xs
xsm
sm
md
lg

"ประพันธ์" แฉ "ติ๊งต่าง" แอบอ้าง "ป้าเอ๋ย" เคลื่อนไหว ชี้ "สมศักดิ์" จะหายไปจากความทรงจำของปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ประพันธ์" แฉ "ติ๊งต่าง" แอบอ้าง "มรว.รำพิอาภา" เคลื่อนไหวตั้งกลุ่มต้านพันธมิตรฯ เผยท่านเพิ่งออกจากโรงพยาบาลไม่รู้เห็นอะไรทั้งสิ้น  ชี้ "สมศักดิ์" เกิดได้ก็เพราะร่วมกับพันธมิตรฯ ต่อไปจะเลือนหายไปจากความทรงจำของพี่น้องประชาชน จะไม่มีใครจำได้อีก พร้อมแจงบทสัมภาษณ์ที่เนชั่นสุดบิดเบือน

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายประพันธ์ คูณมี"  

วานนี้ (2 พ.ค.) เวลาประมาณ 22.00 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ขึ้นกล่าวบนเวที "รวมพลังปกป้องแผ่นดิน" ว่า เมื่อวานนี้ได้พูดถึง ป้าเอ๋ย มรว.รำพิอาภา เกษมศรี ซึ่งเป็นผู้ที่ตนนับถือมาก ป้าเอ๋ยท่านอาจจะมีความรักความเมตตาต่อนายอภิสิทธิ์ แต่เมื่อเห็นนายอภิสิทธิ์ทำงานแล้ว ก็อยู่ในฐานะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก จะมาเวทีนี้ก็ลำบากเพราะเวทีก็วิพากษ์วิจารณ์นายอภิสิทธิ์ ซึ่งก็เป็นลูกเป็นหลานท่าน ตนยืนยันว่าไม่ได้พูดจาหยาบคายต่อมรว.รำพิอำภา แต่แค่พูดให้สติว่าการรักลูกรักหลานต้องแบ่งแยกจากผลประโยชน์ประเทศชาติ

"และน่ายินดีเพราะหลังจากที่ตนพูดไปเมื่อวาน ก็มีผู้ใหญ่ส่งข่าวมาว่าได้พบป้าเอ๋ยแล้ว ซึ่งท่านไม่สบายเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ระหว่างที่นางติ๊งต่างไปแอบอ้างว่า ได้รับมอบหมายจากป้าให้มาแถลงตั้งกลุ่มรักสงบ ความจริงแล้วป้าไม่รู้เรื่องไม่ได้มอบมายให้ติ๊งต่างมาแถลงอะไรเลย ติ๊งต่างถ้าคุณป้ามอบหมายจริงให้ออกมาแถลงเอง ไม่สมควร ไม่บังควร เพราะคนเหล่านั้นรู้ดีว่าเธอคนนี้ชอบแอบอ้างแบบนี้อยู่บ่อยๆ ท่านเกรงว่าจะทำให้พี่น้องและตนเข้าใจผิด ความจริงตนก็สังหรณ์ใจแต่แรกแล้ว ถึงถามไปถึงคุณป้า และวันนี้ก็ได้รับคำตอบว่าไม่จริง นางติ๊งต่างแอบอ้าง" นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า เพราะฉะนั้นขอบคุณคุณป้าเอ๋ยด้วย ในการที่ท่านออกมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯนั้น เพราะเห็นว่าพวกเราเป็นพลังที่ช่วยปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และขอบพระคุณที่เข้าใจสิ่งที่ตนพูด เชื่อว่าคงเป็นความจริงเพราะผู้ใหญ่ที่มาบอกนั้นเป็นผู้ใหญ่ที่ตนเคารพสูงยิ่ง และมรว.รำพิอำภาก็รู้จักตนดีในฐานะร่วมต่อสู้กันมา ต้องให้กำลังใจให้คุณป้าหายไม่สบายโดยเร็ว ขอให้สุขภาพแข็งแรง และขอให้คนที่มาแถลงแบบไม่มีสาระนั้นได้รับผลกรรมจากการกระทำที่ไม่ดีนั้นด้วย

นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ที่บ้านเมืองมีปัญหาอย่างวันนี้ ก็เพราะอีพวกที่อ้างเป็นพันธมิตรฯแล้วมาใส่ร้ายเรา อีกพวกก็คือพวกที่กระสันอยากลงเลือกตั้ง อยากลงก็ลงไป แต่ทำไมไม่เคารพเสียงของพี่น้อง ที่ต้องไปแสดงความเห็นก็เพราะรู้อยู่แล้วพรรคนี้เป็นของประชาชน ถ้าเป็นสมบัติของนายสมศักดิ์สร้างขึ้นมาเองพี่น้องคงไม่เดินเข้าไปใกล้เลย

ทีนี้เมื่ออยากลงเลือกตั้งก็ไปให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโจมตีพันธมิตรฯ ในทางที่เสียหาย แบบนี้ไม่ตอบก็ไม่ได้ ดันไปให้สัมภาษณ์เนชั่น พาดพิงพี่น้องและทำให้ได้รับความเสียหาย จำเป็นต้องอธิบายชี้แจงเป็นธรรมดา

ประเด็นที่ 1 นายเสถียร วิริยะพรรณพงศา ถามว่าเหตุใดคณะกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) จึงไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งตามมติที่ประชุมสมาชิกวันที่ 24 เม.ย.

นายสมศักดิ์ตอบว่า ป็นการเข้าใจผิด การประชุมวันนั้นไม่มีวาระให้ลงมติเรื่องนี้ เป็นการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีในเรื่องทั่วๆไป รับรองงบดุล ส่วนเรื่องที่เถียงกันนั้นอยู่ในวาระอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่วาระลงมติ ผมเห็นว่าในเมื่อมีเสียงท้วงติงเรื่องการลงเลือกตั้ง พรรคก็ควรจะเปิดให้สมาชิกได้มาแสดงความเห็นก็เท่านั้น แต่เวทีชุมนุมกลับไปปลุกระดมคนให้มาโหวตเพื่อลงมติ เป็นการโกหก บิดเบือน ให้มวลชนเข้าใจผิด มันไม่ใช่วาระให้มายกมือ ผมมีเอกสารยืนยันชัดเจนว่าการประชุมวันนั้นไม่มีวาระลงมติ เป็นไปตามระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จะให้ลงมติกัน ในวาระอื่นๆได้ไม่ได้ ซึ่งพรรคได้แจ้งวาระการประชุมต่อกกต.มาเป็นเดือนแล้ว

นายประพันธ์ กล่าวโต้ว่า นายสมศักดิ์ก็บอกว่าพี่น้องเข้าใจผิด ไม่ได้เป็นการลงมติ  สรุปแล้วเมื่อแพ้มติพี่น้องเลยตะแบงแก้เกี้ยว หันมาแว้งใส่ร้ายประชาชน การประชุมวันนั้นแม้มีวาระอื่นๆ แต่องค์ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองคือ กก.บห. สมาชิกสาขา บรรดาสมาชิก และพี่น้องที่ร่วมสังเกตการณ์ ถือว่าเป็นองค์ประชุมใหญ่ ส่วนประเด็นลงเลือกตั้งหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์บอกว่าเมื่อพี่น้องเสนอวาระนี้มา แม้ในการประชุมจะไม่ได้บรรจุไว้ แต่เมื่อนายสมศักดิ์ซึ่งเป็นประธานในที่ประชุมรับข้อเสนอและให้หยิบยกขึ้นมา ก็เท่ากับว่ายกวาระนี้เขาสู้ที่ประชุมแล้ว ยังมีการบอกให้พี่น้องลงมติด้วย  ใครก็รู้มันเป็นมติที่ประชุมใหญ่ ไม่ใช่มติกก.บห.แน่นอน แต่กก.บห.ที่นั่งหัวโด่ก็เห็นอยู่แล้ว ต้องเอามติที่ประชุมใหญ่ไปปฏิบัติ ที่บอกว่าพี่น้องเข้าใจผิด คุณต่างหากที่บิดเบือน

นายประพันธ์ กล่าวว่า ประเด็นต่อมา นักข่าวถามว่า เวทีพันธมิตรฯ บอกว่าคุณสมศักดิ์ ไม่แคร์ความเห็นของสมาชิก นายสมศักดิ์ตอบว่า วันนี้ผมคิดว่ามันเป็นความพยายามจะแทรกแซงกิจการของพรรค ตกลงพรรคกลายเป็นสมบัติของนายสมศักดิ์กับเหรัญญิกคู่ใจไปแล้วหรือ พี่น้องไม่มีสิทธิ์แล้วหรือ หาอีกว่าเราไปปลุกระดมให้คนไปก่อกวน ให้โหวตโน แล้วเราปลุกระดมหรือ สมาชิกพรรคไปบอกคุณเพราะเห็นว่าพรรคเป็นตัวแทนประชาชน ถาไม่อยากให้พี่น้องแทรกแซง ไม่เป็นไร ขอเชิญคุณกับเหรัญญิก และสมุนทั้งหลายนำพรรคไปแล้วกัน ไม่รู้จะไปสู่การเมืองใหม่หรืออัปรีย์ไปจัญไรมา ต่างคนต่างอยู่ก็แล้วกัน

แล้วยังบอกอีกว่าเรื่องจะโหวตโนต้องเคารพความเห็น คนลงเลือกตั้งออกตังค์กันเอง การให้โหวตโนทำให้การเมืองใหม่เสียขบวนไปหมด จะบีบกันทำไม เอาเถอะถ้าอยากอิสระในการตัดสินใจก็ตามสบาย อย่าถอยมาแล้วกัน นายสมศักดิ์ตอนแรกก็บอกเองว่าเห็นด้วยแต่ขอไปหารือพรรคก่อน ใครไปบีบคุณได้

คำถามต่อมา คือ เหตุใดระดับแกนนำเองจึงไม่มีการพูดคุยกันภายในให้จบว่าจะเอาอย่างไร นายสมศักดิ์บอกว่ายังไม่คุยก็ด่ากันแล้ว อันนี้ไม่จริงแกนนำ 4 คน ทุกคนบอกว่าคุยกันแล้ว นายสนธิต้องการไม่ให้ส่งลงเลือกตั้ง นายสมศักดิ์บอกว่าไม่เอาเลือกตั้งแล้วจะเอาอะไร เอารัฐประหารนั้นรับไม่ได้ เพราะพรรคการเมืองจะผิดกฎหมาย  นี่ก็พยายามพูดให้เข้าใจผิด อย่าหาว่าไม่พูดคุยก่อนแล้วไปด่าคุณ เราไม่ได้ด่ามีแต่วิพากษ์วิจารณ์ว่าการส่งหรือไม่ส่งลงนั้นมีผลอย่างไร ที่พูดว่าพันธมิตรฯเอารัฐประหาร เป็นการบิดเบือนว่า นายสนธิ อยากทำรัฐประหารนั้นหรือ นายสมศักดิ์พูดไม่งาม

