หนุ่มเพชรบูรณ์แจ้งความดำเนินคดี “สิบเอก” สังกัดทหารปืนใหญ่ลพบุรี หลอกขายดาวน์รถบรรทุก 6 ล้อ แต่เบี้ยวไม่ยอมจ่ายเงินดาวน์ และไม่ยอมผ่อนค่างวด จนถูกไฟแนนซ์มีหนังสือทวงถาม แต่เมื่อติดต่อไปยัง “สิบเอก” ก็ไม่รับสาย ไปตามถึงต้นสังกัด จึงรู้มีเหยื่อถูกหลอกอีกหลายราย
วันนี้ (18 มี.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น.ที่ กองปราบปราม นายประดิษฐ์ อินทร์นอก อายุ 38 ปี อาชีพค้าขาย อยู่บ้านเลขที่ 251 หมู่ 7 ต.กันจุ อ.บึงสามพันธ์ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมกลุ่มผู้เสียหายกว่า 10 ราย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.มนูญ สายพิมพ์ พนักงานสอบสวน (สบ3) กก.4 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ ส.อ.สงกรานต์ มณีขัติย์ ทหารสังกัดกองร้อยทหารปืนใหญ่ค้นหาเป้าหมาย กองพลทหารปืนใหญ่ จ.ลพบุรี กับพวก ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง โดยนำสำเนาเอกสารสัญญาขายรถมามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
นายประดิษฐ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตนได้รู้จักกับ นายสุมิตร ไม่ทราบชื่อสกุล ซึ่งเป็นนายหน้าติดต่อซื้อขายรถให้กับ ส.อ.สงกรานต์ เข้ามาติดต่อขอซื้อรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นเอ็นเคอาร์ ทะเบียน 822324 ลพบุรี ของตนที่ซื้อมือสองมาในราคา 5 แสนบาท เคยใช้สำหรับขนถ่ายสินค้าทางการเกษตร แต่ปัจจุบันตนต้องการขายเพื่อซื้อรถคันใหม่ที่ขนาดใหญ่กว่าเดิม โดยทำสัญญาขายดาวน์เป็นเงิน 115,000 บาท ส่วนค่างวดยังคงต้องชำระต่อไปอีก 39 งวดๆ ละ 8,640 บาท หลังจากทำสัญญาแล้วนายสุมิตร อ้างว่า ทาง ส.อ.สงกรานต์ จะจ่ายเงินดาวน์ทั้งหมด เพื่อให้โอนเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถทันที
นายประดิษฐ์ กล่าวต่อว่า เมื่อตนหลงเชื่อยอมให้รถเขาไปแล้วจึงมาทราบภายหลังว่า ส.อ.สงกรานต์ ไม่ได้จ่ายเงินดาวน์ให้ และไม่ได้ผ่อนค่างวดจนถูกทางไฟแนนซ์เจ้าของรถมีหนังสือทวงถามกับตนเรื่อยมา เมื่อโทรศัพท์ไปสอบถาม ส.อ.สงกรานต์ ก็ไม่รับสาย จึงเดินทางไปหาถึงหน่วยงานต้นสังกัด และทราบว่า ส.อ.สงกรานต์ กำลังขึ้นศาลทหาร เพราะถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับเช็ค ระหว่างนั้นตนก็พบผู้เสียหายอีกหลายรายจึงทราบว่าทั้งหมดต่างถูก ส.อ.สงกรานต์ ฉ้อโกง โดยรถส่วนใหญ่เป็นรถกระบะ และรถยนต์ ซึ่งน่าจะถูกนำไปจำนำ หรือขายต่อไปแล้ว รวมมูลค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
นายประดิษฐ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้น พวกตนพยายามตามหารถ และได้ไปแจ้งความกับตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ แต่พนักงานสอบสวนก็ยังกล่าวอ้างว่าไม่สามารถรับคดี โดยทำได้เพียงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พวกตนเดือดร้อนกันมาก ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการติดต่อจากนายสุมิตร จนทราบชื่อผู้ที่นำรถไปอีกรายหนึ่ง คือ นายเอก ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล ฝากบอกมาว่าหากต้องการรถคืนให้หาเงิน 240,000 บาท มาไถ่คืนโดยให้โอนทางบัญชีธนาคาร หากตุกติกก็จะไม่บอกว่ารถอยู่ที่ไหน แต่ตนไม่กล้าโอนเงินไปเพราะไม่แน่ใจว่าจะได้รถคืนจริงๆ และเงินจำนวนดังกล่าวก็มากกว่าที่ขายดาวน์ไปเสียอีก
ด้าน พ.ต.ท.มนูญ กล่าวว่า ได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้แล้วในเบื้องต้นก่อนจะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป