xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” วอนคนเสื้อแดงเลิกตามหน้าคางคก ด่าถึงเบื้องสูงทนฟังอยู่ได้อย่างไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายประพันธ์ คูณมี
“ประพันธ์” บอก “โจกแดง-รบ.” ไม่ต้องเถียงกันผิดทั้งคู่ จวก “นช.แม้ว” ทำชั่วต่อ ปท.มากมาย ยังไม่สำเนียกอยากกลับเป็นใหญ่ เย้ยแกนนำแดงเกณฑ์คนโชว์นายใหญ่หวังติดปาตี้ลิสต์ระดับต้นๆ โอดสังคมอัปยศทหารผู้น้อยเรียงหน้ารับผิด แต่หัวหน้าใหญ่ลอยนวล ลั่นจำเป็นต้องปฏิรูป ชี้ “มาร์ค” ห่วงแต่งหน้าหล่อ ด้านกองทัพมองไม่ออกว่าต้องทำอะไร ขณะที่ “พท.” จ้องล้มลางสถาบัน นิรโทษกรรมความผิดตัวเอง



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายประพันธ์ คูณมี ปราศรัย  

วันที่ 9 เม.ย. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าว่า หากทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา เอาเฉพาะวันที่ 10 เม.ย. เมื่อปี 2553 ที่บริเวณสี่แยกคอกวัว อนุสาวรีประชาธิปไตย แล้วก็มีวิดีโอลิงก์จากบุคคลที่อยู่ดูไบ จนถึงวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม เวทีกลุ่มเสื้อแดงเกณฑ์คนมาชุมนุม หนึ่งในนั้นมีญาติพี่น้องผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต มาบอกสังคมว่าพวกเขาก็ตกเป็นเหยื่อของการสลายชุมนุม จะว่าไปไม่ว่าใครเจ็บ ใครตาย ไม่น่าเป็นความปรารถนาของคนไทยทั้งประเทศ การสูญเสียเป็นเรื่องไม่น่าเกิดขึ้นเลย หากทั้งสองฝ่ายไม่ใช้ความรุนแรงเข้าหากัน

อย่างไรก็ดี ประชาชนที่เสียชีวิต ตนเข้าใจว่าตกเป็นเหยื่อ ความเสียหายที่เกิดขึ้นต้องเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล และแกนนำเสื้อแดง แต่ทั้งสองฝ่ายต่างโยนความผิดใส่กัน สรุปแล้วไม่มีใครรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นเลย นี่คือความอัปยศของประเทศไทย

ทั้งนี้ ในอีกมุมหนึ่งมีการจัดงานรำลึกครบรอบ 1 ปี การเสียชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ซึ่งถือได้ว่าประเทศไทยได้สูญเสียทหารที่มีอุดมคติในการใช้วิชาชีพอย่างมีศักดิ์ศรี อย่างไม่น่าที่จะเกิดขึ้น จากเหตุการณ์ชุมนุมของคนเสื้อแดง อันเนื่องจากรัฐบาลมอบหมายให้ไปกระชับพื้นที่ แต่ด้วยยุทธศาสตร์ที่ อ่อนหัดของรัฐบาล ในการประเมินการชุมนุมที่มีกลุ่มคนติดอาวุธแฝงตัว ปล่อยให้ทหารปฏิบัติการมีอาวุธจำกัดและมีคำสั่งห้ามไม่ให้ใช้อาวุธกับผู้ชุมนุม ซึ่งมันไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง หากไม่ใช้อาวุธ ต้องใช้กับผู้ชุมนุมที่ไม่มีอาวุธเท่านั้น

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ทหารชั้นผู้น้อยเมื่อออกปฏิบัติการตามคำสั่ง ควรได้รับความนิยมชมชอบ แต่ต้องตกเป็นจำเลยของสังคม ตกเป็นผู้ต้องหาในคดี ยกเว้นหัวหน้าใหญ่ที่ออกคำสั่งลอยนวล ตั้งแต่ ผบ.ทบ. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รองนายกฝ่ายความมั่นคง จนกลายเป็นขี้ปากให้นายจตุพร พรหมพันธ์ เอาข้อมูลออกมาโจมตีแบบเสียๆหายๆ แบบนี้ไม่รู้ว่ารัฐบาลทำงานเป็นหรือป่าว ใช้ให้เขาไปทำงานเวลามีความผิดกลับไม่รับผิดชอบ

นายประพันธ์กล่าวถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า ไปสืบข่าวมาแล้วที่มีคนมาชุมนุมจำนวนมาก เกิดจากอยู่ในระหว่างพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครลงเลือกตั้ง และลงบัญชีรายชื่อ บรรดาแกนนำจึงโชว์พลังให้นายใหญ่เห็น ว่ามีมวลชนของตัวเองมาก พยายามอ้างผลงานตัวเองเสียสละต่อสู้ ทำให้รัฐบาลไม่สามารเล่นงานนายหัวได้ ทั้งนี้เพื่อต้องการให้มีชื่อยู่ในบัญชีรายชื่อระดับต้นๆ ส่วนแกนนำระดับท้องถิ่นที่อยากลงเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทย ก็ต้องแสดงพลัง เกณฑ์เอาคนมาให้ได้อย่างน้อย 500-1000 คน ดังนั้น การชุมนุมของคนเสื้อแดงจึงเป็นการจัดมหกรรมโชว์ผลงานให้เข้าตานายหัว ซึ่งเป็นเจ้าของพรรค การชุมนุมปราศรัยก็ไม่ได้มีอะไร พาดพิงอำมาตย์ พาดพิงเบื้องสูงอย่างเดียว

“พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ ไปงานวันครบรอบสถาปนากองทัพอากาศ ไม่รู้รัฐบาลทำงานเป็นกันหรือป่าว ปล่อยให้คนเสื้อแดงไม่ถึง 20 คน บุกมาถึงหน้าหอประชุมกองทัพอากาศ ที่สำคัญไม่ได้มา เรียกร้องขอความเป็นธรรม หรือท้วงติงที่มีเหตุผลพอ ครั้นจะอ้างประชาธิประไตยก็ฟังไม่ได้ เพราะไม่ได้มาชุมนุม แต่มาด่าคนเสียๆ หายๆ ประชาธิปไตยไม่ใช่ไปยกป้ายด่าพ่อล่อแม่ใครก็ได้ ปัญหาใหญ่ความขัดแย้งในบ้านเมือง เกิดเพราะเราไม่มีวิธีการจัดการอย่างตรงไปตรงมา ถ้าเป็นการชุมนุมผิดกฏหมายต้องจัดการอย่างเด็ดขาด แต่หากชุมนุมโดยถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลต้องอำนวยความสะดวกและให้ความคุ้มครอง”

นายประพันธ์กล่าวว่า หน้าเหลี่ยม คั่งแค้นประเทศ คั่งแค้นสถาบัน คิดว่าที่ไม่มีแผ่นดินอยู่ เป็นเพราะผู้ใหญ่รังแกไม่ให้ความเป็นธรรม แต่ไม่เคยดูตัวเองว่าโกงบ้านโกงเมืองบัดซบแค่ไหน วันนี้ยังไม่สำนึกอยากมีอำนาจอีกครั้ง หลังปูทางกลับคืนอำนาจด้วยการเผาบ้านเผาเมืองไม่สำเร็จก็จะกลับสู่กระบวนการเลือกตั้ง ด้วยการดึงตัวผู้มากมีประสบการณ์ทางการเมืองมาร่วม แต่พี่น้องเชื่อหรือไม่นักการเมืองคิดหนักที่จะไปร่วมงานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะ ถ้าชวนมาล้มเจ้านักการเมืองส่วนหนึ่งเขาไม่เอาด้วยแน่นอน ที่แน่ๆ ตอนนี้นายเสนาะคิดหนัก ยื่นคำขาดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าหากมาแบบเดิมคือไม่เอาเจ้า เขาอาจไม่เล่นด้วย

