ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้านี้ คือ 3 พฤษภาคม 2554 เชื่อได้ว่าน่าจะเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้าย ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก่อนที่จะมีการยุบสภาในช่วงสัปดาห์หน้าคือไม่เกินวันที่ 6 พฤษภาคม ตามที่ได้ยืนยันมาหลายรอบ
แม้หลายฝ่ายจะไม่กล้าฟันธงได้ว่า กระบวนการประกาศใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ทั้ง 3 ฉบับ เช่น พ.ร.บ. การเลือกตั้งจะเสร็จทันภายใน 6 พ.ค.นี้ หรือไม่ เพราะขั้นตอนช่วงนี้ หลังจากวุฒิสภาผ่านความเห็นชอบร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับไปแล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา
ล่าสุด ชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร ก็ได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ ของสภาผู้แทนราษฏร และวุฒิสภา ดำเนินการถูกต้องตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
ซึ่งกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งรัฐบาล และรัฐสภา ไม่สามารถไปคาดคั้นหรือขีดเส้นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้เสร็จภายในกี่วันได้ อาจทำได้ก็แค่ประสานภายใน เพื่อขอทราบช่วงเวลาว่าน่าจะเสร็จในช่วงไหนเท่านั้น
โดยมีความเป็นไปได้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญอาจนำเรื่องนี้มาหารือด่วนแบบข้ามเรื่องอื่น ๆ ไปก่อน และมีคำวินิจฉัยได้ภายในไม่กี่วัน
หากการแก้กฎหมายทั้ง 3 ฉบับ ทุกอย่างถูกต้องไม่มีอะไรขัดรัฐธรรมนูญ ก็ส่งเรื่องกลับไปยังประธานสภาผู้แทนราษฏร เพื่อเข้าสู่กระบวนการประกาศใช้ต่อไป
แต่หากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ดูแล้วการแก้ไขกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ มีข้อสงสัยแล้วขอคำชี้แจง หรือเห็นว่าไม่ถูกต้อง แบบนี้การยุบสภาก็ลากยาวต่อไป ถือเป็นเหตุสุดวิสัยไป
อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ เมื่อดูจากกระบวนการแก้ไขกฎหมายทั้ง 3 ฉบับที่ผ่านการกลั่นกรองมาดีแล้วจากสภาผู้แทนราษฏร และวุฒิสภา ก็ให้กางปฏิทินการเมืองกันไว้ล่วงหน้าก่อน ว่าหากศาลรัฐธรรมนูญประทับตราฉลุย แล้วขั้นตอนดำเนินไปตามปกติ
ก็เป็นไปได้สูงที่จะมีการยุบสภาในช่วงปลายสัปดาห์หน้า คือไม่เกินวันที่ 6 พ.ค. 54
ถ้าดูตามนี้ ก็น่าเชื่อว่าการประชุมครม.นัดสุดท้าย ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ น่าจะเป็นวันอังคารที่ 3 พ.ค.นี้ เพราะหลังจากยุบสภาแล้ว รัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็มีสภาพเป็น
“ รัฐบาลรักษาการ ”
ที่แม้จะมีอำนาจเหมือนเช่นรัฐบาลปกติ แต่หลายเรื่องโดยเฉพาะการออกมติ ครม.รัฐบาลรักษาการ ก็ไม่สามารถทำได้แบบรัฐบาลปกติ หรือหากจะทำก็อาจถูกมองว่า น่าเกลียด
เช่น ไปอนุมัติโครงการขนาดใหญ่หรือ เมกกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ วงเงินจำนวนมาก หรือไปอนุมัติโครงการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ รวมถึงแม้แต่การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ในช่วงการเลือกตั้งที่ย่อมไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล และรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง ที่เสนอเรื่องให้ครม.เห็นชอบ