"ความจริงแล้วคนรู้จักสมศักดิ์ได้ก็เพราะมาร่วมกับพันธมิตรฯ ต่อจากนี้ไปคนจะจำสมศักดิ์ โกศัยสุขไม่ได้ จะหายไปจากความทรงจำของพี่น้องประชาชน " นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ความจริงแล้วเมื่อที่ประชุมพรรคมีมติอย่างไร แทนที่จะเอาไปชี้แจงให้กรรมการบริหารและโน้มน้าว และกรรามการบริหารพรรคส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับพี่น้อง มีแต่นายสมศักดิ์กับพวกเท่านั้น ที่ไปอ้างมติสาขาพรรคที่อุปโลกขึ้นมาเอง ว่าที่ประชุมสาขาพรรคต้องการลงเลือกตั้ง ถนัดเล่นเกมส์แบบนี้ก็ตามใจ พี่น้องจะออกจากพรรคหมด

นายประพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า นายสมศักดิ์บอกอีว่าหากไม่ลงเลือกตั้งก็แก้ปัญหาบ้านเมืองไม่ได้ ลงเลือกตั้งนั้นไปร่วมขบวนกินบ้านกินเมืองกับเขา มันแก้ตรงไหน  ส่วนปัญหาความสัมพันธ์ประชาชนกับพรรค จะบอกให้การที่ประชาชนไปบอกให้พรรคทำอย่างนั้นอย่างนี้มันเป็นสิทธิ์ พรรคควรยินดีด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องการประชุมบอกว่าทำตามระเบียบเป็นอิสระ ไม่เป็นไรต้องทำตามระเบียบ แต่สำคัญว่าทำไมสมาชิกลงเสียงอย่างไร ไม่เอาไปปฎิบัติตาม ไม่เคารพพี่น้อง และยังบอกว่าใครโกหก ใครพูดจริงทำจริง เวลาจะพิสูจน์  ไม่เป็นไรกาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ทั้งตัวพี่และพวกเราด้วย  ที่สำคัญออกไปแขวะพวกเดียวกันเองแขวะนายสนธิว่าเอาธรรมนำหน้านั้นไม่รู้เอาธรรมนำหน้าจริงหรือเปล่า ที่พี่มาร่วมกับเรามามองไม่ออกหรือว่านายสนธิเสียสละมากแค่ไหน ถ้าไม่มีธรรมนำหน้าคงตายไปแล้ว  คนที่ไม่ยืนอยู่บนความจริง จะถูกความจริงไล่ล่าและบดขยี้

บทสัมภาษณ์ที่ออกมานี้แสดงชัดเจนว่านายสมศักดิ์ยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่เคารพเสียงพี่น้องเลยแม้แต่น้อย อยากสรุปว่าเมื่อคนเรายืนอยู่บนจุดยืนที่ไม่ถูกต้อง ดวงตาจะพล่ามัวบิดเบี้ยว ความคิดที่เคยแหลมคม พูดจาฉะฉาน วันนี้พูดได้ไม่เต็มคำเลย

คำต่อคำ “ประพันธ์ คูณมี”ปราศรัย

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรัก กราบสวัสดีพี่น้องทางบ้านและท่านที่รับชมอยู่ต่างประเทศทุกท่าน วันนี้ก็มาดึกหน่อยนะครับ เพราะว่ารอฟังรายการตอบโจทย์ของพี่สนธิที่ให้สัมภาษณ์เอาไว้ รายการนี้จะมี 2 ตอนนะครับ นี่เป็นตอนที่ 1 แล้วพรุ่งนี้ท่านก็รับชมตอนที่ 2 ตอนที่ 2 นี่ไม่ได้หมายความว่าเวทีนี้กั๊กเอาไว้แล้วไม่มาฉายให้ท่านดูนะครับ มันเป็นรายการสดจากไทยพีบีเอส จากทีวีที่เขาเผยแพร่ออกรายการ เผยแพร่ออกอากาศในวันจันทร์และวันอังคาร ไม่ใช่ว่าเรามีเทปอยู่แล้ว เปิดไว้ครึ่งหนึ่ง กั๊กไว้อีกพรุ่งนี้ ไม่ใช่นะครับ ก็รับชมตามเวลาของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสพรุ่งนี้อีกตอนหนึ่งครับ ยังมีบทสัมภาษณ์และการตอบทุกคำถามที่น่าสนใจ

เมื่อสักครู่เราก็ได้ดูร่วมกันแล้ว ผมก็คิดว่าเราคงจะได้สาระและได้ประโยชน์ และตอบคำถามที่เป็นข้อข้องใจทั้งสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนทุกคน วันนี้พี่สนธิไม่มา แต่มาทางรายการตอบโจทย์แทนแล้วกันนะครับ ก็ฝากมอบหมายให้ผมช่วยตอบหรืออธิบายบางเรื่อง บางประเด็น บนเวทีนี้เช่นกัน

แต่ว่าสำหรับคนบางคน เราก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปพูดถึงให้มาก มีผู้หลักผู้ใหญ่เป็นคนจีน เขาบอกผมว่า คนบางคนมันเจี่ยป้าบ่อสื่อ ผมก็พยายามหัดพูดให้มันเหมือนเสียงจีนนะ เจี่ยป้าบ่อสื่อ คือมันกินข้าวอิ่มแล้วมันไม่รู้จะทำอะไร มันก็เกะกะระราน สร้างเรื่องรำคาญ เป็นที่กีดหูกีดตา ไม่เป็นประโยชน์กับสังคม เราก็อย่าไปสนใจ ใช่มั้ยครับ

ทีนี้มันมีอีกคำหนึ่ง เขาบอกว่าถ้าคนจีนแต้จิ๋ว มีมั้ยครับคนจีนแต้จิ๋ว มีมั้ยที่เขาบอกว่า เสียวกุ๊ยไต่หลงเซิ่น หรืออะไรเนี่ย ถ้าเป็นจีนกลางเขาว่า เสียวกุ่ยไต่ล่งเสิน อะไรทำนองนี้ ผมจำมาแต่ผมยังจำได้ไม่ถูก แต่ถ้าผมพูดผิดพี่น้องคนจีนคงทักทายได้ แต่เนื้อหาคำไทยก็คือว่า อย่าไปใส่ใจเลย ไอ้พวกผีเปรตมารร้ายทั้งหลาย มันพยายามจะตีตัวเสมอเทวดา พยายามที่จะไปตีตัวเสมอเทวดา ตีตัวเสมอไปด่าผู้หลักผู้ใหญ่ ตัวเองเป็นขี้ข้าม้าใช้ แต่พยายามที่จะไปก้าวล่วงบุคคลสำคัญโดยไม่เจียมเนื้อเจียมตัวตัวเอง เป็นพวกเสียวกุ๊ย ผมก็พยายามไปศึกษาภาษาจีน ก็คล้ายๆ กับลักษณะเหมือนกับนายจตุพร ณัฐวุฒิ พยายามจะไปด่า ฯพณฯ พล.อ.เปรม อย่างนี้เขาเรียกว่าเสียวกุ๊ย

เพราะฉะนั้นเรื่องของหลายคนที่วันนี้เราต่อสู้กับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะฉะนั้นคน 2 ประเภท 1. คือประเภทที่เป็นสมุนรับใช้ เป็นสาวกของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพวกเชลียร์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แบบไม่ลืมหูลืมตา แต่พยายามจะแอบอ้างตัวเองว่าฉันก็เป็นพันธมิตรฯ นะ ฉันเป็นกัลยาณมิตรกับคุณนะ ทำไมจะมาวิพากษ์วิจารณ์ฉัน หรือมาด่านายกฯ อภิสิทธิ์ มาด่ารัฐบาลอย่างนั้นอย่างนี้ คนประเภทนี้ วันนี้เขายืนอยู่คนละจุดกับพวกเราแล้ว จะมาอ้างความเป็นอดีตพันธมิตรฯ หรือเคยเข้าร่วมพันธมิตรฯ แล้วก็ทำเป็นโพสต์เข้าไปว่า ไม่เห็นด้วยอย่างนั้น ผมไม่เห็นด้วยกับคุณในวันนี้ ความจริงคุณมันได้ตายสาบสูญจากความเป็นพันธมิตรฯ ไปแล้ว

ฉะนั้นบรรดาพวกที่พยายามจะมาค่อนข้างเวทีของพวกเราว่า คนที่เคยสู้เวลานี้ ถอยห่างออกไปแล้ว ก็ไอ้พวกที่มันถอยห่างออกไปแล้วก็คือพวกที่มาห้อยมาโหน แล้ววันนี้ก็เป็นสาวก เป็นคนเชลียร์นายอภิสิทธิ์ ไม่ว่านายอภิสิทธิ์จะทำงานล้มเหลวและทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองเสียหายเพียงใด เขาก็มองไม่เห็น แต่เวลาเราวิพากษ์วิจารณ์ทักษิณ เขามองเห็นหมด และพยายามจะชวนให้เราด่าทักษิณ ด่าระบอบทักษิณวันยันค่ำ ทั้งๆ ที่ระบอบทักษิณเราได้ฝังไปแล้ว

แต่ถ้ามันฟื้นกลับมาเมื่อไร เดี๋ยวเราค่อยพิจารณาตามสถานการณ์ วันนี้คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่มีอำนาจรัฐ คนที่บริหารประเทศ มันชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ใช่นายทักษิณ ถ้าวันนี้รัฐบาลหุ่นเชิดของทักษิณขึ้นมามีอำนาจ ทักษิณขึ้นมา แล้วก็ทำชั่ว ทำเลว โกงบ้านกินเมือง ขายชาติขายแผ่นดินอีก พันธมิตรฯ ก็ไม่เว้นและไม่ไว้หน้าเหมือนกัน ใช่มั้ยครับ

