ASTVผู้จัดการรายวัน - “ญาติเหยื่อกระชับพื้นที่” ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายรัฐบาล 39 ล้าน ส่วนม็อบ 10 เม.ย. ตำรวจวางกำลังเข้ม 7 กองร้อย บิ๊ก ศธ.ผวา "เหวง" รับปากตัดเนื้อหา “แดงเผาเมือง” ออกจากตำราเรียน
วานนี้ (8 เม.ย. ที่) มูลนิธิ 111 พ.ต.อ.วิรุฬห์ พื้นแสน ส.ส.สัดส่วน นายอุดม โปร่งฟ้า หัวหน้าสำนักงานกฎหมาย ร่วมกันแถลงข่าวเรื่องการฟ้องเรียกค่าเสียหายของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ จากกรณีกระชับพื้นที่วันที่ 10 เม.ย. 53 ในการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง
นายอุดมกล่าวว่า จากกรณีนี้จะมีการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งในข้อหา ละเมิดที่เจ้าหน้าที่ได้กระทำการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติความรับผิดชอบการละเมิดของเจ้าหน้าที่พ.ศ.2539 มาตรา5 และ มาตรา17 มีจำเลยทั้งหมด 3 ราย กระทรวงการคลังเป็นจำเลยที่ 1.กระทรวงกลาโหมเป็นจำเลยที่ 2. กองทัพบก จำเลยที่ 3 โดยมีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวน 16 คน พร้อมเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 39,849,890.- บาท
**7 กองร้อย ดูแลกลุ่มนปช. 10 เม.ย.
เวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก บช.น. ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่จะชุมนุมกันในที่ 10 เม.ย.นี้ เนื่องจากเป็นวันครบรอบ 1 ปี ที่มีการสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. บริเวณคอกวัว ว่า จากการข่าวคาดว่าผู้ชุมนุมจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัดจะเดินทางมาชุมนุมประมาณ 50,000 คน รวมตัวกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพียงจุดเดียว เบื้องต้นตำรวจได้ทำการตรวจสอบแล้วไม่พบสัมภาระในการค้างแรมของผู้ชุมนุม เชื่อว่าการชุมนุมไม่ยืดเยื้อ โดยเริ่มชุมนุมตั้งแต่เวลา 12.00 น.ถึงเวลา 02.00 น.
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้าตรวจสอบพื้นที่การชุมนุมดังกล่าวอาจมีสิ่งแปลงปลอมได้ สำหรับกำลังตำรวจดูแลผู้ชุมนุมใช้ 7 กองร้อย ชุดจู่โจม บก.1-9 ชุดละ 33 นาย ตำรวจจราจร 150 นาย เจ้าหน้าที่เทศกิจ 100 นาย เจ้าหน้าที่สืบสวน 200 นาย พร้อมป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันของกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณทำเนียบรัฐบาล และฝากไปยังพ่อค้า แม่ค้า ที่มาจับจองพื้นที่บริเวณดังกล่าวในการค้าขาย หากผู้ค้าคนใดล่วงล้ำเข้ามาบนพื้นผิวจราจรตำรวจจะเข้าจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายทันที และห้ามจำหน่ายสุราในพื้นที่การชุมนุมด้วย นอกจากนี้บริเวณถนนมหาชัย ถนนตะนาว ถนนพระสุเมรุ ถนนดินสอ ห้ามกลุ่มผู้ชุมนุมจอดรถ เนื่องจากให้เป็นพื้นที่เคลื่อนย้ายคนหากเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่ให้ไปจอดรถบริเวณถนนคู่ขนาน หรือถนนราชดำเนินแทน
“ขอฝากไปถึงกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกลุ่มถึงการใส่เสื้อที่มีข้อความหมิ่น ชูป้ายข้อความหมิ่น หรือการใช้ข้อความมิบังควร หากตำรวจพบจะเข้าจับกุมเช่นกัน เส้นทางการจราจรทั้งหมดมอบหมายให้ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น. และ พล.ต.ต.อุทัยวรรณ แก้วสะอาด ผบก.จร. รับผิดชอบการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯทั้งหมด” โฆษก บช.น. กล่าว
** พร้อมตัดเนื้อหา “แดงเผาเมือง”
ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายประเสริฐ วิเศษกิจ คณะทำงานฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ พร้อมด้วยฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จำนวน 5 คน ได้เข้าชี้แจงต่อ นายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (กช.) ถึงกรณี นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ออกมาระบุว่ากระทรวงศึกษาธิการ นำตำราเกี่ยวกับการเรียนประวัติศาสตร์ ของชั้นม.3 ที่ระบุว่าคนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง เมื่อปี 2553 มาเป็นแบบเรียน ว่า จริงๆ แล้วหนังสือดังกล่าวมีอยู่จริง แต่เป็นเพียงเอกสารประกอบการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ประวัติศาสตร์) ม.3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 เท่านั้น
