xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” โยน กต.แจงส่งใครสู้คดีพระวิหาร ยังไม่ถก “ฮุนเซน” เวทีอาเซียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ)
นายกฯ เผย ครม.อนุมัติทีมสู้คดีพระวิหาร เน้นฟ้องรอบด้าน โยนศาลโลกวินิจฉัยรับคำร้องเขมร ยันเพื่อนบ้านเป้าหมายชัดขึ้นแผนบริหาร 4.6 ตร.กม. สั่งทีม “สุวิทย์” ประสานทีมกฏหมายทำงาน โยน กต.แจงใครบ้าง อ้างถ้าไม่ไปสู้คดีหวั่นเสร็จซ้ำรอย 2505 ยังไม่นัดถก “ฮุนเซน” เวทีอาเซียน รอดูสถานการณ์ก่อน หวังระดับ รมต.ตปท.คุยเพื่อดูท่าที ปัดตอบปัญหายุติถ้าแขมร์เปลี่ยนผู้นำ



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (4 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งคณะทำงานต่อสู้ทางกฎหมายในเวทีศาลโลก หลังกัมพูชายื่นหนังสือคำร้องขอให้ออกมาตรการคุ้มครองฉุกเฉินบริเวณปราสาทพระวิหาร จากเหตุการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา ว่ายังไม่ได้มีการพูดถึงเนื้อหาสาระ เพราะจะกระทบต่อรูปคดี แต่ในที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติเพื่อที่จะให้เกิดความพร้อม และการประสานงานได้มีการกำชับว่า จะต้องมีการทำอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ และเปิดโอกาสรับฟังข้อมูลรอบด้านมากขึ้น

ส่วนกรณีที่ศาลโลกเปิดโอกาสให้ทางการไทยเข้าชี้แจงในวันที่ 30-31 พ.ค.นี้นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า กระบวนการปกติจะให้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ในการที่จะให้แจ้งข้อสังเกตต่างๆ เมื่อถามว่า ขณะนี้ทางศาลโลกได้รับคำร้องขอของทางกัมพูชาไว้แล้วหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องอยู่ที่ศาล และเนื่องจากมีคำขอในเรื่องของการคุ้มครองชั่วคราว อาจจะมีการพิจารณาตรงนั้น แต่รับ-ไม่รับอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องวินิจฉัยต่อไป เมื่อถามต่อว่า กรณีการขอให้มีการคุ้มครองชั่วคราวรอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งทางกัมพูชากำลังเตรียมการแผนบริหารจัดการรอบปราสาทพระวิหารส่งให้คณะกรรมการมรดกโลก มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่า สิ่งที่กัมพูชาทำทั้งหมดเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว และเป้าหมายก็ชัดเจน ซึ่งเขาต้องการอาศัยเวทีระหว่างประเทศต่างๆ ดังนั้นเราจึงต้องปกป้องสิทธิของเรา และดำเนินการไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบอะไรกับการพิจารณาของคณะกรรมมรดกโลกในเดือน มิ.ย.นี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเองได้ขอให้คณะทำงานด้านกฎหมายคดีกับคณะทำงานของนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประสานกันเพื่อให้เป็นท่าทีที่สอดคล้องกัน เพราะถ้ามีท่าทีไม่สอดคล้องกันจะถูกหยิบไปใช้ในทางที่เป็นโทษกับเราได้ ในทางกลับกันท่าทีของกัมพูชาอะไรที่ไม่สอดคล้องกัน เราก็สามารถที่จะนำใช้หรือชี้ให้เห็นได้ เมื่อถามว่า ทีมกฎหมายประกอบไปด้วยใครบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีคณะกรรมการอยู่ 2-3 ชุด ตรงนี้ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ชี้แจง

เมื่อถามว่า มีอะไรน่ากังวลสำหรับองค์ประกอบของศาลโลกที่จะพิจารณา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มี เราไม่ไปวิจารณ์ศาล แต่ต้องขอชี้แจงนิดนึ่งมีพี่น้องไม่ค่อยเข้าใจว่า ทำไมเราต้องไป ก็ต้องบอกว่า การไม่ไปคือการไม่ต่อสู้คดี และเนื่องจากเป็นการขยายคำวินิจฉัย หรือคำพิพากษาเมื่อครั้งที่เราเป็นภาคีก็ยอมมีผลที่จะผูกพัน ฉะนั้นดีที่สุดคือ ต้องไปต่อสู้คดี เมื่อถามอีกว่า อาจมีความเป็นห่วงจะซ้ำรอยสิ่งที่เคยมีคำพิพากษาปี 2505 นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราต้องไปต่อสู้เต็มที่ แต่การที่เราไม่ต่อสู้เท่ากับว่า ศาลฟังข้างเดียวยิ่งไม่มีโอกาสใหญ่ ผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้งประเด็นและข้อกฎหมายที่แท้จริง มีช่องทางที่เราสามารถสู้ได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีหลายแง่มุม

