xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” เศร้า! บ้านเมืองอาเพศมีนายกฯ เป็นโรคหลงตัวเอง - ผู้นำเหล่าทัพไม่รู้หน้าที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประพันธ์” ชี้เป็นเรื่องน่าเศร้าประเทศไทยวิปริตอาเพศ มีนายกฯ เป็นโรคหลงตัวเอง ผู้นำเหล่าทัพก็ไม่รู้หน้าที่  ถึงไม่อาทรร้อนใจต่อเหตุการณ์ไทยถูกรุกราน ต่างก็ไม่ยอมทำหน้าที่โยนกันไปมา พร้อมย้ำ 3 ข้อเรียกร้องพันธมิตรฯ ถูกต้องที่สุด จนถึงวันนี้พิสูจน์ชัดแล้วว่ามีเหตุผล เชื่อหากไม่มีการชุมนุมรัฐบาลยกแผ่นดินให้กัมพูชาไปแล้ว

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”  

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.วันนี้ (26 เม.ย.) นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร ปราศรัยบนเวที “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า วันนี้พิสูจน์เห็นแล้วข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ 3 ข้อ เป็นสิ่งที่ถูกต้องหาข้อโต้แย้งไม่ได้เลย

1.ข้อเรียกร้องให้ยกเลิกเอ็มโอยู 43 เนื่องจากทำไทยเสียเปรียบเรื่องดินแดนมาตลอด แม้กระทั่งเหตุการณ์ปะทะกันที่ชายแดน ฝ่ายกัมพูชาก็ละเมิดเอ็มโอยู 43  เมื่อเกิดเหตุปะทะกันตอนกุมภาพันธ์ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ กับแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร ได้เดินทางไปเจรจากับ พล.ท.ฮุน มาเนต รอง ผบ.ทบ.กัมพูชา (ลูกชายฮุนเซน) และมีบันทึกตกลงหยุดยิงเป็นการถาวร บอกว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่เสริมกำลัง หากมีเหตุจะใช้การเจรจาแทน แล้วเห็นหรือยังไม่ว่าจะมีเอ็มโอยู หรือสัญญาอะไรก็ตาม แต่กัมพูชาก็ไม่เคยเคารพปฏิบัติตามแม้แต่ข้อเดียว แต่มันแปลกทำไมรัฐบาลไทย จึงยังคงกอดเอ็มโอยู  ไม่เอาเหตุผลนี้มาเป็นข้ออ้างในการยกเลิกเอ็มโอยูเสีย

เมื่อรู้ว่ามีโอกาส มีเหตุผลโดยชอบในการบอกยกเลิกแล้วแต่ก็ยังดื้อด้าน ไม่เข้าใจ ที่สำคัญถึงวันนี้ นายชวน หลีกภัย ก็ยังไม่อ้าปากพูดถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่คำเดียว ปล่อยให้นายอภิสิทธิ์กอดเอ็มโอยู ไม่คำนึงว่าชาติเสียหายอย่างไร

แล้ววันนี้เหตุผลที่เราเรียกร้อง ถูกต้องทุกประการเลย มีเอ็มโอยูไม่ได้ทำให้ 2 ประเทศมีสันติปรองดองกัน กัมพูชากลับเอาเอ็มโอยู 43 เป็นเครื่องมือในการรุกรานไทย โดยเอาแผนที่ 1 ต่อ 200,000 มาเป็นข้ออ้างทั้งสิ้น แม้กระทั่งล่าสุดก็บอกว่าตาเมือนธม ตาเมือนควาย เป็นของกัมพูชาตามแผนที่ 1 ต่อ 200,000 แต่รัฐบาลก็ยังนิ่งเงียบ ไม่ยืนยันว่าเป็นของไทย  ไม่เคยประท้วง หรือคัดค้านไปยังสหประชาชาติ หรือนานาชาติเลย

2.การเอาปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนมรดกโลกต้องคัดค้านถึงที่สุด ซึ่งการปะทะกันนี้สามารถใช้เป็นเหตุผลได้ว่าไม่เข้าเงื่อนไขขององค์การมรดกโลกในการขึ้นทะเบียน  และการบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบก็ยังทำไม่ได้  ซึ่งมันต้องทำการคัดค้านตั้งแต่บัดนี้ไปยังยูเนสโกแต่รัฐบาลก็ยังไม่ทำ

3.ยิ่งชัดเจนเข้าไปอีก คือทำไมกองทัพไทย และรัฐบาลไทย จึงจำเป็นต้องขับไล่กัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย เพราะเห็นแล้วว่าเขมรเข้ามายึดครองแผ่นดินไทยอย่างไม่มีข้อสงสัยแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณปราสาทพระวิหารตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2554 จนถึงปัจจุบัน หลังเกิดเหตุปะทะ ทหารไทยไม่มีแม้แต่คนเดียว มีแต่ทหารกัมพูชาปักหลักอยู่ทั้งในปราสาทและบริเวณโดยรอบ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าถ้าผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียจะเข้ามา ทหารกัมพูชาต้องถอนกำลังออกไปจากพื้นที่ปราสาทพระวิหารก่อน นั่นก็แสดงว่าพล.อ.ประยุทธ์รู้ว่าทหารกัมพูชายึดครองบริเวณปราสาทมานานแล้วตั้งแต่กุมภาพันธ์

