xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” แฉรัฐบาล “3 ขี้” ทำเสียเปรียบเขมร - จวก “มาร์ค” แหลอ้างไทยไม่เป็นรอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ”เผยอดีตทูตจีนงงไทยไม่จัดการเขมรเบ็ดเสร็จ เผยถ้าเป็นจีนเรียบร้อยไปนานแล้ว เหตุเขมรต้องพึ่งไทยทุกเรื่อง กองทัพก็ด้อยกว่า แต่ฝ่ายเรามีแต่ “3 ขี้” ขี้โม้-ขี้ขลาด-ขี้โกง ขณะเขมรพูดเป็นเสียงเดียวกัน เรียกไทยว่าโจรสยาม อ้างแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ยิงเราตลอด จวก “มาร์ค”ตอแหล อ้างไทยไม่ตกเป็นรองเขมร แต่ต้องอพยพชาวบ้านนับหมื่น

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายสนธิ ลิ้มทองกุล"  

เมื่อเวลา 21.15 น.วันที่ 27 เม.ย.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า เมื่อวานนี้ มีอดีตทูตจีนที่เคยประจำประเทศไทยมาพบ และได้พูดถึงกรณีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เขาไม่เข้าใจประเทศไทย ถ้าเป็นจีนคงเรียบร้อยโรงเรียนปักกิ่งไปนานแล้ว เพราะพื้นที่ชายแดนกัมพูชาต้องพึ่งพาไทยทุกเรื่อง ทั้งน้ำ สินค้าอุปโภคบริโภค น้ำมัน แล้วยังมีคนไทยไปตั้งบ่อนตามแนวชายแดนส่งค่าต๋งให้นายฮุนเซนเดือนละ 40-50 ล้านบาทอีก

เขาบอกว่า กองทัพภาคที่ 2 กองกำลังสุรนารี กองกำลังบูรพาสามารถเคลื่อนทัพไปชายแดนกัมพูชาได้ง่ายมาก นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีกองทัพอากาศ ขณะที่กัมพูชาไม่มี ประเทศไทยมีกองทัพเรือ แต่กัมพูชามีแค่เรือตรวจการยามฝั่ง กองทัพเราเหนือกัมพูชาทุกอย่างแม้ว่าการซื้ออาวุธจะมีการโกง ตอนสงครามลิเบีย คนจีนที่อยู่ในนั้น 30,000 คน รัฐบาลจีนสั่งให้เอาเครื่องบินที่มีอยู่ เรือสินค้า เรือรบ เดินทางไปลิเบียทันทีแล้วสามารถขนคนจีนกลับมาได้ทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่คนเดียว แต่ประเทศไทย คนไทยต้องหนีภัยเขมรที่ยิงปืนเข้ามา หนีจากบ้านช่องของตัวเองเป็นหมื่นๆ คน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ทำอะไรเลย นอกจากเพิ่งไปเยี่ยม แล้วไปฟังคำพูดว่า คนไทยอยากกลับบ้าน เพราะคิดถึงบ้าน ต่างกันลิบลับกับรัฐบาลจีนที่รักบ้านรักเมือง ทิเบตจะแยกตัว คนจีนไม่ยอม อินเดียข้ามแดนเข้ามา จีนส่งทหารข้ามภูเขาไปรบตายเป็นพันคนเพื่อปกป้องแค่หินผาเอาไว้ ไม่เห็นเขาบอกว่าเป็นแค่หินผาไปรบกันทำไม เหมือนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ บอกว่า ที่ดินเท่าแมวดิ้นตาย ไปสู้กันทำไม มาเอาผลประโยชน์ทางทะเลกันดีกว่า

นายสนธิ กล่าวต่อว่า อดีตทูตจีนคนนั้นบอกอีกว่า เราไม่จำเป็นต้องเก่งทางยุทธวิธีหรอก ถ้าจะเอาชนะกัมพูชาก็แค่ 1.ปิดพรมแดน กัมพูชาก็ไม่รู้จะเอาของที่ไหนกิน 2.อย่าส่งน้ำมันให้ ปล่อยให้มันต้องไปขนมาจากที่ไกลๆ แต่เราคงทำไม่ได้หรอก เพราะนายพลกุนเชียงค้าน้ำมันกับเขาอยู่ 3.เขมรส่งทหารขึ้นมาได้ 2 ทางคือ ทางกระเช้าและถนนที่เขาตัดขึ้นมา เรามีเครื่องบินเอฟ 16 อยู่ เราก็เอาเอฟ 16 ยิงกระเช้าเลย ส่วนถนน เราก็ยิงกล่มเป็นตอนๆ ไม่ให้สร้างขึ้นมาได้ ให้ชะงักอยู่ตรงนั้น

