาชน มาบังคับข่มขืนประชาชน คุณจะแพ้หรือชนะการเลือกตั้ง อยู่ที่การทำหน้าที่ของคุณเป็นสำคัญ
ดังนั้น การชุมนุมของพวกเราที่นี่ไปจนกระทั่งถึงทราบผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก จึงเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผลและมีความชอบธรรมอย่างยิ่ง นอกจากนี้ พี่น้องรู้ไหมครับ เราชุมนุมอยู่ที่นี่และถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ ทั่วโลก รับชมได้ทั้งทางอินเทอร์เน็ต มีผู้รับชมช่องรายการของ ASTV และการถ่ายทอดบนเวทีนี้ เรตติ้งเป็นอันดับ 3 อันดับ 4 ของประเทศ ของทีวีทุกระบบครับ ถ้าเราใช้จุดตรงนี้เป็นที่ให้ความรู้ประชาชน รณรงค์โหวตโน กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ใคร มันจะเป็นหอกทิ่มแทงใจ และปักกลางใจคนที่ทรยศประชาชนอย่างมีพลังที่สุด สั่งสอนให้เขาได้รู้สำนึกว่า พันธมิตรฯ เป็นพลังสร้างชาติ สร้างประชาธิปไตย และเป็นพลังแห่งความรักบ้านรักเมือง รักความถูกต้อง ใครที่ยืนอยู่ตรงข้ามจากจุดนี้ เขาควรได้รับบทเรียนและการสั่งสอนอย่างเจ็บแสบที่สุด นักการเมืองจะได้ไม่มาทรยศกับพี่น้องประชาชนอีก เพราะฉะนั้นเมื่อมีเวทีอยู่ตรงนี้ และมีการรณรงค์โหวตโนทั่วประเทศ เวทีนี้เป็นศูนย์กลาง เดี๋ยวยิงสปอต ออกคลิปโฆษณาให้ความรู้ประชาชนว่า สิทธิในการกาช่องไม่ประสงค์เลือกใครนั้น เป็นสิทธิในระบอบประชาธิปไตย ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีใครสามารถเอาผิด หรือบังคับพี่น้องได้ ทำไปอย่างสง่างามและมีเกียรติ ศักดิ์ศรี ว่าเราไม่สนับสนุนนักการเมืองเลว นักการเมืองโกง ไม่ว่ามาจากพรรคไหน กลุ่มไหนทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นวันนี้ คนที่เดือดร้อนที่สุดจึงกลายเป็นพรรคที่ทรยศประชาชน พรรคที่ขี้เกียจ พรรคที่ทำงานล้มเหลว พรรคที่ทำงานแล้วประชาชนไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ ตัวเองทำงานไม่ดี ไม่มีคะแนน ประชาชนไม่นิยม เลือกตั้งแพ้ เสือกจะโทษประชาชน หาว่าประชาชนไม่เลือกผม ผมเลยแพ้ เป็นเพราะความเลว ความผิดพลาด ความล้มเหลวของประชาชนที่ไม่เลือกเขา ไอ้นี่มันเลวไหมครับคนแบบนี้ เพราะฉะนั้นวาทกรรมที่บอกว่า ไม่เลือกเราเขามาแน่ เลือกมึงก็แย่ทั้งขายชาติขายแผ่นดินและโกงกินบ้านเมืองอีกต่างหาก ขายไม่ออกแล้วครับ ไม่เลือกเราเขามาแน่ ก็ขายไม่ออกแล้ว บอกถ้าไม่เลือกเราเขามาแน่ เลือกมึงยิ่งแย่ขายทั้งชาติขายแผ่นดินโกงกินบ้านเมืองอีกต่างหาก แถมทำงานไม่เป็นอีกด้วย
