ASTVผู้จัดการรายวัน- พลังงานถกคลังสัปดาห์หน้าหาแนวทางอุ้มดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรอีกระลอก หลังวงเงินที่กันจากกองทุนน้ำมันฯ 5,000 ล้านบาทเหลือ 9 วันหมดหน้าตักแล้วเหตุกบง.ล่าสุดอุดหนุนเพิ่มอีกลิตรละ 40 สตางค์
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.) วานนี้(4ก.พ.) ว่า สัปดาห์หน้าจะหารือร่วมกับนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังเพื่อหาแนวทางร่วมกันถึงมาตรการดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรหลังจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กันวงเงินไว้ดูแลตรึงราคาดีเซล 5,000 ล้านบาทใกล้หมดลงแล้วเมื่อได้ข้อสรุปจึงจะนำไปหารือในคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานต่อไป
“ คงต้องไปหารือว่าคลังหากไม่ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะมีวิธีอื่นหรือไม่ ก็มีหลายแนวทางอยู่เช่นการขยายวงเงินกองทุนน้ำมันฯเพิ่มเติม หรือการขยายเพดานราคาดีเซลที่จะดูแลเป็นเกิน 30 บาทต่อลิตร ทุกอย่างเป็นไปได้หมดก็อยู่ที่ต้องหารือก่อน”น.พ.วรรณรัตน์กล่าว
ทั้งนี้การประชุมกบง.ได้มีมติเห็นชอบนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กันไว้ 5,000 ล้านบาทในการดูแลราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรมาอุดหนุนราคาไบโอดีเซลบี 3 และไบโอดีเซลบี 5เพิ่มอีกอย่างละ 40 สตางค์ต่อลิตรให้กับผู้ค้าน้ำมันเพื่อช่วยเหลือค่าการตลาดที่ตกต่ำเหลือเพียง 76 และ71 สตางค์ต่อลิตรตามลำดับหลังราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์เมื่อ 2 ก.พ.ขยับไปสูงถึง113.47 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลส่งผลให้เงินกองทุนน้ำมันฯเหลือ 1,564 ล้านบาทหรือใช้ได้อีก 9 วันหากราคาน้ำมันยืนอยู่ในระดับดังกล่าว
รมว.พลังงานกล่าวว่า กบง.อุดหนุนราคาเพิ่มครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการอุดหนุนบี 3 แล้วรวม 3 บาทต่อลิตร ขณะที่บี 5 รวม 3.55 บาทต่อลิตร ขณะที่ฐานะกองทุนน้ำมันฯเหลือประมาณ 23,338 ล้านบาท อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันคงจะต้องติดตามปัญหาอียิปต์เป็นสำคัญซึ่งหากคลี่คลายก็เชื่อว่าจะลดต่ำลง โดยยอมรับว่าวงเงินที่กันไว้ 5,000 ล้านบาทเดิมที่คิดว่าจะพอเนื่องจากคาดการณ์ว่าราคาดีเซลจะอยุ่ระดับ 95- 105 เหรียญฯต่อบาร์เรลแต่ล่าสุดขยับไป 113 เหรียญฯต่อบาร์เรลส่งผลให้วงเงินหมดเร็วกว่าที่คาดไว้