ยกเว้นแต่มีวาระพิจารณามากจริงๆ ประชุมวันที่ 3 พ.ค.54 ไม่เสร็จ ก็อาจมีประชุม ครม.นัดพิเศษต่อเนื่องได้อีกสัก 1 นัดกลางสัปดาห์ หน้าก่อนวันที่ 6 พ.ค. 54 แต่อาจต้องเจอกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ถึงความเหมาะสมที่จะตามมาเช่นกัน
“ทีมข่าวการเมืองASTVผู้จัดการ” ขอบอกไปยังรัฐมนตรีทุกคน-ทุกกระทรวงในรัฐบาลอภิสิทธิ์ หากคิดจะทิ้งทวน-แบ่งเค้ก กันรอบสุดท้าย ด้วยการเร่งผลักดันสารพัดโปรเจกต์ -โครงการ หรือของบประมาณในรูปแบบโครงการต่างๆ เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมครม.นัดส่งท้าย ทั้งวาระ เพื่อทราบ และวาระจร เพื่อหวังจะนำไปหาเสียงหรือคิดจะเล่นตุกติกหาผลประโยชน์แอบแฝง
“ทีมข่าวการเมือง” ก็ต้องขอย้ำว่า ถ้าคิดจะทำ ก็ให้ล้มเลิกเสีย คิดจะทำอะไรก็อย่าให้มันมูมมามมากนัก หัดอายเทวดาฟ้าดินกันบ้าง กับความคิดจะหาประโยชน์ เล่นตุกติกสารพัดในช่วงนาทีทอง อย่านึกว่าประชาชนรู้ไม่ทัน เพราะสมัยนี้ แค่เห็นมติครม.ที่อนุมัติโครงการ หรืองบประมาณอะไรต่างๆ ดูแค่กระทรวงเจ้าของเรื่อง ว่าใครเป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง สังกัดพรรคการเมืองพรรคไหน และลักษณะของรายการที่ได้รับอนุมัติเป็นอย่างไร ก็รู้แล้วว่ามันมีอะไรผิดปกติหรือไม่ชอบมาพากลหรือไม่
ยิ่งหากมีการเกลี่ยงบกันไปหลายๆ กระทรวง ได้กันแบบถ้วนหน้า ทั้งประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนา-รวมชาติพัฒนา แบบนี้ก็ชัดเจน ไม่ต้องมาเถียงว่า รัฐมนตรี-พรรคร่วมรัฐบาล ทิ้งทวน-แบ่งเค้กกัน
ของแบบนี้ไม่อยากกล่าวหาล่วงหน้า เอาไว้ประชุมครม.นัดสุดท้ายสัปดาห์หน้าก่อน ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ แล้วค่อยมาชำแหละ มาวิจารณ์กันต่อไป แต่รับรองว่า หากรัฐบาลอภิสิทธิ์ คิดจะทิ้งทวนกันแบบปากมัน เพราะเห็นว่าเป็นมื้อสุดท้ายแล้วต้องรีบกินให้อิ่ม ประชาชนคงไม่ยอมแน่นอน
เพราะที่ผ่านมาสองปีกว่า ก็รู้ๆ กันดีว่ารัฐบาลชุดนี้ แม้หัวหน้ารัฐบาลคือ อภิสิทธิ์ จะไม่มีข้อครหาเรื่องแสวงหาผลประโยชน์การเมือง แต่อภิสิทธิ์ ในฐานะผู้นำรัฐบาล-ผู้นั่งเป็นประธานการประชุมครม. ก็ปล่อยให้พรรคร่วมรัฐบาล รัฐมนตรีคนอื่นๆ แสวงหาผลประโยชน์กันแบบเต็มกอบเต็มกำ กันไปก็มาก
หากอภิสิทธิ์ ยังไม่เด็ดขาด ปล่อยให้มีการหาเศษหาเลยกันจนถึงนัดสุดท้าย หรือแม้แต่ในช่วงการเป็นรัฐบาลรักษาการหลังยุบสภา ที่ปล่อยให้รัฐมนตรี-พรรคร่วมรัฐบาล เสนออะไรที่ผิดปกติเข้าที่ประชุมครม.
ความผิดลักษณะเช่นนี้ อภิสิทธิ์ ก็ต้องถือว่ามีส่วนรู้เห็น ขอเตือนไว้ล่วงหน้าว่า เมื่อถึงเวลาประชาชนจะตัดสินเองในวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
อภิสิทธิ์อย่าคิดว่า ตัวเองจะไม่ถูกลงทัณฑ์ !
เหตุที่”ทีมข่าวการเมือง” ต้องเตือนไว้เช่นนี้ เพราะเราเห็นเค้าลางมาแล้วจากการประชุมครม.นัดที่ผ่านมา คือ อังคารที่ 26 เมษายน
ซึ่งมีการเสนอข่าวอย่างกว้างขวางว่า เป็นการประชุมครม. ที่ใช้เวลาประชุมยาวนานมากที่สุดของรัฐบาลอภิสิทธิ์ในรอบสองปีที่ผ่านมา คือเลิกเอาเกือบ 16.00 น. จากปกติจะอยู่ที่ไม่เกิน12.30 น. และเมื่อเลิกการประชุม และมีการแถลงข่าวมติครม.กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบ 17.30 น.โดยพบว่าที่ประชุมครม.ได้เห็นชอบเรื่องต่างๆ จำนวนมาก ทั้งวาระปกติ และวาระจร
เมื่อไปดูรายละเอียดก็พบว่า บรรดากระทรวงต่างๆ ที่พรรคร่วมรัฐบาล และประชาธิปัตย์ดูแลต่างได้รับการจัดสรรงบกันไปแบบถ้วนหน้ากัน ผ่านรูปแบบต่างๆ