มาวาทกรรมที่ 2 บอกเสียดายคะแนน เลือกคนที่เลวน้อยกว่า พอประพันธ์เอาข้อมูลมาตีแผ่ ฉิบหายแล้วมึงเลวพอๆ กัน ดีไม่ดีเลวมากกว่าเขาอีก แถมทำงานไม่เป็นอีกต่างหาก เลวไม่ว่าแถมทำงานไม่เป็น โกงไม่ว่าแถมทำงานไม่เป็น ทั้งโกงทั้งทำงานไม่เป็นแล้วเลวอีกต่างหาก ไม่รู้ใครเลวกว่ากันครับ วาทกรรมว่าเลวน้อยกว่าก็อ้างไม่ได้ เมื่อเช้านายเจิมศักดิ์พยายามจะเอาเรื่องเลวน้อยกว่า มายกตัวอย่างในเขตดอนเมือง ยกตัวอย่างใคร บอกว่า นายแทนคุณลงดอนเมือง กับนายอะไรที่ถีบ เถื่อน นายการุณ นี่คนดีนี่คนเลว ถ้าเราโหวตโนก็ทำให้คนดีเสียโอกาส มันก็ได้คนเลวเข้าสภา เห็นไหมครับวิธีอธิบายตอแหลของเขา ความจริงคราวที่แล้วเขาไม่โหวตโนอะไรเลยมึงยังแพ้เขาเลย นี่เหตุผลที่ 1 แล้ว 2 เขตดอนเมือง พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีผู้แทนเลยตั้งแต่ตั้งพรรคมา แพ้เขามาตลอด ส่งทหารอากาศลงก็ยังแพ้เขาเลยครับ ไม่เกี่ยวกับเรื่องคนดีคนเลว มันเกี่ยวกับว่า ใครทำงานพื้นที่มีคะแนนเสียงจัดตั้ง และดูแลประชาชนดีหรือไม่ในเรื่องเขตเลือกตั้ง
นอกจากนั้นผมเลยตอบคำถามไปบอก ให้ไปบอกคนที่ลงด้วย ที่คุณบอกว่าคุณเป็นคนดี 1.ผมยังไม่รู้ว่าคุณดีจริงหรือเปล่า เพราะคนสมัยนี้ชอบสร้างภาพว่าธรรมะธรรมโมเป็นคนดี จริงๆ อาจจะเป็นคนเลวก็ได้ มันต่างอะไรจากหัวหน้าพรรคคุณ สร้างภาพว่าเป็นคนดี ความจริงแล้วเลว หล่ออำมหิตกว่าคนอื่นอีกต่างหาก 2.ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าคุณเป็นคนดี แต่เสือกไปลงพรรคเลวก็เลยแพ้ 3.พรรคคุณทำงานไม่เป็น รัฐบาลคุณทำงานล้มเหลว คนกรุงเทพฯ เขาก็ไม่เลือกคุณ ลงอีกกี่ครั้งคุณก็แพ้อยู่ดีครับ เพราะฉะนั้นตรรกที่เอามาอธิบายว่า นี่คนดี ถ้าเราไม่ไปลงแล้วจะทำให้เสียโอกาสคนดี เราไม่ได้ยึดที่ตัวบุคคล เรายึดหลักการความถูกต้องและผลประโยชน์ชาติบ้านเมือง ว่าตัดสินใจเรื่องใด ทำอย่างไรประเทศจะได้ประโยชน์มากที่สุด ประชาชนจะได้ประโยชน์มากที่สุด เราเลือกสิ่งนั้น เราไม่ยึดติดตัวบุคคลเหมือนที่นายเจิมศักดิ์ยึดติดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เวลาอภิปราย วิพากษ์วิจารณ์คนอื่น ยกหลักการเรื่องโน้นเรื่องนี้ แต่พอคนของตัวเองทำเลวไม่พูดถึงเลยแม้แต่น้อย ชวนเราด่าแต่พวกทักษิณกับเสื้อแดงวันยังค่ำครับพี่น้อง พวกตัวเองไม่ด่า ถ้าคุณยึดหลักการไม่ว่านายอภิสิทธิ์ทำเลว ไม่ว่านายทักษิณทำชั่ว ถ้าคุณยึดหลักการ คุณต้องด่าทั้ง 2 คนเหมือนอย่างเวทีนี้ เพราะฉะนั้นวาทกรรมว่า เลือกคนเลวน้อยกว่า ก็หารับประทานไม่ได้อีกแล้วครับ มุกนี้แป๊ก คราวที่แล้วตีกินหลอกแดกพวกกูมาครั้งหนึ่งแล้วคราวนี้กูไม่เชื่ออีกแล้ว