เพราะฉะนั้นก็จะมีคนประเภทนี้พยายามจะมาแอบอ้างว่าเป็นอดีตพวกเรา ตอนนี้ไม่มาร่วมชุมนุมแล้ว ก็ลื้อจะมาชุมนุมอะไร เพราะลื้อเกากระโปกบักหำน้อยไอ้มาร์คอยู่ทุกวัน เพราะฉะนั้นคุณมันเป็นพวกที่ไม่ลืมหูลืมตา คุณจะไปหลงใหลได้ปลื้มและเห็นดีเห็นงามกับเขา ก็ไปเถอะ แต่วันนี้ที่ SMS คะแนนตอนนี้คนที่โหวตโน ไม่เอานักการเมืองพรรคใดเลยนั้น 53 เปอร์เซ็นต์แล้ว ชนะทุกพรรค เพราะฉะนั้นวันนี้จุดยืนของพวกเรา พออย่างนี้นายอภิสิทธิ์ก็จะมาให้สัมภาษณ์บอกว่า เสียดายคะแนนโหวตโน น่าจะเอามาให้พรรคที่เลวน้อยกว่า มีพรรคไหนวะเลว นายอภิสิทธิ์มีเครื่องวัดความเลวมั้ย ถ้ามันเลว มันก็ต้องเลวเหมือนกัน ใช่มั้ยครับ มีเลวน้อย เลวมากเหรอ ลื้อเอาอะไรเป็นเครื่องวัด มีเทอร์โมมิเตอร์มั้ย มีพารามิเตอร์มั้ย มีเครื่องวัดความเลวมั้ย โกง 4-5 แสนล้าน และวันพรุ่งนี้ คอยดูไอ้รัฐบาลที่พยายามแอบอ้างบอกว่าเลวน้อย พรุ่งนี้มันจะทิ้งทวนใน ครม.ไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้าน จะอนุมัติโครงการ นี่เหรอที่อ้างว่าเลวน้อย มันเลวมากกว่าเขาครับพี่น้อง เลวพอๆ กับเขา หลายโครงการพรุ่งนี้ประชุม ครม.จับตาดูให้ดี แล้วพรุ่งนี้หลังประชุม ครม.จะมาชำแหละให้ฟังว่า รัฐบาลที่ทำตัวว่าเลวน้อย สร้างภาพว่าตัวเองเป็นผู้ดี แต่ความจริงแล้วก็เลวไม่ต่างจากนักการเมืองทุกพรรคเลย แล้วพรุ่งนี้พรรคร่วมรัฐบาลจะเสนอโครงการ รีบเอาเข้ามาให้ ครม.อนุมัติเป็นนัดสุดท้ายไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านครับ

เพราะฉะนั้น นักการเมือง พรรคการเมืองที่มีอยู่ในขณะนี้ มันใช้ไม่ได้ทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และวันสุดท้ายรายการช่างแม่งประเทศไทยน่ะ อภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ยังไง บอกว่าถ้าเสียดายคะแนนที่จะไปโหวตโน มาเลือกพรรคที่ยังเลวน้อยกว่า ว่างั้นครับพี่น้อง แสดงว่านายอภิสิทธิ์ก็ยอมรับว่าพรรคและตัวเองเลว ใช่มั้ยครับ

แล้ว 2. บอกเสียดาย ถ้าจะเอาไปโหวตโน เสียดายคะแนน เอามาเลือกพรรคที่เลวน้อยกว่า ก็พวกเราไม่เอาทั้งพรรคที่เลวน้อยหรือเลวมาก ไอ้ที่เลวทั้งหมด มันเลวเหมือนกัน เราจึงไม่เลือกใช่มั้ยครับ อย่ามาออดอ้อน อ้อนวอนให้เสียเวลาเลย พี่น้องพันธมิตรฯ ไม่ใจอ่อน ใช่มั้ยครับ มันต้องสั่งสอนคนที่ทรยศต่อประชาชน ทรยศต่อประเทศชาติ สั่งสอนนักการเมืองที่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ขายได้แม้กระทั่งชาติและแผ่นดิน เพราะฉะนั้นใครที่บอกว่าคนอย่างนายอภิสิทธิ์ไม่มีวันที่จะทำเรื่องไม่ดีไม่งามอย่างนี้ ไม่เคยคิดจะขายชาติขายแผ่นดิน อย่างที่ไปตอแหลเราที่สนามไทย-ญี่ปุ่นดินแดง คุณอาจจะพูดได้ แต่ทั้งหมดนี้มันพิสูจน์ด้วยการกระทำใช่มั้ยครับว่า การกระทำมันเป็นข้อพิสูจน์ว่าคุณได้ทำให้ชาติบ้านเมืองเสียชาติ เสียแผ่นดินจริงหรือไม่

การดำเนินนโยบายต่างประเทศของคุณแสดงให้เห็นถึงความโง่ อ่อนหัด และไร้เดียงสาในทางการเมืองระหว่างประเทศหรือไม่ การดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองของคุณ สามารถปกป้องดูแลคุ้มครองชีวิตของพี่น้องประชาชนได้หรือไม่ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติบ้านเมือง คุณทำได้หรือไม่ วันนี้ถ้าเราไปดูโฆษณาหาเสียงของนายอภิสิทธิ์แล้วเราจะอ้วกและสะอิดสะเอียนครับ ไม่ว่าเรื่องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องที่ 2 โอ้โห ผมจะตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมาปราบปรามยาเสพติด โอ้ บักหำน้อย มึงอยู่มา 2 ปีกว่า ไม่เห็นมึงทำอะไรเลย มาวันนี้ทำเป็นเข้มแข็ง จะตั้งหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติด แล้วใครเชื่อ ไม่มีใครเชื่อเลยครับ มันเป็นคนที่เป็นตัวตลกครับพี่น้อง ขึ้นป้ายโฆษณาหาเสียง ยิงสปอตออกทีวีหาเสียง คนฟังดูแล้วสมเพชเวทนา และกลายเป็นตัวตลกทางการเมือง

จนในมิวสิควิดีโอ หรือ MV ของเพลงที่ผมเอามาร้องเมื่อวานนี้ พี่น้องเห็นมั้ยนายอภิสิทธิ์กลายเป็นคนจมูกยาว โด่งๆ น่ะ มันมาจากคนที่พูดจาโกหกตอแหล มันจะจมูกยาวอย่างนี้ นี่คืออาการของคนโกหกตอแหล

เพราะฉะนั้นวันนี้คนที่ทำตัวว่าเป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือ วันนี้หมดสภาพความน่าเชื่อถือ แล้วหลายเรื่องเป็นเรื่องที่เราได้พิสูจน์แล้วทั้งสิ้น

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะมากราบเรียนพี่น้องในวันนี้ หลังจากเมื่อวานนี้ผมได้พูดถึงป้าเอ๋ย ม.ร.ว.รำพิอาภา เกษมศรี ความจริงแล้วคุณป้าเอ๋ย เป็นป้า เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมให้ความเคารพนับถือ คุณป้าอาจจะมีความรัก ความเมตตา ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประสาผู้ใหญ่มีความรักความเมตตาต่อเด็ก อยากเห็นนักการเมืองที่ดี มีอนาคต มาทำงานให้กับบ้านเมือง แต่ว่าเมื่อได้เห็นนายอภิสิทธิ์ทำงานไปแล้ว ท่านก็อยู่ในสภาพที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนกัน จะกลับมาชุมนุมกับพวกเราก็กระไรอยู่ เพราะเวทีนี้ก็วิพากษ์วิจารณ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งก็เป็นลูกหลานของท่าน ผมก็คิดว่าในจุดนี้ผมเข้าใจและเห็นใจท่านนะครับ แล้วหลังจากที่ผมได้พูดเมื่อวานนี้ ผมยืนยันนะครับ ผมก็ไม่ได้พูดจาหยาบคาย ก้าวล่วงต่อ ม.ร.ว.รำพิอาภา เกษมศรี แม้แต่น้อย แต่อยากจะให้ข้อคิดเห็นและเตือนสติในการที่จะรักลูกรักหลานนั้น ต้องแยกระหว่างการที่เขาบริหารบ้านเมืองล้มเหลวกับผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ผมพูดในประเด็นนี้เป็นหลักครับ

แล้วก็เป็นที่น่ายินดีครับ ว่าเมื่อหลังจากที่ผมพูดแล้ว มีผู้หลักผู้ใหญ่ท่านหนึ่งส่งข่าวมาบอกผมว่า ได้พบกับป้าเอ๋ยแล้ว ทราบว่าคุณป้าเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ท่านไม่สบาย และเข้าห้องไอซียูด้วยซ้ำไป ระหว่างที่นางติ๊งต๊อง ติ๊งต่างอะไรนี่ไปแอบอ้าง ไปแถลงว่าได้รับมอบหมายจากคุณป้า ม.ร.ว.รำพิอาภา เกษมศรี ว่าให้มาแถลงว่าจะก่อตั้งกลุ่มรักสงบอะไรนั่น คุณป้าไม่ได้รู้เรื่องและไม่ได้มอบหมายเลยครับพี่น้อง

นี่ท่านยืนยันผ่านผู้ใหญ่มาบอกผม ว่าคุณป้าไม่ได้มอบหมายให้นางติ๊งต่าง นี่มาแถลงอะไรเลย เพราะฉะนั้นนางติ๊งต่างครับ ถ้าคุณป้ามอบหมายคุณจริง ต้องให้คุณป้าเป็นคนออกมาแถลง คุณไม่ควรจะออกมาแหลเอง อย่างที่ไม่บังควร อย่างที่ไม่สมควร ที่ไปแอบอ้างชื่อผู้หลักผู้ใหญ่ว่าได้รับมอบหมายให้มาแถลงและทำให้ท่านเสียหายต่อชื่อเสียง เพราะคนเหล่านั้นรู้ดีว่าเธอคนนี้ชอบแอบอ้างแบบนี้อยู่บ่อยๆ ครับ

ท่านเกรงว่าจะทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิด และจะทำให้ผมเข้าใจผิด ความจริงผมก็ไม่ได้เข้าใจผิด ผมสังหรณ์ใจตั้งแต่แรกแล้ว ผมถึงบอกว่าที่นางคนนี้ออกมาแถลงว่าได้รับมอบหมายจาก ม.ร.ว.รำพิอาภา และคุณเบญจวรรณ กระจ่างเนตร นั้นมันจริงหรือเปล่า ผมถึงถามไปถึงคุณป้า และวันนี้ผมก็ได้รับคำตอบว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เธอแอบอ้างครับ เพราะฉะนั้นเธอต้องไปแก้ตัวเอาเองนะครับ และผมก็ต้องขอขอบพระคุณคุณป้า ม.ร.ว.อำพิราภา ที่ได้ฝากบอกผู้หลักผู้ใหญ่มา ในการที่ท่านออกมาร่วมชุมนุมกับพวกเรานั้น ก็เพราะเห็นว่าพวกเรานั้นเป็นพลังที่ต่อสู้เพื่อปกป้องชาติ ศาสนา และองค์พระมหากษัตริย์ครับ