เช่น การให้ขึ้นเงินเดือนพนักงานรัฐวิสาหกิจบางแห่งของกระทรวงการคลัง ที่ดูก็รู้ว่าเพื่อเอาใจพนักงาน หรือการเห็นชอบงบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ -กระทรวงท่องเที่ยว ที่รับผิดชอบโดยพรรคชาติไทยพัฒนา ที่รวมเม็ดเงินแล้วหลายพันล้านบาท เป็นต้น
ซึ่งมีข่าวลือมาจากทำเนียบรัฐบาลว่า อังคารที่ผ่านมา ที่บอกว่าแบ่งเค้ก-ทิ้งทวน กันหนักแล้ว
ประชุมครม. นัดสุดท้ายสัปดาห์หน้านี้ หนักกว่าหลายเท่า ประสาวัยรุ่นเขาเรียก
“พรรคร่วมรอจัดหนัก” ! แต่ประชาชนกระอัก
เพราะโดนนักการเมืองมันตีเช็คล่วงหน้ารอปล้นเงินไว้เป็นเสบียงตุนไว้ช่วงเลือกตั้ง จะได้กลับมาปล้นรอบใหม่ หากได้เป็นรัฐมนตรี-พรรคร่วมรัฐบาล
เวรกรรมประเทศไทย
เรื่องทำนองนี้ เชื่อว่า อภิสิทธิ์ ก็คงรู้ดี เพราะมันเป็นธรรมเนียมการเมืองกันไปแล้ว กับการที่พรรคร่วมรัฐบาล-รัฐมนตรี ทั้งหลายจ้องจะร่วม
“ กินโต๊ะจีนกลางครม.นัดสุดท้าย ”
แม้อภิสิทธิ์ จะเพิ่งเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรก แต่ก็พอจะรู้ทันบทเขี้ยวของนักการเมืองในครม. เห็นได้จากที่ อภิสิทธิ์ ได้สั่งการให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำการสกรีนวาระครม. ที่จะเข้าในสัปดาห์หน้า แบบรายกระทรวงกันเลยทีเดียว ว่าเรื่องไหนมีรายละเอียดซับซ้อนมากน้อยแค่ไหน หรือการขออนุมัติโครงการต่างๆ ที่จะเสนอ ครม.มีความจำเป็นเร่งด่วนจริงหรือไม่ ลักษณะโครงการเป็นอย่างไร
หากสงสัย ก็ให้เลขาธิการครม.เรียกรัฐมนตรี หรือตัวแทนรัฐมนตรีมาชี้แจงกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก่อน เพื่อให้ถึงเวลาประชุมวาระนั้นๆ จะได้ให้เลขาธิการ ครม.สรุปประเด็นสำคัญให้ที่ประชุม ครม.ได้รู้ไปเลย จะได้ไม่เสียเวลามาก ทำให้ ครม.จะได้พิจารณาเรื่องให้รอบคอบ ไม่ใช้เวลาสอบถามนานมากจนละเลยวาระเรื่องอื่นๆ ไป
การสั่งสกรีนวาระครม. ดังกล่าว มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเชื่อได้ว่า อภิสิทธิ์ ก็คงรู้ดีว่า ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง รัฐมนตรี-พรรคร่วมรัฐบาล อาจถือโอกาสนี้
“ลักไก่”
เสนอเรื่องเข้าครม.แบบรีบๆ เพื่อให้ผ่านความความเห็นชอบไปแบบเร็วๆ ไม่ต้องถามมาก เพราะรู้ดีว่าจะมีเรื่องเข้าสู่การพิจารณาเยอะ
โดยเฉพาะที่แสบสุดคือ เล่นเสนอเป็นวาระจร ที่จะไม่มีรายละเอียดให้อ่านหรือตรวจทานล่วงหน้า คือเล่นแบบเสนอเสร็จ ก็วัดใจเพื่อนรัฐมนตรี-พรรคร่วมรัฐบาล กันในห้องประชุมครม.เลยว่า จะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ
ของแบบนี้ ก็เห็นกันมามาย สุดท้าย ครม.ที่ก็คือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ก็มักแบ่งๆ กันไป ไม่มีใครคัดค้าน หรือมาตรวจดูรายละเอียดกันแบบทุกบาททุกสตางค์ กันในห้องประชุมครม. เพราะความเกรงใจ เพื่อถึงเวลาตัวเองเสนอบ้าง จะได้ไม่โดนขวางเช่นกัน หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เกียเซียะ นั่นเอง
ก็ไม่รู้ว่า กฎเหล็กของอภิสิทธิ์ ที่ให้มีการสกรีนเรื่องเข้าครม.สัปดาห์หน้า เพื่อไม่ให้เกิดการทิ้งทวนกันแบบน่าเกลียดของพรรคร่วมรัฐบาล จะได้ผลหรือไม่ หลังมีเสียงวิจารณ์ว่า มีการแบ่งเค้กกันไปแล้วรอบแรก เมื่อ 26 เมษายน ที่ผ่านมา
เพราะของแบบนี้ หากคนนั่งหัวโต๊ะ คือ นายกรัฐมนตรี ไม่เอาด้วย เสียงแข็ง รักษาผลประโยชน์ส่วนรวม ไม่ปล่อยให้มีการทิ้งทวนกันแบบน่าเกลียด พวกรัฐมนตรี-พรรคร่วมรัฐบาล หรือจะกล้า แต่ที่พวกนี้มันกล้า ก็เพราะ มาร์คไม่เด็ดขาดพอ
หรือเพราะหวังซื้อใจพรรคร่วมรัฐบาลให้กลับมาจัดตั้งรัฐบาลกันอีกครั้งหลังเลือกตั้ง ตัวเองจะได้เป็นนายกฯรอบสอง