xs
xsm
sm
md
lg

ปาร์ตี้ในคืนหมาหอน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แม้จะปัดเป็นพัลวันว่าไม่ได้เป็นการ “ทิ้งทวน” อย่างที่วิจารณ์กันให้แซ่ด แต่การประชุมแบบ “มาราธอน” ของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันก่อน ที่เริ่มกันตั้งแต่ 8 โมงเช้า ลากยาวไปถึงตี 2 กว่าของเช้าอีกวัน รวมเวลาในการประชุม 2 ช่วง 13 ชม.เต็ม และสามารถผ่านวาระการประชุมได้มากกว่า 200 เรื่อง ก็ถือเป็นเรื่องผิดปกติ และไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย

เหตุที่ ครม.ต้องอดตาหลับขับตานอนกันขนาดนั้น ก็เพราะคาดกันว่าจะเป็นการประชุม ครม.นัดสุดท้าย ก่อนที่จะมีการทูลเกล้าฯพระราชกฤษฎีกายุบสภา ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค.นี้ ตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเอาไว้

จึงไม่แปลกที่ต้องรีบผ่านเรื่องที่คั่งค้างสะสางกันยังไม่เสร็จ ก่อนที่จะปรับสภาพเป็นรัฐบาล “รักษาการณ์” ที่ทำให้อำนาจในการพิจารณาอนุมัติเรื่องต่างๆลดลง จนขยับแข้งขากันไม่ถนัด

โดยกว่า 200 วาระที่ว่านั้น ว่ากันว่านำภาษีประชาชนมาปรับเป็นงบประมาณถึง 5 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลอนุมัติในคราวเดียวจัดสรรแบ่งเค้ก “พุงกาง” กันถ้วนหน้า ตั้งแต่เสนาบดียันข้าราชการ

เปรียบดั่ง “ปาร์ตี้เทกระจาด” ใน “คืนหมาหอน” ก็ไม่ปาน

ก้อนใหญ่ๆที่เห็นชัดที่สุด คือ การอนุมัติให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในสังกัดกระทรวงคมนาคม ลงทุนซื้อรถจักรและล้อเลื่อน ตามแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่า 1.7 แสนล้านบาท โดยเป็นงบฯผูกพันธ์ มีการลงทุนรอบแรก จำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท

หรือการซื้อใจข้าราชการภาคส่วนต่างๆ ทั้งโครงการสร้างแฟลตตำรวจ วงเงิน 740 ล้านบาท เพิ่มค่าตอบแทนพิเศษให้กำลังพล กอ.รมน. 293 ล้านบาท ให้กระทรวงมหาดไทยเช่ารถยนต์ใช้ในราชการ 235 คัน และการขึ้นค่าตอบแทนผู้ว่าฯกทม. ข้าราชการ สก. สข. เทศบาล อบจ. และ อบต. อีก 9-20 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น

แต่โครงการที่ว่ามาถือว่าจิ๊บๆไปเลย เมื่อเทียบกับการประชุมช่วง 4 ทุ่มครึ่ง ที่เป็นคิวการพิจารณาของ กระทรวงกลาโหม ซึ่งหนีไม่พ้นงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งงบฯเพื่อจัดหาอาวุธและกระสุนมาใชสู้รบกับกัมพูชาหลายพันล้านบาท พร้อมด้วยงบฯจัดซื้อรถยีเอ็มซี 250 ล้นบาท และโครงการปรับปรุงเรือฟรีเกต วงเงินเกือบ 3 พันล้านบาท ทั้งยังมี“งบลับ” อีก 1.2 พันล้านบาท เพื่อจัดหาอาวุธหนัก เช่น ชุดกล้องคอมเพรส เรดาร์ จรวด พร้อมลูกจรวด และกระสุนปืนใหญ่

ที่น่าจับตาที่สุดคือ โครงการจัดซื้อรถถังจากประเทศยูเครน ที่เป็นงบประมาณผูกพัน 3 ปี วงเงินถึง 7.2 พันล้านบาท ที่สำคัญยังเป็น “วาระจร” ที่แทรกเข้ามาบนโต๊ะประชุมเมื่อช่วงดึกวันเดียวกันนั้นเอง

สิ่งที่น่าสนใจต่อมาคือ เมื่อมีข่าวว่าโครงการได้รับการอนุมัติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ก็ออกมาคุยโขมงถึงศักยภาพ รถถัง T-84 Oplot สัญชาติยูเครน จำนวน 200 คัน เพื่อทดแทนรถถังM-41 ที่อ้างว่าเก่า และใกล้ปลดระวางเต็มที แถมการันตีความคุ้มว่า“ของเล่นใหม่” นี้มีอายุการใช้ถึง 100 ปี พร้อมยืนยันว่า เป็นการจัดซื้อตามปกติ และไม่ได้เป็นการ “เหมาจ่าย” ให้ฝ่ายทหารแต่ประการใด

คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อรถถัง T-84 Oplot อายุยืนถึง 100 ปี แล้วเจ้ารถถัง M-41 ที่อ้างว่าเก่าคร่ำครึแล้วใช้มาเพียง 40 ปีนั้น มีความจำเป็นต้องปลดระวางแล้วเช่นนั้นหรือ เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ากองทัพในยุคที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม ก็ได้ลงทุนเสริม “เขี้ยวเล็บ” กันขนานใหญ่มาแล้วหลายหน แต่ก็ยัง “สอบตก” ในการทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาดินแดนอธิปไตยของชาติ

ในแง่ความจำเป็นที่จะต้องนำเงินภาษีประชาชนมาถลุงเช่นนี้ก็ตกไป

ข้อถามต่อมาก็คือ น่าสังเกตว่าช่วงหลังมานี้ กองทัพไทยมักเลือก “ช๊อปปิ้ง” สินค้าจากประเทศยูเครน แบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งแน่นอนว่าราคาถูกกว่าสินค้าจากสหรัฐ หรือสวีเดน แต่ในทางกลับกันนั้นก็ต้องตอบให้ได้ว่ามีอัตรา“คอมมิชชั่น” ที่สูงกว่านั้น เป็นปัจจัยในการตัดสินใจหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาสินค้าสัญชาติยูเครนนั้นมีปัญหาในการใช้งานบ่อยครั้ง หรือคุณภาพไม่สมราคา แม้จะราคาถูกก็ตาม

เสียงที่แว่วมาว่า มีตัวเลขไม่ต่ำกว่า 30-40 เปอร์เซนต์ที่ทำให้เรื่องง่ายขึ้นนั้น จริงเท็จประการใด

ตรงนี้อยากวาน “บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่” ช่วยตอบที

พรพัฒน์
กำลังโหลดความคิดเห็น