นอกจากนี้ กัมพูชายังใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ รุกเข้ามาในไทยหลายพื้นที่ การเรียกร้องให้ขับไล่ออกไปจึงมีเหตุผล และวันนี้เป็นข้อยืนยันแล้วว่า 3 ข้อเรียกร้องพันธมิตรฯ มีเหตุผล ถูกต้องที่สุด เป็นสิ่งที่รัฐบาลพึงกระทำและกองทัพต้องปฏิบัติทันที

“แต่น่าเศร้าใจ และเสียใจอย่างยิ่งที่เรามีนายกฯ และผู้นำเหล่าทัพ ที่ไม่ค่อยรู้สึกรู้สา ไม่อาทรร้อนใจ ที่มีกองกำลังและคนต่างชาติมายึดดินแดนไทย  ไม่รู้ว่าเกิดวิปริตอาเพศอะไร ผู้นำถึงอ่อนหัด ไร้เดียงสา ทุกคนต่างโยนความผิดให้กันและกัน  ผู้นำเหล่าทัพก็บอกพร้อมรบ พร้อมขับไล่เขมร แต่ขอรอรัฐบาลสั่ง ดีแต่พูด ส่วนรัฐบาลเขารบกันจะเป็นจะตาย นายกฯ ทำได้แต่เพียงไปโน่นไปนี่ หนีปัญหา พอโดนวิจารณ์หนักค่อยไปเยี่ยมทหารบาดเจ็บที่โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ แต่กับเหตุการณ์ชายแดนชาวบ้านอพยพเป็นหมื่น ทหารบาดเจ็บล้มตาย กลับไม่แสดงท่าทีต่อกัมพูชาเลย” นายประพันธ์ กล่าว   

นายประพันธ์กล่าวต่ออีกว่า ถ้าเป็นผู้นำประเทศอื่นต้องประกาศแถลงจุดยืน กล่าวเตือนไปยังกัมพูชาเพื่อปกป้องอธิปไตย จะบอกว่าเป็นผู้ชายที่มีอาการผิดปกติก็อาจจะพูดได้  เรื่องที่มาจับคนไทยไปเข้าคุกยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย จึงไม่แปลกใจว่าเรื่องจัดการขบวนการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำไมถึงไม่ทำอะไรเลย ตนจึงบอกว่าคนนี้มันอำมหิต ดีแต่พูด ขบวนการล้มสถาบัน ก็ไม่ทำอะไร เรื่องดินแดนก็พูดอย่างเดียว เสียสติหรือเปล่า

ตั้งแต่เกิดมาขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นผู้นำประเทศคนไหน นักการเมืองคนไหน ที่มีความรู้สึกด้านชา แม้กระทั่งถูกบุกรุกดินแดน ด้านชาต่อขบวนการล้มสถาบัน ต่อการเผาบ้านเผาเมือง คนสีลมโดนยิง โรงพยาบาลโดนบุก ก็ยังไม่รู้สึกรู้สาเลย ด่าไปก็ไม่รู้สึกรู้สา ต้องมีอาการผิดปกติอะไรสักอย่าง

ตนจึงไปถามหมอ หมอบอกว่านายอภิสิทธิ์เป็นโรคหลงตัวเอง โดยมีอาการ คือ 1.สำคัญว่าตัวเองเก่ง ยอดเยี่ยม ไม่ฟังความเห็นใคร 2.เวลาทำอะไรผิดไม่เคยรู้สึกว่าผิดและไม่ยอมรับ 3.เห็นคนเจ็บคนตายมันจะรู้สึกนิ่งเฉยไม่อาทรร้อนใจ 4.หยิ่งทะนง เห็นตัวเองอยู่เหนือกว่าคนอื่น อิจฉาตาร้อนคนอื่น เห็นคนอื่นดีกว่าตัวเองไม่ได้ จะจงเกลียดจงชังอย่างรุนแรงเป็นพิเศษ

“จึงไม่แปลกเลย นายอภิสิทธิ์ ตั้งแต่ขึ้นมาบริหารประเทศแค่ 2 ปีกว่า มีคนเจ็บคนตาย มากสุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เป็นตัวกาลีบ้านกาลีเมือง กินบ้านกินเมืองจริงๆ” นายประพันธ์กล่าว  

