ASTVผู้จัดการรายวัน - ปูดทิ้งทวน 1.2 แสนล้าน “เพื่อไทย” จับตา “ครม.มาร์ค” เทกระจาด เผยกระทรวงคลัง 3 โครงการกว่า 8 หมื่นล้าน "ซาเล้ง" ไม่น้อยหน้า 3.2 หมื่นล้าน เชื่อมั่นนายกฯ เทปสุดท้ายก่อนไปดูรถไฟฟ้าโดนแดงโห่ไล่ “ดีแต่พูด”
วานนี้ (1 พ.ค.) ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ เทปสุดท้ายว่า วันอังคารที่จะถึงนี้ (3 พ.ค.) ตนได้เชิญรัฐมนตรีทุกคนมาคุยแล้วมีงานจำเป็นเร่งด่วนอะไรที่จะให้ ครม.พิจารณา แต่จะไม่มีการไปอนุมัติในลักษณะที่มักจะไปพูดกันว่าจะเป็นการอนุมัติแบบทิ้งทวนโดยไม่ผ่านความเห็นของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งสภาพัฒน์ สำนักงบประมาณ แต่ต้องมีความมั่นใจว่างานที่จำเป็นเร่งด่วนก็จะมีการอนุมัติกันไป เพราะว่าพอเข้าสู่การเลือกตั้งกันแล้ว นอกเหนือจากกฎหมายที่ระบุไว้ว่า อะไรที่ ครม.ทำได้ ไม่ได้ เราต้องคำนึงถึงมารยาททางการเมือง เคารพเจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนที่กำลังจะตัดสินใจให้พรรคการเมืองใดเข้ามาบริหารประเทศชาติ แต่ก็ต้องย้ำการทำหน้าที่ของรัฐบาลตามความจำเป็นนั้น ยังทำได้อย่างเต็มที่เป็นหลักว่า ระบบของเราต้องไม่มีสุญญากาศ ทุกขณะเวลาต้องมีรัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นวันจันทร์ที่ 2 พ.ค.นี้ ตนจะเดินทางไปทั้งในฐานะหัวน้ารัฐบาล และหัวหน้าพรรคการเมืองด้วย เพื่อที่จะพูดคุยกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต.ว่า เพื่อดูแลว่าการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเที่ยงธรรม และบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และตามระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะหลายเรื่องที่มีความวิตกกังวลกันว่าจะมีการเอารัดเอาเปรียบจากภาครัฐบ้างหรือไม่ ก็ขอยืนยันไม่มีแน่นอน ตัวอย่างที่เห็น ครม.ที่แล้วมีมติว่า ป้ายประชาสัมพันธ์ที่มีภาพนักการเมือง สปอตโฆษณาต่างๆ ก็จะมีการยุติ ไม่มีการดำเนินการต่อไป สั่งเป็นมติ ครม.ต่อไป เพื่อเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของรัฐบาลในการที่จะไม่เอารัดเอาเปรียบในเรื่องของการเลือกตั้ง
ในขณะเดียวกัน อยากเรียกร้องสื่อสารมวลชนทุกแขนงไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ก็คงจะต้องระมัดระวังในเรื่องของการจัดสรรเวลาต่างๆ อย่างเหมาะสม เปิดโอกาสให้ทุกพรรคการเมืองนำความคิดความอ่านมาเสนอต่อประชาชน เพื่อสามารถทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปตามที่เราตั้งใจว่าจะเป็นการเดินหน้าประเทศไทย
นายกฯ กล่าวว่า รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนี้ไปเมื่อมีการยุบสภา คงไม่เหมาะสมที่ตนจะมาใช้สื่อของรัฐในฐานะนายกรัฐมนตรี พูดจากในสิ่งที่อาจมองว่าทำได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณที่มีส่วนร่วมในการจัดทำรายการ
**ไปดูรถไฟฟ้าโดนแดงโห่ไล่
วันเดียวกัน ภายหลังจัดรายการเชื่อมั่นฯ ที่ช่อง 11 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ได้เดินทางไปตรวจติดตามความคืบหน้าการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้า 3 จุด โดยจุดแรกไปเป็นสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ บริเวณสถานีก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง คลองบางไผ่ ถนนกาญจนาภิเษก จังหวัดนนทบุรี ท่ามกลางสภาพอากาศที่ฝนตก ปรากฏว่ามีคนเสื้อแดงประมาณ 30 คน มาชุมนุมขับไล่อยู่ที่ด้านหน้าสถานีก่อสร้าง โดยพากันตะโกนว่า ยุบสภาตามสัญญาอย่าดีแต่พูด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยจึงไม่มีเหตุรุนแรง