นายประพันธ์กล่าวถึงนายอภิสิทธิ์ว่า ห่วงแต่งหน้าหล่ออย่างเดียว ไม่สนใจบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ปล่อยให้คนในรัฐบาลเต็มไปด้วยกระสือ ขณะที่รัฐบาลใหม่ที่ทำท่าจะชนะเลือกตั้ง ก็น่ากลัวพอๆ กัน ไม่รู้จะมาเพื่ออะไร เพราะประชาชนไม่ไว้ใจ ทั้งโกง ล้มล้างสถาบัน หวังนิรโทษกรรมความผิดให้ตัวเอง ดังนั้นพี่น้องต้องคิดเองว่าจะเดินไปสู่การเลือกตั้งหรือไม่ ด้านกองทัพก็ยังมองไม่เห็นว่าตัวเองมีหน้าที่อะไร มาบอก “การเมืองทุกวันนี้ดีต้องสนับสนุนต่อไป” โดยไม่รู้ว่าบ้านเมืองตกอยู่ในสถานการณ์อย่างไร ยังไม่ทันเลือกตั้ง อีกฝ่ายก็โจมตีกองทัพตั้งวอร์รูมเตรียมแทรกแซงการเลือกตั้ง

“การที่กองทัพจะค้ำจุนการเมืองใด ต้องดูว่าทำเป็นการเมือง เพื่อความมั่นคงของชาติจริงหรือไม่ ถ้าเป็นการเมืองโกง ชิงอำนาจ ทุกคนก็จะมาปล้นบ้านเมืองต่อ ยุแยงให้ประชาชนแตกคอทะเลาะกัน การเมืองเช่นนี้กองทัพควรสนับสนุนหรือไม่ก็คิดดู”

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า นักการเมืองพึ่งไม่ได้เลือกตั้งไปก็เหมือนเดิม ครั้นจะหวังพึ่งทหาร ทหารก็ดีแต่ใด้สัมภาษณ์โชว์เครื่องแบบแต่ปฏิบัติการไม่มีอะไรน่าประทับใจเลย ถึงได้บอกว่าประเทศถึงทางตัน ต้องปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ จำเป็นที่สุดที่บ้านเมืองต้องทำ ไม่ทำไม่ได้ ทั้งนี้ไม่รู้จะมีผู้กล้าชายชาตรีคนไหนออกมาสร้างกระบวนการประชาธิปไตยร่วมกันกับประชาชน ถ้าจะรอคอยความหวังนักการเมืองคงยาก ตกลงถ้าไม่มีใครทำสงสัยพวกเราต้องยึดคำพระ อัตตาหิอัตโนนาโถ คือ ต้องทำเอง

“เราไม่เอาเลือกตั้ง แต่ต้องการเอาบ้านเมืองให้หลุดพ้นจากหล่มการเมืองนี้ วันนี้ต้องหยุดกระบวนการเลือกตั้ง เดินหน้าปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้จงได้ประเทศถึงจะมีความหวัง ไม่ว่าเสื้อสีไหนก็ตามต้องช่วยกัน ไม่เช่นนั้นการเมืองก็จะวนอยู่อย่างนี้ อยากวิงวอนพี่น้องเสื้อแดง เลิกไปตามหน้าคางคก แกนนำคนไหนด่าถึงสถาบันเบื้อสูง ไปทนฟังอยู่ได้อย่างไร ขว้างน้ำแข็งใส่หน้ามันไปบ้างสิ และธิดาแดง ปลุกระดมล้มสถาบัน เปลี่ยนแปลงสถาบันบ้านเมื้องไปสู่ประชาธิปไตยอันไม่มีสถาบัน ต้องเลิกไปงมงายตามมันได้แล้ว มาร่วมกันสร้างสังคมใหม่ด้วยกันดีกว่า” นายประพันธ์กล่าว

คำต่อคำ “ประพันธ์ คูณมี”ปราศรัย

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน กราบสวัสดีพี่น้องทางบ้าน และพี่น้องชาวไทยทุกท่านที่ติดตามชมพวกเราอยู่ทั่วโลก วันนี้ฝนตกแต่พี่น้องก็ยังยืนหยัดชุมนุมอยู่ พันธมิตรฯ ยังอยู่ไหมครับ ยังสู้ไหมครับ สู้ไม่สู้ พวกเราไม่ต้องใช้คนมาก ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาอยู่ประมาณวันละ 50 คนก็พอแล้วสำหรับรัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่ต้องใช้คนมาตั้ง 7-8 หมื่น แค่นี้รัฐบาลอภิสิทธิ์รับมือไม่ไหวแล้ว เขาเรียกว่า ชุมนุมอย่างใช้สติปัญญา สู้อย่างมีกลยุทธ์ สู้อย่างมียุทธวิธี ท้ายที่สุดด้วยความจริงและปัญญา ก็ไล่ล่าและฆ่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปในที่สุด

พี่น้องที่เคารพรักครับ วันนี้เราชุมนุมมาเป็นวันที่ 76 แล้วสำหรับพวกเรา แต่สำหรับการชุมนุมในเหตุการณ์อื่นๆ เราเคยผ่านการชุมนุมแบบนี้มาในเวลาที่ยาวนานที่สุดที่ประเทศไทยเคยมีการชุมนุม และเป็นการทำลายสถิติโลกมาแล้ว ที่ชุมนุมถึง 193 วัน แต่วันนี้ประเทศไทยมันมีเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เศร้าสะเทือนใจอยู่เหมือนกัน และเป็นเหตุการณ์ที่เราจำเป็นต้องคิดและทบทวนเหมือนกันว่า วันนี้ประเทศไทยเป็นอย่างไรกันแน่ และเราอยู่ในสถานการณ์อย่างไร สภาพสังคม สภาพการเมือง สภาพบ้านเมือง ตกอยู่ในสภาวะอย่างไร ถ้าคิดและมองจากเหตุการณ์ เอาเฉพาะวันนี้ วันที่ 10 เมษายน มีเหตุการณ์ทำให้เราต้องมาทบทวนและวิเคราะห์สถานการณ์ ขบคิดถึงเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น เวทีวิชาการคงพูดคุยกับพี่น้องไปแล้ว แต่มุมมองของผมที่อยากจะชวนพี่น้องมาพูดคุยในวันนี้ ก็คือ

วันนี้วันที่ 10 เมษายน 2554 ถ้าย้อนหลังไป 1 ปี เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 บริเวณสี่แยกคอกวัว บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และมีการโฟนอินมาจากคนที่ดูไบ คือ ทักษิณ ชินวัตร พี่น้องย้อนรำลึกไปจะเห็นเหตุการณ์บ้านเมือง ว่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 มาถึงวันนี้ 2554 ภาพของสังคมไทย และภาพความคิดเห็นที่ขัดแย้ง แตกต่าง และความแตกแยกในสังคมไทย ยังดำรงอยู่เหมือนเดิมทุกประการ ตลอดระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยยังติดหล่มอยู่กับปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ความคิดที่แตกต่างกัน นี่เป็นปัญหาหลักปัญหาหนึ่งในขณะนี้ ที่ไม่ว่าใครขึ้นมาเป็นผู้บริหาร ปกครองประเทศ ก็ยังไม่แสดงความสามารถ แสดงภาวะความเป็นผู้นำที่จะนำพาชาติบ้านเมืองให้ก้าวพ้นจากหล่มแห่งความหายนะ และความมืดดำอันมองไม่เห็นอนาคตนี้เลยครับพี่น้อง นี่คือสภาพบ้านเมืองของเรา

