xs
xsm
sm
md
lg

ดุลอำนาจขั้วที่ 3 พรรคกลาง-เล็ก “สุวัจน์-เนวิน” ชิงความได้เปรียบ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง

การเลือกตั้งครั้งใหม่หลังที่นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะยุบสภาต้นเดือนพฤษภาคมนี้ เห็นได้ชัดว่า เป็นการตัดสินอนาคตของประเทศครั้งสำคัญ แม้จะรู้ว่ายากจะเปลี่ยนแปลงหรือพลิกโฉมหน้าการเมืองไทยจากสภาพปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรงได้ด้วยผลเลือกตั้ง

แต่ทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งและตัวเลข ส.ส.ที่แต่ละพรรคการเมืองได้จะเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางการเมืองไทยหลังเลือกตั้งได้เป็นอย่างดี

เมื่อพิเคราะห์การเลือกตั้งรอบนี้เห็นได้ชัดว่า ความพยายามสร้างอำนาจต่อรองเป็นขั้วที่ 3 ของพรรคขนาดกลางและเล็ก คึกคักและน่าสนใจยิ่ง

ด้วยเหตุแกนนำพรรคเหล่านี้อ่านการเมืองไว้ล่วงหน้าแบบตรงกับคนส่วนใหญ่เช่นกัน คือ ขั้วที่ 1 ประชาธิปัตย์ และขั้วที่ 2 คือเพื่อไทย จะไม่มีขั้วไหนได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งหลังเลือกตั้ง และจะต้องเป็นรัฐบาลผสม ที่จะประกอบด้วยหลายพรรคการเมือง

ดังนั้น เพื่อให้อำนาจการต่อรองมีมากที่สุด ทางที่ดีที่สุดก็คือ ต้องรีบประกาศการจับมือกันเพื่อตั้ง “ขั้วที่ 3” เอาไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อว่าหลังเลือกตั้ง การเปิดโต๊ะเจรจาฟอร์มรัฐบาล-แบ่งเค้กเก้าอี้รัฐมนตรี ใครคุยกันก่อนก็ได้เปรียบ ใครมาทีหลังก็เสียเปรียบ

โดยกลุ่มขั้วที่ 3 ที่แบ่งเป็นสองซีก คือ ปีกของบรรหาร ศิลปอาชา จากชาติไทยพัฒนากับ เนวิน ชิดชอบ จากภูมิใจไทย กับปีกของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ จากรวมชาติพัฒนากับกลุ่ม 3 พี เพื่อแผ่นดินที่จะยุบพรรครวมกันเป็น ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน

เห็นได้ว่าทั้งสองปีก ต่างก็มีการชิงความได้เปรียบและพยายามสร้างฐานตัวเองไว้ให้แข็งแกร่งที่สุด เพื่อให้ปีกของตัวเองแข็งแกร่งกว่าอีกปีกหนึ่ง

เนวิน ก็พยายามดูด 5 ส.ส.กิจสังคมเข้าพรรค เพราะเชื่อว่าอย่างน้อย 5 คนน่าจะกลับมาได้สัก 2-3 คน มันก็คุ้ม ส่วนบรรหาร ศิลปอาชา ก็ใช้กำลังภายในอย่างหนักผ่าน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ ให้ดึง ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง มาอยู่กับชาติไทยพัฒนา

เพราะนอกจากจะได้ “ถุงเงิน” อย่างประดิษฐ์มาร่วมพรรคที่ทำให้ชาติไทยพัฒนามีถุงเงินมาช่วยบรรหารในการจ่ายแล้ว การได้ตัวประดิษฐ์ที่ตอนนี้รั้งตำแหน่งเลขาธิการพรรครวมชาติพัฒนาและจ่อจะไปเป็นเลขาธิการชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ยังเป็นการไปตัดกำลังปีกชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินอีกด้วย

หากสำเร็จก็ได้สองต่อ “เติ้ง 5 สั้น” คิดลึกเก๋าเกมจริงๆ

ส่วนปีก สุวัจน์-พินิจ จารุสมบัติ ช่วงนี้หลังประกาศรวมพรรคแล้ว ก็พยายามสร้างสีสันดึงพวกคนดังวงการต่างๆ มาร่วมวง ไม่ว่าจะเป็น สุนารี ราชสีมา สุดยอดนักร้องลูกทุ่งเมืองย่าโม ที่จะลง ส.ส.เขต รายนี้ถือเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวของเพื่อไทย-ภูมิใจไทยอย่างแท้จริง เพราะสุนารีก็คือสัญลักษณ์ของโคราช ทำให้โอกาสจะชนะเลือกตั้งสูงไม่ใช่เล่น