จากนั้นนายอภิสิทธิ์และคณะ เดินทางไปติดตามความคืบหน้าพื้นที่ก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) บางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บริเวณสถานีบางซ่อน ถนนกรุงเทพ-นนท์ ปรากฎว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดงแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ยืนขับไล่นายกฯอยู่ทั้ง 2 ถนนกรุงเทพ-นนท์ โดยมีตำรวจปราบจราจลและสน.ท้องที่กว่า 1 กองร้อย ดูแลความปลอดภัย อย่างไรก็ตามปรากฎว่าได้มีคนเสื้อแดงเป็นชายวัยกลางคนพร้อมธงสีแดง พยายามฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพื่อเข้าไปให้ใกล้ตัวนายกฯ แต่ก็ถูกตำรวจ 2 นาย เข้าไปนำตัวออกมาให้กลับไปอยู่ในกล่มของผู้ชุมนุมด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้มีความรุนแรงแต่อย่างใด หลังจากนั้นคณะของนายกฯเดินทางไปยังจุดสุดท้ายเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ย่านบางซื่อ ซึ่งในจุดดังกล่าวไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงตามมาขับไล่แต่อย่างใด
**พท.ปูด ครม.ทิ้งทวน 1.2 แสนล้าน
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะเป็นการทิ้งทวนการประชุมครั้งสุดท้าย ซึ่งพรรคเพื่อไทยพบว่า จะมีการเทกระจาด งบประมาณทั้งหมด กระจายไปยังกระทรวงต่างๆ เหมือนกับเป็นงบปล่อยผี โดยการกระทำเช่นนี้น่าจะเป็นการทำลายใจของประชาชน เพราะแทนที่จะใช้การพิจารณางบประมาณให้รอบคอบ แต่กลับเป็นการใช้งบประมาณต่างตอบแทนพรรคร่วมรัฐบาล และถ้านายอภิสิทธิ์มีความบริสุทธิ์ใจก็ควรที่จะให้รัฐบาลชุดใหม่ภายหลังการเลือกตั้งเข้ามาบริหารจัดการเอง โดยเฉพาะงบประมาณของกระทรวงคมมนาคม และกระทรวงกลาโหม
“ทราบว่าที่ประชุมจะมีการพิจารณางบประมาณในโครงการต่างๆ วงเงินรวมถึง 120,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะงบประมาณจำนวนมากเช่นนี้ควรให้รัฐบาลที่จะเข้ามาใหม่เป็นผู้พิจารณาอย่างละเอียด”
**เย้ยรายการ “มาร์ค” เรทติ้งต่ำสุด
นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงการจัดรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกอภิสิทธิ์ ว่า แม้วันนี้เป็นการจัดรายการเชื่อมั่นฯของนายกเป็นวันสุดท้าย ซึ่งออกอากาศ มาแล้ว 118 ครั้งระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค. 52 จนถึง 1 พ.ค. 54 ได้และเชิญพิธีกรต่างๆมาสัมภาษณ์ ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้จัดทำแบบสำรวจความเห็นเกี่ยวกับการจัดรายการเชื่อมั่นของนายอภิสิทธิ์ จำนวน 2,500 ตัวอย่าง ใน 5 ภาค ผลที่ออกมา คือ มีประชาชนได้ติดตามชมรายการเพียงร้อยละ 17.50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ตัวเลขค่อนข้างต่ำ และถ้าเปรียบกับสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี จะเห็นว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ราวกับฟ้ากับเหว ดังนั้นรายการเชื่อมั่นนายอภิสิทธิ์ จึงเป็นรายการที่เรตติ้งต่ำที่สุดในบรรดาผู้นำ
รายงานข่าว แจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 3 พ.ค.นี้ที่พรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตว่าครม.จะอนุมัติทิ้งทวน โครงการต่างๆ วงเงินรวมถึง 120,000 ล้านบาทเป็นนัดสุดท้ายก่อนที่จะมีการยุบสภา