วันนี้เลยมาวาทกรรมใหม่ นึกอย่างไรก็ไม่ออกว่าจะหาทางแก้ต่าง หรือหาทางเคาน์เตอร์กระแสโหวตโน ไม่ประสงค์ลงคะแนนได้อย่างไร พรรคประชาธิปัตย์คิดกลยุทธ์ ตอนนี้ประชุมกันใหญ่ ปวดหัวมากเพราะไม่รู้จะเอาวิธีไหนรับมือเรื่องนี้ วันนี้เลยใช้วิธี ปล่อยข่าวไปทุกวงการ โดยเฉพาะวงการชั้นสูง ชั้นกลาง บอกว่าสนธิ เวทีพันธมิตรฯ รับเงินทักษิณมารณรงค์โหวตโน โห่หน่อยครับ โธ่ไอ้หนูเอ๋ยมันมุกแป๊ก มุกเก่าๆ พี่น้องครับนี่คือดีเอ็นเอของพรรคประชาธิปัตย์ นี่คือดีเอ็นเอของคนพวกนี้ เมื่อมันหาทุกวิถีทางที่จะเอาชนะไม่ได้มันต้องเล่นวิชามาร หาทางใส่ร้ายเขา ถ้ามีหลักฐานว่าเรารับเงินทักษิณ ก็เอาหลักฐานมาตีแผ่ซิรัฐบาลหน้าโง่ เอาภาพถ่ายมาออกซิ ทำไมตอนทักษิณให้กระทรวงกลาโหมบอกพรรคเล็กพรรคน้อยมารับเงิน มันเอาภาพมาออกเลยว่านี่ไปรับเงินที่กระทรวงกลาโหม พรรคเล็กพรรคน้อย จนเป็นคดียุบพรรคไทยรักไทย แต่ถ้าสนธิรับเงินทักษิณ มึงโง่ขนาดนั้นหรอ ไม่มีหน่วยข่าวกรอง ไม่มีหลักฐาน ตรวจสอบเอาหลักฐานมาตีแผ่ซิไอ้แหล แหม นี่คือวิธีการสกปรกและใส่ร้าย อันเป็นวิธีการที่ถนัด และอยู่ในดีเอ็นเอของคนพรรคประชาธิปัตย์บางคนที่ยังเชื้อไม่ทิ้งแถว พอเถียงสู้เราไม่ได้ ตอนแรกทำลายผม ส่งนางนั่นออกมา บอกว่าผมรวย ซื้อบ้าน ซื้อคอนโด มีรถป้ายแดง สู้แล้วรวย เห็นไหมใส่ร้ายผม ปล่อยคู่ขาออกมาบอก ผมโดนไล่ออกจากพรรค สุดท้ายพอโดนผมตอกกลับ เงียบครับ กระบวนการใส่ร้ายมาทุกรูปแบบ ตอนสนธิสู้กับทักษิณก็หาว่า พวกเรารับเงินประชาธิปัตย์ พวกเราไม่ได้ประโยชน์ ขออันนั้นไม่ได้ ขออันนี้ไม่ได้เลยมาคัดค้าน ประชาธิปัตย์เลยพยายามเหมือนกัน พยายามจะใส่ร้ายว่าผมไปขออภิสิทธิ์ช่วยเรื่องคดีกบฏ ไปขอให้เขาช่วยแล้วเขาไม่ช่วยเลยมาด่าเขา เช่นเดียวกัน กำลังพยายามจะใส่ร้ายว่า สนธิไปขอนั่นขอนี่ ขอไม่ได้เลยตั้งเวทีด่า คิดแบบคนปัญญาอ่อน นึกว่าพี่น้องประชาชนที่นี่เขากินแกลบ ถ้าไม่มีเหตุผลไม่มีข้อเท็จจริง ถ้าเราชั่วเราเลวอย่างนั้นจริง ประชาชนเขาไม่มางมงายนั่งฟังพวกเรา เหมือนกัน คุณแน่ไหมคุณเป็นนายกฯ คุณมีเครื่องมือสื่อสาร คุณมีทีมประชาสัมพันธ์ มีงบประมาณเป็นแสนๆ ล้าน ที่จะจ้างใครมาชม มาเชียร์ สร้างภาพให้คุณ คุณยังไม่สามารถปิดหน้ากากอันอัปลักษณ์ของคุณได้เลย เพราะฉะนั้นถ้าพวกผม สนธิ ประพันธ์เลวชั่ว ไปรับเงินใครมาจริง มีหรอพวกผมจะปิดหน้ากากได ้พวกคุณมีเครื่องมือติดตาม ตรวจสอบ ผมรู้ด้วยว่าคู่ขาของคุณดักฟังโทรศัพท์พวกเราอยู่ตลอด ไปเอาตำรวจที่ทำคดี ที่ พล.ต.อ.