นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" โดยยอมรับปัญหาเรื่องของแพง ยังมีการร้องเรียนมาอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าหลักๆ เช่น น้ำมันปาล์ม ที่รัฐบาลเข้าไปแก้ปัญหา จะมีการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยมีการนำน้ำมันปาล์มในสาขาพลังงานมาผลิต เพื่อเร่งรัดจัดจำหน่ายให้ทั่วประเทศ ขณะที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่ามา (28 ก.พ.) ตนได้ไปสำรวจตลาด พบว่าน้ำมันฝาสีชมพูยังไม่มีการนำออกจำหน่าย แต่บางห้างฯ สถานการณ์ได้คลี่คลายไปแล้ว ซึ่งได้กำหนดราคาจำหน่ายอยู่ที่ขวดละ 47 บาท โดยเชื่อว่าปลายสัปดาห์นี้ ฝาสีชมพูจะเริ่มออกจำหน่าย
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ขอร้องประชาชนอย่าซื้อสินค้ากักตุนไว้ เพราะจะทำให้ขาดตลาด ไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย ส่วนคนที่ขายเกินราคา ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ เรียกร้องให้ประชาชนแจ้งทางการว่าขณะนี้ย่านชุมชนใดยังคงมีปัญหา ส่วนปัญหาน้ำตาลราคาแพง ยืนยันไม่ได้ขาดแคลน แต่ยอมรับมีการลักลอบจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งตนได้สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์ ไปแก้ปัญหาแล้ว
ส่วนปัญหาน้ำมันภาคขนส่งนั้น รัฐบาลได้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท ถึงสิ้นเดือนเมษายน ส่วนเงินในกองทุนน้ำมัน ที่เหลือเพียง 7,000 ล้านบาทนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีการนำไปอุดหนุนในภาคก๊าซหุงต้มด้วย ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเรื่องหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุน ขณะที่สถานการณ์ในตะวันออกกลางก็ได้ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งได้ให้ทุกหน่วยงานบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยกระทรวงการคลังได้ไปวิเคราะห์ตัวเลข และจะรายงานให้ทราบในวันพรุ่งนี้
นอกจากนี้ นอกจากการช่วยเหลือประชาชนด้วยการตรึงราคาแล้ว รัฐบาลยังมีแนวคิดเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน โดยในวันพรุ่งนี้จะเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร การขึ้นเงินเดือนข้าราชการและภาคเอกชน รวมไปถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพื่อให้สอดคล้องกับราคาสินค้าที่แพงขึ้น
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ขอร้องประชาชนอย่าซื้อสินค้ากักตุนไว้ เพราะจะทำให้ขาดตลาด ไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย ส่วนคนที่ขายเกินราคา ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ เรียกร้องให้ประชาชนแจ้งทางการว่าขณะนี้ย่านชุมชนใดยังคงมีปัญหา ส่วนปัญหาน้ำตาลราคาแพง ยืนยันไม่ได้ขาดแคลน แต่ยอมรับมีการลักลอบจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งตนได้สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์ ไปแก้ปัญหาแล้ว
ส่วนปัญหาน้ำมันภาคขนส่งนั้น รัฐบาลได้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท ถึงสิ้นเดือนเมษายน ส่วนเงินในกองทุนน้ำมัน ที่เหลือเพียง 7,000 ล้านบาทนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีการนำไปอุดหนุนในภาคก๊าซหุงต้มด้วย ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเรื่องหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุน ขณะที่สถานการณ์ในตะวันออกกลางก็ได้ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งได้ให้ทุกหน่วยงานบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยกระทรวงการคลังได้ไปวิเคราะห์ตัวเลข และจะรายงานให้ทราบในวันพรุ่งนี้
นอกจากนี้ นอกจากการช่วยเหลือประชาชนด้วยการตรึงราคาแล้ว รัฐบาลยังมีแนวคิดเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน โดยในวันพรุ่งนี้จะเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร การขึ้นเงินเดือนข้าราชการและภาคเอกชน รวมไปถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพื่อให้สอดคล้องกับราคาสินค้าที่แพงขึ้น