ในเรื่องนี้ คุณป้าไม่สงสัยเลย และก็ยินดีมาเข้าร่วมกับการชุมนุมของพวกเรา ทั้งยินดีและชื่นชมต่อการที่ผมและพวกได้ก่อตั้งชมรมและต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังชื่นชมและยังเห็นในคุณงามความดีและจุดยืนที่ผมได้ร่วมต่อสู้กับท่านมา ไม่ลืม ท่านบอกอย่างนี้ ซึ่งตรงนี้ผมก็ต้องกราบขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูงที่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด และยังได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บางคนที่ไปแถลงนั้น ท่านไม่ได้รู้เรื่องเลย ท่านยังไม่สบาย ยังป่วยอยู่ เพราะฉะนั้นผมก็เชื่อว่าคงเป็นความจริงครับ เพราะผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาบอกนั้นเป็นผู้ที่ผมให้ความเคารพสูงยิ่ง และ ม.ร.ว.อำพิราภา ก็รู้จักผมเป็นอย่างดีในการต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร่วมกันมา ต้องให้กำลังใจและขออวยพรให้คุณป้าหายจากการเจ็บไข้ได้ป่วย มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง ขอให้คนที่คิดไม่ได้และชอบไปแอบอ้างผู้หลักผู้ใหญ่มาแถลง มาแถแบบไม่มีสาระนั้น จงได้รับผลกรรมจากการกระทำของตัวเองที่ไม่ดีนั้นด้วยครับ นี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่อยากจะกราบเรียนพ่อแม่พี่น้อง

ส่วนเรื่องที่ 2 ก็คือว่า เมื่อวานนี้ที่มีภาพปรากฏว่าเธอชอบไปถ่ายภาพร่วมกับผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคโน้นพรรคนี้ ในวงการเมืองคนโน้นคนนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ เธอคนนี้ในสมัยที่คณะ คมช.ยึดอำนาจ สมัย พล.อ.สะพรั่ง เป็นประธานการท่าอากาศยาน ประธานบอร์ดก็ดี ผมเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติฯ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ พล.ร.ท.พะจุณณ์ ใครต่อใคร เวลาที่ใครโดดเด่น โดดดัง มีอำนาจวาสนา เธอพยายามจะเข้าไปเจ๊าะแจ๊ะๆ ในพรรคประชาธิปัตย์เหมือนกัน เธอก็พยายามเข้าไปเจ๊าะแจ๊ะๆ แต่ว่าคนในพรรคประชาธิปัตย์เขาก็รังเกียจเดียดฉันท์เธอ เธอยังไม่รู้ตัวเท่านั้นเองครับ เธอไม่ได้เป็นขุนศึก ขุนพลอะไรของคนสำคัญอะไรเลย เพราะฉะนั้นวันนี้เธอก็คงไม่ต่างจากพวกประเภทเจี่ยป้าบ่อสื่อ เมื่อกินข้าวอิ่มแล้ว ไม่มีอะไรทำ เราก็อย่าไปให้ความสนใจ ไร้สาระ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณอมร คอยเช็กบิล ติดตามพฤติกรรมของเธอเป็นการส่วนตัวก็แล้วกัน

แต่ที่ผมต้องพูด เพราะว่าท่านผู้หลักผู้ใหญ่ท่านนั้น ท่านฝากบอกมาว่าคุณป้าไม่สบายใจถ้าพี่น้องจะเข้าใจผิด แต่ว่ายังไงเรื่องที่ท่านไม่ได้ออกมาร่วมชุมนุมกับพวกเรานั้น เนื่องจากเหตุผลสุขภาพแล้ว และก็เนื่องจากว่าไอ้คนที่มันเป็นนายกฯ มันเป็นลูกเป็นหลานที่ท่านรู้จัก เห็นมันมาตั้งแต่เป็นเด็ก จะให้มาชุมนุมฟังพวกเราด่าวิพากษ์วิจารณ์มัน ก็กระไรอยู่ นี่ก็เป็นเรื่องที่เราเคารพและเข้าใจได้ ใช่มั้ยครับ

ทีนี้ อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องของพี่สมศักดิ์ ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่พูดถึงก็ไม่ได้ เพราะว่าวันนี้ปัญหานอกจากเราต้องเจอกับพวกประเภทที่ชอบแอบอ้างว่าตัวเองเป็นพันธมิตรฯ เคยร่วมต่อสู้ 193 วัน เป็นกัลยาณมิตรกับเรา แต่ตอนนี้ไม่เห็นด้วยกับเรา พวกนี้มันเป็นพวกที่แอบอ้างครับ ตอนนั้นมาร่วมชุมนุมกับเรา เพราะเป็นส่วนหนึ่งในการที่ชื่นชอบและชื่นเชียร์พรรคประชาธิปัตย์ แต่วันนี้ก็ยังเชียร์อยู่ เมื่อไม่เห็นด้วยกับเราในการที่จะต่อสู้ปกป้องแผ่นดิน คุณก็ถอยไป เราไม่ว่ากัน แต่อย่ามาแหลและมาแอบอ้าง

แล้วถ้าเรื่องของแผ่นดิน เรื่องของชาติบ้านเมือง ถ้าคนไทยไม่สำนึกในการรักชาติบ้านเมือง รักประเทศ รักแผ่นดินแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่น่าอเน็จอนาถใจที่สุดแล้ว ใช่มั้ยครับ เพราะฉะนั้นพี่น้องพันธมิตรฯ ที่มายืนหยัดชุมนุมอยู่ที่นี่ บางคนบอกว่าเราชุมนุมไม่สามารถเอาชนะ ไม่สามารถโค่นล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้ ถือว่าไม่ชนะ คุณยังไม่รู้เหรอ ที่เรามาชุมนุมอยู่นี่ เรามาชุมนุมเพื่อปลุกให้คนไทยทั้งแผ่นดินได้เห็นว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยของประเทศอย่างไร

เรามาชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ล้มเหลวในการกอด MOU 2543 ทำให้ประเทศเสียดินแดนอย่างไร หลงกลเขมรในการไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก แล้วทำให้เกิดปัญหาข้อพิพาทบานปลายมาจนกระทั่งทุกวันนี้อย่างไร เราต้องการปลุกให้คนไทยขึ้นมารับรู้ปัญหานี้ร่วมกัน ถือว่าเราประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่แล้ว

แล้ว 2 เรายังสามารถกระชากหน้ากาก วิพากษ์วิจารณ์เปิดโปงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แก้ผ้าออกมาให้ประชาชนเห็นอย่างล่อนจ้อนถึงความไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถในการบริหารบ้านเมือง

ถ้าไม่เช่นนั้น นายอภิสิทธิ์ก็ยังจะหลอกหลอน หลอกลวง สร้างภาพลวงตา บอกประชาชนว่าฉันเป็นนักเรียนออกซ์ฟอร์ด จบอีต้มอีตั้น มีความสามารถ เป็นอนาคต เป็นความหวังของนักการเมืองรุ่นใหม่ ความจริงแล้วภาษากฎหมายเขาบอกยังเป็นผู้เยาว์อยู่ครับ

คือคำว่าผู้เยาว์ ภาษากฎหมายคือต้องมีผู้ปกครองคอยอนุบาลดูแลอยู่ เพราะช่วยตัวเองยังไม่ได้ ทำนิติกรรมสัญญาอะไรก็ยังไม่ได้ นายอภิสิทธิ์เป็นรัฐบาลแบบเด็กผู้เยาว์ ที่ต้องมีผู้อนุบาลชื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อยู่ครับ ต้องมีผู้ปกครองคอยดูแล กำกับดูแล จะทำอะไรคิดเองไม่เป็น ทำเองไม่เป็น เขาบอกซ้าย ก็ต้องซ้าย ขวาต้องขวา เพราะยังเป็นผู้เยาว์อยู่ หรืออีกประเภทหนึ่งก็คือเป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ หรือบุคคลไร้ความสามารถ ต้องมีผู้อนุบาล

บุคคลเสมือนไร้ความสามารถ ก็คือช่วยตัวเองไม่ได้ ตักข้าวใส่ปากต้องมีคนอื่นตักให้ เพราะฉะนั้นสภาพนายอภิสิทธิ์มีอยู่แค่นี้ แล้วก็เป็นนายกฯ มีอยู่อย่างเดียวคือ เหมือนเราเลี้ยงนกไว้ที่บ้าน คอยฟังมันขัน นกแก้ว นกขุนทอง เจื้อยๆ แจ้วๆ ขันให้เราฟังเท่านั้นล่ะครับ มีนายกฯ อภิสิทธิ์ ก็มีแค่นั้น เกาะโพเดียมแล้วก็ขันให้พี่น้องประชาชนฟัง ทำเป็นตีสำนวนโวหาร เขาถึงได้กลายเป็นคนที่ได้รับสมญานามว่า ดีแต่พูด

นี่คือปัญหาของประเทศชาติบ้านเมือง ที่เราสามารถเปิดเผยให้ประชาชนไทยทั้งประเทศเห็น นี่ก็ผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่อันที่ 2 แล้ว และทำให้คนเห็นธาตุแท้ของนักการเมือง พรรคการเมืองทุกพรรค ว่ามันพึ่งไม่ได้ ฝากอนาคตบ้านเมืองไว้ไม่ได้เลยแม้แต่พรรคเดียว คนเดียวเลยในขณะนี้ นี่เราก็ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่แล้ว และมีพี่น้องที่ตื่นตัวและเข้าใจเรื่องนี้ทั่วบ้านทั่วเมือง ที่รับชม รับฟัง และติดตาม ASTV อยู่เป็นล้าน หลายสิบล้าน และโหวตเข้ามา ก็เป็นบทพิสูจน์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ได้วิตกทุกข์ร้อนเลย

พล.ต.จำลอง บอกมาไม่ต้องมาก มาแค่นี้ก็พอแล้ว แค่นี้ก็ชนะแล้ว เพราะถ้ามามากกว่านี้โรงครัวจะทำอาหารไม่พอ ส้วมจะไม่พอให้พี่น้องใช้ ฟังอยู่ที่บ้าน ปวดฉี่ ปวดหนัก ท่านก็เข้าห้องน้ำ ฟังไปกินผลไม้ไป ทานกาแฟไป คุยกับลูกกับเมียไป สนุกสนานเพลิดเพลิน ถ้ามันส์ก็เขียนบทกลอน เขียนจดหมายมาให้ประพันธ์ หรือโพสต์เข้ามาในเฟสบุ๊ค ช่วยเผยแพร่ต่อๆ กันไป อย่างนี้ก็เป็นความสุขของพี่น้องประชาชนแล้ว ที่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของนักการเมือง นี่คือชัยชนะของเรา