พบว่าหลายหน่วยงานต่างเสนอของบประมาณจัดทำโครงการต่างๆ เช่น กระทรวงกลาโหมจะเสนอ ครม.พิจารณางบประมาณซื้อรถถังจากประเทศยูเครนรุ่น Oplot จำนวน 54 คัน วงเงินงบประมาณ 7,200 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ต้องซื้อให้ครบ 200 คัน หรือ 1 กองพล รวมเป็นเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปประจำการกองพลทหารม้าที่ 3 (พล.ม.3) จ.ขอนแก่น ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะเสนอแผนพัฒนาและส่งเสริมตลาดสินค้าอินทรีย์ ปี 2554-2558 กำหนดเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรอินทรีย์ในภูมิภาคอาเซียน
**ซาเล้งทิ้งทวน 3.2 หมื่นล้าน
กระทรวงคมนาคม จะเสนอโครงการเร่งด่วนให้พิจารณา เพื่อไม่ต้องการให้โครงการหยุดชะงักระหว่างการรอรัฐบาลใหม่ รวมมูลค่ากว่า 32,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จีอี 50 คัน วงเงิน 6,563 ล้านบาท 2.โครงการปรับปรุงรถจักร 56 คัน วงเงิน 3,359 ล้านบาท
3.โครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ 115 คัน วงเงิน 4,981.05 ล้านบาท 4.โครงการก่อสร้างอุโมงค์เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดเชียงใหม่-อำเภอหางดง วงเงิน 1,050 ล้านบาท 5.โครงการก่อสร้างถนนราชพฤกษ์ ถนนกาญจนาภิเษก (แนวตะวันออก-ตะวันตก) วงเงิน 2,470 ล้านบาท 6.โครงการสร้างจุดเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าเพชรบุรีกับสถานีมักกะสัน วงเงินกว่า 10 ล้านบาท 7.โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านบริการการเดินอากาศ 4,460 ล้านบาท 8.ขอออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เวนคืนที่ดินทางด่วนใหม่ สายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก 16.7 กิโลเมตร ค่าเวนคืน 9,500 ล้านบาท รวมทั้งการขอยกเว้นการใช้ระบบอนุญาโตตุลาการรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต)
**คลัง 3 โครงการกว่า 8 หมื่นล้าน
รายงานข่าวระบุว่า กระทรวงการคลังจะเสนอวงเงินการทำประกันภัยพืชผลจำนวน 2,850 ล้านบาท และเสนอให้พิจารณาจัดตั้งสำนักงานนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน (สพช.) เป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ทำหน้าที่กำกับดูแลการเงินทั้งในระบบและนอกระบบ
กระทรวงการคลัง ยังจะเสนอขออนุมัติแนวทางในการแก้ปัญหาปุ๋ยเฉพาะหน้า โดยจะให้ ธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อปุ๋ยอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษให้กับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.และเกษตรกรทั่วไปวงเงิน 20,000-30,000 ล้านบาท ที่เชื่อว่าจะเพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร เพราะปกติ ธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อวงเงิน 80,000-90,000 ล้านบาทอยู่แล้ว ทั้งนี้นายกรณ์ จาติวนิช รมว.คลังได้เอื้อปากไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
กระทรวงการคลัง จะเสนอให้ ครม.พิจารณาโครงการปล่อยกู้บ้านหลังแรกราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท วงเงิน 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 2 ปี ระยะเวลาผ่อนชำระ 30 ปี ซึ่ง ธอส.เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อสนับสนุนคนมีรายได้น้อย-ปานกลาง ผู้มีรายได้ประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน สามารถกู้ในวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท
ขณะที่ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีรถยนต์ โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ เป็นอีก 2 โครงกที่ถูกจับตามอง เพราะใช้งบประมาณจำนวนมากเช่นกัน.