*** เชลล์เลิกขายบี5เปลี่ยนเป็นดีเซลก.พ.นี้
นางพิศวรรณ อัชนะพรกุล ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากปัญหาน้ำมันปาล์มขาดตลาดและราคาปรับตัวสูงขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และให้ความร่วมมือกับภาครัฐที่ร้องขอให้ผู้ค้าน้ำมันที่จำหน่ายดีเซล บี 5 หันมาจำหน่ายดีเซล(บี 3)แทน ดังนั้นเชลล์จึงตัดสินใจยกเลิกการจำหน่ายบี 5 โดยจะหันมาจำหน่ายดีเซลแทน ขณะนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนระบบภายในเพื่อให้ผลิตน้ำมันดีเซล คาดว่าจะเริ่มทยอยจำหน่ายดีเซลในปั๊มเชลล์ได้ภายในเดือนก.พ.นี้
ทั้งนี้เชลล์มีคลังน้ำมันอยู่ 14 คลังจำเป็นต้องมีการบริหารสต็อกน้ำมันบี 5ที่มีอยู่ในถังให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อใช้คำนวนการจัดเสียภาษีสรรพสามิตให้ถูกต้องก่อนที่จะทยอยจำหน่ายดีเซล(บี3)ลงสู่ปั๊มทั้ง 570 แห่งทั่วประเทศ คงต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าทุกปั๊มจะจำหน่ายบี 3ได้ครบ และเมื่อรัฐมีนโยบาย
นางพิศวรรณ กล่าวต่อไปว่าในช่วงที่มีการปรับเปลี่ยนจากบี 5 เป็นดีเซลนั้น ขอให้รัฐงดเบี้ยปรับเงินเพิ่ม เนื่องจากบี 5 ไม่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต แต่ถ้าเป็นดีเซล(บี3)จะต้องเสียภาษี ซึ่งบริษัทมีการสำรองน้ำมันพื้นฐานที่จะผลิตเป็นบี 5 ทำให้ไม่ได้มีการเสียภาษีในช่วงแรก แต่เมื่อยกเลิกผลิตบี 5 มาเป็นดีเซลก็จะต้องเสียภาษีตามปกติ
สำหรับในช่วงที่ราคาจำหน่ายน้ำมันดีเซลและบี 5 แคบลงเรื่อยๆจนล่าสุดราคาบี 5 เท่ากับหรือแพงกว่าบี 3 พบว่ายอดขายบี 5 ของเชลล์ไม่ได้ปรับลดลง เนื่องจากผู้บริโภคมีความเข้าใจดีว่าน้ำมันเชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล บี 5 มีความประหยัดเฉลี่ย 1 ลิตร/ถัง ซึ่งแต่ละปีเชลล์มียอดขายดีเซลประมาณ1.3 พันล้านลิตร
ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา เชลล์จำหน่ายน้ำมันดีเซลบี 5 เพียงชนิดเดียวในปั๊มเชลล์ทั้งหมด 570 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสนองนโยบายรัฐที่ต้องการผลักดันพลังงานทดแทน ขณะที่การจำหน่ายในภาคอุคสาหกรรมและพาณิชย์เชลล์มีการจำหน่ายดีเซล ควบคู่กับบี 5ด้วย แต่ในภาวะราคาน้ำมันปาล์มขาดแคลนและปรับตัวสูงขึ้น
บริษัทฯได้ร้องขอความชัดเจนกับภาครัฐในการผลักดันน้ำมันดีเซลเกรดเดียวที่เดิมจะบังคับใช้บี 5ในต้นปี54 แต่ได้เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากน้ำมัน 2เกรดยากต่อการปฏิบัติทั้งในด้านการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต การผสมสีในน้ำมัน และข้อจำกัดในถังน้ำมันใต้ดิน
นางพิศวรรณ กล่าวต่อไป การตรึงราคาน้ำมันทำให้ภาพอุปสงค์และอุปทานถูกเบี่ยงเบนไป ไม่ช่วยแก้ปัญหาระยะยาว ในความเห็นส่วนตัว อยากให้เป็นไปตามกลไกตลาดการค้าเสรี ซึ่งหากราคาน้ำมันแพง ส่วนท้ายผู้บริโภคจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้โดยลดการใช้ลงและใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกคงไม่เห็นระดับราคาน้ำมันดิบต่ำกว่า 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในช่วง 