ธานี เคยเรียกมาใช้งาน วันนี้ตั้งเป็นผู้กำกับ แล้วมีหน้าที่ดักฟัง ติดตามโทรศัพท์ของพวกเรา แต่ปรากฏโทรศัพท์ของพวกเรามีแต่ด่าไอ้แหลทั้งนั้น เพราะเรารู้มันดักฟัง เราก็คุยเรื่องสับเพเหระ ด่าไอ้แหลให้ฟังตลอดครับ ถ้าพวกเราเป็นอย่างนั้น แน่นอนเขาล่อพวกเราตาย ไม่ต้องเอาเงินจากใครในการรณรงค์โหวตโน มันเป็นเงินของพี่น้องประชาชน และมาจากสำนึกรักชาติ รักประชาธิปไตย ไม่สนับสนุนนักการเมืองเลวให้เข้าสู่สภา เราจะไม่ปล่อยสัตว์ไปเพ่นพล่านในสภาอีกแล้วครับ เราชุมนุมมา 193 วันเราเอาเงินใคร มาจากศรัทธาของพี่น้องประชาชน มาชุมนุมที่นี่ ตั้งกองทุนปราสาทพระวิหาร ทวงคืนพระวิหาร ก็เงินของพี่น้องประชาชน คุณมีเงินไปจ้างนักวิชาการ 7.1 ล้าน คุณยังไม่มีปัญญาเถียงสู้เงินของประชาชนเลยใช่ไหมครับ เรามีสื่อช่องเดียว มี ASTV ช่องเดียว ลื้อมีฟรีทีวี มีเครื่องมือ มีวิทยุเป็นพันๆ สถานี สู้ปากประพันธ์กับสนธิยังไม่ได้เลย ทั้งหมดนี้ไม่ได้อยู่ที่ใครทำอะไรเลวอะไรชั่ว มันอยู่ที่ใครพูดความจริง และถือสัจจะเป็นอาวุธต่างหากครับพี่น้อง คุณมันของปลอม คุณมันของเทียม คุณมันจอมปลอม มันตอแหล กระล่อน โกหก ปลิ้นปล้อนประชาชน ต่อให้คุณมีสื่ออะไรก็ปกปิดภาพอันอัปลักษณ์ของคุณไม่ได้ครับ
เพราะฉะนั้นวันนี้ ประชาธิปัตย์จึงมามุกเก่า วิธีนี้เคยใช้ได้ผลมาแล้วในอดีต ก็เลยคิดว่าจะเอามาทำมาหารับประทาน ตีกินใส่ร้ายคนอื่นอีก สมัยนู้น วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เครื่องมือสื่อสารยังไม่ทันสมัย เขาก็ใช้วิธีนี้ปล่อยข่าวโจมตี ทำร้ายคนมาแล้ว ยุคนายปรีดี พนมยงค์ พี่น้องจำได้ใช่ไหม จ้างคนไปตะโกนในโรงหนังหาว่านายปรีดีฆ่าในหลวงแล้วกระพือข่าวออกไป เล่นงานจนกระทั่งปรีดี พนมยงค์ ต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ ทั้งๆ ที่เป็นคนเปลี่ยนแปลงการปกครองบ้านเมืองมาสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่พวกประชาธิปัตย์เป็นพวกคณะราษฎร์อีกปีกหนึ่งที่ต้องการแย่งอำนาจ ชิงอำนาจจากนายปรีดี ก็ปล่อยข่าวหาทางทำลาย ทำร้ายนายปรีดี พนมยงค์ นี่คือดีเอ็นเอของเขา มาถึงยุคที่ 2 ประชาชนสู้ในยุคนั้น 14 ต.ค. เราเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย พอได้รัฐธรรมนูญมาแล้วมีการเลือกตั้ง ตอนที่เราสู้เพื่อรัฐธรรมนูญ พรรคประชาธิปัตย์หดหัวอยู่ในกระดองไม่เคยมาสู้กับประชาชนเลยครับ พอสู้ได้ชัยชนะ ได้รัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง ประชาธิปไตยเบ่งบาน มีการเลือกตั้ง มีพรรคมสังคมนิยม มีพรรคพลังใหม่ มีพรรคแนวร่วมสังคมนิยม พรรคฝ่ายประชาชนเกิดขึ้นไปทั่วบ้านทั่วเมือง ประชาธิปัตย์แห่เข้ามาร่วมขบวนการเลือกตั้ง แต่เนื่องจากกระแสสังคมนิยมสูง คนเรียกร้องระบอบการเมืองการปกครองแบบสังคมนิยม แบบประชาธิปไตย ประชาธิปัตย์ตีกินพยายามบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นสังคมนิยมอ่อนๆ เหมือนกัน พอบอกเป็นสังคมนิยมอ่อนๆ ทีนี้เลือกตั้งปรากฏว่าพรรคพลังใหม่มาแรง ของคุณหมอกระ ธนวงศ์ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ เป็นพวกพลังใหม่ อ.