ซึ่งจะพิมพ์ใช้ภายในสำหรับโรงเรียนสมาชิกของฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จำนวน 37 แห่งเท่านั้น ทั้งนี้ เนื้อหาดังกล่าวเป็นเพียงการลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในย่อหน้าสุดท้ายของเนื้อหาเรื่องนี้มีการสรุปว่า จากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช.หรือ กลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้รัฐบาลต้องทบทวนการช่วยเหลือคนยากจนในชนบทให้ได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยการส่งเสริมความปรองดองของคนในชาติ เพื่อส่งผลให้เกิดความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความสงบสุขของคนในชาติ อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการเข้าใจผิด ฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จึงได้ตัดเนื้อหาดังกล่าวออกทั้งหมด เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความไขว้เขว
“ยอมรับว่า ไม่ได้ระมัดระวังเนื้อหา และไม่ได้มีเจตนา เพราะจุดมุ่งหมายของการเรียนการสอนคือเด็กต้องรู้ลำดับเหตุการณ์ จึงจะสามารถสรุปเหตุการณ์ได้ ซึ่งตรงนี้เด็กจะเกิดกระบวนการวิเคราะห์” นายประเสริฐ กล่าว
นายชาญวิทย์ กล่าวว่า ตนจะสรุปข้อชี้แจงจากฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ทั้งหมดให้นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศธ.รับทราบ นอกจากนี้ หนังสือเสริมการพัฒนาผู้เรียนดังกล่าวผลิตขึ้นเองโดยฝ่ายการศึกษา อังครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และเป็นไปเพื่อศึกษาระบอบประชาธิปไตยของประเทศ โดยรวบรวมเหตุการณ์ทางการเมืองตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 มาจนถึงเหตุการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง เดือน เม.ย.2552 และ เดือน พ.ค.ปี 2553 เพื่อให้เด็กฝึกการคิดวิเคราะห์ และเสนอทางออกของปัญหา ที่สำคัญยังมีบทสรุปตอนท้าย โดยแนะนำให้รัฐบาลควรหาทางออกด้วย
นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า หนังสือดังกล่าว เป็นไปตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มาตรฐานสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้น ม.3 ตัวชี้วัดข้อที่ 4 ที่ระบุว่า วิเคราะห์ปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในประเทศ และเสนอแนวคิดในการลดความขัดแย้งได้ แต่เมื่อเกิดความไม่พอใจดังกล่าวทางฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ก็ยินดีที่จะตัดเนื้อหาดังกล่าวออก
**“เทือก” รับแค่ให้วิเคราะห์เหตุการณ์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่า ได้สอบถามกับนายชินวรณ์ในเรื่องดังกล่าวแล้วและยืนยันว่าไม่มีการบรรจุเรื่องเหตุการณ์ดังกล่าวเข้าไปในหลักสูตร แต่มีวิชาที่เขาให้เด็กได้เอาเหตุการณ์จริงมาวิเคราะห์มาคิด ซึ่งเป็นวิชาสอนมีหลายเรื่อง เช่น สึนามิ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอะไรต่างๆ ตนก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ยืนยันไม่ได้เป็นหลักสูตร
เมื่อถามว่า นปช.เอามายืนยันคือเป็นเล่ม เป็นเอกสารประกอบการเรียน นายสุเทพ กล่าวว่า เท่าที่นายชินวรณ์ให้คำตอบตน ยืนยันว่าไม่ใช่หลักสูตร แต่หนังสือประกอบการเรียนตนก็ไม่ได้ดู ตนจะขอดู เมื่อถามว่าจะปล่อยให้มีหนังสืออยู่แบบนี้หรือ จะสามารถอะไรได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เท่าที่ฟังเขาอธิบาย เขาก็สรุปเหตุการณ์สึนามิ แล้วเขาบอกว่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้นักเรียนได้รู้จักคิดวิเคราะห์ เกิดอะไรขึ้น เป็นอย่างไร ตนก็ยังไม่มีโอกาสดูหนังสือที่เขาว่า เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่ายังปล่อยให้หนังสือ เอกสารนี้มีอยู่ต่อไป นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่กระทรวงศึกษาธิการจะว่ากัน เพราะที่กระทรวงก็มีนักวิชาการจำนวนมาก เมื่อถามว่าไม่มีการสั่งให้ยุติเผยแพร่ก่อนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า “ผมไม่ได้สั่งครับ เป็นเรื่องที่กระทรวงจะต้องพิจารณา
เมื่อถามว่านักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ออกมาโจมตีว่าทุกสิ่งควรมีความชัดเจนก่อนออกมาเป็นหนังสือประกอบการเรียน นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ดี หากมีความคิดความเห็นก็จะได้ให้นายชินวรณ์รับความคิดไปพูดคุยกับครู อาจารย์ ที่ทำเอกสารนี้ออกมา .