เมื่อเช้า ที่วัดบวรนิเวศฯ ในมุมหนึ่งก็มีการจัดงานรำลึกครบรอบ 1 ปีแห่งการเสียชีวิตของ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ซึ่งเป็นอีกภาพหนึ่งที่ครอบครัวและภรรยาได้จัดงานรำลึกครบรอบการเสียชีวิต พี่น้องจะเห็นได้ว่า ในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน ประเทศไทยสูญเสียนายทหารที่ดีที่สุดในรุ่นของเขา และเป็นทหารที่เป็นความหวังและอนาคตของบ้านเมือง และเป็นนายทหารที่มีจุดยืน มีทัศนคติ มีอุดมคติในการดำรงวิชาชีพทหารอย่างมีเกียรติและสมศักดิ์ศรี ท้ายที่สุดต้องมาเสียชีวิตในเหตุการณ์จลาจล เหตุการณ์ชุมนุมของพี่น้องประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดง ที่รัฐบาลมอบหมายภารกิจให้ทหารจำนวนหนึ่งเข้ามาเพื่อกระชับพื้นที่ หรือเพื่อควบคุมการชุมนุมให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย แต่ด้วยยุทธวิธีในการดำเนินงาน แต่ด้วยยุทธศาสตร์แนวนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล หรือฝ่ายเสนาธิการทหาร ณ เวลานั้น ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่า คนที่มีหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ขณะนั้น และเป็นผู้อำนวยการ ศอฉ. คือนายกรัฐมนตรี คือรองนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เหตุการณ์ไม่น่าจะเกิดเหตุที่นายทหารและประชาชนจะต้องมาเสียชีวิตเลย ถ้าเราได้รัฐบาล ได้ผู้ดูแลสถานการณ์ที่ไม่อ่อนหัด และไร้เดียงสา การประเมินข้อมูลข่าวสาร การข่าว และความร้ายแรงในการชุมนุม การประเมินสภาพของผู้ชุมนุมที่มีอาวุธ และกลุ่มคนติดอาวุธแฝงตัวอยู่ในที่ชุมนุมนั้น ไม่น่าจะเกิดความผิดพลาดในลักษณะที่ปล่อยให้ทหารมาปฏิบัติการด้วยมือเปล่า และมีอาวุธอันจำกัด และมีคำสั่งห้ามไม่ให้ใช้อาวุธกับผู้ชุมนุม ซึ่งมันไม่ใช่วิธีการ ถ้าคุณจะไม่ใช้อาวุธกับผู้ชุมนุม เฉพาะผู้ชุมนุมที่ปราศจากอาวุธเท่านั้น

บทเรียนแห่งการเสียชีวิตนายทหารที่ดีที่สุดในรุ่นไปนั้น ได้นำมาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และเผอิญว่าผมรู้จักภรรยาผู้เสียชีวิต เพราะภรรยาของท่านทำงานอยู่ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี เป็นผู้อำนวยการสำนักปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในช่วงเวลาที่ผมเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช พอดี ได้รู้ว่าภรรยาของ พ.อ.ร่มเกล้า เป็นข้าราชการที่ดีและมีอนาคต ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวแบบอย่างของข้าราชการที่ดี ซึ่งน่าจะมีชีวิตความเจริญก้าวหน้าในชีวิตราชการ แต่สุดท้ายต้องประสบชะตากรรม สูญเสียสามี ซึ่งเป็นผู้นำที่สำคัญของครอบครัว อันนี้นำมาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจ ไม่เฉพาะครอบครัวของคุณนิชาเท่านั้น เป็นความสูญเสียของกองทัพและประชาชนไทยด้วย ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าพวกเรามีความรู้สึกเสียใจและเสียดายที่ประเทศไทยต้องสูญเสียในเหตุการณ์ครั้งนั้น

แต่ขณะเดียวกัน ระหว่างที่วัดบวรฯ มีงานเพื่อรำลึกการสูญเสียชีวิตของนายทหาร ในเวทีใกล้ๆ กัน มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งพยายามเกณฑ์คนมาจำนวนมาก และมีญาติพี่น้องผู้บาดเจ็บล้มตาย เสียชีวิต มาปราศรัย ชุมนุม มาบอกกับสังคมว่า พวกเขาก็ตกเป็นเหยื่อของการสลายการชุมนุมในครั้งนั้นด้วยเช่นกัน มันจึงเป็นสองภาพที่ขัดแย้งกันอยู่ จะว่าไปแล้ว ไม่ว่าใครเจ็บใครตาย พี่น้องประชาชนที่เจ็บที่ตาย หรือกลุ่มคนเสื้อแดงที่เจ็บที่ตาย หรือผู้สื่อข่าวที่เสียชีวิตในเหตุการณ์วันนั้น ไม่น่าจะเป็นความปรารถนาของพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศแน่ และไม่มีใครมีความสุข สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การที่มีความสูญเสียเกิดขึ้นในวันนั้น เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย ถ้าหากว่าทั้งสองฝ่ายไม่ไร้เดียงสา ไม่ใช้ความรุนแรงเข้าหากัน ประชาชนที่เสียชีวิต

ผมเข้าใจว่าเป็นเหยื่อ ไม่ได้เป็นคนที่ต้องการจะใช้ความรุนแรง แต่ต้องตกเป็นเหยื่อที่สูญเสียชีวิต ไม่ว่าผู้สื่อข่าว และประชาชนก็ดี แต่เนื่องจากฝ่ายผู้ชุมนุมมีกำลังติดอาวุธแฝงอยู่ และก่อเหตุรุนแรงเพื่อปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหาร จึงนำมาซึ่งความสูญเสีย ถ้าจะกล่าวไปแล้ว ความผิดพลาด ความเสียหาย ความสูญเสียที่เกิดขึ้นนั้น ต้องเป็นความรับผิดชอบทั้งรัฐบาลและแกนนำคนเสื้อแดง แต่วันนี้ต่างฝ่ายพยายามโยนความผิดให้กัน ฝ่ายรัฐบาลพยายามจะบอกว่า แกนนำเสื้อแดงเป็นผู้ร้ายที่ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งมันก็จริงส่วนหนึ่ง แต่ความผิดส่วนหนึ่งอยู่ที่รัฐบาลไม่ทำหน้าที่ตนเองอย่างดีที่สุดในการป้องกันเหตุร้าย เหตุรุนแรง ไม่สามารถสกัดกลุ่มคนติดอาวุธ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย หรือชายชุดดำ ทั้งๆ ที่หน่วยข่าว และข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลอ้างว่า รู้ดีเหลือเกิน นายสุเทพฝ่ายความมั่นคง หรือฝ่ายความง่อนแง่น อ้างว่ารู้ดีเหลือเกินความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง วันนี้เห็นไหมครับ ออกมาแล้ว ทักษิณไปที่ไหน พูดอะไร นายอ้วนทำอะไร บงการอะไร รู้ดีแต่เสือกไว้แบล็กเมล์หาเสียงอย่างเดียว รู้ดีไปหมดว่าใครทำอะไร ใครเคลื่อนไหวอย่างไร อาวุธมาจากไหน รู้ดีไปหมด แต่เอาไว้เขียนหนังสือเพื่อด่าคนอื่น เลวไหมครับอย่างนี้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าคุณรู้ดีขนาดนั้นทำไมคุณไม่ป้องกันเหตุร้าย เหตุความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น

วันนี้การชุมนุที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และบริเวณใกล้ สี่แยกคอกวัว มันจึงเป็นภาพที่สังคมสับสนว่า ตกลงใครคือผู้ร้าย ใครคือคนที่จะต้องรับผิดชอบ สรุปแล้วไม่มีใครรับผิดชอบต่อความสูญเสียและเสียหายที่เกิดขึ้นเลย นี่คือความอัปยศของประเทศไทย มันจึงเป็นความเศร้าใจว่า ตกลงประเทศนี้ดีชั่ว ถูกผิด ไม่ต้องแยกแยะ ไม่ต้องรับรู้ ทุกคนเป็นคนถูกไม่มีใครผิด เราจึงไม่มีมาตรฐานอะไรเลย ฝ่ายกองทัพ ทหารเมื่อออกมาปฏิบัติการ แทนที่จะได้รับเกียรติ ได้รับยกย่องว่าเป็นการเสียสละเพื่อชาติ ปกป้องความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ต้องตกเป็นผู้ต้องหาและเป็นจำเลยสังคม และเป็นจำเลยคดีอาญา นี่เป็นผลงานและฝีมือการบริหารของรัฐบาลโดยแท้ครับ ทั้งๆ ที่ก่อนกำลังทหารจะออกมาปฏิบัติการ ก็อ้างว่า มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มีพระราชบัญญัติความมั่นคง มีกฎหมายคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ แต่ครั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์จริงๆ กลายเป็นว่าเจ้าหน้าที่พวกนี้ต้องเดินแถวเข้าไปรายงาน ตกเป็นผู้ต้องหาในคดี เรียงแถวตั้งแต่ผู้พัน ผู้บังคับการกองร้อย ผู้บังคับหมวด นายพล ผู้บังคับกำลัง ทุกคนตกเป็นจำเลยหมดยกเว้น ผบ.ทบ.ครับพี่น้องครับ ยกเว้นรัฐมนตรีกลาโหม ยกเว้นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ยกเว้นหมด แล้วทำไมพวกนายร้อย นายสิบ นายพัน ผู้บังคับการกองพลที่เขาปฏิบัติหน้าที่ ต้องตกเป็นจำเลย หัวหน้าใหญ่ไม่ถูกสอบสวนเป็นจำเลยในคดี บ้านเมืองมันแย่แล้วครับ คนที่ออกคำสั่ง คนที่บังคับบัญชา ตั้งแต่ ผบ.ทบ. พล.อ.อนุพงษ์ พล.อ.ประวิตร เสนาธิการทหาร ทำไมไม่ตกเป็นจำเลย ทำไมไล่นายร้อย นายพันที่ออกปฏิบัติการ กลายเป็นจำเลยไปให้การกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ แล้วกลายเป็นขี้ปากให้จตุพรเอาหลักฐานมาอภิปรายโจมตีนายทหาร และกองทัพเสียๆ หายๆ แบบนี้รัฐบาลทำงานเป็นรึเปล่าครับ เวลาจะใช้เขาไปทำงานก็ใช้ เวลามีเหตุการณ์มีความผิดไม่รับผิดชอบ

เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันที่ 10 เมษายน มันจึงเป็นบรรยากาศที่หดหู่และเศร้าสลดใจว่า ระหว่างนายทหารที่เสียชีวิต ก็ทำบุญรำลึกถึงความสูญเสียเพื่อนร่วมรุ่น อดีตผู้บังคับบัญชา ไปร่วมงาน แต่ขณะเดียวกันอีกฝ่ายหนึ่งก็จัดงานประกบ แบบนี้ผมว่าสังคมไทยสับสนและไม่อาจจะแยกผิดถูกได้

อีกเรื่องที่อยากจะกราบเรียนพี่น้อง พี่น้องรู้ไหมว่า ทำไมมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ถึงมีคนมาชุมนุมเยอะ ไปสืบข่าวมาแล้ว ปรากฏว่าที่เวลานี้กลุ่มคนเสื้อแดงพยายามจัดการชุมนุม โดยเฉพาะแกนนำ เพราะต้องการจะโชว์พลังให้นายหัวเห็น เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างกำลังพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครลงเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง และลงบัญชีรายชื่อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงอยากจะแสดงศักยภาพให้เห็นว่า ตัวเองมีมวลชน มีคน มีอิทธิฤทธิ์อิทธิเดช และเป็นเพราะพวกตนจึงทำให้รัฐบาลไม่สามารถเล่นงานกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่สามารถเล่นงานทักษิณ ไม่สามารถตามจับ ถอนยศ ไม่สามารถเอาตัวมาดำเนินคดี แล้วไม่สามารถอยู่ในอำนาจนาน จนต้องคายอำนายพยายามจะอ้างบุญคุณ อ้างผลงานของตัวเอง ว่าตัวเองเป็นผู้เสียสละต่อสู้เพื่อทักษิณ พวกนี้ พวกแกนนำนี้ต้องการมีชื่ออยู่ในปาร์ตี้ลิสต์ลำดับต้นๆ เพราะอย่างไร 125 คน ทุกคนอยากอยู่ 1 ใน 50 ทั้งนั้น เพราะอย่างไรพรรคฝ่ายค้านคงไม่ได้ถึง 125 แน่ เพราะฉะนั้นลำดับที่ 1-50 หรือ 1-30 แย่งกันชิบหาย เพราะอยากจะเป็น ส.ส. นี่คือพวกแกนนำ

อีกพวกหนึ่งคือ พวกที่อยากจะเป็นแกนนำระดับท้องถิ่น แต่มาร่วมชุมนุมเพราะเตรียมตัวลงเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง พวกที่ลงเขตเลือกตั้ง พรรคมีเงื่อนไขว่า ถ้าอยากจะลงเลือกตั้งต้องโชว์ศักยภาพ จะลงสุรินทร์เขตไหน จะลงศรีสะเกษเขตไหน จะลงอุดร หนองคายเขตไหน ต้องเอาคนมาให้ได้คนละ 500-1,000 ต้องโชว์ศักยภาพ ถ้าไม่มีคนมาก็ไม่พิจารณา เขาเล่นกันอย่างนี้ เพราะฉะนั้นแต่ละคนต้องการโชว์ศักยภาพของตัวเอง ต้องเกณฑ์หัวคะแนน เกณฑ์ประชาชนที่สนับสนุนตัวเอง เพื่อโชว์กับพรรคว่า ผมมีมวลชนสนับสนุนเรือนหมื่น เรือนพัน วันนี้เอามา 500 วันนี้เอามา 1,000 แต่ละคนแข่งกันเพื่อเอาคนมาโชว์ให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้สมัครในเขตเลือกตั้งนั้นๆ แล้วมาเบิกงบประมาณ นี่ละครับ การชุมนุมของคนพวกนี้จึงกลายเป็นการชุมนุมเพื่อจัดมหกรรมโชว์ผลงานให้เข้าตานายหัวเจ้าของพรรค เพื่อได้รับการพิจารณาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้สมัครในนามของพรรคเพื่อไทย เท่านั้นเองครับ โดยถือเอาโอกาส วาระครบรอบ 1 เดือน ครบรอบ 3 เดือน ครบรอบ 5 เดือน และวันนี้ครบรอบ 1 ปีของเหตุการณ์ 10 เมษายน เป็นตัวต้นเหตุเป็นข้ออ้าง

เสร็จแล้วไม่มีอะไร มาชุมนุมปราศรัยก็เหมือนเดิม คือ พอแกนนำได้ที่ ไม่รู้กึ๊บมาหรืออะไร ด่าข้างบนอย่างเดียว ด่าสถาบันอย่างเดียว พาดพิงถึงอำมาตย์ พาดพิงถึงเบื้องสูงอย่างเดียว รู้ไหมครับ ประชาชนจำนวนหนึ่งที่มาเขาไม่ได้เห็นด้วยกับพวกนี้ แต่พวกนี้บ้าอยู่ครับพี่น้อง เพราะประชาชนส่วนหนึ่งเขามาฟังเวทีนี้ เขาก็บอกเวทีนี้พูดจามีเหตุมีผล มีข้อมูล ได้ความรู้ เข้าใจระบอบประชาธิปไตย ได้เข้าใจการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาลนี้ แทนที่จะด่ารัฐบาลอภิสิทธิ์บริหารชาติบ้านเมืองล้มเหลวอย่างไร ถ้ากลับมาอีกครั้งจะแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองอย่างไร จะยุติปัญหาความขัดแย้ง นำพาชาติบ้านเมืองก้าวไปข้างหน้าอย่างไร ไม่พูดครับ หาเรื่องอย่างเดียวคือ แกว่งปากหาเท้าอย่างเดียวครับ แล้วโจมตีอย่างเดียว อำมาตย์เอย ไพร่เอย สถาบัน พาดพิงอยู่ตลอดเวลา แต่มันน่าเศร้าใจว่ารัฐบาลหัวถุงยางทนฟังอยู่ได้

หรือเหตุการณ์เมื่อวานนี้ที่ ฯพณฯ พล.อ.เปรม ไปงานวันกองทัพอากาศ วันครบรอบสถาปนากองทัพอากาศ ผมบอกตรงๆ ถ้าผมเป็นรัฐบาล ผมจะไม่ให้พวกนั้นโผล่หน้ามาให้ระคายเคืองรองเท้า ฯพณฯ พล.อ.เปรม มันแย่มาก มีเสื้อแดง 10-20 คน สามารถมากวนส้น..ผู้หลักผู้ใหญ่ได้ มันแปลกไหมบ้านนี้เมืองนี้ แดงลำลูกกา ประมาณ 20 คน อยู่หน้าหอประชุมกองทัพอากาศ ยกป้ายด่า ฯพณฯ พล.อ.เปรม เป็นผมนะ เข้าเขตไม่ได้เลย ต้องไม่ให้โผล่เข้าเขตกองทัพอากาศเลย ทำงานเป็นรึเปล่า และไม่ต้องมาอ้างประชาธิปไตย เพราะไม่ได้มาชุมนุม มาด่าคนไม่ได้ครับ มาด่าผู้หลักผู้ใหญ่ใช้ได้อย่างไร แต่ถ้ามาชุมนุม ประท้วง ยื่นข้อเรียกร้องเรื่องใดเรื่องหนึ่ง พอมีเหตุผล นี่ด่าผู้หลักผู้ใหญ่เสียๆ หายๆ ไม่ควรจะโผล่มาจากคลอง 7 คลอง 8 ให้อยู่คลอง 10 ปล่อยมาได้อย่างไร มาอยู่หน้าหอประชุมกองทัพอากาศ นี่ทหารก็แย่ สารวัตรทหารก็แย่ ตำรวจก็แย่ ผมเป็นรัฐบาลนะ ตำรวจคนไหนปล่อยให้เสื้อแดง 20 คนโผล่หัวเข้ามา ย้ายทันทีเลย ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต มาด่าผู้ใหญ่เสียๆ หายๆ ให้มาทำไม ถ้าคุณเดือดร้อนต้องการร้องเรียนขอความเป็นธรรม ยื่นหนังสือ ยื่นข้อประท้วง มาด้วยความสงบ สันติ และมีเหตุมีผล ก็มีเหตุให้ชุมนุมได้ แต่อย่างนี้มาเพื่อด่าผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ควรให้โผล่มาจากคลอง 10 ให้อยู่ชายแดนนู้น