และอันที่ 3 ก็คือ ที่เราปลุกสำนึกคนตื่นขึ้นมาในขณะนี้ คือปลุกสำนึกให้ตื่นขึ้นมาเพื่อร่วมกันปฏิรูปบ้านเมือง เพื่อแก้ไขระบอบการเมืองที่เน่าเฟะ และล้มเหลวนี้ เพื่อสร้างสังคมใหม่ การเมืองใหม่ ที่เป็นความหวังและอนาคตของประชาชน นี่คือชัยชนะที่เราสามารถปลุกสำนึกประชาชนร่วมชาติให้ลุกขึ้นมาแสดงความรับผิดชอบและมีส่วนร่วมกัน

ปัญหาบ้านเมืองเวลานี้นอกจากคนพวกนี้ ส่วนหนึ่งที่มาอ้างเป็นพรรคประชาธิปัตย์ มาใส่ร้ายเรา หรืออ้างว่าเป็นพันธมิตรฯ มาใส่ร้ายเรา

อีกส่วนหนึ่งคือพวกที่กระสันอยากจะลงเลือกตั้งโดยไม่เจียมกะลาหัวตัวเองนี่สิ พวกนี้สิน่า .. ตั้งแต่เขาบอกกันมาแล้วว่า ไอ้หนวดเคราเนี่ยไปโกนเถอะ ทำหน้าตาอย่างนี้ หัวล้านไม่ว่า แถมยังหนวดเคราอีก ใครเขาจะเอาไปเป็นนายกฯ ใครจะเอาไปเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ทีนี้ ไอ้อยากลงเลือกตั้งน่ะไม่ว่า อยากลงก็ลงไป เมื่อพี่น้องส่วนใหญ่เขาไม่เห็นชอบด้วยแล้ว ท่านพี่อยากลงก็อัญเชิญเถอะครับ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งนะพ่อเจ้าประคุณทัวหัว ไปเลย ไม่ว่ากันนะครับ แต่ว่าทำไมพี่น้องเขาถึงไปแสดงความเห็น ต้องไปบอก มันก็รู้อยู่แล้ว นึกว่าพรรคนี้เป็นพรรคของพี่น้องพันธมิตรฯ ของพี่น้องประชาชน ถ้าเขารู้ว่าพรรคนี้มันเป็นสมบัติส่วนตัวของคุณสมศักดิ์แล้ว ไม่มีวันที่พี่น้องจะเดินไปเฉียดเลย ใช่มั้ยครับ ถ้าคุณสมศักดิ์ตั้งมันขึ้นมาเอง สร้างมันขึ้นมาเอง เหมือนหลงจู๊บรรหาร สร้างขึ้นมาเหมือนนายสุวัจน์ เหมือนนายเนวินเขาสร้างพรรค และเป็นสมบัติส่วนตัวของนายสมศักดิ์ พี่น้องประชาชนเขาคงไม่เดินเข้าไปใกล้เลย บาทหนึ่ง สลึงหนึ่ง เขาก็ไม่บริจาคให้อยู่แล้ว ใช่มั้ยครับ

ทีนี้เมื่ออยากจะลงเลือกตั้ง ก็ไปให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในลักษณะที่ให้ร้ายและโจมตีพี่น้องพันธมิตรฯ และพาดพิงมาถึงบรรดามิตรสหายแกนนำด้วยกัน และพาดพิงมาถึงพวกเราพี่น้องประชาชนทุกคนในทางที่เสียหาย ไอ้แบบนี้มันไม่ตอบก็ไม่ได้ เพราะท่านพี่ท่านดันไปให้สัมภาษณ์เนชั่นชาแนล ไปให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เนชั่นเป็นภาคภาษาอังกฤษ แล้วก็ไปให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไทย นี่ล่ะครับอนาคตว่าที่นายกฯ ประเทศไทยเป็นอย่างนี้

ผมก็ไม่ได้ดูถูกท่านนะครับ แต่ผมเอาเสียงสะท้อนของพี่น้องประชาชนที่เขาพูดผ่านหูผมมาแทบจะหูแตก เวลาที่ท่านขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค

ทีนี้เมื่อท่านไปให้สัมภาษณ์อย่างนี้ มันพาดพิงพี่น้อง แล้วก็ทำให้พี่น้องได้รับความเสียหาย ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเสียหาย ผมก็จำเป็นต้องมาพูดอธิบายชี้แจงกับพี่น้องประชาชนเป็นธรรมดาครับ เพราะฉะนั้น คุณพี่สมศักดิ์ครับ พี่จะออกไปลงเลือกตั้ง หรือพี่จะออกไปทำกิจกรรมทางการเมืองที่เป็นอิสระ และแยกจากพี่น้องประชาชน พี่ก็ไปเลยครับ พวกเรายินดีและแสดงความยินดีด้วยที่พี่ตัดสินใจเลือกทางชีวิตของพี่อย่างนั้น แต่ไม่ควรที่จะมาใส่ร้ายและพูดจาให้พี่น้องได้รับความเสียหาย และที่ท่านบอกว่าพี่น้องประชาชนไปทำอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ให้เกียรติพี่น่ะ เดี๋ยวผมจะตอบว่าข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างไร ที่พี่ไปให้สัมภาษณ์นั้น

ประเด็นที่ 1 นะครับ คือคุณสมศักดิ์ไปเปิดใจบอกว่า เปิดใจกบฏพันธมิตรฯ นี่ก็เป็นเหยื่อของสื่อมวลชนเลย เป็นเหยื่อของคุณเสถียร วิริยะพรรณพงศา เสถียร วิริยะพรรณพงศา เป็นผู้สื่อข่าวประจำอยู่เนชั่น คม-ชัด-ลึก และก็เป็นเด็กรุ่นน้อง ผมรู้จักดี ก็เป็นเด็กที่ใช้ได้ มีความรู้ความสามารถ แต่วันนี้เครือเนชั่นเป็นเครือที่พยายามจะจิกเอาตัวใครก็ได้ที่สัมภาษณ์ วิพากษ์วิจารณ์พันธมิตรฯ และการชุมนุม เขาจะรีบเอาตัวไปออกรายการ และไปชุมนุม ขึ้นปกขึ้นข่าวในเนชั่นสุดสัปดาห์ เพราะเนชั่นก็เป็นหนึ่งในปากกระบอกเสียงที่ช่วยพรรคประชาธิปัตย์อยู่ แต่ก็ไม่ได้ทุกคนนะครับ ผมก็คิดว่าสื่อมวลชน คอลัมนิสต์ ผู้สื่อข่าวบางคน เขาก็คงไม่เอาด้วย ไม่งมงายถึงขนาดรับใช้พรรคประชาธิปัตย์ แต่ว่าอาจจะอยู่ในฝ่ายนโยบาย เนื่องจากว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มของสมะลาภา เป็นพวกนายสรรเสริญ สมะลาภา เป็นน้องหรือเป็นพี่ของตระกูลนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องเกี่ยวดองกับคนในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพี่ชายก็เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อในพรรคประชาธิปัตย์ หรือ ส.ส.เขต เพราะฉะนั้นเครือเนชั่น นอกจากมีผู้ถือหุ้นในนามพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ในรายการทีวีแทบทุกช่องเครือเนชั่นเขาก็ได้รายการหมด ช่อง 9 ช่อง 3 ช่อง 7 ช่องไหนเขาจะมีคนของเขาไปมีรายการอยู่ในทางทีวี แน่นอนก็แสดงว่าได้รับน้ำใจไมตรีเป็นอย่างดีจากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ มันไม่ให้ช่องเดียวคือ ASTV และสนธิ ลิ้มทองกุล

สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ให้กับ ASTV ให้กับสนธิ ลิ้มทองกุล ก็คือ 200 นัด แถม M79 ด้วยครับ นี่คือความอำมหิตและความเนรคุณของนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ พวกเราไม่ได้เดือดร้อน และพวกเราไม่ต้องไปแบมือขอใคร และจะไม่มีวันก้มหัวขอความช่วยเหลือใดๆ จากคนประเภทนี้

เราไม่ได้เดือดร้อน เราไม่จำเป็นอะไรที่จะต้องไปเอาช่องรายการทีวี เราไม่ได้ก็เลยมาด่า ไม่ใช่ ถ้าคุณไม่บริหารบ้านเมืองล้มเหลว เราก็ไม่วิพากษ์วิจารณ์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องว่าเราได้ไอ้นั่น ไม่ได้ไอ้นี่ เพราะนั่นเป็นวิธีคิดแบบคนสามานย์ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น ไม่ใช่พวกเราครับ

เพราะฉะนั้นเมื่อไปสัมภาษณ์เสถียร วิริยะพรรณพงศา คุณสมศักดิ์ก็ไปให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า เขาถามว่าเหตุใดกรรมการบริหารพรรคจึงไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งตามมติที่ประชุมสมาชิกเมื่อวันที่ 24 เมษายน คุณสมศักดิ์บอกว่า นี่มันเป็นการเข้าใจผิด การประชุมวันนั้นไม่มีวาระเรื่องนี้ เป็นการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เรื่องทั่วไป เรื่องรับรองงบดุล เรื่องนี้มีอยู่ในวาระซึ่งไม่ใช่วาระลงมติ ผมเห็นว่าในเมื่อเสียงท้วงติงเรื่องการลงเลือกตั้ง พรรคก็ควรเปิดให้สมาชิกได้แสดงความคิดเห็น ก็เท่านั้น แต่เวทีชุมนุมกลับไปปลุกระดมคนให้มาโหวตเพื่อลงมติ เป็นการโกหกบิดเบือนให้มวลชนเข้าใจผิด ไม่ใช่วาระให้ยกมือ ผมมีเอกสารยืนยันชัดเจนว่าการประชุมวันนั้นไม่มีการลงมติ เป็นไปตามระเบียบกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) จะให้ลงมติในวาระอื่นๆ ไม่ได้ ซึ่งพรรคได้แจ้งวาระการประชุมต่อ กกต.มาเป็นเดือนแล้ว