ยกตัวอย่างหมู่เกาะสแปรตลี่ย์ ที่ทะเลาะกันกับเวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน จีนไม่สนใจ เขาส่งทหารไปยึดก่อนแล้วค่อยมาเจรจาทีหลัง หลักการก็คือ เราต้องได้เปรียบก่อนที่จะขึ้นโต๊ะเจรจา และเราไม่ได้โกงใคร เราแค่ขอดินแดนของเราคืน พอได้คืนแล้ว เราจะรุกเข้าไปอีก 100 กิโลเมตร ก็ไม่เสียหาย พอเจรจาค่อยถอยคืนให้ก็ได้ เพราะเราจะไม่เจรจาบนเงื่อนไขที่เสียเปรียบเป็นอันขาด แต่เขมรมันเกเร มันใช้แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน เข้ามาในพื้นที่ของเรา อ้างว่าเป็นพื้นที่ของมันแล้วไล่เราออกไป เหมือนคนเดินเข้ามาในบ้านของเราแล้วด่าพ่อล้อแม่เราแล้วบอกให้เราออกไป เราเจ้าของบ้านก็สวมหัวใจอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกว่า อย่าๆ ให้สันติๆ

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ฝ่ายกัมพูชานั้น พูดเป็นภาษาเดียวกันหมด มันพูดเหมือนกันหมดว่า เรารุกดินแดนมัน แล้วเรียกเราว่าโจรสยาม มันไม่เคยบอกว่าจะเจรจาก่อน มีแต่บอกว่าจะชกกับมึง จะสู้กับมึง ขณะที่ฝ่ายไทยมีแต่ “ขี้” ข้อแรกคือ ขี้โม้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ บอกว่าจะไม่ยอมให้กัมพูชารุกล้ำอธิปไตย แต่ก็ได้แต่กราบบอกฮุนเซนให้เข้าใจ ผู้นำเหล่าทัพของเราก็พูดตลอดว่า กำลังอาวุธเราดีกว่า ศักยภาพกองทัพเราสูงกว่า มีศักยภาพที่จะดูแลพื้นที่ไม่ให้ใครมารุกรานได้ พูดเสร็จก็ไม่ทำอะไร ส่วนนายอภิสิทธิ์ก็บอกว่าเราไม่เคยตกเป็นรองเขมรทั้งในสนามรบและเวทีระหว่างประเทศ แล้วไปถามประชาชนที่หนีตาย 5-6 หมื่นคนหรือไม่ ชาวบ้านที่อยากกลับบ้านสามารถกลับได้หรือไม่ ส่วนในเวทีระหว่างประเทศ เขมรก็ถ่มน้ำลายใส่เรา ตบหน้าเราจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว

สรุปแล้วนายอภิสิทธิ์ก็เก่งแต่ปาก เก่งแต่ใช้ลิ้น อ้างว่ารัฐบาลขัดขวางไม่ให้กัมพูชาเอาเรื่องเข้าสู่ ยูเอ็น.ได้ ทั้งที่เรื่องนี้เป็นผลงานการคัดค้านของพันธมิตรฯ ที่ไม่ให้ทหารต่างชาติเข้ามา นายอภิสิทธิ์ยังอ้างว่า เราสามารถทำให้กัมพูชาไม่ประสบความสำเร็จในการเข้ามาพื้นที่ปราสาท ที่เกิดการปะทะกันเพราะเราครอบครองอยู่ เป็นการพูดที่ตอแหล เพราะตอนนี้ไม่มีทหารไทยอยู่เลย

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ขี้ที่ 2 คือ ขี้ขลาด พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เคยให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าเกิดสงครามไทยจะชนะ และบอกให้ พล.อ.เจีย ดารา ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ของเขมร ระวังคำพูด แต่พอ พล.อ.เจีย ดาราตอบโต้ สื่อเขมรก็บอกว่า หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง พล.ท.วีร์วลิต ต้องโทรศัพท์ไปขอโทษ พล.อ.เจีย ดารา

ตามมาด้วยขี้ที่ 3 คือ ขี้โกง เพราะผลประโยชน์ทับซ้อน โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พอกลับจากเขมรก็บอกว่า มีการพูดคุยกันเรื่องการพัฒนาเขตทับซ้อนทางทะเล เพื่อขุดเจาะก๊าซ สร้างเขื่อนสตรึงนัม เอาไฟฟ้ามาใช้ เรื่องการพัฒนาเขตทับซ้อนที่คุยกันมาแล้วต้องเกิดขึ้นอีก อย่ามารบกัน ส่วน พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ก็บอกว่า เราต้องเอาปราสาทที่มีอยู่ตามแนวชายแดนมาขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกันเพื่อทำการท่องเที่ยวร่วมกัน สรุปแล้ว ฝ่ายเรา คนหนึ่งพูดเพราะขี้ขลาด อีกคนพูดเพราะขี้โกง และอีกคนพูดเพราะขี้โม้ แต่ฝ่ายเขมรพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า เราเป็นโจรสยาม และมันจะยิงเราท่าเดียว

กำลังโหลดความคิดเห็น