เมื่อถามว่า กรณีการจ้างทีมกฎหมายฝรั่งเศสมาจะช่วยให้ไทยต่อสู้ในคดีอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องตัวบุคคลที่มีความสามารถ ไม่ได้มีการไปจ้างว่า เป็นชาติไหนๆ ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้พิจารณา ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่างชาติ เมื่อถามต่อว่า คนอาจกังวลพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรที่อาจจะเสียไปกับการพิพากษาของศาลโลกครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มันเป็นเรื่องของการตีความในขณะนี้ ที่กัมพูชาร้องขอเราก็จะไปต่อสู้คดีทำให้ดีที่สุดอยู่แล้วครับ และคิดว่ามีหลายแง่มุมที่เราสามารถใช้ได้ เมื่อถามอีกว่า มั่นใจมากน้อยแค่ไหนในเวทีศาลโลก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราจะเห็นแนวโน้มได้เป็นลำดับ จากการดำเนินการของศาลจากนี้ไป เพราะจะมีขั้นตอนการวินิจฉัยเกี่ยวกับการคุ้มครองชั่วคราวอะไรต่างๆ การเปิดโอกาสชี้แจงคงจะเห็นความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

เมื่อถามว่า จนถึงวันนี้จะคุยกับนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เข้าใจพบปะกันก็คงทักทายกันได้ เมื่อถามอีกว่า จะได้มีโอกาสคุยกันในเรื่องนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าในขณะนี้จะรอดูเวทีของรัฐมนตรีต่างประเทศก่อน เพราะก่อนที่ตนจะเดินทางไปอาเซียนจะมีการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอยู่แล้ว ซึ่งเราจะเห็นแนวโน้มที่ชัด สถานการณ์การประเมินท่าทีเป็นอย่างไร จะได้กำหนดแนวที่เหมาะสม เมื่อถามว่า เท่ากับว่าตอนนี้ยังไม่ได้มีการนัดพบกัน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยัง ทวิภาคีมีนัดแต่กับทางอินโดนีเซีย เวียดนาม และลาว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่า ถ้าในส่วนของรัฐมนตรีต่างประเทศตกลงกันได้ ไม่จำเป็นต้องพบกันระดับผู้นำประเทศ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ครับ เมื่อถามย้ำว่าทำไมระดับผู้นำไม่คุยกันเองเพื่อจะได้บทสรุป นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีหลักประกันว่าพูดแล้วจบ-ไม่จบ

“อย่าลืมว่า ผมเองเคยพบกับนายฮุนเซนมา 4 ครั้งในช่วงปลายปีที่แล้ว เสร็จแล้วเดือนกุมภาพันธ์ก็เกิดเรื่อง แล้วผมก็ยืนยันในสิ่งที่ไทยพูดตลอดว่า การปะทะแต่ละครั้งมันไม่ใช่อุบัติเหตุ มันเป็นความจงใจกับจังหวะที่จะยกระดับเรื่องต่างๆ ให้ไปสู่เวทีระหว่างประเทศ” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า แสดงว่า นายกฯ มองว่าการที่จะพบ และคุยกับนายฮุนเซน ในตอนนี้ไม่มีประโยชน์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า วันนี้ตนตอบไม่ได้ จะตอบได้ก็ต้องดูสถานการณ์ จังหวะเวลาในขณะนั้น เมื่อถามว่า ทำไมไม่คุยกันโดยตรงจะได้ไม่เกิดความขัดแย้งในการปฏิบัติทั้ง 2 ฝ่าย นายอภิสิทธิ์กล่าวย้ำว่า ตนพบกับนายฮุนเซน 4 ครั้ง เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่เดือนกุมภาพันธ์ เดือนเมษายน มันสอดรับกับกัมพูชาที่จะมียุทธศาสตร์ให้เกิดการปะทะมันก็มีการปะทะ เมื่อถามว่าแสดงว่าคำพูดของนายฮุนเซนเชื่อไม่ได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดอย่างนั้น แต่พูดว่าตนพบปะกับนายฮุนเซน 4 ครั้ง แต่เมื่อจังหวะเวลาตามยุทธศาสตร์ของกัมพูชา อยากให้มีการปะทะ ก็มีการมาเริ่มปะทะ ฉะนั้นเราต้องเข้าใจประเด็นตรงนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาของเขาเวลานี้คือ ทหารของเขาไม่สามารถควบคุมทหารของเขาที่ประชิดชายแดนไทยได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้นทั้งหมด ดูสถานการณ์ต้องดูเปรียบเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้น 3-4 วันหลังกับสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เมื่อถามว่า ถ้าอย่างนั้นการพูดคุยในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ จะมีประโยชน์ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า จะเป็นการได้รับทราบท่าที แต่เราต้องดูว่าประเทศอื่นๆ เขามองอย่างไร

