ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซน กล่าวหาว่า ไทยเตรียมแผนการทิ้งระเบิดกัมพูชา แต่กัมพูชาไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องบินรบ เพื่อสู้กันบนท้องฟ้า เพราะกัมพูชามีขีปนาวุธจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกัน ก็ขู่ว่าหากเครื่องบินไทยล่วงล้ำน่านฟ้าอีก ก็จะนำเรื่องเข้าสู่คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติโดยเร็ว เช่นเดียวกับ “สงคราม” ชายแดนคราวที่แล้ว
“เรารู้ดีว่าประเทศไทยได้เตรียมการจะทิ้งระเบิด (กัมพูชา) แต่เราไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องบินสักลำ เพื่อต่อสู้กันบนท้องฟ้า” และกัมพูชาไม่มีเครื่องบินรบแม้แต่ลำเดียว แต่มีขีปนาวุธ นายกฯ กัมพูชา ระบุดังกล่าวระหว่างปราศรัยในพิธีมอบปริญญาบัตรที่สถาบันการศึกษาแห่งชาติวันจันทร์ 28 มี.ค.2554
ผู้นำกัมพูชาได้กล่าวเตือนประเทศไทย ว่า ถ้าหากเครื่องบินรบของไทยล้ำน่านฟ้ากัมพูชาอีก “เรื่องก็จะถึงคณะมนตรีความมั่นคงฯ อย่างรวดเร็ว” สำนักข่าวเอเคพีรายงานในวันอังคารนี้
ฮุนเซน ยังย้ำในคราวเดียวกันว่า กัมพูชาไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเครื่องบินรบ แต่ซื้อขีปนาวุธ สำนักข่าวของรัฐบาล กล่าว
นายกฯ กัมพูชา พูดถึงเรื่องนี้ ขณะกล่าวถึงสถานการณ์โลกปัจจุบัน ซึ่งแม้ว่า สหภาพโซเวียตจะล่มสลายลงแล้ว แต่การแข่งขันอาวุธก็ยังไม่ได้ลดลง หลายชาติยังคงอวดอาวุธใหม่ๆ กันอยู่
แต่ละปีสหรัฐฯ ทุ่มเงินงบประมาณถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อทำศึกในอัฟกานิสถาน หากโอนเงินจำนวนนั้นไปช่วยประชาชนอเมริกันผู้ทุกข์ยาก หรือนำไปช่วยชาติกำลังพัฒนาก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ฮุนเซน กล่าว
นรม.กัมพูชา กล่าวถึงเรื่องทั้งหมดนี้เพียง 1 วัน หลังจากหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในกรุงเทพฯ รายงานว่า กองทัพไทยได้ตัดสินใจซื้อรถถังแบบ T-84 Oplot จากสาธารณรัฐยูเครน ถึง 200 คัน เพื่อใช้ในกองทัพบก รวมทั้งกองพลทหารม้าที่ตั้งใหม่จำนวน 2 กองพล
นอกจากนั้น กองทัพอากาศไทย กำลังรอการส่งมอบเครื่องบินรบติดระบบแบบกริพเพน พร้อมระบบอาวุธทันสมัยที่สั่งซื้อจากสวีเดน และกองทัพเรือกำลังเจรจาเพื่อซื้อเรือดำน้ำจากสวีเดนถึง 7 ลำด้วยกัน
ปัจจุบันกัมพูชาไม่มีเครื่องบินรบที่ใช้การได้อีก เครื่องบินรุ่นเก่าตั้งแต่ยุคสงครามเย็น คือ มิก-17 กับ มิก-19 ถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีการดูแล ซ่อมแซม หรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุด แต่กัมพูชามีขีปนาวุธจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SAM-3 ที่สามารถยิงเครื่องบินที่บินในระดับสูงได้ และยังมี SAM-7 สำหรับยิงต่อสู้อากาศยานระยะต่ำอีกจำนวนหนึ่ง
2
3
เท่าที่เคยมีรายงานผ่านสื่อต่างๆ ในช่วงปี 2544-2547 สหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลือกัมพูชาในการทำลายขีปนาวุธต่อสู่อากาศเหล่านี้ไปกว่า 300 ลูก ด้วยเกรงว่าจะตกถึงมือผู้ก่อการร้ายสากล ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อการบินระหว่างประเทศ
ขีปนาวุธเหล่านี้ทำในอดีตสหภาพโซเวียต รัฐบาลฮุนเซน ที่มีเวียดนามหนุนหลัง ซื้อเข้าประจำการด้วยเงินกู้จากโซเวียต ที่กัมพูชาพยายามต่อรองกับทางการรัสเซียในปัจจุบันขอให้ยกหนี้ดังกล่าว
เท่าทีเคยมีการบันทึกในช่วงหลายปีมานี้ เคยมีการใช้ขีปนาวุธ SAM-7 ยิงโจมตีเครื่องบินพาณิชย์ขนาดใหญ่มาหลายครั้งทั้งในน่านฟ้าตะวันออกกลางและแอฟริกา
วันที่ 22 พ.ย.2546 แอร์บัส A-300 เครื่องบินขนส่งสินค้าพัสดุภัณฑ์ของดีเอชแอล (DHL) ถูกยิงด้วยขีปนาวุธ SAM-7 หลังบินขึ้นจากสนามบินกรุงแบกแดดไม่นาน ขณะมุ่งไปยังบาห์เรน เคราะห์ดีที่ขีปนาวุธเพียงเฉียดๆ ไปทำให้ปีกซ้ายเกิดเพลิงลุกไหม้ แต่ยังควบคุมได้
นักบินนำเครื่องกลับไปลงจอดอีกครั้งและไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย แต่ดีเอชแอลได้เลิกให้บริการขนส่งไปยังอิรักหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
ก่อนหน้านั้น ในเดือน ธ.ค.2545 กองโจรที่ไม่ทราบฝ่ายยิงขีปนาวุธชนิดเดียวกันใส่เครื่องบินบินทุกสินค้าโบอิ้ง 757 หลังบินขึ้นจากสนามบินเมืองมอมบัสซา ประเทศเคนยา ไม่นาน ปีเดียวกันยังมีความพยายามยิงเครื่องบินโดยสารสายการบินแห่งหนึ่งในประเทศเคนยาเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญทางการทหาร กล่าวว่า SAM-7 ติดหัวรบขนาดเล็ก หากไม่ยิงถูกเข้าจุดสำคัญจริงๆ อาจจะไม่สามารถทำลายเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ได้เสมอไปและประสิทธิภาพอาจจะไม่สูงพอที่จะทำลายเครื่องบินรบในยุคใหม่ที่สามารถบินโจมตีในระดับสูง และบินด้วยความเร็วสูงได้.
ทำลายไปแล้วกว่า 300 ลูก ภาพ AFP/GettyImage
4
5
6