ปราโมทย์ นาครทรรพ เป็นนักวิชาการ ด็อกเตอร์ ปัญญาชนที่มีความรู้ ภาพลักษณ์ดี เป็นเลือดใหม่ทางการเมือง เข้ามาหลังยุค 14 ต.ค. ประชาชนแห่ไปเลือกพรรคพลังใหม่ ก็ใส่ร้ายพรรคพลังใหม่ บอกว่าพรรคพลังใหม่ เป็นพรรคประชาธิปไตย เขาหาเสียงว่าเขาเป็นพรรคประชาธิปไตย เป็นคนรุ่นใหม่ บอกว่าไม่จริง พรรคพลังใหม่ข้างนอกดูเขียว แต่ผ่าออกมาแดงแจ๋ หาว่าพรรคพลังใหม่เป็นพวกคอมมิวนิสต์ ใส่ร้ายเขา แล้วปล่อยข่าวทำลายว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ คิดล้มล้างสถาบัน เวลา ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ไปเยี่ยมพรรคพลังใหม่ เจอ ดร.กระแส เจอ อ.ปราโมทย์ เจอ ดร.อาทิตย์ ก็ชื่นชมบอกคุณเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นอนาคต เป็นความหวังของบ้านเมือง แต่ลับหลับ ปรากฏว่ามีใบปลิวรูป 3 คนนี้ ออกมาแล้วบอกว่า นี่คือบุคคลที่เป็นภัยอันตรายต่อชาติบ้านเมือง ใบปลิวทั่วภาคอีสาน ใส่ร้ายพรรคพลังใหม่ ว่าเป็นพรรคคอมมิวนิสต์ นี่ก็วิชามาร เหมือนกันกับวันนี้ พยายามจะหาเรื่องว่าพวกเราไปรับเงินคนนั้น รับเงินคนนี้มา ปัดโธ่ ถ้ารับเงินน่าจะรับประชาธิปัตย์มากกว่ามั้ง สมัยไล่ทักษิณ ซึ่งเราไม่เคยรับเงินใครเป็นส่วนตัว ใครจะบริจาคสนับสนุนการต่อสู้ที่ถูกต้องของประชาชน เราก็รับโดยเปิดเผยและมีบัญชีกองทุน แจ้งรายการบัญชีทุกประการ ใครบริจาคบ้างเราก็ออกใบเสร็จรับเงินให้ทุกประการครับ ไม่มีปกปิดพี่น้องประชาชน ไม่เหมือนคุณหรอกครับ ความจริงน่าจะโดนยุบพรรคไปแล้ว ที่เงินมาจากใคร 200-300 ล้าน แต่เผอิญว่า เป็นการวิ่งเต้นประเภทไหนผมไม่รู้ ในที่สุดคดียุบพรรคหลุดมา แต่พวกเราไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนั้น ยืนยันได้ อย่ามาใส่ร้าย
ส่วนยุคที่ 3 พี่น้องจำได้แล้ว หลังพฤษภาทมิฬ พอจะเลือกตั้ง พล.ต.จำลอง เป็นฮีโร่ พรรคพลังธรรมเป็นฮีโร่ เพราะสู้กับ พล.อ.สุจินดา คราประยูร จำได้ไหมภาพที่คุณลุงจำลองใส่รองเท้าแตะเข้าเฝ้า เพราะไปจับตัวท่านมาจากเรือนจำ แล้วไปเข้าเฝ้า หลังพฤษภาฯ จำลองเป็นฮีโร่ของประชาชน รณรงค์เลือกตั้ง ตอนนั้นผมเป็นรองผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรคพลังธรรม หาเสียงกระแสขึ้นสูงมาก ทุกคนแห่จะมาเลือกพรรคพลังธรรม สนับสนุน พล.ต.จำลอง ปรากฏว่า พรรคประชาธิปัตย์ดูแล้วท่าจะแพ้ มันหาเสียง ปล่อยข่าวโจมตีไปทั่ว หาว่าลุงจำลองพาคนไปตาย เอารูปนายปรีดี อ.ป๋วย มาลงโฆษณาแล้วชี้ไปว่า ลงจำลองอนาธิปไตย พาคนไปตาย นี่คือความเลวของพรรคนี้ครับพี่น้อง พฤติกรรมใส่ร้ายทำมาแบบนี้ตลอด