1-2 เดือนนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง สภาวะอากาศที่ยังหนาวเย็นอยู่และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้ราคาน้ำมันโลกยังสูงอยู่ หากรัฐยังคงอุ้มราคาดีเซลต่อไปไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตรก็ต้องใช้เงินภาษีประชาชนเข้ามาอุดหนุน ดังนั้นหากรัฐไม่ตรึงราคาดีเซลไว้ กลุ่มผู้บริโภคใดได้รับผลกระทบมากก็ให้เข้าดูแลเฉพาะเซ็กเตอร์นั้น
“หากรัฐไม่มีการอุดหนุนราคาดีเซลต่อ เชื่อว่าระดับราคาดีเซลจะอยู่ที่ลิตรละ 30.59 บาท (รวมเงินกองทุนที่ชดเชยก่อนหน้านี้แล้ว) “
** ปตท.ชี้สต็อกบี5เหลือน้อยมาก
นายสรัญ รังคสิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.ไม่ได้มีการผลิตบี 5 จากคลังน้ำมันป้อนให้กับลูกค้าในช่วง2-3 วันที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐไม่ได้สนับสนุนการใช้บี 5 อีกต่อไป โดยขอให้ผู้ค้าน้ำมันหันมาจำหน่ายดีเซล (บี3)แทน ซึ่งสต็อกบี 5 ของปตท.เหลือน้อยมาก คงเหลือแต่สต็อกในปั๊มเท่านั้น
เชื่อว่าภายในเร็วๆนี้ปั๊มปตท.จะสามารถจำหน่ายบี 3ได้ทั้งหมดกว่า 1 พันปั๊มทั่วประเทศ
ที่ผ่านมา ช่วงที่ราคาบี 5 ใกล้เคียงบี 3 ยอดการจำหน่ายบี 5 ลดลงมากจากเดิมเคยจำหน่ายได้เดือนละ 3 ล้านลิตร/วันเหลือเพียงไม่กี่แสนลิตร/วัน และค่าการตลาดน้ำมันบี 5ก็ต่ำมากเหลือเพียงแค่ 80 สตางค์/ลิตร ซึ่งต้องแบ่งค่าการตลาดให้ลูกค้า 70สตางค์/ลิตร ที่เหลือจึงเป็นค่าการตลาดที่ผู้ค้าน้ำมันได้รับซึ่งไม่คุ้มทุน
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.) วานนี้(4ก.พ.) ว่า สัปดาห์หน้าจะหารือร่วมกับนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังเพื่อหาแนวทางร่วมกันถึงมาตรการดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรหลังจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กันวงเงินไว้ดูแลตรึงราคาดีเซล 5,000 ล้านบาทใกล้หมดลงแล้วเมื่อได้ข้อสรุปจึงจะนำไปหารือในคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานต่อไป
“ คงต้องไปหารือว่าคลังหากไม่ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะมีวิธีอื่นหรือไม่ ก็มีหลายแนวทางอยู่เช่นการขยายวงเงินกองทุนน้ำมันฯเพิ่มเติม หรือการขยายเพดานราคาดีเซลที่จะดูแลเป็นเกิน 30 บาทต่อลิตร ทุกอย่างเป็นไปได้หมดก็อยู่ที่ต้องหารือก่อน”น.พ.วรรณรัตน์กล่าว
ทั้งนี้การประชุมกบง.ได้มีมติเห็นชอบนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กันไว้ 5,000 ล้านบาทในการดูแลราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรมาอุดหนุนราคาไบโอดีเซลบี 3 และไบโอดีเซลบี 5เพิ่มอีกอย่างละ 40 สตางค์ต่อลิตรให้กับผู้ค้าน้ำมันเพื่อช่วยเหลือค่าการตลาดที่ตกต่ำเหลือเพียง 76 และ71 สตางค์ต่อลิตรตามลำดับหลังราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์เมื่อ 2 ก.พ.ขยับไปสูงถึง113.47 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลส่งผลให้เงินกองทุนน้ำมันฯเหลือ 1,564 ล้านบาทหรือใช้ได้อีก 9 วันหากราคาน้ำมันยืนอยู่ในระดับดังกล่าว
