xs
xsm
sm
md
lg

มาร์คแจงยิบตรึงราคาดีเซล อ้างของแพงเพราะน้ำมันขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (13 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ " ถึงปัญหาราคาสินค้าอุปโภค บริโภคแพงว่า เรื่องปัญหาของแพง ต้องยอมรับว่า มีแรงกดดันมาจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น และเป็นปัจจัยนำมาสู่ต้นทุนอื่นๆ รวมทั้งราคาของสินค้าการเกษตร อย่างเช่น ปาล์ม ซึ่งนำมาสู่ปัญหาการขาดแคลนด้วย ในส่วนของน้ำมันนั้น รัฐบาลได้ตั้งเป้าเอาไว้ชัดเจนว่า จะหามาตรการต่างๆ และกลไกในการที่จะดูแลไม่ให้น้ำมันดีเซลเพิ่มเกิน 30 บาท ตรงนี้เป้าหมายไม่ใช่อยู่ที่เฉพาะตัวน้ำมันดีเซล แต่เราทำสิ่งนี้เพราะว่า ถ้าหากว่าน้ำมันดีเซลเพิ่มเกิน 30 บาท ก็จะเป็นชนวนที่จะทำให้สินค้าอื่นๆ โดยเฉพาะบริการด้านการขนส่ง และนำไปสู่สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปนั้น อ้างในการที่จะขอขึ้นราคา ฉะนั้นสิ่งที่เราทำขณะนี้คือ ใช้กองทุนน้ำมันเข้าไปตรึงราคาตรงนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้บอกเอาไว้ว่า จะใช้เงินประมาณ 5,000 ล้านบาท แล้วก็ตรึงราคาได้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ปรากฏว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ตอนนั้น เงิน 5,000 ล้านบาท ก็จะหมดเอาช่วงประมาณวันนี้ ซึ่งก็ทำให้ต้องมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้ข้อยุติอย่างนี้ เราก็ยังยืนยันว่า เพื่อไม่ให้มีการอ้างเรื่องของราคาน้ำมัน ไปขึ้นราคาสินค้าต่างๆ รัฐบาลก็ยังจะคงใช้กองทุนน้ำมัน ในการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ ไม่ให้เกิน 30 บาทไปจนถึงสิ้นเดือนเม.ย. ซึ่งตรงนี้ก็จะทำให้ทางกระทรวงพาณิชย์สามารถที่จะบอกกับผู้ประกอบการต่างๆ ได้อย่างชัดเจนว่า ไม่สมควรจะอ้างในเรื่องของราคาน้ำมัน หรือการขนส่ง เพราะว่าจะไม่มีการปรับใดๆ เนื่องจากรัฐบาลดูแลตรงนี้ให้อย่างเต็มที่จนถึงสิ้นเดือนเม.ย.
นายกฯ กล่าวต่อว่า มีบางส่วนมีความวิตกกังวลว่า การที่รัฐบาลทำอย่างนี้ จะเป็นการเสียวินัย จะทำให้เกิดกระทบต่อฐานะในเรื่องของกองทุนน้ำมัน หรือไม่ ขออธิบายว่าวันที่ตนเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี กองทุนน้ำมันนั้นติดลบอยู่มากพอสมควร เป็นหลักหมื่นล้าน ตนได้ใช้สถานการณ์ในช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกค่อนข้างต่ำ สะสมเงินเข้ากองทุน จนกระทั่งฐานะของกองทุนในวันนี้ ก็อยู่ที่ประมาณ 20,000 กว่าล้านบาท เราคาดว่าการตรึงราคาไปจนถึงสิ้นเดือนเม.ย. จะทำให้เราต้องใช้เงินอีกประมาณ 10,000 กว่าล้านบาท เพราะฉะนั้นสถานะของกองทุนยังเป็นบวก คือเกินมาอยู่ถึง 10,000 ล้านบาท ถ้าหากว่าเราทำเช่นนี้ แต่ในมตินั้น ก็ได้มีประเด็นไว้นิดหนึ่งว่า ถ้าราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงมากๆ จนฐานะของกองทุนเหลือเพียง 10,000 ล้าน ก็จะมีการประชุม เพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้ง แต่ในชั้นนี้ก็มั่นใจว่าจะสามารถใช้เงินกองทุนตรงนี้ตรึงไปได้ถึงสิ้นเดือนเม.ย. โดยที่ไม่กระทบต่อฐานะของกองทุนน้ำมัน เพราะฉะนั้นสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ก็เหมาะสมแล้วที่จะต้องใช้กลไกตัวนี้
ทั้งนี้ ตัวกลไกของกองทุนที่จะใช้อยู่ถึงประมาณ 10,000 ล้าน เราจะมาประเมินได้อีกครั้งก็เพราะว่าโดยทั่วๆ ไปแล้วราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกนั้นผู้เชี่ยวชาญก็คิดว่าโดยปัจจัยพื้นฐาน อุปสงค์อุปทานนั้นราคาก็ควรจะอยู่ที่ประมาณ 80 - 90 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล แต่ว่าอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ เช่น สถานการณ์ในตะวันออกกลาง และเรื่องอื่น ๆ แต่ว่าเราก็ได้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ พร้อมๆ กันไป ก็จะมีการปรับในเรื่องของน้ำมันไบโอดีเซล ซึ่งเดิมใช้บี 3 อยู่ ขณะนี้ก็จะปรับลดลงมาเป็นบี 2 จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.
การปรับเช่นนี้จะได้ประโยชน์หลายอย่าง ข้อแรก คือ การที่จะต้องไปอุดหนุนเรื่องของไบโอดีเซล เมื่อเป็น บี 2 แทนที่จะเป็นบี 3 นั้นก็จะทำให้มีเงินเข้ามาสู่กองทุนน้ำมันเพิ่มขึ้นประมาณเดือนละ 600 ล้านบาท
ประการที่สอง การใช้ส่วนผสมของไบโอ ก็คือตัวน้ำมันปาล์มน้อยลง ก็จะทำให้มีน้ำมันปาล์ม ที่สามารถที่จะมาตอบสนองปัญหาการขาดแคลน ที่นำมาใช้ในเรื่องของน้ำมันพืชในเรื่องของอาหาร
ประการที่สาม เราจะใช้นโยบายในลักษณะที่ยืดหยุ่น คือ ยังคงสนับสนุนพลังงานทดแทน แต่ต้องคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับราคา และความดุลระหว่างพลังงาน กับอาหาร เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็นการประชุมของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เพื่อที่จะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท เพื่อที่จะช่วยไม่ให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคได้รับผลกระทบในเรื่องนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น