สรุปแล้วนายสมศักดิ์ก็ไปให้สัมภาษณ์ว่าพี่น้องประชาชนเข้าใจผิด การประชุมวันนั้นไม่ได้เป็นการลงมติ พี่น้องครับ นี่คงจะมีความเข้าใจที่สับสน และเมื่อพ่ายแพ้มติของพี่น้องประชาชนแล้ว ก็ตะแบงแก้เกี้ยว แล้วก็กลับลำไปในลักษณะที่หันมาแว้งกัดและใส่ร้ายพี่น้องประชาชน
การประชุมวันนั้นแม้จะมีวาระอื่นๆ แต่การประชุมใหญ่ของพรรคการเมือง องค์ประชุมคือกรรมการบริหาร สมาชิกสาขา ถ้ามี ส.ส.ก็ ส.ส. ถ้ามี ส.ก.- ส.ข. ก็มี ส.ก.- ส.ข. และบรรดาสมาชิกและพี่น้องประชาชนที่มาร่วมสังเกตการณ์การประชุม ถือว่าเป็นองค์ประชุมใหญ่ครับ การมีสมาชิกไปร่วมประชุม จึงถือว่าเป็นการประชุมใหญ่ร่วมองค์ประชุมครับ จึงจะครบเป็นประชุมใหญ่

ส่วนประเด็นเรื่องจะลงเลือกตั้งหรือไม่ลงเลือกตั้ง เมื่อคุณสมศักดิ์บอกว่า เมื่อพี่น้องเสนอความเห็น เสนอวาระนี้มา แม้ในการประชุมจะมีวาระ 1..2..3..4..5.. ไม่ได้บรรจุวาระนี้เอาไว้ในที่ประชุมใหญ่ แต่เมื่อคุณรับข้อเสนอของสมาชิกที่ให้เสนอ ซึ่งอาจจะเสนออยู่ในเรื่องวาระอื่นๆ ก็ได้ ใช่มั้ยครับ เมื่อเขามีการเสนอให้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา และตัวคุณเป็นประธานในที่ประชุม คุณยอมรับเอามติความเห็นของสมาชิกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณากันในที่ประชุม ก็แสดงว่าคุณได้ยอมรับเอามติประเด็นวาระเรื่องนี้มาเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมแล้ว ใช่มั้ยครับ แล้วทำไมคุณบอกว่าไม่มีวาระ นี่เป็นการประชุม เป็นการเข้าใจผิด

เพราะฉะนั้น เมื่อเป็นการประชุม มีการอภิปราย มีการแสดงความเห็นแล้ว คุณเป็นบอกให้พี่น้องลงมติว่าจะมีความเห็นอย่างไร สมาชิกส่วนใหญ่และที่ประชุมจะมีความเห็นอย่างไร เมื่อบอกให้พี่น้องลงมติ พี่น้องก็ลงมติ แน่นอนครับ ใครเขาก็รู้ว่านี่มันเป็นมติของที่ประชุมใหญ่ เป็นมติความเห็นของมวลสมาชิก มันไม่ใช่มติของคณะกรรมการบริหารแน่นอน แต่กรรมการบริหารที่นั่งหัวโด่และเข้าร่วมประชุมอยู่นั้นก็เห็นเต็มตาอยู่แล้วว่าสมาชิกลงมติว่าอย่างไร กรรมการบริหารจึงมีหน้าที่จะต้องเอามติของที่ประชุมใหญ่ไปปฏิบัติ เพราะที่ประชุมใหญ่คือที่ประชุมที่มีอำนาจสูงสุด เหนือกว่ากรรมการบริหารครับ ถ้าไม่รู้เรื่องกฎหมาย ไม่รู้เรื่องพรรคการเมือง ก็อย่าไปแสดงความเห็น มันอายเขาครับนายสมศักดิ์ครับ

เพราะฉะนั้นที่มาบอกว่าพี่น้องเข้าใจผิดนั้น ผมว่าคุณต่างหากที่พยายามจะบิดเบือนมติของที่ประชุม และบิดเบือนใส่ร้ายพี่น้องประชาชน ไม่ใช่พี่น้องเข้าใจผิด นี่คือประเด็นที่ 1 ครับ

ทีนี้ประเด็นที่ 2 เขาก็ถามว่า เวทีพันธมิตรฯ บอกว่าคุณสมศักดิ์ไม่แคร์ความเห็นของสมาชิก คุณสมศักดิ์ก็บอกว่า วันนี้ผมว่ามันเป็นความพยายามที่จะแทรกแซงกิจการของพรรคจากคนบนเวทีชุมนุม เอ้า พี่น้องครับ กลับกลายเป็นว่าพวกเราเป็นพวกที่บ่อนทำลาย เป็นมือที่สาม เป็นแนวที่ 5 กำลังจะไปแทรกแซงพรรคการเมืองใหม่นะครับวันนี้ กลายเป็นว่าพวกเรานี่เป็นพวกผู้ก่อการร้ายจะไปแทรกแซงพรรคการเมืองใหม่แล้ว เอ๊ะ ตกลงพวกเรานี่ไม่ใช่พวกเดียวกับคุณแล้วเหรอ พวกเรานี่ไม่ใช่เป็นเจ้าของพรรคเหรอ พวกเราเป็นสมาชิก มีสิทธิ์จะไปแสดงความเห็นมั้ย วันนี้นายสมศักดิ์บอกว่าพวกเรานี่ไปแทรกแซงกิจการของพรรคครับ โอ้ ตายแล้ว ฟังเอาแล้วกันครับ

ตกลงพรรคการเมืองใหม่นี่เป็นสมบัติส่วนตัวของคุณสมศักดิ์ กับเหรัญญิกคู่ใจของคุณเหรอครับ เราไปแทรกแซงไม่ได้เหรอครับ เป็นกิจกรรมของนางแหม่ม กับนายสมศักดิ์ 2 คน พวกเราไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวเลยหรือครับ วันนี้เป็นสมบัติส่วนตัวท่านไปแล้วเหรอ ผมไม่เข้าใจจริงๆ หาว่าพวกเราไปแทรกแซงพรรคการเมือง กิจกรรมของพรรคการเมือง แล้วก็หาว่าพวกเรา เวทีนี้ไม่เคารพ ไปปลุกระดมให้คนมาก่อกวน กดดันให้พรรคไปโหวตโนตามนั้น แล้วอย่างนี้จะตั้งพรรคมาทำไม ตั้งขึ้นมาก็ควรจะส่งเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาแนวทางของเราพอไปได้หรือไม่

พี่น้องครับ เราปลุกระดมเหรอ เราให้ความรู้ ให้ปัญญาพี่น้องประชาชน และสมาชิกพรรค หรือประชาชนผู้สนับสนุนพรรค ย่อมมีสิทธิ์ที่จะไปแสดงความเห็นและบอกพรรค คณะผู้บริหารพรรค เพราะเขายังคิดว่าคุณเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ใช่มั้ยครับ แต่ถ้าเขารู้ว่าคุณคิดอย่างนี้ เขาไม่ไปสังฆกรรมร่วมกับคุณหรอก ถ้าพรรคมันเป็นสมบัติส่วนตัวคุณไปแล้ว

เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่อยากให้พี่น้องไปแทรกแซง ไปยุ่งเกี่ยว ไปแสดงความเห็น ไม่เป็นไรครับ วันนี้พวกเราตัดสินใจแล้ว ขอเชิญคุณกับเหรัญญิกคู่ใจคุณ และบรรดาสมุนบริวารของคุณ นำพรรคไปแล้วกัน พรรคการเมืองใหม่ ไม่รู้มันจะไปสู่การเมืองใหม่ หรือจะไปสู่อัปรีย์ไปจัญไรมา ผมก็ไม่รู้ ก็เชิญ

ถ้าคิดอย่างนี้ก็ดีแล้วที่พวกเราจะได้ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างอยู่ก็แล้วกันนะครับ ปล่อยเขาไปตามทางของเขา เหมือนที่คุณสนธิพูดเมื่อวานนี้

แล้วเรื่องจะโหวตโนนี่ แกก็บอกว่าเราต้องเคารพความเห็นกัน แบบนี้มันก็ไม่มีปัญหา เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน คนที่จะเสนอตัวออกมาจะลงเลือกตั้ง เขาก็ออกค่าใช้จ่ายกันเอง เขาก็บอกว่านี่เขาเตรียมเลือกตั้ง จะออกค่าใช้จ่าย จะลงสมัครกันเอง พอเรามาเสนอโหวตโนแบบนี้ ก็ทำให้พวกเราเสียขบวนไปหมด เมื่อรู้ว่าพันธมิตรฯ มีมติโหวตโน เขาก็กลัวเขาหาเสียงยากขนาดไหน เพราะฉะนั้นจะบีบกันทำไม ผมคิดว่าพรรคการเมืองต้องมีความอิสระในระดับหนึ่งในการตัดสินใจ เอาเถอะ พ่อเจ้าประคุณ ถ้าท่านอยากจะมีอิสระในการตัดสินใจ ก็เชิญท่านไปตัดสินใจแล้วก็ลงเลือกตั้งเลยนะครับพ่อเจ้าประคุณครับ อย่าถอยมาแล้วกัน ดูซิว่าจะเป็นอย่างไร ยังไงพวกเราก็เดินหน้าโหวตโน ไม่ได้บังคับเลย เชิญพ่อเจ้าประคุณ มีใครเขาไปบังคับคุณ คุณมาร่วมประชุมกับเขา คุณบอกว่าประชุมร่วมกับแกนนำ เห็นด้วยกับเขา แล้วจะนำความนี้ไปหารือกับกรรมการบริหารในที่ประชุมพรรค พอออกนอกพรรคดันมาพูดว่าที่ประชุม พี่น้องประชาชน พวกเราไปบีบเขา ใครไปบีบเขา เราจะบีบเขาได้เหรอ มีแต่คนใกล้ตัวเขาเท่านั้นที่บีบเขาได้ มีแต่คนใกล้ตัวเขาเท่านั้นที่เขกกบาลเขาได้ ไม่มีหรอก พวกเราบีบเขาไม่ได้

ทีนี้ เขาถามว่าเหตุใดแกนนำจึงไม่มีการพูดคุยกันภายในพรรค นี่ก็เหมือนกันครับ แกก็พูดไม่จริงอีก ว่าเขาก็พูดคุยกันแล้ว แกบอกว่าไม่ได้พูดคุยกัน เขาบอกว่าอย่างนี้ ก็ยังไม่ทันได้คุย ก็ด่ากันซะก่อนแล้ว เห็นมั้ยครับ อย่างนี้มันก็โกหกใช่มั้ยครับ