ทีนี้มาถึงยุคนี้มันตีกินแบบเดิมไม่ได้ วันนี้พยายามจัดตั้งคน พอผมพูดจบปั๊บจะมีพวกหน้าม้าของประชาธิปัตย์ มันโพสต์เข้าไปด่าผมในเว็บไซต์ก่อนเลย จองพื้นที่ไว้ก่อนเลย จะมีอยู่ประมาณ 10 คนที่รับจ้างพรรคประชาธิปัตย์ไว้โพสต์ข้อความมาด่าผม ด่าคุณสนธิ แล้วก็ด่าถ้อยคำเดิมๆ เอาอีกแล้ว มึงด่าเขาอีกแล้ว มึงกร่างมาก คือไม่มีเหตุผล ไม่เคยโต้แย้งเลยว่า สิ่งที่เราพูดไม่เป็นความจริงอย่างไร เราใส่ร้ายป้ายสีอย่างไร ไม่มี แต่จะพูดเดิมๆ แล้วมาดิสเครดิต ซึ่งเป็นวิธีแบบปัญญาอ่อน และเป็นวิธีล้าหลัง และไม่ได้ผลแล้ว เราตามทันหมดแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้ เวทีแบบนี้ คุณไม่มีวันได้เอาชนะพวกเรา เพราะโลกนี้มันเป็นยุคอินเทอร์เน็ต ยุคไอที ยุคทันสมัยแล้ว คุณพูดอะไร ใครโกหก ใครตอแหลอย่างไร ประชาชนเช็กทีเดียวก็รู้เรื่องแล้ว
สรุปแล้วพี่น้องครับ การต่อสู้ของพวกเรามาถึงวันนี้ต้องถือว่า เราได้สร้างคุณูปการสให้กับชาติบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง และผมได้มีโอกาสพบผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อชาติบ้านเมืองหลายท่าน ผมได้กราบเรียนผู้มีอำนาจ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเข้าใจพวกเราเป็นอย่างดีครับ ต้องปรบมือให้ และขอบคุณที่ท่านเข้าใจพวกเรา ผมบอกว่า ที่พวกผมมาสู้อยู่ตรงนี้ ที่พี่น้องประชาชนมาชุมนุมอยู่ที่นี่ เรามาด้วยความเสียสละ ด้วยเงินด้วยทอง ด้วยทุนรอนด้วยความสมัครใจของพวกเราเอง ผมก็กราบเรียนว่า บรรดาท่านทั้งหลายผู้มีอำนาจวาสนา ผู้มีตำแหน่งดูแลชาติบ้านเมือง ท่านลองกวาดสายตาไปทั้งแผ่นดินนี้ซิ มีประชาชนกลุ่มไหนบ้างในบ้านเมืองที่เขามีคุณภาพ มีความเสียสละ มีความห่วงใยชาติบ้านเมือง มีความเสียสละที่พร้อมจะตายและปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างพวกเรา แม้กระทั่งการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร หรือพี่น้องประสบภัยน้ำท่วมอยู่ที่ไหน ได้รับความเดือดร้อนอยู่ที่ไหน ทหารปฏิบัติหน้าที่ขาดแคลนอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ งบราชการไปไม่ทัน พวกเรารู้เรื่องระดมกันทันที เราก็พร้อมจะเอาคนของเราไปช่วย และสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร ช่วยเหลือพี่น้องร่วมชาติที่ประสบชะตากรรม นี่คือพวกเราครับพี่น้อง เราไม่เคยหวังผลประโยชน์ตอบแทนใดๆ จากรัฐบาลและชาติบ้านเมืองเลย เราทำด้วยความสมัครใจ ด้วยความเสียสละของพวกเรา แล้วถามซิว่า ประชาชนที่มีคุณภาพ มีคุณธรรม อยู่ในร่องในรอย อยู่ในศีล อยู่ในกฎหมาย เคารพกติกาของบ้านเมือง และพร้อมจะเสียสละให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ชาติบ้านเมือง ทำไมรัฐบาลนี้ หรือนายอภิสิทธิ์ถึงไม่รักประชาชนอย่างพวกเรา ทำไมคุณจงเกลียดจงชังพี่น้องเหล่านี้ ทำไมคุณจึงดูถูกดูแคลนพี่น้องประชาชนเหล่านี้ เขามาเพื่อชาติบ้านเมือง มาเพื่อการเสียสละปกป้องสถาบัน มาเพื่อหวงแหนแผ่นดิน เขาไม่ได้เป็นภัยร้ายต่อใครเลย และในบรรดาพวกเราที่มาชุมนุมนี้ ไม่มีใครนิยมความรุนแรง ความก้าวร้าว และไม่มีใครอยากก่อการจลาจลเผาบ้านเผาเมือง หรือคิดไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง หรือสถาบันสูงสุดเลย ทุกคนมีหัวใจดวงเดียว และชีวิตทั้งชีวิตเพื่อชาติเพื่อบ้านเมืองอย่างไม่มีข้อแม้ ถ้ารัฐบาลทำดีทำถูก เราพร้อมสนับสนุน ให้ความร่วมมือ เรามาต่อต้านการโกงของนักการเมือง มันเป็นความผิดของพวกเราหรอครับพี่น้อง เรามาเรียกร้องให้รัฐบาลทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน หวงแหนเอกราชของชาติ ดูแลสิทธิประโยชน์ของคนไทยที่ถูกรังแก ถูกคุกคาม มันเป็นความผิดของพวกเราหรอครับพี่น้อง เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่า ท่านทั้งหลายที่ไม่รู้จักพวกเรา หรือไม่เข้าใจ ASTV ไม่เข้าใจพี่น้องพันธมิตรฯ ได้โปรดเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่ว่า พวกเราไม่ใช่คนที่เป็นภัยต่อบ้านเมืองอย่างที่คุณสุเทพพูด หรืออย่างที่รัฐมนตรีกลาโหม หรือนายอภิสิทธิ์พูดเวลาลับหลังว่า ทั้งเหลืองทั้งแดงก็เป็นภัยต่อบ้านเมืองเหมือนกัน คุณพูดแบนนี้ คุณพูดชุ่ยๆ แบบไม่มีความรับผิดชอบ คุณพูดแบบไม่แยกแยะ ความจริงแล้วในแดงก็มีคนรักบ้านรักเมืองรักชาติ แต่มันอาจจะมีพวกหนึ่ง ปีกหนึ่งที่นิยมความรุนแรง และมีความคิดเป็นปฏิปักษ์และเป็นอันตรายกับบ้านเมือง คงไม่ใช่คิดชั่วต่อบ้านเมืองทั้งหมดถ้ารู้จักแยกแยะ ในหมู่พวกเรานี้ผมพูดได้โดยปราศจากสงสัยเลย ถ้ารัฐบาลรักบ้านรักเมือง ทำดีทำชอบ ต้องการจะนำพาบ้านเมืองก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างที่คุณโฆษณาหาเสียง ต้องการปกป้องชาติ ปกป้องบ้านเมือง ปกป้องหวงแหนเอกราชอธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของชาติของแผ่นดินจริง พวกเราไม่เคยคัดค้านไม่เคยขัดข้องเลย แต่เนื่องจากวันนี้ ตัวคุณนายอภิสิทธิ์ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า คุณเป็นคนที่อยากเป็นแค่เพียงนายกฯ เท่านั้น โดยไม่สนใจอะไรเลยครับพี่น้อง ขอให้กูได้เป็นนายกฯ ประเทศชาติจะฉิบหาย นักการเมืองจะโกงอย่างไร ระบอบบริหารราชการจะล้มเหลวอย่างไร สังคมจะเหลวแหลกอย่างไร ประเทศชาติจะถอยหลังเข้าคลองล่มจมอย่างไร กูไม่เคยสนใจขออย่างเดียวให้กูได้กลับมาเป็นนายกฯ อย่างเดียวเท่านั้น นี่คือเขา มันแตกต่างจากพวกเรา เราไม่ได้ต้องการนายกฯ แบบนี้ เราต้องการผู้นำประเทศที่จะพาชาติบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า และพาชาติบ้านเมืองก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองที่เป็นจริงไม่ใช่พูดแต่ปาก