เมื่อถามว่า ในช่วงที่ศาลโลกพิจารณารัฐบาลไทยเป็นรัฐบาลรักษาการ การตัดสินใจของเราจะเป็นอุปสรรคหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี เพราะเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (3 พ.ค.) ทางกระทรวงการต่างประเทศได้นำเสนอขออนุมัติเพี่อได้รับการสนับสนุนเต็มที่ในทุกเรื่อง และอะไรที่มีความจำเป็นในการตัดสินใจ มันทำได้อยู่แล้ว เมื่อถามว่าแสดงว่าปัญหาไทย-กัมพูชาจะยืดเยื้อไปอีกนาน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าเราต้องยอมรับความเป็นจริงว่า กัมพูชามีเป้าหมายเรื่องของดินแดน ประเทศไทยก็ต้องปกป้อง ถ้าไม่อยากมีปัญหาคือยกให้เขา นั้นคือสิ่งที่ต้องเข้าใจ ฉะนั้นที่มาถามว่าทำไมปัญหาเกิดขึ้นมากในยุคนี้ เป็นเพราะยุคนี้ไม่ยกให้ ยุคนี้ไม่ยินยอม ส่วนเรื่องการปะทะตามแนวชายแดนเราก็ต้องระมัดระวัง เราไม่อยากใช้วิธีอื่น อยากให้หลักข้อตกลงการเจรจาในเรื่องข้อพิพากที่เกี่ยวข้องกับดินแดนทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางขณะนี้คิดว่า เหมาะสมหรือยัง เพราะขณะเจรจากัมพูชายังลอบกัด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เวลาที่มีปัญหาเราก็ตอบโต้ ไม่มีตรงไหนที่ไปห้ามเราที่จะตอบโต้ รักษาสิทธิของเรา ตนคิดว่าเราก็ทำเต็มที่ และเหมาะสมกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเราก็ต้องพยายามทำต่อ แต่เราไม่มีแนวคิดที่จะไปรุกรานใคร เมื่อถามต่อว่า มองว่าปัญหาจะยุติได้ตรงนี้ มรดกโลกจะต้องตระหนักในสิ่งที่เกิดขึ้น นายกฯ กล่าวว่า ใช่ เราก็ทำงานอย่างต่อเนื่อง และนายสุวิทย์ กำลังจะเดินทางไปฝรั่งเศสทุกคนทำงานเต็มที่ เมื่อถามว่า แสดงว่า กรรมการมรดกโลกคือปัญหาใหญ่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราต้องเข้าใจว่า ความเข้าใจของแต่ละประเทศ เราจะไปคาดหวังว่า เขาทราบเรื่องของเรา ทราบเรื่องของกัมพูชาดีมากก็ไม่ได้ ต้องนึกถ้าเหมือนกับเราจะรู้ไหมว่า สมมุติว่า ประเทศในยุโรป 2 ประเทศมีข้อขัดแย้งกัน เราคงไม่ค่อยรู้ ฉะนั้นถึงบอกว่า เราต้องทำความเข้าใจ และต้องตระหนัก และถ้าเราเป็นฝรั่งไม่รู้จักพื้นที่บริเวณชายแดนเลย เขาอ่านประวัติศาสตร์ อย่างมากก็เคยเห็นว่า ศาลเคยตัดสินให้ปราสาทเป็นของกัมพูชา นี้คือความเสียเปรียบของเรา ต้องยอมรับ เราจะไปคาดหวังว่าเขาจะมาสนอกสนใจศึกษารายละเอียดคำพิพากษาศาลโลกเป็นอย่างไรยาก ฉะนั้นมันต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ และนี้คือเหตุผลที่บอกมาตลอด ข้อเสนอที่ว่าเราจะหันหลังให้กับเวทีระหว่างประเทศหนีจากมรดกโลก หนีจากศาลโลก มันไม่ได้ช่วยเรา ซึ่งเราต้องไปต่อสู้บนเวทีเหล่านั้น ซึ่งเราจะรักษาผลประโยชน์ของประเทศจนถึงที่สุด

เมื่อถามว่า ถ้าการเจรจาระหว่าง 2 ฝ่ายยากขึ้น จำเป็นต้องพิจารณาระดับความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องดูผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก และต้องประเมินว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างเรื่องดินแดน ต้องยอมรับทางกัมพูชามีเป้าหมาย และใช้เวทีระหว่างประเทศ เขาต้องไปตรงนั้นอยู่ดี เราต้องดูว่า อะไรที่เหมาะสมในการที่จะดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กัมพูชาอาจมีผลประโยชน์ทางการเมืองภายในอื่นๆ ด้วย นายกฯ กล่าวว่า ตนเองพูดในเชิงหลักของประเทศเป็นที่เข้าใจ ถ้าเขาจะต่อสู้ว่าเป็นดินแดนของเขาก็ต้องต่อสู้เหมือนกับเรา พอบอกว่าเป็นดินแดนเรา รัฐบาลก็ต่อสู้เต็มที่ ส่วนประเด็นการเมืองจะมีหรือเปล่า ตนไม่ทราบ เมื่อถามว่า ปัญหาจะยุติได้คงต้องเปลี่ยนตัวผู้นำกัมพูชาก่อนใช่ไหม นายอภิสิทธิ์ หัวเราะแต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามว่า จะต้องใช้มาตรการทางเศรษฐกิจมากดดันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องดูภาพรวมพร้อมๆ กันไป
กำลังโหลดความคิดเห็น