xs
xsm
sm
md
lg

ตร.จ่อออกหมายจับมือยิง “เซียนกุ่ย” - เร่งไล่ล่าคนร้ายยิง สวป.ทุ่งครุ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาพรถคนร้าย ขณะเข้าล่อซื้อยาบ้า และปะทะกับเจ้าหน้าที่จนทำให้พ.ต.ท.พจน์ บำรุงชาติ สวป.สน.ทุ่งครุ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายยิง “สวป.ทุ่งครุ” บาดเจ็บ ขณะล่อซื้อยาบ้าได้ 3 คน เป็นเยาวชน หลบหนีไปได้ 1 โดยอยู่ระหว่างเร่งขยายผลเพื่อออกหมายจับ พร้อมเผยผลตรวจหัวกระสุนพบในรถ “เซียนกุ่ย” กับในร่างกายผู้ตายเป็นขนาด .22 แม็กนัม โดยมาจากปืนกระบอกเดียวกัน ชี้มือปืนก่อเหตุคนเดียว ยังมุ่งปมขัดแย้งส่วนตัว-ชิงทรัพย์ เร่งรวบรวมพยานออกหมายจับคนร้ายต่อไป

วันนี้ (26 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนคร (บช.น.) พล.ต.ต.เอื้อพงศ์ โกมารกุล ณ นคร รอง ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งครุ ล่อซื้อยาบ้าก่อนจะมีการปะทะกับคนร้ายทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดภายในซอยประชาอุทิศ 79 แยก 20 ถนนประชาอุทิศ แขวงและเขตทุ่งครุ กทม. เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาว่า เบื้องต้นทราบว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ 3 คน ซึ่งทั้งหมดยังเป็นเยาวชน และมีคนร้ายหลบหนีไปได้ 1 คน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บคือ พ.ต.ท.พจน์ บำรุงชาติ สวป.สน.ทุ่งครุ ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่บริเวณน่องซ้ายจำนวน 1 นัด ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร พร้อมเร่งขยายผลเพื่อออกหมายจับคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายบุกยิงนายเลิศชัย เลิศวัฒนารมย์ อายุ 54 ปี หรือ “กุ่ย ท่าพระจันทร์” เซียนพระชื่อดัง ที่วัดวิศิษฐ์บุญญาวาส ย่านฝั่งธนฯ ในท้องที่ สน.ศาลาแดง ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมาว่า ขณะนี้ได้ผลการตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐานแล้ว ซึ่งหัวกระสุนที่พบในรถผู้ตาย 1 นัด และหัวกระสุนจากร่างของผู้ตาย 1 นัด ซึ่งเป็นหัวกระสุนขนาด .22 แม็กนัม และหัวกระสุนทั้ง 2 มาจากปืนกระบอกเดียวกัน โดยทำให้ทราบว่ามือปืนลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมและตรวจสอบ ส่วนพยานหลักฐานอื่นๆ มีความคืบหน้าไปพอสมควร โดยสาเหตุอาจจะเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ หรืออาจจะเป็นความขัดแย้งส่วนตัว หรืออาจจะทั้ง 2 เรื่องรวมกัน โดยฝ่ายสืบสวนได้ลงพื้นที่หาพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้เพียงพอในการระบุตัวคนร้าย เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับต่อไป

“พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.ได้มีหนังสือกำชับ รวมทั้งออกวิทยุให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับตรวจสอบสถานบันเทิงในพื้นที่ที่รับผิดชอบของตนเองให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากมีการฝ่าฝืนปล่อยให้เยาวชนเข้าบริการ มียาเสพติด หรือเปิดเกินเวลา ก็จะต้องจับกุมดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้สถานบันเทิงบางแห่งได้ปิดบริการแล้ว และบางแห่งก็หยุดบริการไปเอง โดยทาง พล.ต.ต.เอื้อพงศ์ เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนกรณีประชาชนร้องเรียนเรื่องสถานบันเทิงนั้น หากมีการร้องเรียนมาทางผู้บังคับบัญชา หรือหัวหน้าสถานี จะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง หากพบว่ามีเปิดโดยผิดกฎหมายก็จะต้องจับกุมดำเนินคดี” พล.ต.ต.สุเมธกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น