พี่น้อครับ วันนี้พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจพวกเรา เพราะเราอดทน เราเสียสละ และเราไม่ท้อ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพี่น้องที่นี่ หรือทั่วโลก หรือทั่วประเทศ เราจะก้าวเดินไปด้วยกัน และผมขอให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ออกมาแสดงพลังร่วมกัน ถ้ามีการยุบสภาเลือกตั้งแล้ว พลังโหวตโนจะเป็นพลังสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง หลายคนมาถามผม แม้กระทั่งผมไปออกรายการวันนี้ก็มาถามผมว่า โหวตโนแล้วได้คะแนน 3 ล้าน 5 ล้าน 7 ล้านแล้วจะเอาพลังเหล่านี้ไปทำอะไร พลังเหล่านี้จะเป็นตัวบอก เป็นเครื่องชี้วัด และเป็นคำตอบว่า ประชาชนต้องการการเมืองที่ไม่ใช่การเมืองสามานย์และล้มเหลวเน่าเฟะแบบที่เป็นอยู่นี้ เราต้องการการเมืองที่สร้างสรรค์ การเมืองที่ใส่สะอาด นักการเมืองที่มีคุณธรรม มีความรู้ความสามารถ รักชาติ รักบ้านเมือง รักประชาชน ปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแท้จริงครับพี่น้อง เราต้องการคนดีที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยบ้านเมือง และมาพัฒนาบ้านเมือง ไม่ใช่ต้องการนักการเมืองอย่างพวกคุณมาปล้นบ้านกินเมืองอีกต่อไป นี่คือคำตอบ แต่เราจะทำเช่นนี้ได้ก็อยู่ที่พลังของพวกเราที่จะแสดงออก ถ้าหากมีการเลือกตั้งที่จะมาถึง ขอให้พี่น้องออกไปแสดงพลังร่วมกันในครั้งนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แล้วบ้านเมืองจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน จงเชื่อมั่นในพลังของตนเอง
เอาละครับพี่น้อง ความจริงมีจดหมายพี่น้องเขียนมามากมาย และจ่าหน้าซองมาแค่สะพานมัฆวานฯ และมีความคิดดีๆ มากมาย สะท้อนให้เห็นว่า หลายคนที่ไม่เคยฟัง ไม่เคยติดตาม ASTV และไม่เคยเห็นด้วยกับการชุมนุมของพวกเรา วันนี้คนส่วนใหญ่โน้มเอียงและเห็นคล้อยด้วยกับความเห็นของพวกเรา ต้องปรบมือให้กำลังใจท่านเหล่านั้น ต้อนรับท่านเหล่านั้น และให้กำลังใจพวกเรากันเองว่า ทั้งหมดที่ผมพูดนี้เป็นความจริงทุกประการ ดังนั้นการชุมนุมของพวกเรายังยืนหยัดอยู่ต่อไป และเราจะต้องปกป้องแผ่นดินของเราด้วยพลังของพวกเรา สั่งสอนให้นักการเมืองรู้ว่า เมื่อคุณไม่ใช่คนดี ไม่ใช่นักการเมืองที่ดีพอ เราก็มีสิทธิ์จะปฏิเสธ และลงโทษคุณด้วยสิทธิ์และมือของพวกเราเอง ขอบคุณมากครับ