นายประพันธ์ยังกล่าวต่ออีกว่า วันนี้จึงได้เจอนายกฯ ที่มีโรคหลงตัวเอง ผู้นำเหล่าทัพก็ไม่รู้หน้าที่ตัวเอง โยนให้รัฐบาลว่ายังไม่สั่ง จะเอาคนเป็นโรคหลงตัวเอง เด็กฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม มาสั่งเรื่องพวกนี้หรือ ทหารต้องรู้หน้าที่ของตัวเอง กฎหมายก็กำหนดหน้าที่ของกองทัพไว้ ว่ามีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ เมื่อมีคนอื่นมาบุกรุกดินแดน ทำไมต้องรอถาม ถ้าไทยมีทหารแบบนี้เปลืองข้าวสุก เปลืองภาษีเปล่าๆ ระวังประชาชนจะฟ้องในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ด้วย ปล่อยให้กัมพูชามายึดดินแดนอย่างนี้ได้อย่างไร ถ้าวันหนึ่งข้างหน้ามีคนไปแจ้งความกล่าวหาว่า ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 2 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จะแก้ตัวลำบากนะ เลิกโยนกันสักทีระหว่างกองทัพกับรัฐบาล รัฐบาลก็อ่อนแอ นายอภิสิทธิ์เป็นผู้นำไม่ได้  

“วันนี้ที่เราชุมนุมเป็นคุณูปการต่อบ้านเมืองมหาศาล ถ้าไม่มาชุมนุมอยู่อย่างนี้ ป่านนี้รัฐบาลเละเทะกว่านี้อีก อาจจะจูบปากยกแผ่นดินให้เขาไปแล้ว ขนาดชุมนุมอยู่อย่างนี้ยังต้องคอยเอากำปั้นทุบหลังคอยกระตุ้นให้รัฐบาลและทหารทำหน้าที่เลย” นายประพันธ์ กล่าว

คำต่อคำ “ประพันธ์ คูณมี”ปราศรัย

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องเคารพรัก และกราบสวัสดีพี่น้องทางบ้านและรับชมอยู่ที่ต่างประเทศทุกท่านด้วยความคารวะอย่างยิ่ง พี่น้องยังอยู่ใช่มั้ยครับ (อยู่) จะอยู่นานมั้ยครับ (นาน) อยู่ไปเรื่อยๆ เพราะเราไม่เหนื่อยใช่มั้ยครับ

พี่น้องครับ การชุมนุมของพวกเรามาถึง ณ วันนี้ ผมก็คิดว่าเราจำเป็นต้องมาพูดกันอีกครั้งหนึ่งเพื่อทบทวนและสรุป คิดว่ามันน่าจะถึงจุดที่สำคัญ รัฐบาลจะยุบสภาหรือไม่ยุบสภา เราก็เตรียมแผนที่จะดำเนินงานของการต่อสู้ของพี่น้องประชาชนไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อย่างไรพันธมิตรฯ สามารถปรับเปลี่ยนยุทธวิธีและแนวทางการต่อสู้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ได้เสมอ เพราะเราเป็นคนพันธุ์ใหม่ เป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษ และเป็นนักต่อสู้ที่มีความโดดเด่นและมีลักษณะพิเศษ ไม่เหมือนกับประชาชนธรรมดาทั่วไปเสียแล้ว เพราะว่าสู้มาแทบทุกคนที่ขึ้นมาปกครองประเทศบ้านเมืองในยุคนี้ และยืนหยัดอยู่ได้ด้วยความเข้มแข็ง ด้วยความมั่นคง ด้วยความศรัทธาและด้วยความเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำ

วันนี้คงไม่พูดถึงเรื่องคนในมุ้ง หรือนอกมุ้ง หรือคนใกล้ตัวหรอก แต่อยากจะพูดถึงเรื่องประเทศชาติบ้านเมือง และพูดถึงเรื่องของสถานการณ์ที่ผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ ที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับพวกเราด้วย ที่บอกว่าสำคัญนั้นก็คือ การที่พวกเรายืนหยัดชุมนุมมาถึงวันนี้ ผมจำไม่ได้แล้ว 90 เท่าไร 92 แล้ว

92 วันนั้นเรายืนหยัดชุมนุมต่อสู้ด้วยข้อเรียกร้อง 3 ประการ พี่น้องจำได้มั้ยครับ ข้อที่ 1 คือ ยกเลิก MOU 2543 ข้อที่ 2 ถอนตัวจากมรดกโลก ข้อที่ 3 ขับไล่ทหารและคนกัมพูชาออกไปจากแผ่นดินไทย

พี่น้องครับ สิ่งที่ผมอยากจะบอกพ่อแม่พี่น้องในวันนี้ก็คือ ข้อเรียกร้องทั้ง 3 ประการที่เราเรียกร้องและชูขึ้นเป็นธงในการต่อสู้ครั้งนี้ มันถูกต้องและเป็นสัจธรรมทุกข้อทั้ง 3 ข้อ อย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ได้เลย