ทั้งลุงจำลอง ทั้งคุณพิภพ ทั้งคุณสมเกียรติ ทั้งคุณสนธิ มาพูดบนเวทีนี้บอกหมดว่า ได้คุยกันแล้วกับคุณสมศักดิ์ แล้วคุณสมศักดิ์ไปให้สัมภาษณ์ ยังไม่ทันได้คุยกันก็ด่ากันซะก่อนแล้ว เอ้า ไม่ทันได้คุยกันอะไรวะ ไม่ทันได้คุยแล้วคุณเอาเรื่องนี้ไปหารือในพรรคกันได้อย่างไร เพราะฉะนั้นประเด็นนี้มันก็ไม่จริง

แต่ก่อนหน้านี้คุยกันชัดเจน เดือนมีนาฯ 5 แกนนำ มีการประชุม 5 แกนนำเรื่องทิศทางของพรรค นายสนธิต้องการไม่ให้ส่งลงเลือกตั้ง เขาพูดต่อไปนะครับว่า ตอนนั้นผมก็ถามว่าถ้าไม่ลงเลือกตั้งแล้วจะเอาอะไร ก็ไม่มีใครตอบ ผมก็เลยบอกว่า ถ้าไม่เลือกตั้งแล้วจะเอารัฐประหาร ผมรับไม่ได้ เพราะเป็นพรรคการเมืองจะไปเห็นด้วยกับรัฐประหารผิดกฎหมาย ขัดรัฐธรรมนูญ กรรมการบริหารพรรคก็โดนจับติดคุกกันหมดสิ สาขาพรรค กรรมการพรรค ตั้งใจจะจัดประชุม 30 แต่นายสนธิบอกว่า ช้าไป อยากให้โหวตโน เขาก็เลยประชุม 22 สาขาทั้งหลายก็ลงมติว่าให้ส่งลงเลือกตั้ง เวทีก็ด่าถล่มกันใหญ่ หาว่าเราไปด่าเขา ถล่มกันใหญ่ แล้วก็ด่ากันไปใหญ่ หาว่าผมมีกิ๊ก เป็นคอมมิวนิสต์ มันไปกันใหญ่ ฟังแล้วก็ขำดี เอ้าถ้าไม่มีกิ๊ก ก็ชี้แจงให้พี่น้องทราบด้วยแล้วกันนะครับ ขอโทษนะครับ

พี่น้องครับ นี่มันก็พยายามพูดที่จะทำให้คนเข้าใจผิด 1. ประเด็นว่าคุยกันมั้ย เขามีการคุยกันแล้ว หารือกันแล้ว คุณอย่าพูดคำว่าไม่มีการคุยกันแล้วเขาไปด่าคุณก่อน ไม่มี 2. เรื่องด่าก็ไม่มี มีแต่วิพากษ์วิจารณ์ความคิด หรือแลกเปลี่ยนความคิดว่าการส่งคนเลือกตั้งมันจะเสียหายอย่างไร ผลดี ผลเสียอย่างไร การโหวตโนมันจะมีผลดี ผลเสียอย่างไร ก็เหมือนคุณเวลาคุณมาขึ้นเวที คุณก็ยังวิพากษ์วิจารณ์ว่าการทำอย่างนั้นมันไม่ดียังไง มันไม่ถูกยังไง ไม่ควรยังไง พูดถูกใจคุณกระโดดโลดเต้นจนหัวล้านจะชนหลังคาเวทีด้วยซ้ำไป

เพราะฉะนั้นการพูดบนเวทีนี้มันก็เป็นการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็น ใช่มั้ยครับ แล้วเราไม่เห็นด้วยอย่างไร เราก็บอกไป ไม่ได้มีใครด่าคุณเลย

สองก็คือ มาพูดว่านี่ไม่เอาเลือกตั้งแล้วจะเอารัฐประหารหรืออย่างไร ผมไม่เห็นด้วย มีใครบอกว่าจะเอารัฐประหาร พูดอย่างนี้มันเป็นการบิดเบือนและทำให้คนเข้าใจว่าคุณสนธิสนับสนุน อยากจะทำรัฐประหาร พล.อ.สนธิ ทำได้เหรอ ก็มีแต่ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน สนธิ ลิ้มทองกุล ทำรัฐประหารไม่ได้

พูดอย่างนี้ก็เหมือนว่าพวกเราชุมนุมอยู่นี่ สนธิเป็นคนบงการหมด อยากเห็นการรัฐประหาร นี่มันมาแบบนี้ผมคิดว่าคุณสมศักดิ์พูดไม่งาม ความจริงแล้วที่คนรู้จักพี่สมศักดิ์ และไม่ลืมไปนั้น มันก็เพราะมาร่วมกับ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ใช่มั้ยครับ และก็เพราะมาขึ้นเวที และออก ASTV ผมเชื่อเลยว่าต่อแต่นี้ไปจะไม่มีใครจำชื่อสมศักดิ์ได้ นอกจากสมศักดิ์ เทพสุทิน เท่านั้นที่คนเขาจะจำได้ สมศักดิ์ โกศัยสุข นี่ผมว่าจะหายไปจากความทรงจำของพี่น้องประชาชน

แล้วเรื่องที่เขาประชุมกัน ก็บอกไปแล้ว ผมไม่ต้องพูดซ้ำ คุณรู้แล้วว่าคุณทั้งหมดนี้ พี่น้องเขาประชุมกัน คณะกรรมการประชุมกัน มีมติอย่างไร แทนที่คุณจะนำความเหล่านี้ไปชี้แจงกับบรรดากรรมการบริหารและโน้มน้าว และกรรมการบริหารส่วนใหญ่เขาก็เห็นด้วย มีแต่คุณกับพวกส่วนหนึ่ง และคุณก็ไปล็อบบี้สาขาที่คุณอุปโลกน์ขึ้นมา เป็นประธานสาขา และเป็นคนในสังกัดของนายสมศักดิ์ทั้งนั้น แล้วไปจัดประชุม และอ้างว่ามติที่ประชุมสาขาอยากจะให้มีการเลือกตั้ง อันนี้ก็แล้วแต่พ่อเจ้าประคุณ ท่านถนัดนักในเรื่องการเล่นเกมแบบนี้ ก็เชิญพ่อเจ้าประคุณไปเล่นเกมกันเอง พี่น้องประชาชนจะออกมาหมด ปล่อยให้คุณเล่นเกมไปตามสนุกสนานเถอะ คงจะเจริญแน่พรรคที่มีคุณสมศักดิ์เป็นผู้นำ

พี่น้องครับ คำสัมภาษณ์ของคุณสมศักดิ์นั้น นอกจากประเด็นทำให้คนเข้าใจผิดไขว้เขว การชุมนุมบนเวทีนี้เราไม่ได้สนับสนุนการกระทำผิดกฎหมาย และเรื่องที่บอกว่าเราไปสนับสนุนให้ทำผิดกฎหมาย พรรคก็โดนจับ ก็รู้อยู่แล้ว ถ้าคุณไปสนับสนุนรัฐประหาร หรือคุณวางแผนรัฐประหารเอง คุณก็โดนจับแน่นอน พวกสหภาพฯ รถไฟก็เคยวางแผนรัฐประหารร่วมกับเขาหลายครั้ง สมัยก่อนเอาหัวรถไฟวิ่งทะลุเข้าไปในหัวลำโพง ก็พวกสหภาพฯ รถไฟนี่ล่ะครับที่เคยร่วมขบวนการวางแผนจะรัฐประหาร ไอ้อย่างนั้นน่ะโดนจับแน่

แต่วันนี้เราไม่เคยไปสนับสนุน และไม่เคยบอกให้พรรคการเมืองไปร่วมคบคิดกันวางแผนรัฐประหารเลย ทำไมคุณสมศักดิ์มาพูดเป็นตุเป็นตะ ว่าถ้าไปสนับสนุนรัฐประหารก็โดนจับ ก็คราวที่แล้ว 19 กันยาฯ เขารัฐประหาร ไม่เห็นมีใครโดนจับ ไม่เห็นพี่น้องพันธมิตรฯ โดนจับเพราะรัฐประหารเลย เพราะเราก็อยู่เฉยๆ ใช่มั้ยครับ เราไม่ได้ไปสนับสนุน แต่เราอยู่เฉยๆ หรือสนับสนุนโดยกำลังใจ เมื่อเขากำจัดนักการเมืองชั่ว ก็ไม่ผิดกฎหมายอะไรนี่

เพราะฉะนั้นประเด็นนี้ก็ผ่านไปครับว่า การพูดอย่างนี้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเสียหาย นอกจากนี้ก็มีคนถาม ผู้สื่อข่าว คุณเสถียร ก็ถามว่าระหว่างนี้ไม่มีช่องทางที่จะเคลียร์กันได้เลยหรือ ทั้งที่อยู่ในทีม 5 แกนนำเหมือนกัน เขาก็บอกว่า ผมว่าเราคุยกันแบบผู้ใหญ่ไปแล้ว คือก่อนที่จะประชุมสาขาพรรค ก็ว่าไปครับ ก็หาว่าเราวิพากษ์วิจารณ์ ไม่เป็นไร ถ้าพี่สมศักดิ์คิดว่าอย่างนั้น แต่ความเป็นจริงก็อย่างที่ผมได้พูดไปแล้ว

นอกจากนี้ พี่สมศักดิ์ยังพูดต่อไปว่า ถ้าไม่ส่งเลือกตั้ง ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ อันนี้สิครับ ถ้าไม่ส่งเลือกตั้งก็ไม่แก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ ผมก็เลยอยากจะถามว่าพี่สมศักดิ์ครับ ทำไมก่อนหน้านี้พี่ไม่ไปลงเลือกตั้งซะตั้งแต่แรก มาร่วมกับ 5 แกนนำ แล้วมาชุมนุมกับพี่น้องทำไม

ไอ้ที่เราสู้มานี่เราก็แก้ปัญหาบ้านเมืองได้เป็นเปลาะๆ ทุกเรื่องใช่มั้ยครับ ไม่เห็นต้องลงเลือกตั้งเลย ลงเลือกตั้งมันคือไปลงร่วมขบวนการโกงบ้านกินเมืองกับเขา ผมถึงไม่ได้รู้สึกมีเกียรติอะไรเลยถ้าเป็น ส.ส.ในระบอบการเมืองแบบนี้ น้ำเน่าครับพี่น้อง หาเสียงก็เอาเงินภาษีมาแจกประชาชน ส่วนเงินงบประมาณ เงินภาษีที่เหลือ มันก็เอาไว้แบ่งกันโกง แล้วมันมีเกียรติตรงไหน แล้วมันแก้ปัญหาบ้านเมืองตรงไหน เพราะฉะนั้นที่คุณไปบอกว่าถ้าไม่ลงเลือกตั้งก็จะไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองนั้น ผิดครับ คุณสมศักดิ์ ไม่ใช่เลย บิดเบือน

