โฆษกมาร์คเชื่อ “มิ่งขวัญ” ไม่อาจทนอยู่ พท.หลังถูกดิสเครดิต แคดิเดตนายกฯ เชื่อไข่แม้วประโคมข่าวหวังดูด ส.ส.กลุ่มมิ่งขวัญ ยืนยันพรรคอันดับ 2 จัดตั้งรัฐบาลได้ไม่ขัด รธน. ชู “อภิสิทธิ์” ยังเหนือ “ยิ่งลักษณ์” ทุกด้าน เชื่อแรงกระเพื่อม ส.ส.ปชป.อกหักลงระบบเขตจบ รอจัดลำดับ 125 ปาร์ตี้ลิสต์
วันนี้ (2 พ.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีกระแสข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมายืนยันนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ยังคงอยู่กับพรรคต่อไปว่า เป็นความพยายามของพรรคเพื่อไทยที่จะเหนี่ยวรั้งคนในพรรคให้มากที่สุด ทั้งที่ยังไม่เห็นท่าทีที่ชัดเจนจากนายมิ่งขวัญ และถ้านายมิ่งขวัญเป็นนักเมืองที่คิดแบบปุถุชนคนธรรมดา คงไม่สามารถร่วมสังฆกรรมกับพรรคเพื่อไทยต่อไปได้ เพราะถูกฉีกหน้า ดิสเครดิต หลังเคยประกาศตัวเป็นนายกรัฐมนตรีแข่งกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ท่ามกลางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น นายมิ่งขวัญจะยังคงอยู่กับพรรคเพื่อไทยอีกหรือ ทั้งนี้ การออกมาให้ข่าวของพรรคเพื่อไทยในประเด็นนี้คงเป็นการหวังผลทางจิตวิทยาเพื่อกลุ่ม ส.ส.ที่เกี่ยวพันกับนายมิ่งขวัญยังคงอยู่กับพรรคต่อไป มิเช่นนั้นจะเกิดสภาพแพแตกได้ เช่นเดียวกับการหาตัวหัวหน้าพรรคที่ยังไม่ชัดเจน
ส่วนกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุถึงสิทธิการจัดตั้งรัฐบาลก่อนหากมีคะแนนเป็นที่ 1 ในการเลือกตั้งนั้น นายเทพไทกล่าวว่า สิทธิในการจัดตั้งรัฐบาลเป็นของพรรคอันดับ 1 แน่นอน แต่ถ้าไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ก็เป็นเรื่องของพรรคอันดับ 2 และที่นักวิชาการบางคนออกมาให้ความเห็นว่า ถ้าพรรคลำดับที่ 2 จัดตั้งรัฐบาลจะเป็นการขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมาวัฒนธรรมการจัดตั้งรัฐบาลก็เกิดขึ้นหลายรูปแบบอาทิ ในปี 2518 ซึ่งพรรคการเมือง 18 เสียง ก็ยังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ และที่ผ่านมาพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 หรือสุดท้ายก็เคยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมาแล้วทั้งสิ้น ดังนั้นจึงอยากจะถามพรรคเพื่อไทยว่าถ้าพรรคการเมืองอันดับ 1 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้จะต้องทำอย่างไรต่อไป หรือต้องกลับไปเลือกตั้งใหม่
นายเทพไทกล่าวถึงกรณีนายพร้อมพงศ์ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าพรรคเพื่อไทยเคยทำโพลวัดความนิยมในทุกภูมิภาคและมีผลลัพธ์ที่ระบุว่าคะแนนนิยมของตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตกต่ำลงนั้นว่า ไม่ทราบว่าโพลของพรรคเพื่อไทยจัดทำขึ้นมาเพื่อหวังทางการเมืองให้กับตัวเองหรือไม่ เพราะถ้าดูผลสำรวจของเอแบคโพลล์ที่มีการเปรียบเทียบระหว่างนายอภิสิทธิ์ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกฯ ของพรรคเพื่อไทยก็สรุปได้ว่านายอภิสิทธิ์มีความนิยมและเป็นที่ยอมรับสูงกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ในหลายประเด็น จะมีเพียงเรื่องการทำธุรกิจเท่านั้นที่นส.ยิ่งลักษณ์มีคะแนนนิยมสูงกว่า ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศเลย ทั้งนี้ไม่อยากให้พท.งมงายกับตัวเลขที่ตัวเองปั้นแต่งขึ้นมา แต่ควรกลับดูตัวเลขที่แท้จริงจากโพลของสำนักวิชาการต่างๆ จะดีกว่า
นายเทพไทกล่าวถึงกรณีการจัดตัวผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ที่เกิดความไม่พอใจของลูกพรรคบางรายว่า เป็นเพียงการจัดตัวผู้สมัครลงในเขตกรุงเทพฯเท่านั้น ที่มีพื้นที่ทับซ้อนอยู่ 2-3 เขต เช่น กรณี ม.ล.อภิมงคล โสณกุล กับ น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ และเขตของนายโกวิทย์ ธารณา กับนางอรอนงค์ คล้ายกัน เพราะทั้ง 2 ส่วนเป็นพื้นที่ซ้ำซ้อนกับฐานเสียงของทั้งคู่ ดังนั้น พรรคก็พยายามที่จะหาทางออกให้ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย โดยเชื่อว่าทุกคนก็คงต้องเคารพคำตัดสินของพรรคแม้ว่าในส่วนตัวอาจจะมีความรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง ทั้งนี้ สุดท้ายแล้วทุกฝ่ายจะฟังเหตุผล เพราะคนของพรรคมีวินัยและเคารพมติพรรค ส่วนการจัดตัวผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อนั้นก็มีจำนวนผู้เหมาะสมครบจำนวน 125 คนแล้ว เพียงแต่รอการตัดสินใจของหัวหน้าและเลขาธิการฯ ที่จะต้องจัดลำดับของผู้สมัครโดยพิจารณาถึงความเหมาะสมต่อไป