เพราะฉะนั้นบ้านเมืองเวลานี้เราไม่ได้บอกว่า พวกเรามาชุมนุมทำไมพวกเราชุมนุมได้ แล้วทำไมบอกว่าพวกนั้นมาชุมนุมไม่ได้ มันคนละเหตุผล เพราะฉะนั้นการชุมนุมต้องมีเหตุผล มีข้อเรียกร้อง มีข้อมูลข้อเท็จจริง ที่จะมาแสดง แต่ถ้ามาชุมนุมเพื่อป่วนเพื่อด่าเฉยๆ ไม่มีสิทธิ์ชุมนุมครับ อ้างประชาธิปไตยก็ไม่ได้ ประชาธิปไตยไม่ใช่ยกป้ายด่าพ่อล่อแม่ใครก็ได้ ไม่ใช่ นี่เพราะบ้านเมืองบ้า รัฐบาลบ้า คือเวลาประชาชนชุมนุมอย่างนี้ มีเหตุมีผล ถูกต้อง ปกป้องแผ่นดิน มีข้อเท็จจริง มีข้อเรียกร้อง และมีข้อมูลมานำเสนอ อย่างนี้จะมารื้อส้วม เอาพระราชบัญญัติความมั่นคง มาเล่นงานเรา ที่พวกชุมนุมกวนตีนผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่จัดการครับพี่น้อง บ้านเมืองถึงหาขื่อแปรไม่ได้

เพราะฉะนั้นวันนี้ ปัญหาใหญ่ของประเทศเราอยู่ที่ 1.ความขัดแย้งในบ้านเมืองที่เกิดขึ้นยังดำรงอยู่ และเกิดขึ้นเพราะไม่มีขื่อแปร ไม่มีหลักกฎหมาย ไม่มีวิธีการจะจัดการกับปัญหาอย่างตรงไปตรงมา ถ้าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย คุณต้องจัดการโดยเด็ดขาด แต่ถ้าเป็นการชุมนุมโดยถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ โอเคต้องอำนวยความสะดวก และให้ความคุ้มครองสิทธิประชาชน การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงวันนี้แบ่งเป็นหลายก๊ก ก๊กหนึ่งคือ มาชุมนุมเพื่อต้องการจะให้ผลงานเข้าตาเพื่อรับเลือกเป็นผู้สมัคร อีกก๊กหนึ่งก็ทำงานหาตังค์ หารับประทานกับทักษิณ อีกก๊กหนึ่งเป็นก๊กพวกแดงล้มเจ้า แดงไม่เอาสถาบันกษัตริย์ จะมีอยู่ส่วนหนึ่งในนั้น และโรงเรียนธิดาแดง คือโรงเรียนลอกเลียนแบบมาจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ผมเคยทำมาก่อน ประธานเสื้อแดง นางธิดาเป็นอดีตกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์มาก่อน ก็เอาวิธีนี้มาอบรมและใส่ลัทธิการเมืองให้กับคนพวกนี้ แต่รัฐบาลสบาย ส่งเสริมเมียทำงานตามสบายแล้วประกันผัวออกมาชั่วเมียอีกแรงด้วย สองคนนี้อุดมการณ์ยังไม่เปลี่ยน คือยังงมงายอยู่กับลัทธิคอมมิวนิสต์ หวังเปลี่ยนแปลงประเทศไทยโดยการเปลี่ยนแปลงไม่มีพระมหากษัตริย์ ทั้งที่คนอื่นที่ออกมาจากป่าเลิกไปหมดแล้ว มีบ้า 2 คนยังบ้าอยู่ คนอื่นเลิกหมดแล้ว ทำไมไม่ชวนเสกสรรค์ ประเสริฐกุล มาด้วย เสกสรรค์ออกมาก็เลิกแล้ว ไปตกปลา เข้าวัด เขียนหนังสือไปแล้ว ธีรยุทธก็เคยเข้าป่า มีบ้าสองผัวเมียนี่ละครับยังบ้าลัทธิคอมมิวนิสต์ เป็นพวกสารพิษตกค้าง เผอิญมีหน้าเหลี่ยมสนับสนุนเลยบ้ากันไปใหญ่ เพราะไอ้นั่นมีความแค้น คิดว่าที่ไม่มีแผ่นดินอยู่เพราะผู้หลักผู้ใหญ่รังแก ไม่ให้ความเป็นธรรม แต่ตัวเองไม่เคยดูตัวเองเลยว่าชั่ว เลวระยำบัดซบแค่ไหน