วานนี้ (1 พ.ค.) ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ เทปสุดท้ายว่า วันอังคารที่จะถึงนี้ (3 พ.ค.) ตนได้เชิญรัฐมนตรีทุกคนมาคุยแล้วมีงานจำเป็นเร่งด่วนอะไรที่จะให้ ครม.พิจารณา แต่จะไม่มีการไปอนุมัติในลักษณะที่มักจะไปพูดกันว่าจะเป็นการอนุมัติแบบทิ้งทวนโดยไม่ผ่านความเห็นของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งสภาพัฒน์ สำนักงบประมาณ แต่ต้องมีความมั่นใจว่างานที่จำเป็นเร่งด่วนก็จะมีการอนุมัติกันไป เพราะว่าพอเข้าสู่การเลือกตั้งกันแล้ว นอกเหนือจากกฎหมายที่ระบุไว้ว่า อะไรที่ ครม.ทำได้ ไม่ได้ เราต้องคำนึงถึงมารยาททางการเมือง เคารพเจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนที่กำลังจะตัดสินใจให้พรรคการเมืองใดเข้ามาบริหารประเทศชาติ แต่ก็ต้องย้ำการทำหน้าที่ของรัฐบาลตามความจำเป็นนั้น ยังทำได้อย่างเต็มที่เป็นหลักว่า ระบบของเราต้องไม่มีสุญญากาศ ทุกขณะเวลาต้องมีรัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นวันจันทร์ที่ 2 พ.ค.นี้ ตนจะเดินทางไปทั้งในฐานะหัวน้ารัฐบาล และหัวหน้าพรรคการเมืองด้วย เพื่อที่จะพูดคุยกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต.ว่า เพื่อดูแลว่าการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเที่ยงธรรม และบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และตามระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะหลายเรื่องที่มีความวิตกกังวลกันว่าจะมีการเอารัดเอาเปรียบจากภาครัฐบ้างหรือไม่ ก็ขอยืนยันไม่มีแน่นอน ตัวอย่างที่เห็น ครม.ที่แล้วมีมติว่า ป้ายประชาสัมพันธ์ที่มีภาพนักการเมือง สปอตโฆษณาต่างๆ ก็จะมีการยุติ ไม่มีการดำเนินการต่อไป สั่งเป็นมติ ครม.ต่อไป เพื่อเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของรัฐบาลในการที่จะไม่เอารัดเอาเปรียบในเรื่องของการเลือกตั้ง
ในขณะเดียวกัน อยากเรียกร้องสื่อสารมวลชนทุกแขนงไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ก็คงจะต้องระมัดระวังในเรื่องของการจัดสรรเวลาต่างๆ อย่างเหมาะสม เปิดโอกาสให้ทุกพรรคการเมืองนำความคิดความอ่านมาเสนอต่อประชาชน เพื่อสามารถทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปตามที่เราตั้งใจว่าจะเป็นการเดินหน้าประเทศไทย
นายกฯ กล่าวว่า รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนี้ไปเมื่อมีการยุบสภา คงไม่เหมาะสมที่ตนจะมาใช้สื่อของรัฐในฐานะนายกรัฐมนตรี พูดจากในสิ่งที่อาจมองว่าทำได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณที่มีส่วนร่วมในการจัดทำรายการ
**ไปดูรถไฟฟ้าโดนแดงโห่ไล่
วันเดียวกัน ภายหลังจัดรายการเชื่อมั่นฯ ที่ช่อง 11 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ได้เดินทางไปตรวจติดตามความคืบหน้าการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้า 3 จุด โดยจุดแรกไปเป็นสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ บริเวณสถานีก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง คลองบางไผ่ ถนนกาญจนาภิเษก จังหวัดนนทบุรี ท่ามกลางสภาพอากาศที่ฝนตก ปรากฏว่ามีคนเสื้อแดงประมาณ 30 คน มาชุมนุมขับไล่อยู่ที่ด้านหน้าสถานีก่อสร้าง โดยพากันตะโกนว่า ยุบสภาตามสัญญาอย่าดีแต่พูด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยจึงไม่มีเหตุรุนแรง