ล่าสุด สุวัจน์พยายามสร้างสีสันใหม่ๆ ให้กับพรรคและวงการการเมืองด้วยการดึงภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตนักเทนนิสชื่อดังมืออันดับ 9 ของโลก ที่สนิทกันอยู่แล้วเพราะสุวัจน์เป็นนายกสมาคมลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยมาเข้ารวมชาติพัฒนา พ่วงด้วย “น้องวิว” น.ส.เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักเทควันโดเหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ 2004 เข้าสู่ถนนการเมือง

อย่างไรก็ตาม “ทีมข่าว ASTV ผู้จัดการ” ประเมินแล้ว ตอนนี้ยังต้องให้ปีกชาติไทยพัฒนา-ภูมิใจไทย เป็นต่อปีกสุวัจน์-เพื่อแผ่นดินอยู่หลายขุม

เหตุเพราะปีกนี้ กุมอำนาจรัฐไว้เพียบ สะสมขุมกำลัง-สร้างเครือข่ายในกลไกรัฐและภาคธุรกิจต่างๆ ไว้อย่างมากในช่วงสามปีกว่าที่ผ่านมาเพราะทั้งชาติไทยพัฒนาและภูมิใจไทย ก็คือชาติไทยและพลังประชาชนในอดีต ที่เป็นรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 51 คุมทั้งคมนาคม-มหาดไทย-พาณิชย์-เกษตรและสหกรณ์-การท่องเที่ยว แถมแกนนำอย่างบรรหาร-เนวิน -สมศักดิ์ เทพสุทิน-สุชาติ ตันเจริญ-สนธยา คุณปลื้ม-สรอรรถ กลิ่นประทุม ล้วนเก๋าส์การเมือง ชำนาญสนามเลือกตั้งในพื้นที่ตัวเอง

ตัวเลข ส.ส.สองพรรคนี้รวมกันแล้วจะแตะไปที่เกิน 70 ที่นั่งจึงไม่น่าจะผิดไปจากความจริง และทำให้ปีกนี้จะขยับไปซีกไหน จะเพื่อไทยหรือประชาธิปัตย์ ซีกนั้นก็มีโอกาสเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้ทันที

ส่วนปีก รวมชาติพัฒนา-เพื่อแผ่นดิน ถือว่าเป็นรองอยู่มาก เพราะหากไม่นับประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ก็ถือว่าปีกนี้มีแค่ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงานคนเดียว ซึ่งมีหม้อข้าวหลักคือ ปตท.ซึ่งก็ทำอะไรมากไม่ได้เพราะเป็นบริษัทมหาชน จะให้มาเอื้อประโยชน์การเมืองช่วงเลือกตั้งก็ทำไม่ได้

ส่วนซีกเพื่อแผ่นดินของกลุ่มพินิจก็คือฝ่ายค้าน เพราะ ไชยยศ จิรเมธากร รมช.ศึกษาธิการ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรจะไปภูมิใจไทยหรืออยู่เพื่อแผ่นดินต่อ ส่วนนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศึกษาธิการ ก็ชัดอยู่แล้วว่าคือรัฐมนตรีโควตาภูมิใจไทย

แต่ด้วยความที่สุวัจน์จับมือกับพวก 3 พีเร็วตอนนี้ และเห็นได้ชัดว่ามีโอกาสสูงที่จะเข้าร่วมรัฐบาลได้ทั้งซีกเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ ก็อาจทำให้กลุ่มทุน-นักธุรกิจ อาจแทงหวยไปที่ขั้วนี้ด้วย เพราะเห็นชัดๆ ว่ามีโอกาสได้เป็นรัฐบาลเช่นกัน ผสมกับกลุ่มเพื่อแผ่นดินเอง ก็สร้างเครือข่ายเอาไว้ไม่ใช่น้อย

เช่นกลุ่มภาคอุตสาหกรรม ตั้งแต่ยุคพินิจคุมอุตสาหกรรมสมัยรัฐบาลไทยรักไทย จนส่งให้ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคคนปัจจุบันมารับช่วงต่อเกือบสองปีตอนเป็น รมว.อุตสาหกรรมในรัฐบาลชุดนี้ ที่จะได้ยินข่าวชาญชัยเก่งนักในเรื่องการทำโรดโชว์พานักธุรกิจอุตสาหกรรมไปต่างประเทศ จนถูกสื่อมวลชนเขียนแซวว่าอยู่ต่างประเทศมากกว่าอยู่กระทรวงอุตสาหกรรม ดังนั้น หากกลุ่มพินิจ-ชาญชัย จะนำพรรคลงเลือกตั้ง เชื่อว่าคงมีกองหนุนมาช่วยคับคั่ง

ถึงเวลา หากทั้งสุวัจน์-พินิจ-ไพโรจน์ พาลูกพรรคลงเลือกตั้งจริง ก็คงมีทุนในหน้าตักไม่ใช่น้อย แม้จะไม่มากเท่าภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนาก็ตาม

