เพื่อไทยขายฝันวันแรงงาน ชูนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เชื่อ ครม.อนุมัติทิ้งทวนเทกระจาดงบ ยัน “เจ๊มิ่ง” ยังอยู่พรรค โว ส.ส.พรรครัฐย้ายเข้าตรึม สับพรรคร่วมพูดใครรวมพรรคได้เสียงข้างมากจะเป็นรัฐบาลทำลายวัฒนธรรมการเมือง พร้อมจัดสัมมนาผู้สมัครพรรค 3 พ.ค. ซัด ภท.พูดไม่อายปากคิดนโยบายให้ “ทักษิณ” หยันเป็นได้แค่หิงห้อย
วันนี้ (1 พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ทางพรรคเพื่อไทยได้ออกนโยบายคือค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาทต่อวัน เพราะในปัจจุบันได้รับเพียงเฉลี่ย 215 บาทต่อวัน แต่ค่าครองชีพในขณะนี้ ทำให้ผู้ใช้แรงงานไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางพรรคเพื่อไทยก็ได้นำของขวัญคือการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไปมอบให้ผู้ใช้แรงงานที่ลานพระบรมรูปทรงม้ามาแล้ว เนื่องจากพรรคเพื่อไทยเห็นว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้นไม่กระทบต่อค่าใช้จ่ายในการผลิตของผู้ประกอบการแต่อย่างใด อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทำให้มีการเติบโตมากขึ้น
นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า ทางพรรคเพื่อไทยได้ทำแบบสอบถามไปยังกลุ่มตัวอย่าง 2,500 คนจากประชาชนทุกภาค โยมีหัวข้อในการทำสำรวจ คือ การจัดรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายอภิสิทธิ์ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งพบว่ามีประชาชนติดตามรายการนี้เพียงแค่ร้อยละ 17 เท่านั้น และเมื่อนำไปเทียบกับการจัดรายการของนายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้านี้ จะเห็นว่าตัวเลขนี้เทียบกันได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้จึงพิสูจน์ได้ว่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้นดีแต่พูด ประชาชนจึงไม่ให้ความใส่ใจ
ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารนี้ (3 พ.ค.) นั้น นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า จะเป็นการทิ้งทวนการประชุมครั้งสุดท้าย ซึ่งพรรคเพื่อไทยพบว่า จะมีการเทกระจาด งบประมาณทั้งหมด กระจายไปยังกระทรวงต่างๆ เหมือนกับเป็นงบปล่อยผี โดยการกระทำเช่นนี้น่าจะเป็นการทำลายใจของประชาชน เพราะแทนที่จะใช้การพิจารณางบประมาณให้รอบคอบ แต่กลับเป็นการใช้งบประมาณต่างตอบแทนพรรคร่วมรัฐบาล และถ้านายอภิสิทธิ์มีความบริสุทธิ์ใจก็ควรที่จะให้รัฐบาลชุดใหม่ภายหลังการเลือกตั้งเข้ามาบริหารจัดการเอง โดยเฉพาะงบประมาณของกระทรวงคมมนาคม และกระทรวงกลาโหม
โฆษกพรรคเพื่อไทยยังกล่าวถึงกรณีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย มีกระแสข่าวว่าจะย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยนั้น นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ล่าสุดแกนนำพรรคเพื่อไทยได้แจ้งให้กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยทราบว่า นายมิ่งขวัญยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย และจะเดินทางมาร่วมประชุมในสัปดาห์หน้าอย่างแน่นอน และที่สำคัญก็คือกลุ่ม ส.ส.ที่เป็นคนสนิทของนายมิ่งขวัญและ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มีชื่อลงรับสมัครเลือกตั้งในระบบสัดส่วนทั้งหมดด้วย ทั้งนี้จะมี ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลแสดงความจำนงที่จะย้ายไปมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ภายหลังจากการประกาศยุบสภาอีกหลายคน โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมอีกประมาณ 2-3 พรรค
นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า กรณีที่ผู้นำรัฐบาลและแกนนำร่วมรัฐบาลออกมาระบุว่า ภายหลังจากการเลือกตั้ง หากพรรคใดรวมเสียงข้างมากได้ ก็ควรที่จะเป็นผู้จัดการรัฐบาล การออกมาระบุเช่นนี้ เหมือนเป็นการทำลายวัฒนธรรมทางการเมือง และยังเป็นการกีดกันไม่ให้พรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล โดยการพูดเช่นนี้ก็ไปสอดคล้องกับการออกมาให้สัมภาษณ์ของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยด้วย ซึ่งแทนที่จะมีการยึดหลักการที่เคยปฎิบัติมา กลับมีความพยายามที่จะล้มล้าง และยึดอำนาจเอาไว้ที่ตัวเองต่อไป
นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวต่อว่า ในขณะนี้พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเลือกตั้งระบบสัดส่วน และระบบเขต ซึ่งในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ ทางพรรคก็จะมีการจัดสัมมนาผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมไปถึงจะมีการประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อคัดเลือกกรรมการบริหารพรรค แทนผู้ที่ได้ลาออกไปก่อนหน้านี้ด้วย
โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงกรณีเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ทางพรรคภูมิใจไทยได้มีการประชุมพรรค และมีการกล่าวพาดพิงว่า นโยบาย “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ของพรรคเพื่อไทย จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ก็มีแต่นายเนวิน ชิดชอบ คิด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน คิด นายสรอรรถ กลิ่นประทุม คิด และนายสุชาติ ตันเจริญ คิด ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนั้น แล้วตอนนี้คนที่คิดก็มาอยู่พรรคภูมิใจไทยหมดแล้ว และพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้คิดเองว่า การออกมาพูดเช่นนี้เหมือนไม่อายปากตัวเอง เพราะคนพวกนี้หากนำไปเปรียบเทียบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้ายแล้วก็เป็นได้เพียงแค่หิ่งห้อยเท่านั้น ตนขอให้คนที่พูดไปคิดใหม่ทำใหม่ แต่ที่สำคัญก็คือ อย่าลอกนโยบายของพรรคเพื่อไทยไปเท่านั้น นอกจากนี้ ตนคิดว่าผู้ที่ออกมาระบุเช่นนี้น่าจะมีความคำนึงถึงความเป็นผู้หลักผู้ใหญที่นับถือกันบ้าง