จากนั้นนายอภิสิทธิ์และคณะ เดินทางไปติดตามความคืบหน้าพื้นที่ก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) บางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บริเวณสถานีบางซ่อน ถนนกรุงเทพ-นนท์ ปรากฎว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดงแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ยืนขับไล่นายกฯอยู่ทั้ง 2 ถนนกรุงเทพ-นนท์ โดยมีตำรวจปราบจราจลและสน.ท้องที่กว่า 1 กองร้อย ดูแลความปลอดภัย อย่างไรก็ตามปรากฎว่าได้มีคนเสื้อแดงเป็นชายวัยกลางคนพร้อมธงสีแดง พยายามฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพื่อเข้าไปให้ใกล้ตัวนายกฯ แต่ก็ถูกตำรวจ 2 นาย เข้าไปนำตัวออกมาให้กลับไปอยู่ในกล่มของผู้ชุมนุมด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้มีความรุนแรงแต่อย่างใด หลังจากนั้นคณะของนายกฯเดินทางไปยังจุดสุดท้ายเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ย่านบางซื่อ ซึ่งในจุดดังกล่าวไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงตามมาขับไล่แต่อย่างใด
**พท.ปูด ครม.ทิ้งทวน 1.2 แสนล้าน
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะเป็นการทิ้งทวนการประชุมครั้งสุดท้าย ซึ่งพรรคเพื่อไทยพบว่า จะมีการเทกระจาด งบประมาณทั้งหมด กระจายไปยังกระทรวงต่างๆ เหมือนกับเป็นงบปล่อยผี โดยการกระทำเช่นนี้น่าจะเป็นการทำลายใจของประชาชน เพราะแทนที่จะใช้การพิจารณางบประมาณให้รอบคอบ แต่กลับเป็นการใช้งบประมาณต่างตอบแทนพรรคร่วมรัฐบาล และถ้านายอภิสิทธิ์มีความบริสุทธิ์ใจก็ควรที่จะให้รัฐบาลชุดใหม่ภายหลังการเลือกตั้งเข้ามาบริหารจัดการเอง โดยเฉพาะงบประมาณของกระทรวงคมมนาคม และกระทรวงกลาโหม
“ทราบว่าที่ประชุมจะมีการพิจารณางบประมาณในโครงการต่างๆ วงเงินรวมถึง 120,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะงบประมาณจำนวนมากเช่นนี้ควรให้รัฐบาลที่จะเข้ามาใหม่เป็นผู้พิจารณาอย่างละเอียด”
**เย้ยรายการ “มาร์ค” เรทติ้งต่ำสุด
นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงการจัดรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกอภิสิทธิ์ ว่า แม้วันนี้เป็นการจัดรายการเชื่อมั่นฯของนายกเป็นวันสุดท้าย ซึ่งออกอากาศ มาแล้ว 118 ครั้งระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค. 52 จนถึง 1 พ.ค. 54 ได้และเชิญพิธีกรต่างๆมาสัมภาษณ์ ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้จัดทำแบบสำรวจความเห็นเกี่ยวกับการจัดรายการเชื่อมั่นของนายอภิสิทธิ์ จำนวน 2,500 ตัวอย่าง ใน 5 ภาค ผลที่ออกมา คือ มีประชาชนได้ติดตามชมรายการเพียงร้อยละ 17.50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ตัวเลขค่อนข้างต่ำ และถ้าเปรียบกับสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี จะเห็นว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ราวกับฟ้ากับเหว ดังนั้นรายการเชื่อมั่นนายอภิสิทธิ์ จึงเป็นรายการที่เรตติ้งต่ำที่สุดในบรรดาผู้นำ
รายงานข่าว แจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 3 พ.ค.นี้ที่พรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตว่าครม.จะอนุมัติทิ้งทวน โครงการต่างๆ วงเงินรวมถึง 120,000 ล้านบาทเป็นนัดสุดท้ายก่อนที่จะมีการยุบสภา