วันนี้มาถึง ณ นาทีนี้ ก็ได้เป็นบทพิสูจน์แล้วว่า การมี MOU 2543 ที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ นายกฯ ชวน มอบให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ไปลงนามกับประเทศกัมพูชานั้น คือมหันตภัยและบันทึกความตกลงที่เป็นสัญญาอัปยศ และทำให้ประเทศชาติเสียหาย เสียเปรียบต่อประเทศกัมพูชามาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ณ ขณะนี้ และมันก็เป็นเรื่องที่แปลกนะครับว่าเราเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก MOU 2543 ด้วยมีเหตุผลมากมายว่ารัฐบาลกัมพูชาละเมิดความตกลงตามบันทึกความตกลงนี้นับครั้งไม่ถ้วน รัฐบาลประท้วงนับร้อยๆ ครั้งที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดความตกลงตาม MOU 2543 แม้กระทั่งเหตุการณ์ปัจจุบันที่ใช้กำลังทหารเข้ามายึดปราสาทพระวิหาร และเกิดเหตุปะทะที่ภูมะเขือเมื่อกุมภาฯ วันนี้ก็ปะทะอีก และมีเหตุปะทะที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ที่เราทราบกันดี

ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดและใช้กำลังอันเป็นการละเมิดความตกลงตามบันทึก MOU 2543 ทั้งนั้น และเมื่อเหตุมีการปะทะกันเมื่อเดือนกุมภาฯ จำได้มั้ย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ กับแม่ทัพ 2 ไปเจรจากับนายฮุนมาเนต ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ประเทศกัมพูชา ชายแดนไทย-กัมพูชา มีบันทึกความตกลงที่จะหยุดยิงเป็นการถาวร และก็บอกว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่เสริมกำลังเพิ่มขึ้น หากมีเหตุอะไรเกิดขึ้น ทั้งสองฝ่ายจะยกหูติดต่อกันและรีบระงับเหตุ แต่พี่น้องเห็นมั้ยครับ ไม่ว่าจะมีความตกลงโดยการเจรจาหยุดยิงโดยฝ่ายทหาร หรือจะมี MOU 2543 ไม่ว่าจะมีบันทึกสัญญาความตกลงใดๆ ก็ตามระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา กัมพูชามันไม่เคยเคารพและปฏิบัติตามเลยแม้แต่ข้อเดียว

แต่มันแปลกว่าทำไมรัฐบาลไทยจึงกอด MOU และไม่ยอมยกเอาเหตุผลดังกล่าวขึ้นมาเป็นเหตุผลและข้ออ้างในการที่จะบอกเลิกความตกลงนี้เสีย และก็รู้อยู่แล้วที่พี่น้องประชาชนเรียกร้อง ให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าบันทึกดังกล่าวนี้มันไม่ชอบ มันเป็นโมฆะ มันเป็นผลเสียหาย มันเป็นการไปรื้อบันทึกความตกลงการแบ่งปันอาณาเขตแดนระหว่างไทยกับฝรั่งเศสตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มีการสำรวจปักปันเขตแดนใหม่ อันเป็นการทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ

เมื่อรู้ว่ามีโอกาสและมีเหตุผลที่จะยกเลิกได้โดยชอบแล้ว รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ ก็ยังดื้อด้านและไม่ยอมยกเลิกเรื่องนี้ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามันจะด้านหนาไปถึงขนาดไหน

ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงมันชัดแจ้ง มันมีน้ำหนัก มันมีเหตุผล จนไม่อาจจะมีข้อโต้แย้งใดๆ ได้แล้ว แต่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่ยอมยกเลิก และที่สำคัญจนกระทั่งถึงวันนี้ นายชวน หลีกภัย ยังไม่อ้าปากพูดแม้แต่คำเดียวในเรื่องนี้เลย ปล่อยให้นายอภิสิทธิ์กอด MOU จนตายต่อไป โดยไม่คำนึงว่ามันจะทำให้ประเทศได้รับผลเสียหายอย่างไร นี่คือข้อที่ 1

และวันนี้เหตุผลที่เราเรียกร้องนั้น มันเป็นเหตุผลที่มีความชอบธรรม ถูกต้องทุกประการว่าการมี MOU 2543 ไม่ได้ช่วยให้เกิดความสงบและสันติและเกิดความปรองดองระหว่าง 2 ประเทศเลย กัมพูชากลับใช้ MOU เป็นข้ออ้าง เป็นเครื่องมือในการรุกราน ยึดครองแผ่นดินและประเทศไทยโดยเอาแผนที่ 1:200,000 มาเป็นข้ออ้างทั้งสิ้น แต่รัฐบาลก็ปฏิเสธมาโดยตลอดว่าเราไม่เคยยอมรับแผนที่ 1:200,000 ทั้งๆ ที่กัมพูชาเป็นฝ่ายหยิบยกขึ้นมาอ้าง แม้กระทั่งเหตุปะทะครั้งสุดท้ายที่ปราสาทตาเมือนธม หรือปราสาทตาควาย กัมพูชาก็บอกว่าเป็นดินแดนของเขา โดยอาศัยแผนที่ 1:200,000 รัฐบาลไทยก็ยังนิ่งเงียบ และไม่ยอมยืนยันในเรื่องนี้ว่าปราสาททั้งสองเป็นของเรา แผนที่ 1:200,000 กัมพูชาจะหยิบยกมากล่าวอ้างไม่ได้