รมว.พลังงานกล่าวว่า กบง.อุดหนุนราคาเพิ่มครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการอุดหนุนบี 3 แล้วรวม 3 บาทต่อลิตร ขณะที่บี 5 รวม 3.55 บาทต่อลิตร ขณะที่ฐานะกองทุนน้ำมันฯเหลือประมาณ 23,338 ล้านบาท อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันคงจะต้องติดตามปัญหาอียิปต์เป็นสำคัญซึ่งหากคลี่คลายก็เชื่อว่าจะลดต่ำลง โดยยอมรับว่าวงเงินที่กันไว้ 5,000 ล้านบาทเดิมที่คิดว่าจะพอเนื่องจากคาดการณ์ว่าราคาดีเซลจะอยุ่ระดับ 95- 105 เหรียญฯต่อบาร์เรลแต่ล่าสุดขยับไป 113 เหรียญฯต่อบาร์เรลส่งผลให้วงเงินหมดเร็วกว่าที่คาดไว้
*** เชลล์เลิกขายบี5เปลี่ยนเป็นดีเซลก.พ.นี้
นางพิศวรรณ อัชนะพรกุล ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากปัญหาน้ำมันปาล์มขาดตลาดและราคาปรับตัวสูงขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และให้ความร่วมมือกับภาครัฐที่ร้องขอให้ผู้ค้าน้ำมันที่จำหน่ายดีเซล บี 5 หันมาจำหน่ายดีเซล(บี 3)แทน ดังนั้นเชลล์จึงตัดสินใจยกเลิกการจำหน่ายบี 5 โดยจะหันมาจำหน่ายดีเซลแทน ขณะนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนระบบภายในเพื่อให้ผลิตน้ำมันดีเซล คาดว่าจะเริ่มทยอยจำหน่ายดีเซลในปั๊มเชลล์ได้ภายในเดือนก.พ.นี้
ทั้งนี้เชลล์มีคลังน้ำมันอยู่ 14 คลังจำเป็นต้องมีการบริหารสต็อกน้ำมันบี 5ที่มีอยู่ในถังให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อใช้คำนวนการจัดเสียภาษีสรรพสามิตให้ถูกต้องก่อนที่จะทยอยจำหน่ายดีเซล(บี3)ลงสู่ปั๊มทั้ง 570 แห่งทั่วประเทศ คงต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าทุกปั๊มจะจำหน่ายบี 3ได้ครบ และเมื่อรัฐมีนโยบาย
นางพิศวรรณ กล่าวต่อไปว่าในช่วงที่มีการปรับเปลี่ยนจากบี 5 เป็นดีเซลนั้น ขอให้รัฐงดเบี้ยปรับเงินเพิ่ม เนื่องจากบี 5 ไม่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต แต่ถ้าเป็นดีเซล(บี3)จะต้องเสียภาษี ซึ่งบริษัทมีการสำรองน้ำมันพื้นฐานที่จะผลิตเป็นบี 5 ทำให้ไม่ได้มีการเสียภาษีในช่วงแรก แต่เมื่อยกเลิกผลิตบี 5 มาเป็นดีเซลก็จะต้องเสียภาษีตามปกติ
สำหรับในช่วงที่ราคาจำหน่ายน้ำมันดีเซลและบี 5 แคบลงเรื่อยๆจนล่าสุดราคาบี 5 เท่ากับหรือแพงกว่าบี 3 พบว่ายอดขายบี 5 ของเชลล์ไม่ได้ปรับลดลง เนื่องจากผู้บริโภคมีความเข้าใจดีว่าน้ำมันเชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล บี 5 มีความประหยัดเฉลี่ย 1 ลิตร/ถัง ซึ่งแต่ละปีเชลล์มียอดขายดีเซลประมาณ1.3 พันล้านลิตร
ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา เชลล์จำหน่ายน้ำมันดีเซลบี 5 เพียงชนิดเดียวในปั๊มเชลล์ทั้งหมด 570 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสนองนโยบายรัฐที่ต้องการผลักดันพลังงานทดแทน ขณะที่การจำหน่ายในภาคอุคสาหกรรมและพาณิชย์เชลล์มีการจำหน่ายดีเซล ควบคู่กับบี 5ด้วย แต่ในภาวะราคาน้ำมันปาล์มขาดแคลนและปรับตัวสูงขึ้น
บริษัทฯได้ร้องขอความชัดเจนกับภาครัฐในการผลักดันน้ำมันดีเซลเกรดเดียวที่เดิมจะบังคับใช้บี 5ในต้นปี54 แต่ได้เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากน้ำมัน 2เกรดยากต่อการปฏิบัติทั้งในด้านการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต การผสมสีในน้ำมัน และข้อจำกัดในถังน้ำมันใต้ดิน
นางพิศวรรณ กล่าวต่อไป การตรึงราคาน้ำมันทำให้ภาพอุปสงค์และอุปทานถูกเบี่ยงเบนไป ไม่ช่วยแก้ปัญหาระยะยาว ในความเห็นส่วนตัว อยากให้เป็นไปตามกลไกตลาดการค้าเสรี ซึ่งหากราคาน้ำมันแพง ส่วนท้ายผู้บริโภคจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้โดยลดการใช้ลงและใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกคงไม่เห็นระดับราคาน้ำมันดิบต่ำกว่า 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในช่วง 1-2 เดือนนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง สภาวะอากาศที่ยังหนาวเย็นอยู่และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้ราคาน้ำมันโลกยังสูงอยู่ หากรัฐยังคงอุ้มราคาดีเซลต่อไปไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตรก็ต้องใช้เงินภาษีประชาชนเข้ามาอุดหนุน ดังนั้นหากรัฐไม่ตรึงราคาดีเซลไว้ กลุ่มผู้บริโภคใดได้รับผลกระทบมากก็ให้เข้าดูแลเฉพาะเซ็กเตอร์นั้น
“หากรัฐไม่มีการอุดหนุนราคาดีเซลต่อ เชื่อว่าระดับราคาดีเซลจะอยู่ที่ลิตรละ 30.59 บาท (รวมเงินกองทุนที่ชดเชยก่อนหน้านี้แล้ว) “
** ปตท.ชี้สต็อกบี5เหลือน้อยมาก
นายสรัญ รังคสิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.ไม่ได้มีการผลิตบี 5 จากคลังน้ำมันป้อนให้กับลูกค้าในช่วง2-3 วันที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐไม่ได้สนับสนุนการใช้บี 5 อีกต่อไป โดยขอให้ผู้ค้าน้ำมันหันมาจำหน่ายดีเซล (บี3)แทน ซึ่งสต็อกบี 5 ของปตท.เหลือน้อยมาก คงเหลือแต่สต็อกในปั๊มเท่านั้น
เชื่อว่าภายในเร็วๆนี้ปั๊มปตท.จะสามารถจำหน่ายบี 3ได้ทั้งหมดกว่า 1 พันปั๊มทั่วประเทศ
ที่ผ่านมา ช่วงที่ราคาบี 5 ใกล้เคียงบี 3 ยอดการจำหน่ายบี 5 ลดลงมากจากเดิมเคยจำหน่ายได้เดือนละ 3 ล้านลิตร/วันเหลือเพียงไม่กี่แสนลิตร/วัน และค่าการตลาดน้ำมันบี 5ก็ต่ำมากเหลือเพียงแค่ 80 สตางค์/ลิตร ซึ่งต้องแบ่งค่าการตลาดให้ลูกค้า 70สตางค์/ลิตร ที่เหลือจึงเป็นค่าการตลาดที่ผู้ค้าน้ำมันได้รับซึ่งไม่คุ้มทุน
