xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ลงพื้นที่ตามลดค่าครองชีพ - เพิ่มรายได้พรุ่งนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
โฆษกประชาธิปัตย์ เผย “มาร์ค” ลงพื้นที่ตามนโยบายลดค่าครองชีพเพิ่มรายได้สาธุประดิษฐ์ พรุ่งนี้ เชื่อ “จิ๋ว” ไขก๊อกเพื่อส่วนรวม ชมตัดสินใจถูก จี้ แดงหยุดพล่ามปฏิวัติเรียกคนร่วมม็อบ - รองโฆษก เปิดนโยบายเอาใจชาวบ้านเพียบ “อรรถวิชช์” แจงใช้งบปี 54 ตรึงราคาดีเซลหวังไม่เพิ่มหนี้สินให้ประเทศ โต้ ธปท.ยันเงินเฟ้อลดแน่ถ้ามาตรการได้ผล

วันนี้ (21 เม.ย.) ที่รัฐสภา นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (22 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่เพื่อติดตามนโยบายการลดค่าครองชีพ และเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน โดยในส่วนของการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำร้อยละ 25 นั้น จะได้ลงพื้นที่ติดตามและรับฟังความเห็นที่สถานประกอบการโรงงานผลิตรองเท้าส่งออก ย่านสาธุประดิษฐ์ ทั้งนี้ เชื่อว่า การขับเคลื่อนนโยบายจะสามารถทำได้ทันที ทั้งในส่วนการเพิ่มรายได้ และการลดค่าครองชีพ พรรคประชาธิปัตย์จึงอยากให้ประชาชนเป็นผู้เปรียบเทียบนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ควบคู่ไปกับในส่วนของตัวบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบการตัดสินใจในการเลือกตั้ง ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์มีความชัดเจนว่าจะเป็น นายอภิสิทธิ์ ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์มาตลอด 2 ปีกว่าที่ทำหน้าที่นายกฯ ส่วนพรรคเพื่อไทย คาดว่า จะเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย ซึ่งยังมีการเคลื่อนไหวที่เป็นเนื้อเดียวกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ที่สังคมยังตั้งคำถามว่ามีการออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์อะไร หรือทำเพียงเพื่อประโยชน์ของคนๆ เดียว

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ลาออกจากพรรคเพื่อไทย ด้วยว่า เชื่อว่า เป็นการตัดสินใจที่คำนึงถึงส่วนรวม เนื่องจากถูกกดดันจากทั้งกลุ่มคนเสื้อแดง และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่มีการเคลื่อนไหวในลักษณะทำเพื่อคนๆ เดียว จึงถือว่า พล.อ.ชวลิต และสมาชิกคนอื่นๆ ตัดสินใจถูกแล้วที่ลาออกจากพรรคเพื่อไทย เพราะรับไม่ได้ที่พรรคมีส่วนเคลื่อนไหวที่ล่วงเกินสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ต้องขอแสดงความเสียใจ หาก พล.อ.ชวลิต ซึ่งเป็นถึงอดีตนายกฯต้องลาวงการการเมืองไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในขณะนี้ทางพรรคยังประเมินว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามกำหนดหรือไม่ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า จากการสำรวจพื้นที่และฟังเสียงประชาชนต่างมีความพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว มีเพียงบางกลุ่มซึ่งเป็นคนส่วนน้อยที่ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง โดยเงื่อนไขสำคัญอยู่ที่การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย ที่ประกาศชัดว่าแม้จะมีการยุบสภาก็ยังจะชุมนุมเคลื่อนไหวต่อไป ซึ่งจากการปราศรัยเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ถือว่า กระทบความรู้สึกของประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก ส่วนการพูดถึงกระแสข่าวการปฏิวัตินั้น เป็นเพียงความพยายามในการปลุกระดมคนให้มาร่วมชุมนุมเท่านั้น จึงอยากขอเรียกร้องให้หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ และมุ่งสู่การเลือกตั้ง เพื่อลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนอกสภา

เมื่อถามต่อถึงกรณีที่นายทหารออกมาแสดงพลังในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า เป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ชัดเจนแล้วว่าแกนนำฝ่ายค้านหลายคนยังไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวที่หมิ่นต่อสถาบันเบื้องสูง เช่นเดียวกับประชาชนและกองทัพที่รู้สึกเช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่า กลุ่มคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทยจะปรับเปลี่ยนแนวทางหรือไม่

ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ของพรรค เปิดเผยถึงนโยบายที่จะนำมาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า ทางพรรคยังจะดำเนินมาตรการลดค่าครองชีพของครัวเรือน ที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้ดำเนินการมา 2 ปี ทั้งในส่วนของมาตรการการใช้ไฟฟ้าฟรีตลอดชีวิต หากครัวเรือนใดใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วย การอุดหนุนแก๊สหุงต้ม นโยบายเรียนฟรี 15 ปี มาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ที่มีเป้าหมายเพื่อไม่ให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกภาคส่วนในประเทศ รวมไปถึงการรักษาพยาบาลฟรี โดยใช้เพียงบัตรประชาชน ต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้เดินหน้าทำมาตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าที่เป็นรัฐบาล

นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า ทางพรรคยังได้เพิ่มเติมนโยบายเพิ่มเติม โดยจะออกเป็นมาตรการเติมเงินเข้ากระเป๋าประชาชน โดยเริ่มจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำร้อยละ 25 ภายใน 2 ปี เพิ่มเงินโครการประกันรายได้เกษตรกรร้อยละ 25 ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ในฤดูเก็บเกี่ยวต่อไปทันที รวมไปถึงเบื้ยผู้สูงอายุ 500 บาทต่อเดือน และการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะมีผลในสิ้นเดือน เม.ย.นี้ ทั้งยังจะมีโครงการสร้างหลักประกันระยะยาวให้แก่ประชาชน ในชื่อโครงการบำเหน็จชาวบ้าน ซึ่งเป็นลักษณะการประกันชีวิตผ่านระบบประกันสังคม และโครงการบำนาญประชาชน ซึ่งเป็นการอมเงินผ่านกองทุกการออมแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นการสร้างหลักประกันให้กับประชาชนที่ไม่มีประกันชีวิต 26 ล้านคนทั่วประเทศ

ด้าน นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ด้านเศรษฐกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังเกิดความสับสนในมาตรการการตรึงราคาน้ำมันดีเซลของรัฐบาล ซึ่งหลายฝ่ายยังกังวลถึงแหล่งที่มาของงบประมาณที่นำมาใช้ ตนขอชี้แจงว่า ในปีงบประมาณ 2554 มีการประมาณการรายได้เพิ่มขึ้น 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งรองรับมาตรการลดภาษีสรรพสามิตที่ใช้เงิน 4.4 หมื่นล้านบาท ทำให้ไม่กระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณของปี 2554 เพราะมีเม็ดเงินที่ได้มามากขึ้น โดยเหตุที่รัฐบาลเลือกมาตรการนี้แทนการให้กองทุนน้ำมันแห่งชาติกู้เงินนั้น ก็เพราะไม่ต้องการเพิ่มภาระหนี้สินให้กับประเทศ ส่วนที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาระบุว่า การอุ้มราคาน้ำมันดีเซล และก๊าซแอลพีจีครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อการประมาณการณ์เงินเฟ้อนั้น ตนเชื่อว่าหากมาตรการได้ผลจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลง โดยที่ไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งต้องรอดูในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินแห่งชาติ (กนง.) ครั้งต่อไป

“มาตรการนี้เป็นวิถีทางที่รัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่า ดีที่สุด โดยไม่ต้องมีการกู้เงินเพิ่มขึ้น เพราะในอดีตกองทุนน้ำมันเคยมีตัวเลขติดลบถึง 9 หมื่นล้านบาท ในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ จนต้องมีการปิดปั๊มน้ำมัน และไม่สามารถให้บริการกับประชาชนได้ ซึ่งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นอีก” นายอรรถวิชช์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น