พบว่าหลายหน่วยงานต่างเสนอของบประมาณจัดทำโครงการต่างๆ เช่น กระทรวงกลาโหมจะเสนอ ครม.พิจารณางบประมาณซื้อรถถังจากประเทศยูเครนรุ่น Oplot จำนวน 54 คัน วงเงินงบประมาณ 7,200 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ต้องซื้อให้ครบ 200 คัน หรือ 1 กองพล รวมเป็นเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปประจำการกองพลทหารม้าที่ 3 (พล.ม.3) จ.ขอนแก่น ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะเสนอแผนพัฒนาและส่งเสริมตลาดสินค้าอินทรีย์ ปี 2554-2558 กำหนดเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรอินทรีย์ในภูมิภาคอาเซียน
**ซาเล้งทิ้งทวน 3.2 หมื่นล้าน
กระทรวงคมนาคม จะเสนอโครงการเร่งด่วนให้พิจารณา เพื่อไม่ต้องการให้โครงการหยุดชะงักระหว่างการรอรัฐบาลใหม่ รวมมูลค่ากว่า 32,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จีอี 50 คัน วงเงิน 6,563 ล้านบาท 2.โครงการปรับปรุงรถจักร 56 คัน วงเงิน 3,359 ล้านบาท
3.โครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ 115 คัน วงเงิน 4,981.05 ล้านบาท 4.โครงการก่อสร้างอุโมงค์เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดเชียงใหม่-อำเภอหางดง วงเงิน 1,050 ล้านบาท 5.โครงการก่อสร้างถนนราชพฤกษ์ ถนนกาญจนาภิเษก (แนวตะวันออก-ตะวันตก) วงเงิน 2,470 ล้านบาท 6.โครงการสร้างจุดเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าเพชรบุรีกับสถานีมักกะสัน วงเงินกว่า 10 ล้านบาท 7.โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านบริการการเดินอากาศ 4,460 ล้านบาท 8.ขอออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เวนคืนที่ดินทางด่วนใหม่ สายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก 16.7 กิโลเมตร ค่าเวนคืน 9,500 ล้านบาท รวมทั้งการขอยกเว้นการใช้ระบบอนุญาโตตุลาการรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต)
**คลัง 3 โครงการกว่า 8 หมื่นล้าน
รายงานข่าวระบุว่า กระทรวงการคลังจะเสนอวงเงินการทำประกันภัยพืชผลจำนวน 2,850 ล้านบาท และเสนอให้พิจารณาจัดตั้งสำนักงานนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน (สพช.) เป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ทำหน้าที่กำกับดูแลการเงินทั้งในระบบและนอกระบบ
กระทรวงการคลัง ยังจะเสนอขออนุมัติแนวทางในการแก้ปัญหาปุ๋ยเฉพาะหน้า โดยจะให้ ธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อปุ๋ยอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษให้กับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.และเกษตรกรทั่วไปวงเงิน 20,000-30,000 ล้านบาท ที่เชื่อว่าจะเพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร เพราะปกติ ธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อวงเงิน 80,000-90,000 ล้านบาทอยู่แล้ว ทั้งนี้นายกรณ์ จาติวนิช รมว.คลังได้เอื้อปากไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
กระทรวงการคลัง จะเสนอให้ ครม.พิจารณาโครงการปล่อยกู้บ้านหลังแรกราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท วงเงิน 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 2 ปี ระยะเวลาผ่อนชำระ 30 ปี ซึ่ง ธอส.เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อสนับสนุนคนมีรายได้น้อย-ปานกลาง ผู้มีรายได้ประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน สามารถกู้ในวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท
ขณะที่ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีรถยนต์ โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ เป็นอีก 2 โครงกที่ถูกจับตามอง เพราะใช้งบประมาณจำนวนมากเช่นกัน.