ไม่เคยประท้วง ไม่เคยแสดงข้อคัดค้านนี้ไปยังสหประชาชาติ หรือนานาประเทศ ให้เป็นที่ประจักษ์ เพราะฉะนั้นข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อของเรานี่ ข้อที่ 1 ถูกต้องแล้ว วันนี้มันเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องนั้นถูกต้องที่สุด มีเหตุผลที่สุด

ส่วนข้อที่ 2 เรื่องการถอนตัวจากมรดกโลก หรือคัดค้านการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของกัมพูชานั้น ประเทศไทยต้องคัดค้านจนถึงที่สุด และถ้าหากว่ายูเนสโก หรือองค์การมรดกโลก จะให้มีการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ประเทศไทยต้องแสดงจุดยืนและท่าทีในเรื่องนี้ และวันนี้ชัดเจนแล้วว่าภายใต้การขึ้นทะเบียนมรดกโลกนั้น กัมพูชาอาศัยเรื่องการขึ้นทะเบียนมรดกโลกรุกเข้ามายึดครองดินแดนประเทศไทย การปะทะกันตามแนวชายแดนด้วยกำลังทหารและกำลังอาวุธนั้น เป็นเหตุผลอย่างดีที่ประเทศไทยจะหยิบยกขึ้นเป็นเหตุว่า การขึ้นทะเบียนมรดกโลกไม่เข้าเงื่อนไขและองค์ประกอบของยูเนสโก และองค์กรมรดกโลก การบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบยังไม่มีความสงบสุข และยังไม่มีข้อตกลงอันเป็นข้อยุติในเรื่องเขตแดน เป็นเรื่องที่ประเทศไทยจะสามารถหยิบยกขึ้นมา วันนี้ประเทศไทยก็ยังไม่ได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาโต้แย้งและคัดค้านประเทศกัมพูชา หรือจะรอเอาไปคัดค้านในที่ประชุมเมื่อเดือนมิถุนายน ความจริงแล้วมันต้องคัดค้านตั้งแต่บัดนี้ ไปยังยูเนสโกและองค์กรมรดกโลก ใช่มั้ยครับ แต่รัฐบาลก็ยังไม่ได้ทำในประเด็นนี้

เมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุผลที่เราขอให้ถอนตัวหรือคัดค้านการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของกัมพูชาจึงมีเหตุผลโดยชอบ และเหตุที่กัมพูชาใช้กำลังทหารมาปะทะตามแนวชายแดนนั้น เป็นเหตุผลอย่างดีที่ฝ่ายไทยจะหยิบยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างต่อองค์กรมรดกโลก ใช่มั้ยครับ

เพราะฉะนั้นเหตุผลที่เราพูดมา 2 ข้อนั้น ก็เป็นการยืนยันในข้อเรียกร้องของประชาชนแล้ว

ส่วนข้อที่ 3 ยิ่งชัดเจนเข้าไปอีก ว่า ทำไมกองทัพไทย และรัฐบาลจึงจำเป็นต้องขับไล่ทหารและคนกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย นี่ก็เห็นชัดแล้วว่า ปัจจุบันนี้ทหารกัมพูชาและคนกัมพูชาเข้ามายึดครองแผ่นดินไทยอย่างไม่มีข้อสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณปราสาทพระวิหาร ยึดครองมาตั้งแต่เดือนกุมภาฯ มาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

หลังจากปะทะกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทหารไทยไม่มีแม้แต่คนเดียวบนปราสาทพระวิหาร กลายเป็นกองกำลังทหารกัมพูชายึดครองอยู่บนปราสาทพระวิหาร ในตัวปราสาท และบริเวณโดยรอบ ออกมาไม่น้อยกว่า 1 ตารางกิโลเมตร เชื่อมโยงไปกับถนนด้านทิศตะวันตกที่กัมพูชาตัดถนนขึ้นมา ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ และ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ให้สัมภาษณ์และแถลงยืนยันว่า ถ้าผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียจะเข้ามาบริเวณปราสาทพระวิหารนั้น กองทัพไทยไม่ยินยอม ถ้าผู้สังเกตการณ์จะเข้ามา กองทหารกัมพูชาที่อยู่บนปราสาทพระวิหารจะต้องออกไป นั่นแสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็รับทราบ รับรู้ ว่าขณะนี้กองทหารกัมพูชายึดครองบริเวณโดยรอบตัวปราสาทมานานแล้ว ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

การมาให้สัมภาษณ์บอกว่า ถ้าผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียจะมา ต้องให้ทหารกัมพูชาถอนกำลังออกไปจากปราสาทพระวิหารก่อน นั่นแสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับแล้วว่ามีทหารกัมพูชามายึดครองบริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหารอยู่ ใช่มั้ยครับ

นอกจากนี้ กัมพูชายังใช้โล่มนุษย์ ใช้ประชาชนเป็นโล่บังหน้า รุกเข้ามาในดินแดนของไทยในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดน

การเรียกร้องให้ขับไล่ทหารและคนกัมพูชาออกไป จึงเป็นข้อเรียกร้องที่มีเหตุผลและเป็นไปตามข้อเท็จจริงว่ากัมพูชารุกรานประเทศไทย ถูกต้องนะครับ และวันนี้มันเป็นข้อยืนยันแล้วว่าข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อของเรานั้น เป็นข้อเรียกร้องที่มีเหตุผลและถูกต้องที่สุดที่รัฐบาลพึงกระทำ กองทัพต้องปฏิบัติโดยทันที

แต่พี่น้องครับ มาถึงวันนี้มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจและเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง ว่าเรามีนายกรัฐมนตรีและมีผู้นำเหล่าทัพที่ไม่ค่อยรู้สึกรู้สาและไม่ค่อยอนาทรร้อนใจต่อการที่มีกองกำลังและคนต่างชาติมายึดครองแผ่นดินไทย ผมไม่ทราบว่ามันเกิดวิปริตอาเพศอะไรที่ผู้นำของเราเกิดความโง่เขลา อ่อนหัด ไร้เดียงสา และไม่อนาทรร้อนใจต่อการที่มีกองกำลังมายึดครองดินแดนและประเทศของตนเอง

ทุกคนต่างโยนความผิดไปให้ซึ่งกันและกัน ฝ่ายทหารก็รู้แล้วว่ามีการมายึดครองดินแดนประเทศ รุกรานประเทศไทย ผู้บัญชาการเหล่าทัพ กลับบอกว่ากองกำลังกองทัพไทยมีศักยภาพสูง สามารถที่จะรุกรบขับไล่ทหารเขมร เราไม่มีทางที่จะรบแพ้เขมร รบเมื่อไรเราก็ต้องชนะ ศักยภาพกำลังรบเรามีเหนือกว่า ขอเพียงอย่างเดียว รอฟังรัฐบาลสั่ง ว่างั้นครับพี่น้อง นี่มันดีแต่พูดนี่ ถ้าฟังดูก็เหมือนดูดี ส่วนไอ้รัฐบาลเขารบกันจะเป็นจะตาย นายกฯ ทำได้อย่างเดียว คือไปนู่นไปนี่ พยายามหนีจากปัญหา พอโดนประชาชนวิพากษ์วิจารณ์เข้าหนักๆ ก็ไปเยี่ยมคนป่วยที่เป็นทหาร 2 คน ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ เพื่อจะได้เป็นข้ออ้างว่านี่ไงกูมาเยี่ยมทหารกำลังรบแล้ว

แต่กับเหตุการณ์ที่ปะทะชายแดน พี่น้องอพยพเป็นหมื่น ทหารบาดเจ็บล้มตาย เสียชีวิต ไม่เคยพูดถึง ไม่เคยแสดงจุดยืน ไม่เคยแสดงท่าทีต่อประเทศกัมพูชาในฐานะผู้นำประเทศไทยเลย ไม่รู้ว่าไอ้หมอนี่มันเป็นอะไร มันกินยาผิดมาจากไหน นี่ถ้าเป็นผู้นำประเทศอื่น เขาต้องประกาศแถลงการณ์และให้สัมภาษณ์แสดงจุดยืนต่อนานาประเทศ และกล่าวเตือนไปยังประเทศกัมพูชาอย่างรุนแรง และแสดงจุดยืนถึงการหวงแหน ปกป้องเอกราชและอธิปไตยของประเทศ แต่นายอภิสิทธิ์ ผมว่ามันเสียสติ หรือมันเป็นคนประเภทไหน ผมไม่เข้าใจเลยครับพี่น้อง ไม่รู้ว่ามาเป็นผู้นำประเทศได้อย่างไร จะบอกว่าเป็นผู้ชายที่มีอาการผิดปกติ ก็อาจจะพูดได้ ผมจึงไม่แน่ใจว่านี่ขนาดเรื่องที่เขามารุกรานดินแดน รุกรานประเทศไทย มายึดครองแผ่นดินไทย มาจับคนไทยไปขึ้นศาลติดคุกติดตะราง นายอภิสิทธิ์ยังไม่ได้รู้สึก รู้ร้อนรู้หนาว รู้เป็นทุกข์เป็นร้อนอะไรเลย มันด้านชาชีวะจริงๆ เลย