ส่วนอันที่ 4 ก็คือปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับพรรค ก็บอกให้ว่า พรรคการเมืองกับประชาชนนั้น การที่ประชาชนเขาไปแสดงความเห็นบอกพรรคให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ มันเป็นสิทธิ์ และมันเป็นเรื่องที่พรรคควรจะยินดี ใช่มั้ยครับ ที่มีสมาชิกที่กระตือรือร้นและเอาการเอางานมาบอกและแสดงความเห็น

ส่วนเรื่องการประชุม บอกว่าท่านทำตามกติกา เป็นอิสระ ไม่เป็นไรครับ การประชุมพรรคมันก็ต้องทำตามกติกา ตามระเบียบ ตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติพรรคการเมือง อันนี้เราไม่ได้ว่าคุณอยู่แล้ว แต่สำคัญว่าเมื่อสมาชิกลงความเห็นแล้วทำไมคุณไม่เอาความเห็นของสมาชิกและพี่น้องประชาชนไปพิจารณา อันนี้ต่างหากที่คุณไม่เคารพและไม่ให้เกียรติสมาชิกและพี่น้องประชาชน

แล้วยังมาพูดจาพาดพิง บอกว่าใครโกหก ใครพูดจริง ใครทำจริง เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ไม่เป็นไรครับ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทั้งตัวพี่และตัวพวกเราด้วย ใครจะยืนอยู่ในโลกนี้และบนเวทีการเมืองภาคประชาชนได้อย่างยาวนานมั่นคงต่อกัน กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ที่สำคัญคือ เมื่อออกไปแล้วยังมาพูดจาแขวะพวกเดียวกันเอง คือมาแขวะคุณสนธิว่าไอ้ที่เอาธรรมนำหน้านั้น ไม่รู้เอาธรรมนำหน้าจริงหรือเปล่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่พี่มาร่วมต่อสู้กับเขามา 193 วัน อยู่ร่วมกับพี่น้องมา ร่วมกับคุณสนธิมา ยังมองไม่เห็นเหรอว่าเขาเสียสละ เสียสละได้แม้กระทั่งชีวิต ถ้าเขาไม่มีธรรมนำหน้าเขาคงตายไปแล้ว

คนเราอาจจะเคยมีอดีตแตกต่างกัน อาจจะเคยเป็นนักบู๊ นักบุ๋น เคยเป็นนักเลง เคยประพฤติไม่ดีไม่งามมาในอดีต แต่เมื่อเริ่มมาสู้กับพี่น้องประชาชนแล้ว ตั้งแต่คุณสนธิก้าวมาสู่การเมืองภาคประชาชน ผมยังไม่เห็นเขาทำความเลวความชั่วเหมือนบางคนเลยครับ เขาไม่เคยทำให้ประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเสียหาย เขาไม่เคยเอาเปรียบสังคม เขาไม่เคยเห็นแก่ตัว เอาสมบัติของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง เขาไม่เคยฉกฉวยเอาประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ เขาเสียสละทรัพย์สินเงินทองแม้กระทั่งชีวิตเพื่อต่อสู้และยืนหยัดในแนวทาง อุดมการณ์ ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นสำคัญ

ไม่เป็นไรครับ กาลเวลามันจะพิสูจน์และมันจะไล่ล่า ความจริงมันจะไล่ฆ่าทุกคนที่พูดจาโกหก คนที่ไม่ยืนอยู่บนจุดยืนที่ถูกต้องทุกคนมันจะถูกความจริงไล่ล่าและบดขยี้ ทุกคนไม่เว้น รวมทั้งตัวคุณสมศักดิ์ด้วย

ประการต่อมาก็คือ คุณสมศักดิ์จะยึดเอาพรรคเป็นที่ตั้ง หรือจะยึดเอามวลชน หรือมวลสมาชิกเป็นที่ตั้ง บทสัมภาษณ์ของคุณสมศักดิ์นี้มันเท่ากับคุณสมศักดิ์ยึดเอาตัวเองเป็นที่ตั้งและไม่เคารพความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนเลยแม้แต่น้อย

เพราะฉะนั้นผมจึงอยากสรุปว่า บทสัมภาษณ์ที่พี่สมศักดิ์ให้สัมภาษณ์ ผมอยากจะบอกว่า เมื่อคนเรามันยืนอยู่บนจุดยืนที่ไม่ถูกต้องเสียแล้ว ก็จะมีทัศนคติ ดวงตาก็จะพร่ามัว และบิดเบี้ยวไปด้วย ความคิดของพี่ที่เคยแหลมคม ที่เคยพูดจาฉะฉาน วันนี้มันพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำเลยครับ นี่ไงครับคนเรามันไม่ยากหรอกครับ

วันนี้พวกเรา พี่น้องที่เคารพรักครับ เวทีนี้อาจจะพูดถึงเรื่องของพวกเราบ้าง ก็อย่าว่ากัน เพราะว่าเราจำเป็นต้องเคลียร์ความคิดของเราในแต่ละประเด็นให้กระจ่าง คนเหล่านี้พยายามที่จะสร้างเรื่องสร้างราว สร้างปัญหาเหล่านี้มาค่อนแคะ มาทำลายกระบวนวการต่อสู้ของพวกเรา แต่ขอเรียนว่า พี่น้องประชาชน พวกเราที่นี่ทุกคน และทางบ้าน ทุกคนที่ยืนหยัดต่อสู้ และที่เป็นพันธมิตรฯ และประชาชนผู้รักชาติ จะไม่หวั่นไหวครับ

และวันนี้เป้าหมายการต่อสู้ของพวกเรา คือเราต่อสู้กับนักการเมือง พรรคการเมืองเลว พรรคการเมืองชั่ว และนักการเมืองที่คอร์รัปชั่นทุจริตและขายชาติ ที่ทรยศต่อประเทศชาติต่อประชาชน เราจะไม่หลงกล และนายอภิสิทธิ์ก็เป็นตัวแทนของระบอบการเมืองเก่า เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะมีใครที่อาจจะกระโดดโลดเต้นออกมาในลักษณะเคลื่อนไหวเข้าทาง หรือเป็นประโยชน์ให้กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ หรือใครก็ตามแต่ เราพร้อมที่จะตอบโต้และต่อสู้ด้วยความจริง ด้วยปัญญา อย่าไม่ถอย และยืนหยัดบนหลักการที่ถูกต้องทุกประการ

และไม่ว่าคุณจะมาโยกคลอน ปลุกระดม ทำร้ายทำลายเราอย่างไร ไม่มีวันที่จะทำให้พวกเราหวั่นไหว้ได้แม้แต่น้อย เราจะไม่หวั่นไหวเลย

มีท่านผู้หนึ่งเขียนบทกลอนมา วันก่อนผมอ่านแล้วยังไม่จบ ท่านเขียนมาดีและสอดคล้องกับสถานการณ์ ผมก็ขออ่าน เป็นบทกลอนที่ให้ข้อคิดกับพี่น้องทุกคน คุณบุปผา ถิราติ เขียนมาว่า

ไม่ต้องร้องเรียกใครให้มาสู้
แม้ต้องอยู่เดียวดายไม่กังขา
พันธมิตรฯ เรายืนหยัดด้วยศรัทธา
ด้วยปัญญาหนึ่งสมองและสองมือ

ดั่งเปลวเทียนละลายแท่งเปล่งแสงส่อง
นำครรลองอหิงสาโลกตราชื่อ
อาจวูบไหวเพราะลมไกวพัดกระพือ
แต่ยังยื้อไม่ดับแสง ต้านแรงลม

คือตะแกรงร่อนทองหาทองแท้
ไม่เคืองแคร์ใครอื่นให้ขื่นขม
เชื่อในทางแห่งธรรมนำสังคม
โลกนิยมเพราะนิยามของความดี

มีจุดหมายเพื่อชาติศาสน์กษัตริย์
จึงยืนหยัดสู้ด้วยใจไม่ถอยหนี
อำนาจใดในรัฐปฐพี
ฤา จะมีอำนาจเท่าเรารักกัน

ต้องขอบคุณคุณบุปผา ถิราติ นะครับที่ได้กรุณาเขียนบทกลอนบทนี้มาให้ และก่อนจากกัน ขอมามาก ขอมาเยอะ ว่าเมื่อคืนฟังเพลงศรัธาแล้วชอบ ยังไม่จุใจ ขอฟังอีกรอบหนึ่ง อยากฟังอีกรอบหนึ่งมั้ยครับพี่น้อง เพลงนี้มีความหมายดี และเป็นเพลงที่ผมคิดว่าเป็นเพลงที่ผมชอบเพลงหนึ่ง สอดคล้องกับเนื้อหาและปลุกเร้าให้กำลังใจในการต่อสู้ของเราเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะฟังผมอ่านเนื้อให้ฟังก่อน ท่านจะได้ร้องตามไปได้

ไม่มีก็คงต้องมีสักวัน ความฝันเป็นจริงต้องทนสู้ไป ไม่นานเราคงจะได้สมใจ มุ่งมั่นทุ่มเทเพียงใดกว่าจะได้มา เส้นชัยไม่มา ต้องไปหามัน รางวัลมีไว้ให้คนตั้งใจ ขวากหนามทิ่มแทงก็ผ่านพ้นไป โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายดาย

ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ ที่มารู้ดีไม่รู้ที่ไป คนเรามันเลือกเกิดเองไม่ได้ แต่เราเลือกได้จะเป็นเช่นไร เลือกได้จะทำตามใจด้วยตัวของเรา

หลายคนเชื่อในเรื่องโชคชะตา บางคนเชื่อในตัวเอง ชีวิตเรากำหนดของเราเอง จะแพ้-ชนะไม่เกรงสักเท่าไร

ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ เรื่องราวมากมายที่ทำ ได้ใจโอบก็หวั่นไหว แต่ก็มีเหตุผลสำคัญให้บางคนต้องยอมถอดใจ

นี่คือเนื้อหาของเพลงศรัธา ฟังเพลงนี้แล้วก็ร้องเพลงนี้ร่วมกันครับ

(เพลง : ศรัทธา)
กำลังโหลดความคิดเห็น