ทีนี้ เอาละความขัดแย้งในสังคมเกิดขึ้นด้วยเหตุนี้ คนที่หมดอำนาจไปแล้ว ยังมีความคั่งแค้น อาฆาตแค้นต่อประเทศไทย ต่อสังคมไทย ต่อสถาบัน เพราะเข้าใจว่า ประเทศไทย กระบวนการยุติธรรม สถาบันไม่ให้ความเป็นธรรมกับตัวเอง ไม่ได้ดูเลยว่าตัวเองเป็นคนโกงบ้านโกงเมือง และทำร้ายทำลายประเทศไทย ทำลายประชาชนไทย ตัวเองต่างหากที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับแผ่นดินเกิด แผ่นดินแม่ของตัวเอง วันนี้จึงยังไม่สำนึก อยากจะกลับคืนมามีอำนาจอีกครั้ง มาใหม่ หลังจากเผาบ้านเผาเมืองไม่สำเร็จ ก็มาโดยวิธีกลับเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง พอจะกลับเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งก็มีการรวบรวมผู้คนใหม่ ไปรวมมาหมดเลย มือดีทางการเมือง พล.อ.ชวลิต ก็ดึงมาแล้ว เฉลิม ก็ดึงมาแล้ว กลุ่มหลักๆใหญ่ๆ ดังมาหมดแล้ว สุดารัตน์ก็ดึงมาแล้ว กลุ่มปุระชัยอาจจะเป็นนอมินี ไว้สำรอง แล้วยังไปดึงป๋าเหนาะมาอีก หวังจะให้มาช่วยงานทางการเมือง แต่พี่น้องเชื่อไหมครับ นักการเมืองเวลานี้กำลังคิดหนักที่จะร่วมงานกับไอ้หมอนี่ เพราะนักการเมืองอยากเลือกตั้ง อยากจะเข้ามามีอำนาจแล้วมาหาประโยชน์ อันนี้ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าจะช่วยมาสู้กับเจ้า ล้มสถาบัน นักการเมืองส่วนหนึ่งเขาไม่เอาด้วย แต่นักการเมืองพวกนี้ยังอยากจะใช้เงินฟรีๆ ไม่อยากควักกระเป๋าตัวเอง ก็เลยต้องหลอกแดกทักษิณอีกรอบ ว่าจะร่วมงานการเมืองเพื่อให้พรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นรัฐบาล ปาร์ตีลิสต์เบอร์ 1 ที่ทักษิณกำหนดมา จะได้มีโอกาสเป็นนายกฯ คนพวกนี้ก็ร่วมมือกับทักษิณ โดยหวังว่าจะได้กลับมาเป็น ส.ส.ใช้เงินทักษิณมาเลือกตั้ง แต่ถ้าจะล้มเจ้า ต่อสู้กับสถาบันเหมือนเดิมอีก เอาหัวชนกำแพงเหมือนเดิมอีก แล้วใช้พวกแดงฮาร์ดคอร์มาเผาบ้านเผาเมืองอีก นักการเมืองส่วนหนึ่งเขาไม่เอาด้วย ที่ผมรู้แน่ๆ นายเสนาะ เทียนทอง กำลังคิดหนัก แล้วยื่นคำขาดกับทักษิณเหมือนกันว่า ถ้าคุณจะมาแบบเดิม มาแบบไม่เอาเจ้า สู้กับสถาบัน เขาอาจจะไม่เล่นด้วย แต่ถ้ากลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี เลิกซะที่ทำความชั่วความเลว แล้วกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ก็อาจจะเป็นไปได้ ขณะนี้เลยอยู่ระหว่างรวบรวมไพร่พล ระหว่างรวบรวมไพร่พลจึงได้เห็น กลุ่มคนเสื้อแดงพยายามสร้างผลงานให้เข้าตา กลุ่มการเมืองพยายามสร้างผลงานให้เข้าตาทักษิณ แต่ทั้งหมดนี้ เขาก็หวังว่าจะเลือกตั้งแล้วได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งโดยวิธีไม่ต้องเผาบ้านเผาเมือง ขอใช้การเลือกตั้งเป็นชัยชนะเพื่อจัดตั้งรัฐบาล แต่ถ้ามาจัดตั้งรัฐบาลแล้วโกงบ้านกินเมือง โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ และนิรโทษกรรมแก้กฎหมายฟอกความผิดให้ตนเองอีก อย่างนี้พี่น้องประชาชนจะเอาไหมครับ เอาไม่เอา พี่น้องก็ไม่เอา พี่น้องพันธมิตรฯ ไม่เอาแน่ เพราะฉะนั้นเมื่อหันไปมองปัญหาของบ้านเมืองขณะนี้ อีกฝ่ายหนึ่งยังไม่ลดละ ยังไม่ชัดเจนว่ากลับมาแล้วทำให้บ้านเมืองดีขึ้นอย่างไรมีแต่จะสร้างความแตกแยก แต่ปีกฝ่ายหนึ่งรัฐบาลที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้ไม่ทำการทำงานอะไร ก้มหน้าก้มตาโกง แดกอย่างเดียว ไม่ทำงานอะไรเลย และไม่สนใจเลยว่าบ้านเมืองขณะนี้ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างไร สังคมมีความขัดแย้งแตกแยก การเมืองจะเดินหน้าไปอย่างไร รัฐบาลที่อยู่ขณะนี้เต็มไปด้วยกระสือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่งหน้าหล่ออย่างเดียว เบื้องหลัง จอมโจรจรกาหน้าดำ จอมโจรเตี้ยมหาภัย จอมโจรพวกปากห้อย จอมโจรปากห้อย มเหศวรปากห้อย แล้วพวกนี้เป็นโรคแปลก ถ้าไม่ได้โกงประเทศ โกงบ้านโกงเมือง มันต้องตายชักดิ้นชักงอลงแดงตายแน่เลย ไม่ว่าจับไปที่ตัวไหนเลวทั้งนั้น โกงทั้งนั้น ทุกเรื่องคิดแต่จะเอาประโยชน์บ้านเมืองเข้าพกเข้าห่อตัวเอง รัฐบาลนี้ก็ไม่ทำอะไร รัฐบาลที่มาใหม่ทำท่าจะชนะเลือกตั้ง ก็น่ากลัวพอๆ กัน เพราะฉะนั้นบ้านเมืองขณะนี้เลยไม่มีใครทำงาน ทำหน้าที่พาบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ยังมองไม่เห็นอนาคต สรุปแล้วก็คือ บ้านเมืองเรากำลังเผชิญวิกฤต

การเมือง เป็นการเมืองแห่งการฉ้อฉลคดโกง ทุจริต และไม่ทำงาน ไม่ดูแลบริหารประเทศ ที่จะมาใหม่ก็เคยโกงไปแล้ว และไม่รู้ว่าจะมาเพื่ออะไร เพราะมานี่คนยังไม่ไว้ใจ 2 เรื่อง 1.โกง 2.คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ 3.คิดนิรโทษความผิดให้ตัวเอง เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นอย่างนี้พี่น้องเลือกเอาว่าเราจะเดินไปสู่เลือกตั้งไหม ส่วนจะหวังพึ่งรัฐบาลปัจจุบันก็พึ่งไม่ได้ หันหน้ามามองกองทัพ กองทัพก็ยังมองไม่เห็นเลยว่าตัวเองมีหน้าที่ทำอะไร กองทัพยังบอกว่า การเมืองทุกวันนี้ดี เราต้องประคับประคองระบอบการเมืองนี้ต่อไป ทหารยินดีสนับสนุนการเมืองและการเลือกตั้ง แล้วกองทัพไม่รู้หรอว่าบ้านเมืองขณะนี่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน การเมืองทั้ง 2 ฝ่ายกำลังเป็นอย่างไร แล้ววันนี้ยังไม่ทันถึงเลือกตั้ง ฝ่ายนี้ก็โจมตีกองทัพแล้วว่าไปตั้งวอร์รูมเตรียมแทรกแซงการเลือกตั้งช่วยรัฐบาลปัจจุบันเอาชนะพรรคเพื่อไทย เขาเริ่มโจมตีกันแล้ว กองทัพถูกจับให้มายุ่งการเมือง อันนี้ 1 แล้ว 2.การที่กองทัพจะค้ำจุนบัลลังก์การเมืองของใคร ต้องดูว่าเป็นการเมืองเพื่อความมั่นคงของประเทศจริงหรือเปล่า ถ้าเป็นการเมืองทำลายความมั่นคง การเมืองแห่งการโกง การเมืองแห่งการทุจริต การเมืองแห่งการแย่งชิงอำนาจกัน พอได้อำนาจแล้ว ทุกคนก็มาปล้นสะดมจากประเทศชาติบ้านเมือง และทำร้ายประชาชน และยุแยงตะแครงคว่ำให้ประชาชน 2 กลุ่ม 2 ฝ่าย 3 ฝ่าย 4 ฝ่าย แตกเป็นก๊กเป็นเหล่ามาทะเลาะ การเมืองแบบนี้กองทัพควรสนับสนุนไหม

แล้วที่เลวร้ายกว่านั้นครับพี่น้อง คือเรื่องชาติ เรื่องแผ่นดิน ก็ไม่มีใครดูแล เราคิดว่ารัฐบาลไม่เอาใจใส่แล้วก็นึกว่ากองทัพจะมีหน้าที่ปกป้องดินแดนอาณาเขตประเทศไทยของตนเอง กองทัพก็ทำเป็นเฉยไม่สนใจปัญหาดินแดน ปัญหาอธิปไตยของประเทศตัวเอง ประชาชนออกมาชุมนุมตั้ง 75-76 วันแล้ว ยังไม่เห็นปฏิบัติการอะไรของกองทัพเลย นอกจากไปขุดหลุมซ้อมประชาชนหลบปืนใหญ่จากเขมร นี่คือผลงานกองทัพไทย มันน่าอับอายจริงๆ นอกจากนั้นก็ไปแสดงละครตบตาประชาชน โดยการทุบป้าย พอทุบป้ายเสร็จดีใจแล้วเอาป้ายอีกอันไปติด แต่ว่า วัด กองทัพ กองทหารที่เขมรอยู่ ยังอยู่ตามปกติ นี่ผลงานของกองทัพไทยในการปกป้องดินแดน เสร็จแล้วปัญหาเขมรรุกรานยึดครองดินแดน แทนที่จะเอากำลังปฏิบัติการยึดแผ่นดินตัวเองคืน กลับมายืนแถลงข่าวแต่งตัวโก้หล่อ เท่แหมเท่เหลือเกินแต่แดกไม่ได้ เพราะฉะนั้นการเมืองก็พึ่งไม่ได้ กองทัพก็พึ่งไม่ได้ แล้วในสังคม ประชาชนก็สับสนไม่รู้ว่าใครผิดใครถูกในเหตุการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมา คนเผาบ้านเผาเมืองก็ยกย่องกันเป็นวีรบุรุษเป็นวีรชนของเขา แปลก เผาบ้านเผาเมือง ยิงประชาชน บุกโรงพยาบาล จนสังฆราชต้องไปรักษาที่อื่น บ้านเมืองวุ่นวายขนาดนี้ พวกเขากลายเป็นวีรชนไปเฉย แดงที่เอาคนมายิงระเบิดใส่ตรงนั้นตรงนี้ เป็นผู้บัญชาการนักรบพระเจ้าตาก วันนี้แดงกลายเป็นวีรชนไปแล้วครับ ตกลงบ้านเมืองคืออย่างไร

เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่า บ้านเมืองขณะนี้เรากำลังเผชิญสภาพบ้านเมืองที่หาหนทางออกไม่ได้ แล้วเดินหน้าไปอย่างนี้ มีการเลือกตั้งก็ไม่ใช่คำตอบ ไม่ใช่หนทางจะออกไปจากวิกฤต ความจริงแล้วคนที่พูดคำนี้ว่า เลือกตั้งไปก็ไม่สามารถออกจากวิกฤต มีแต่จะซ้ำเติมวิกฤต คนที่พูดคำนี้คือ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ชื่อ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ผมเคยคุยกับเขา และเคยคุยกับหลายๆ คนในวงสนทนา ทุกคนบอกว่าจะหาทางประนีประนอม สมานฉันท์กัน แต่ปรากฏว่า เลือกตั้งไปเขาก็บอกว่า มันไม่ใช่ทางออกของวิกฤต ตอนนั้นเขาพูดเพราะเขาไม่อยากยุบสภา แต่มาวันนี้บอกว่า การเลือกตั้งเป็นทางออกของวิกฤต เป็นการเริ่มต้นใหม่ เป็นการคืนอำนาจให้โอกาสประชาชน นี่ไงประชาธิปไตย เวลาอยู่ในสถานการณ์หนึ่งก็พูดอย่างหนึ่ง พอตัวเองอยู่ในสถานการณ์หนึ่งจะพูดกลับหน้ามือเป็นหลังเท้าไปอีกอย่างหนึ่ง แต่โดยความเป็นจริงไม่ต้องหลอกตัวเอง และไม่ต้องหลอกประชาชน การเลือกตั้งที่แม้จะมียุบสภา หรือจะเกิดขึ้นนี้

พี่น้องครับ ในประเทศนี้มีใครมั่นใจบ้าง ถ้าเลือกตั้งแล้วประเทศไทยจะพ้นจากการวิกฤต มีไหม ถ้าไม่มีปรบมือดังๆ ผมว่ามีคนจำนวนมาก แม้กระทั่งนักการเมืองด้วยกันเองเขาก็รู้ดีว่าเลือกตั้งไปไม่รู้จะ 1.จะตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ 2.ระหว่างเลือกตั้งไม่รู้จะฆ่ากันตายกี่ศพ 3.ชนะแล้วยังไม่รู้จะอยู่บริหารบ้านเมืองได้หรือเปล่า แต่ทำไมต้องเลือกตั้ง เพราะเป็นอาชีพของนักการเมือง ถ้าไม่มีเลือกตั้งนักการเมืองหาแดกไม่ได้ ถ้าไม่การเลือกตั้งแล้วจะเอาเงินจากนายทุนจากไหนล่ะ ไปเบิกเขา 30 ล้าน 50 ล้าน 80 ล้าน 100 ล้านบางเขตบางคน พอเลือกตั้งแล้ว พวกหนึ่งเลือกตั้งแล้วรวย พวกหนึ่งชุมนุมแล้วรวย แต่อย่ามาบอกว่าเวทีนี้สู้แล้วรวย ถ้าเวทีนี้สู้แล้วรวยทำไมหนีจากเวทีนี้ล่ะ ทำไมไม่มาสู้ด้วยกันจะได้รวยด้วยกัน ถ้าบอกว่าสู้บนเวทีนี้ ประพันธ์สู้แล้วรวย ไม่อิจฉาประพันธ์หรอ ไม่อยากได้รถป้ายแดงเหมือนประพันธ์หรอ ก็มาสู้ด้วยกันซิจะได้รวย หนีไปทำไม ไปเป็นสื่อทำไมมันจน มาชุมนุมที่นี่มันจะรวย คนบางคนพูดหน่อมแน้มน่าเห็นใจ ไม่มีเหตุผลจะโต้แย้ง

เพราะฉะนั้นนักการเมือง นักเลือกตั้ง ถ้าไม่ได้เลือกตั้งลงแดงตาย จนเลยครับ เขาจึงอยากเลือกตั้ง แม้ว่าจะมองไปข้างหน้า เลือกตั้งบ้านเมืองมองไม่เห็นทางออก ทำไมเราไม่มาคิดร่วมกันหาทางออก ทหารก็ดี นักวิชาการก็ดี นักธุรกิจก็ดี ถ้าบ้านเมืองไม่ดี การเมืองไม่ดี นักธุรกิจจะทำมาค้าขาย ทำมาหากิน ก็อยู่โดยความไม่มั่นใจ สถานการณ์การเมืองจะนำไปสู่ภาวะล้มละลายทางเศรษฐกิจได้ หลายประเทศที่กำลังมีปัญหาทางการเมือง อย่าง ลิเบีย ตูนิเซีย อียิปต์ หลายประเทศที่มีปัญหาทางการเมือง ทำให้ภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ ตกต่ำ กว่าจะฟื้นฟูประเทศได้ต้องใช้เวลา ประเทศเราก็เหมือนกัน ที่เราติดหล่มอยู่กับการเมืองที่ล้มเหลว การเมืองไม่สร้างสรรค์ การเมืองกินบ้านกินเมือง การเมืองขายชาติขายแผ่นดิน จึงทำให้ประเทศไทยไม่อาจเดินไปข้างหน้าได้ครับพี่น้องครับ

สมัยก่อน ถ้ามีอย่างนี้พวกดังๆ ประเภทปราศรัยด่าถึงข้างบน ป่านนี้เอาไปอบรมตั้งนานแล้ว ไม่ได้มาแหกปากพูดอย่างนี้หรอก วันนี้ยุคมันเป็นอะไร ทหารก็ดีแต่พูด ใครดูหมิ่นสถาบันผมจะจัดการ จัดการอะไรเขาด่าทุกวันนั่งมุดหัวอยู่ที่ไหน เขาเผยแพร่ติดตามส้วม ห้องน้ำ เผยแพร่ทั้งใบปลิว เอกสาร สิ่งพิมพ์ นิตยสาร เว็บไซต์ เยอะแยะ ไม่เห็นคุณจัดการอะไรแล้วคุณจะมาพูดทำไม เวลานี้บ้านเมืองพึ่งใครไม่ได้ ประชาชนก็พึ่งสถาบันหลักของชาติไม่ได้ กองทัพ รัฐบาลก็พึ่งไม่ได้ สถาบันสูงสุดของบ้านเมืองไม่รู้จะไปพึ่งใคร ต้องมาขอความเป็นธรรม มันเศร้าใจไหมครับพี่น้อง ผมถึงบอกว่าบ้านเมืองเวลานี้เลือกตั้งก็ไม่มีทางออก

สิ่งที่เราพูดคุยกันวันนี้ และเรายังชุมนุมอยู่ที่นี่ เพราะเราต้องการให้บ้านเมืองมีทางออก และต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้า พวกเราไม่ต้องการอะไรเป็นสมบัติส่วนตัว ทุกคนต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าและดีขึ้น เป็นการเมืองที่สร้างสรรค์ เป็นการเมืองที่เอื้อประโยชน์เพื่อชาติบ้านเมือง แต่เมื่อไหร่การเมืองจะเกิดขึ้นเสียที จะไปรอความหวังจากใครครับเวลานี้หมดแล้ว ปล่อยให้นักการเมืองเลือกตั้งอีกรอบก็อีหลอบเดิม หวังพึ่งทหาร ทหารก็ทำเป็นแอ็คอาร์ตดีแต่ให้สัมภาษณ์ออกแถลงโชว์ออฟ โชว์เครื่องแบบ แต่ปฏิบัติการไม่มีอะไรเลยน่าประทับใจ ผมถึงบอกว่าวันนี้ประเทศไทยมาถึงทางตัน ไม่มีทางเลือก ถ้าเลือกไปก็เสียเงินเปล่าๆ จุดยืนที่เราชุมนุมอยู่แล้วเราเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ จึงมีความจำเป็นที่สุดที่บ้านเมืองจะต้องทำไม่ทำไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่าจะมีผู้กล้า ชายชาตรีคนไหนที่จะกล้าหาญออกมาสร้างขบวนการปฏิรูปประเทศไทยร่วมกัน ตกลงแล้วถ้าไม่มีใครทำ สงสัยพวกเราต้องทำเองเสียแล้ว

ชุมนุมมา 76 วันแล้ว สงสัยเราต้องคณะปฏิรูปประเทศไทย ขึ้นมาคณะหนึ่งเสียแล้วละผมว่า แล้วเชิญชวนคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีความน่าศรัทธา นับถือ เดี๋ยววันจันทร์เราจะประชุมกัน คณะกรรมการ มีแกนนำรุ่นที่ 1 แกนนำรุ่นที่ 2 และคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย เราคงจะได้ความคิดตกผลึกว่าเราจะทำอะไรกัน ที่เป็นรูปธรรมมากกว่าเดิม รอการเปลี่ยนแปลง รอความหวังคงยาก เพราะมันต้องยึดคำพระ อัตตาหิอัตโนนาโถ แล้วพี่น้อง ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย อาจจะเปลี่ยนเป็นคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทยก็ได้ เพราะฉะนั้นคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย ที่นายอภิสิทธิ์ตั้ง ท่านอานันท์ อ.ประเวศ ยุบซะเถอะมารวมกับพวกเราตั้งคณะปฏิรูปประเทศไทยดีกว่า ถ้าจะรอคอย รอความหวังจากนักการเมืองคงยาก พรรคการเมืองคงยาก แล้วจะรอคอยความหวังจากใครถ้าไม่ใช่พลังของพี่น้องประชาชนที่จะออกมาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศไทยด้วยพลังของประชาชนเรือนแสนเรือนล้าน ผมมาคิดดู ถ้าหากมีคณะประชาชนที่เป็นคณะปฏิรูปประเทศไทย ดูหน้าตาแล้วใช้ได้ สัก 20 คน เอ่ยชื่อมาแล้วพี่น้องเชื่อว่า คณะนี้ปฏิรูปประเทศไทยแล้วคนคงจะเชื่อถือ แล้วจะทำอย่างไรให้ได้อำนาจ ต้องหาวิธีคิด วิธีทำงานกันว่าจะทำอย่างไร ไหนๆ จะฉลองสงกรานต์แล้ว ผ่านจากสงกรานต์ เราน่าจะเริ่มปฏิรูปประเทศไทยเข้าสู่สังคมใหม่ ศตวรรษใหม่

นี่คือความหวัง และอนาคตที่เราอยากจะเห็น มาวันนี้คือ มาคุย มาบ่น มาทบทวนกับพี่น้องว่าเราจะหาทางออกให้กับบ้านเมืองอย่างไร แต่ผมยังเชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยคิดหาทางออก คนหนึ่งที่พยายามมากที่สุดคือ อ.ปราโมทย์ นาครทรรพ แต่มันเดินไปแต่ละคนแต่ละทางคงไม่ประสบความสำเร็จ ไหนๆ จะสู้กันแล้วรวมพลังสู้กันอีกสักยกเพื่อให้บ้านเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลง จะเป็นไรไป เพราะฉะนั้นที่เรามาชุมนุมกันอยู่นี้อย่างน้อยเกิดปัญญา เกิดความคิด เกิดความริเริ่มใหม่ๆ ว่าเราจะทำอะไรที่ดีกว่านี้ หลังจากรัฐบาลและนักการเมืองล่มสลายไปแล้ว แต่เราต้องคิดหาวิธี เมื่อสิ่งเก่าพังทลายแล้วเราต้องสร้างสิ่งใหม่ทดแทน เพื่อเป็นความหวังและอนาคตประเทศไทย ประชาชนไทย

วันนี้เราต้องคิดร่วมกันว่า ประเทศไทยต้องมาก่อน อย่าถามว่าประเทศไทยจะให้อะไรกับท่าน จงถามว่า ท่านจะทำอะไรให้กับประเทศไทยของท่าน แล้วเมื่อประเทศไทยดี ประชาชนจึงจะดี แต่ที่เขาชูว่าประชาชนมาก่อนนั้น เป็นการชูแบบจอมปลอม คือชูเพื่อหาเสียง ชูเพื่อหลอกประชาชน แต่จริงๆ แล้วประชาชนไม่มาก่อน นักการเมืองมาก่อน ประชาชนตายก่อนต่างหาก ของเราวันนี้ ประชาชนพร้อมจะเสียสละ แต่เอาประเทศและชาติมาก่อน ทางเลือก ทางออกของบ้านเมืองเวลานี้ต้องคิดบนโจทย์นี้ เอาละโจทย์นี้จะออกอย่างไร เดี๋ยวประชุมวันจันทร์ คงมาคุยกับพ่อแม่พี่น้องอีกคอบ ผมคงต้องไปทำการบ้านเยอะเพื่อคิดหาวิถีทางพาชาติบ้านเมือง พาประเทศชาติและพี่น้องประชาชนให้ก้าวพ้นจากหล่มของการเมืองที่ล้มเหลวนี้ เป็นการเมืองที่เราต้องไปให้พ้น ก้าวข้ามให้จงได้ครับพี่น้องครับ และถ้าพี่น้องมั่นใจ เชื่อใจว่าเราจะก้าวไปทางนี้ด้วยกัน ปรบมือดังๆ หน่อยครับ ให้กำลังใจกันหน่อยครับ ว่าเราไม่เอาเลือกตั้ง แต่เราต้องการเอาการเมืองที่พาชาติบ้านเมืองและประเทศหลุดพ้นจากหล่มแห่งความล้มเหลวนี้ ถ้าอย่างนั้นธงของเราต้องเดินหน้าไปในทางนี้ ถ้ามีเลือกตั้งเรามีแผน 2 รออยู่แล้ว แต่วันนี้เราต้องหยุดกระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งไม่เป็นทางออกและอนาคตของบ้านเมือง ให้ได้เสียก่อน และต้องเดินหน้าปฏิรูป เปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้จงได้ เราจึงจะมีทางรอดและมีความหวังครับพี่น้องครับ นี่คือความรู้สึกและความปรารถนาดีที่อยากจะฝากพ่อแม่พี่น้องทั่วประเทศ ไม่ว่าเราเสื้อสีไหนก็ตาม ถ้าไม่เช่นนั้นการเมืองจะวนอยู่อย่างนี้ พี่น้องเสื้อแดงก็ดี อยากจะวิงวอนเลิกซะเถอะ เลิกตามพวกหน้าคางคก หน้าผีทั้งหลาย เลิกเลย แล้วตัวไหน แกนไหนที่ด่าถึงสถาบันเบื้องบน พี่น้องทนฟังได้ทำไม ขว้างน้ำแข็งใส่หน้ามันบ้างซิ เลิกได้แล้ว ธิดาแดงที่ปลุกระดมให้ล้มสถาบัน เปลี่ยนแปลงบ้านเมืองสู่ระบอบประชาธิปไตยอันไม่มีพระมหากษัตริย์ เลิกงมงายตามได้แล้ว เราร่วมกันสร้างสังคมใหม่ การเมืองใหม่ และปฏิรูปประเทศไทยร่วมกันดีกว่า อันนี้ฝากให้ท่านได้คิด ใครที่ติดตามฟัง ASTV และพวกผม พวกเรามีความรู้สึก มีความปรารถนาดีต่อบ้านเมืองร่วมกัน เราไม่ได้คิดอย่างอื่น และเราไม่ต้องการเป็นขี้ข้า เครื่องมือนักการเมืองตลอดไป เสื้อแดงที่ดีถูกนักการเมืองหน้าเหลี่ยมหลอก พวกเราก็ถูกนักการเมืองหน้าหล่อหลอก เพราะฉะนั้นเราสองคนน่าจะเลิกให้นักการเมืองหลอกซะที เราควรกำหนดชะตากรรมและอนาคตบ้านเมืองของเราด้วยตัวเราเองดีกว่า ถ้าพี่น้องเห็นด้วยในแนวทางนี้ ขอความกรุณาส่งข่าวและบอกต่อพี่น้องเราให้กว้างไกล ขอขอบคุณทุกท่านที่ยืนหยัดอยู่ร่วมกัน พบกันใหม่พรุ่งนี้ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น