จึงไม่แปลกใจ มีหลายคนบอกว่า เรื่องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ปกป้องสถาบันและจัดการกับขบวนการละเมิดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นายอภิสิทธิ์ก็พูดมานานแล้ว ทำไมมันไม่ทำอะไรเลย ผมก็บอกว่า คนๆ นี้มันเป็นคนอำมหิตนะครับ มันดีแต่พูด ผมจึงไม่แน่ใจว่า นี่ขนาดเรื่องหมิ่นสถาบัน หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ขบวนการจ้วงจาบหยาบช้า ละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ มันก็พูดเฉยๆ แล้วก็ไม่ทำอะไร เรื่องเอกราชอธิปไตยเหมือนกัน มันก็พูดเฉยๆ ว่า 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของเรา หรือว่า ถ้าผมทำให้ประเทศเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้ว ผมก็ไม่ควรจะอยู่ในประเทศไทย มันพูดทำไม ผมไม่เข้าใจว่ามันเสียสติหรือเปล่า คือผมไม่รู้ว่าเขาเสียสติหรือเปล่า พูดไปทำไม ก็เขามายึดครองดินแดนประเทศไทยถึงเวลาเป็นจริง เสียดินแดน และมีผู้มายึดครองแผ่นดินไทยมันอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย

มีผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านมาบอกผมว่า คุณประพันธ์ พูดถึงนายอภิสิทธิ์เบาๆ หน่อย อย่าไปพูดถึงเขารุนแรงเลย ผมก็บอกว่า ท่านครับ ตั้งแต่ผมเกิดมา ชีวิตมาถึงขนาดนี้ ผมยังไม่เคยเห็นนักการเมืองหรือผู้นำประเทศคนไหนที่ไม่มีความรู้สึกในเรื่องเหล่านี้ มีความรู้สึกด้านชา ด้านชาแม้กระทั่งต่อเรื่องที่เขาจะโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้านชาแม้กระทั่งมีคนมารุกรานยึดครองแผ่นดินไทย ด้านชาแม้กระทั่งเขาเผาบ้านเผาเมือง ประชาชนล้มตาย ด้านชาแม้กระทั่งชาวสีลมโดนยิงถล่มทลาย โรงพยาบาลจุฬาฯ โดนบุก มันยังหน้าตาเฉย ลอยหน้าลอยตา ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย แล้วอย่างนี้จะให้ผมพูดยังไงครับ ผมก็เลยว่า เอ๊ะ ด่าไปมันก็คงไม่รู้สึกรู้สา เพราะว่ามันต้องมีอาการผิดปกติอะไรสักอย่างหนึ่ง ผมก็ไปถามหมอ หมอเขาก็บอกว่า คุณประพันธ์ครับ ที่คุณไปสาธยายอาการของนายอภิสิทธิ์มา 30 รายการ ว่ามันเป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้ๆๆ หลงตัวเอง อีโก้ หยิ่งยะโสโอหัง ไม่มีสัมมาคาระ ทุกเรื่องทุกราว ใจดำอำมหิต ที่ผมไล่ลำดับมาให้พี่น้องฟัง คุณน่ะไม่ได้เป็นหมอ ทำไมคุณสามารถเจียระไนอาการของนายอภิสิทธิ์ออกมาได้ดียิ่งกว่าหมออีก

ผมก็เลยถามกลับไปว่า คุณหมอครับ แล้วตกลงอาการของนายอภิสิทธิ์เป็นโรคอะไร หมอเขาบอกว่า อาการของนายอภิสิทธิ์นี่เป็นโรคภาษาไทยเขาเรียกว่าโรคหลงตัวเองครับ ภาษาอังกฤษคุณหมอเขาบอกว่าเป็นเหมือน Nazisism อะไรนี่ล่ะ แต่ไม่ใช่นาซีซัส อาบอบนวดนะครับ

แล้วอาการโรคหลงตัวเองมันเป็นอย่างไร 1. คนที่มีอาการโรคหลงตัวเองจะสำคัญว่าตัวเองนี่เก่ง ยอดเยี่ยม มีความรู้ความสามารถเหนือกว่าคนอื่นๆ และไม่ค่อยฟังความเห็นใคร เอ๊ะ มันก็ใช่นะ ไอ้หมอนี่มันเป็นอย่างที่ผมพูดไม่มีผิดเลย นี่หลงตัวเอง มีอาการนี้ 2. เวลาทำอะไรผิดแล้วมันจะไม่รู้สึกว่ามันทำผิด และไม่เคยยอมรับว่าตัวเองทำผิด 3. เมื่อเวลาเห็นคนเจ็บ คนตาย คนได้รับความเสียหาย และคนได้รับภัยพิบัติ มันจะรู้สึกนิ่งเฉย ไม่รู้สึกอนาทรร้อนใจเลย และ 4. จะเป็นคนที่มีอาการหยิ่งทนง เขาเรียกว่าโรคอีโก้ คือเห็นตัวเองอยู่เหนือกว่าคนอื่น และไม่ฟังความเห็นใคร คิดว่าตัวเองแน่ ตัวเองเป็นวีรบุรุษ เป็นวีรชนอยู่คนเดียว มีอาการอิจฉาตาร้อนผู้อื่น เห็นคนอื่นโดดเด่นดีกว่าตัวเองไม่ได้ จะมีอาการจงเกลียดจงชังอย่างรุนแรงเป็นพิเศษ นี่คืออาการโรคหลงตัวเอง

