xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.ต่างประเทศ ค้านรัฐตั้งทนายน้ำหอม ตามเขมรดึงขึ้นศาลโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ต่อพงษ์ ไชยสาส์น
กมธ.ต่างประเทศ สภาฯ ค้านรัฐไทยตามเกมเขมรขึ้นศาลโลก เบรกตั้งทีมทนายต่างชาติแก้ต่างคดี หวั่นบานปลายนำไปสู่สงคราม วอนมุ่งเจรจาหาข้อยุติก่อนที่ศาลจะรับฟ้อง หนุน “นายกฯ-กษิต” หุบปากขยายปมปัญหา

วันนี้ (4 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมซึ่งมีการพิจารณาเกี่ยวกับข้อพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่ล่าสุดประเทศกัมพูชาได้ยื่นเรื่องต่อศาลโลกให้ตีความคำพพิพากษาเมื่อปี 2505 กรณีปราสาทพระวิหารเพิ่มเติมว่า ทางผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ โดยนายธัชชยุติ ภักดี รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ได้มาชี้แจงเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศต่อกรณีนี้ โดยนายธัชชยุติเปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศได้มีการตั้งคณะทำงานด้านกฎหมายของรัฐบาลไทย โดยจะมีการว่าจ้างนักกฎหมายชาวฝรั่งเศสจำนวน 3 คนเข้าร่วมดำเนินการ โดยมีนายวีรชัย พลาดิศัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นหัวหน้าทีม

นายต่อพงษ์กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นแล้วยังได้ตั้งคณะทำงานกลไกระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับข้าราชการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการประสานงานและป้อนข้อมูลให้กับทีมทนายในการต่อสู้ในศาลโลก ทั้งนี้ นายธัชชยุติยังได้เปิดเผยต่อที่ประชุม กมธ.การต่างประเทศด้วยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการเสนอแนะให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ งดให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประเด็นข้อพิพาทไทย-กัมพูชาในระหว่างนี้ เพราะกังวลว่าอาจจะกระทบต่อรูปคดีด้วย

นายต่อพงษ์ยังได้เปิดเผยถึงข้อคิดเห็นของคณะ กมธ.ต่างประเทศด้วยว่า จากการประชุมคณะ กมธ.มีมติคัดค้านการตั้งทนายเพื่อต่อสู้คดีนี้กับประเทศกัมพูชา เพราะกังวลว่าอาจทำให้เกิดความขัดแย้งที่บานปลายกลายเป็นสงครามในที่สุด โดยขอเสนอให้ใช้ระยะเวลาที่เหลืออีกประมาณ 1-3 สัปดาห์ก่อนที่ศาลโลกจะพิจารณาว่าจะรับคำร้องของกัมพูชาหรือไม่ ในการเดินหน้าเจรจาระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อหาข้อยุติในข้อพิพาท โดยเป็นการเจรจาใน 3 มิติ ทั้งด้านการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะตามแนวชายแดน เพื่อให้ทัศนคติของรัฐบาลและประชาชนของทั้ง 2 ชาติเป็นบวก นำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ลดความขัดแย้ง และการเผชิญหน้าแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน จึงขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายร่วมกันนำไปสู่แนวทางดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น