วานนี้ (8 เม.ย. ที่) มูลนิธิ 111 พ.ต.อ.วิรุฬห์ พื้นแสน ส.ส.สัดส่วน นายอุดม โปร่งฟ้า หัวหน้าสำนักงานกฎหมาย ร่วมกันแถลงข่าวเรื่องการฟ้องเรียกค่าเสียหายของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ จากกรณีกระชับพื้นที่วันที่ 10 เม.ย. 53 ในการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง
นายอุดมกล่าวว่า จากกรณีนี้จะมีการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งในข้อหา ละเมิดที่เจ้าหน้าที่ได้กระทำการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติความรับผิดชอบการละเมิดของเจ้าหน้าที่พ.ศ.2539 มาตรา5 และ มาตรา17 มีจำเลยทั้งหมด 3 ราย กระทรวงการคลังเป็นจำเลยที่ 1.กระทรวงกลาโหมเป็นจำเลยที่ 2. กองทัพบก จำเลยที่ 3 โดยมีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวน 16 คน พร้อมเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 39,849,890.- บาท
**7 กองร้อย ดูแลกลุ่มนปช. 10 เม.ย.
เวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก บช.น. ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่จะชุมนุมกันในที่ 10 เม.ย.นี้ เนื่องจากเป็นวันครบรอบ 1 ปี ที่มีการสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. บริเวณคอกวัว ว่า จากการข่าวคาดว่าผู้ชุมนุมจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัดจะเดินทางมาชุมนุมประมาณ 50,000 คน รวมตัวกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพียงจุดเดียว เบื้องต้นตำรวจได้ทำการตรวจสอบแล้วไม่พบสัมภาระในการค้างแรมของผู้ชุมนุม เชื่อว่าการชุมนุมไม่ยืดเยื้อ โดยเริ่มชุมนุมตั้งแต่เวลา 12.00 น.ถึงเวลา 02.00 น.
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้าตรวจสอบพื้นที่การชุมนุมดังกล่าวอาจมีสิ่งแปลงปลอมได้ สำหรับกำลังตำรวจดูแลผู้ชุมนุมใช้ 7 กองร้อย ชุดจู่โจม บก.1-9 ชุดละ 33 นาย ตำรวจจราจร 150 นาย เจ้าหน้าที่เทศกิจ 100 นาย เจ้าหน้าที่สืบสวน 200 นาย พร้อมป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันของกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณทำเนียบรัฐบาล และฝากไปยังพ่อค้า แม่ค้า ที่มาจับจองพื้นที่บริเวณดังกล่าวในการค้าขาย หากผู้ค้าคนใดล่วงล้ำเข้ามาบนพื้นผิวจราจรตำรวจจะเข้าจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายทันที และห้ามจำหน่ายสุราในพื้นที่การชุมนุมด้วย นอกจากนี้บริเวณถนนมหาชัย ถนนตะนาว ถนนพระสุเมรุ ถนนดินสอ ห้ามกลุ่มผู้ชุมนุมจอดรถ เนื่องจากให้เป็นพื้นที่เคลื่อนย้ายคนหากเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่ให้ไปจอดรถบริเวณถนนคู่ขนาน หรือถนนราชดำเนินแทน
“ขอฝากไปถึงกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกลุ่มถึงการใส่เสื้อที่มีข้อความหมิ่น ชูป้ายข้อความหมิ่น หรือการใช้ข้อความมิบังควร หากตำรวจพบจะเข้าจับกุมเช่นกัน เส้นทางการจราจรทั้งหมดมอบหมายให้ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น. และ พล.ต.ต.อุทัยวรรณ แก้วสะอาด ผบก.จร. รับผิดชอบการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯทั้งหมด” โฆษก บช.น. กล่าว
** พร้อมตัดเนื้อหา “แดงเผาเมือง”
ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายประเสริฐ วิเศษกิจ คณะทำงานฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ พร้อมด้วยฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จำนวน 5 คน ได้เข้าชี้แจงต่อ นายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (กช.) ถึงกรณี นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ออกมาระบุว่ากระทรวงศึกษาธิการ นำตำราเกี่ยวกับการเรียนประวัติศาสตร์ ของชั้นม.3 ที่ระบุว่าคนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง เมื่อปี 2553 มาเป็นแบบเรียน ว่า จริงๆ แล้วหนังสือดังกล่าวมีอยู่จริง แต่เป็นเพียงเอกสารประกอบการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ประวัติศาสตร์) ม.3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 เท่านั้น
ซึ่งจะพิมพ์ใช้ภายในสำหรับโรงเรียนสมาชิกของฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จำนวน 37 แห่งเท่านั้น ทั้งนี้ เนื้อหาดังกล่าวเป็นเพียงการลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในย่อหน้าสุดท้ายของเนื้อหาเรื่องนี้มีการสรุปว่า จากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช.หรือ กลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้รัฐบาลต้องทบทวนการช่วยเหลือคนยากจนในชนบทให้ได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยการส่งเสริมความปรองดองของคนในชาติ เพื่อส่งผลให้เกิดความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความสงบสุขของคนในชาติ อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการเข้าใจผิด ฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จึงได้ตัดเนื้อหาดังกล่าวออกทั้งหมด เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความไขว้เขว
“ยอมรับว่า ไม่ได้ระมัดระวังเนื้อหา และไม่ได้มีเจตนา เพราะจุดมุ่งหมายของการเรียนการสอนคือเด็กต้องรู้ลำดับเหตุการณ์ จึงจะสามารถสรุปเหตุการณ์ได้ ซึ่งตรงนี้เด็กจะเกิดกระบวนการวิเคราะห์” นายประเสริฐ กล่าว
นายชาญวิทย์ กล่าวว่า ตนจะสรุปข้อชี้แจงจากฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ทั้งหมดให้นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศธ.รับทราบ นอกจากนี้ หนังสือเสริมการพัฒนาผู้เรียนดังกล่าวผลิตขึ้นเองโดยฝ่ายการศึกษา อังครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และเป็นไปเพื่อศึกษาระบอบประชาธิปไตยของประเทศ โดยรวบรวมเหตุการณ์ทางการเมืองตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 มาจนถึงเหตุการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง เดือน เม.ย.2552 และ เดือน พ.ค.ปี 2553 เพื่อให้เด็กฝึกการคิดวิเคราะห์ และเสนอทางออกของปัญหา ที่สำคัญยังมีบทสรุปตอนท้าย โดยแนะนำให้รัฐบาลควรหาทางออกด้วย
นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า หนังสือดังกล่าว เป็นไปตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มาตรฐานสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้น ม.3 ตัวชี้วัดข้อที่ 4 ที่ระบุว่า วิเคราะห์ปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในประเทศ และเสนอแนวคิดในการลดความขัดแย้งได้ แต่เมื่อเกิดความไม่พอใจดังกล่าวทางฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ก็ยินดีที่จะตัดเนื้อหาดังกล่าวออก
**“เทือก” รับแค่ให้วิเคราะห์เหตุการณ์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่า ได้สอบถามกับนายชินวรณ์ในเรื่องดังกล่าวแล้วและยืนยันว่าไม่มีการบรรจุเรื่องเหตุการณ์ดังกล่าวเข้าไปในหลักสูตร แต่มีวิชาที่เขาให้เด็กได้เอาเหตุการณ์จริงมาวิเคราะห์มาคิด ซึ่งเป็นวิชาสอนมีหลายเรื่อง เช่น สึนามิ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอะไรต่างๆ ตนก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ยืนยันไม่ได้เป็นหลักสูตร
เมื่อถามว่า นปช.เอามายืนยันคือเป็นเล่ม เป็นเอกสารประกอบการเรียน นายสุเทพ กล่าวว่า เท่าที่นายชินวรณ์ให้คำตอบตน ยืนยันว่าไม่ใช่หลักสูตร แต่หนังสือประกอบการเรียนตนก็ไม่ได้ดู ตนจะขอดู เมื่อถามว่าจะปล่อยให้มีหนังสืออยู่แบบนี้หรือ จะสามารถอะไรได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เท่าที่ฟังเขาอธิบาย เขาก็สรุปเหตุการณ์สึนามิ แล้วเขาบอกว่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้นักเรียนได้รู้จักคิดวิเคราะห์ เกิดอะไรขึ้น เป็นอย่างไร ตนก็ยังไม่มีโอกาสดูหนังสือที่เขาว่า เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่ายังปล่อยให้หนังสือ เอกสารนี้มีอยู่ต่อไป นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่กระทรวงศึกษาธิการจะว่ากัน เพราะที่กระทรวงก็มีนักวิชาการจำนวนมาก เมื่อถามว่าไม่มีการสั่งให้ยุติเผยแพร่ก่อนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า “ผมไม่ได้สั่งครับ เป็นเรื่องที่กระทรวงจะต้องพิจารณา
เมื่อถามว่านักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ออกมาโจมตีว่าทุกสิ่งควรมีความชัดเจนก่อนออกมาเป็นหนังสือประกอบการเรียน นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ดี หากมีความคิดความเห็นก็จะได้ให้นายชินวรณ์รับความคิดไปพูดคุยกับครู อาจารย์ ที่ทำเอกสารนี้ออกมา .