อย่างไรก็ตาม “ทีมข่าวการเมืองฯ” มองว่า แม้สองปีกนี้จะทำทีเป็นแข่งขันกัน ไม่ถูกกัน แต่เชื่อเถอะ เป็นไปได้แน่นอน ที่ทั้งสองปีก ก็พร้อมจะจับมือร่วมกัน คืออาจไม่ได้แค่ รอเทียบเชิญร่วมรัฐบาลจากประชาธิปัตย์หรือเพื่อไทยแค่นั้น

เพราะหากหลังเลือกตั้งขั้วที่ 3 นี้มีตัวเลข ส.ส.หลังเลือกตั้ง รวมกันแล้วเกิน 100 ที่นั่ง ซึ่งก็เป็นไปได้อยู่แล้วเพราะตอนนี้เอาตัวเลข ส.ส.สี่พรรคภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนา-เพื่อแผ่นดิน-รวมชาติพัฒนา มารวมกันก็เกินแล้ว ก็ถือว่าเป็นพรรคขนาดใหญ่พรรคหนึ่งเลยทีเดียว แล้วใยต้องเล่นบทแค่ตัวหนุนทั้งที่เป็นตัวหลักก็ยังได้

ด้วยการขอดูเงื่อนไขของเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ก่อนว่า จะไปอยู่กับเพื่อไทยหรือประชาธิปัตย์ดี โดยไม่จำเป็นต้องยึดหลักพรรคการเมืองไหนได้ส.ส.มากเป็นอันดับหนึ่งต้องได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล!

เมื่อนั้นอาจได้เห็นการที่กลุ่มขั้วที่ 3 เรียกแกนนำสองพรรคคือเพื่อไทย และประชาธิปัตย์มาเจรจาโดยดูว่า เพื่อไทยจะเอาใครเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วจะเอากระทรวงไหนไปบ้าง หรือประชาธิปัตย์จะให้รัฐมนตรีกระทรวงไหนบ้างกับพวกขั้วที่ 3 นี้

จากนั้นก็มาดูว่า เพื่อไทย หรือประชาธิปัตย์ ใครให้ผลประโยชน์ได้ดีกว่ากัน ก็สวิงไปกับขั้วนั้น แต่จะถึงขั้นเอาคนของขั้วตัวเองอย่าง พล.ต.สนั่น ขจรประศาตร์ มาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยข้ออ้างเพื่อความปรองดองนั้น ดูแล้ว แม้จะทำได้ แต่โอกาสเกิดขึ้นยาก

อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่หากเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง แล้วมาคุยกับขั้วที่ 3 แต่ผลการพูดคุยเพื่อไทยให้ประโยชน์สู้ประชาธิปัตย์ไม่ได้ ขั้วนี้ก็จะอ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อทำลายความชอบธรรมของเพื่อไทยเช่น เนื่องจากดูแล้ว คนที่เพื่อไทยเสนอเป็นนายกรัฐมนตรียังไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนและหากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลอาจเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาเช่นจะพยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับทักษิณ ชินวัตรรวมถึงแก้รัฐธรรมนูญ และมองว่าอาจเกิดปัญหาความวุ่นวายตามมา หากเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล จึงปฏิเสธที่จะจับมือกับเพื่อไทยตั้งรัฐบาล

แต่จริงๆ แล้วก็คือ เพราะประชาธิปัตย์ให้ผลประโยชน์ที่ดีกว่าเพื่อไทยและทักษิณ ก็เท่านั้นเอง ของกล้วยๆ แบบนี้ พวกนักการเมืองเขาทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว

เพราะกลุ่มขั้วที่ 3 รู้ดีหลังเลือกตั้งไม่มีทางอยู่แล้วที่เพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลกับประชาธิปัตย์ และตัวเลขกลุ่มขั้วที่ 3 มี ส.ส.รวมกันเกิน 100 คน อำนาจการต่อรองก็สูงยิ่ง แล้วเหตุใดจะไม่กุมความได้เปรียบจนถึงที่สุด

แต่เมื่อการเมืองเป็นเรื่องไม่แน่นอน ทฤษฎีที่ยกมาข้างต้นก็อาจแปรเปลี่ยนได้ หากว่ามีใครในเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ ใช้แผนสลายกำลังของกลุ่มขั้วที่ 3 ให้แตกคอกันเองเสียก่อน

ด้วยแผนการเสนอเค้กที่ใหญ่ที่สุด-ดีที่สุดเพียงก้อนเดียว ใครมาช้า ใครเรื่องมาก ใครต่อรองมาก ก็อย่าหวัง แค่นี้ขั้วที่ 3 ก็แตกดังโพละแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น