ผมมาดู อ้าว นายอภิสิทธิ์ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ และเขาก็วิเคราะห์แล้ว อาการทางจิตของนายอภิสิทธิ์เป็นโรคหลงตัวเอง ถ้านายอภิสิทธิ์ไม่เชื่อ ให้ไปถามคุณพ่อของคุณที่เป็นหมอแล้วกันว่าคุณเป็นโรคนี้จริงหรือเปล่า

เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นดังนี้ พี่น้องจึงจะไม่แปลกเลยที่เห็นนายอภิสิทธิ์ ตั้งแต่ขึ้นมาบริหารบ้านเมือง บริหารประเทศ ยังไม่เคยมีนายกฯ คนไหนในประเทศไทยที่ในยุคสมัยการบริหารประเทศแค่ 2 ปีกว่า มีคนเจ็บ คนตาย คนเสียชีวิต ในระหว่างที่บริหารประเทศมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย

พี่น้องครับ นี่รบกัน 4 วัน ทหารไทยตายไป 5 บาดเจ็บ 57 คน และยังมีประชาชนบาดเจ็บอีกจำนวนมาก รบกันคราวก่อนโน้น เมื่อกุมภาพันธ์ ก็มีคนเจ็บ คนตาย ไม่น้อยกว่า 3-4 ศพ ทหาร และประชาชน มีคนบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ประชาชนเรือนหมื่นต้องอพยพ นี่เป็นเหตุการณ์ เอาเฉพาะเหตุการณ์ปะทะตามชายแดนในยุคสมัยที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ นะครับ ถ้าย้อนไปตั้งแต่สมัยพระร่วง สมัยขอม นั่นเป็นครั้งแรกที่ประเทศในดินแดนอาณาจักรบริเวณแถบนี้ เป็นดินแดนในอาณาจักร อาณาเขตของพระร่วง ที่มีแสนยานุภาพในการที่จะมารบปกครองประเทศในแถบนี้ หรือไล่เข้ามาใกล้หน่อย ก็คือตั้งแต่พระยาละแวกเป็นต้นมา ประเทศไทยยังไม่เคยถูกเขมรยิงแม้แต่กระสุนนัดเดียว ยกเว้นในยุคสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นี่คือความจริง

หันมาดูพี่น้องประชาชน พี่น้องครับ เอาล่ะ เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง มีคนตายที่ยอมรับกันขณะนี้ 91 ศพ บาดเจ็บอีกนับพัน ทั้งตำรวจ ทหาร และประชาชน นี่ยุคนายอภิสิทธิ์ เอาว่ายุค 14 ตุลาฯ มาบวกพฤษภาทมิฬ รวมกันยังสู้ยุคนี้ยุคเดียวไม่ได้เลยครับ

เหตุการณ์อันที่ 3 ที่ยังไม่นับ คือตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ขึ้นมาเป็นนายกฯ ไม่นับรวมยุคทักษิณ ยุคสมชาย ยุคสมัคร พี่น้องครับ ผมไปดูตัวเลขเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ มีคนตาย บาดเจ็บ หลายร้อยคน เกือบจะพันคน บาดเจ็บพิการนับพัน จากเหตุการณ์ในภาคใต้ และใช้งบประมาณไปเพื่อการแก้ไขปัญหาภาคใต้ไม่น้อยกว่า 7 แสนล้านบาท พี่น้องลองคิดดูสิครับ นี่พูดเฉพาะการแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยและเหตุปะทะกันตามแนวชายแดน แสดงว่านายอภิสิทธิ์มันต้องเป็นตัวกาลีบ้านกาลีเมือง ตัวกินเลือดกินเนื้อประชาชนจริงๆ ครับ เพราะตั้งแต่มันขึ้นมาปกครองบ้านเมือง ประชาชนบาดเจ็บ ล้มตาย พิการ มหาศาล มากกว่านายกรัฐมนตรีคนแรก จากนายปรีดี พนมยงค์ ไล่มาจนกระทั่งนายกฯ ทุกคนรวมกัน ยังสู้ยุคนายอภิสิทธิ์คนเดียวไม่ได้เลย

ใครไม่สังเกต ใครไม่ศึกษาจะไม่รู้ และที่สำคัญตั้งแต่มีประเทศไทยมา ถ้าพี่น้องได้ฟังคำสัมภาษณ์ของทูลกระหม่อม ฟ้าหญิงองค์เล็ก เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาโดนเผามา กี่ร้อยปี กี่พันปีแล้ว จะพันปีอยู่แล้ว ประเทศไทยยังไม่เคยถูกใครเผาเลยครับ มียุคอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นี่ล่ะที่ประเทศไทยโดนเผาโดยคนไทยเผาประเทศตัวเองครับ

ก็จะมีคนเถียง จะมีคนแย้ง โดยเฉพาะโฆษกหน้าหอ สอพลอ โฆษกส่วนตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือคุณเจิมสาก ปิ่นทอง ครับ นายเจิมสาก ปิ่นทอง ก็จะเถียงว่าเหตุที่มีคนเผาบ้านเผาเมือง ทำไมไม่ไปด่าไปโทษคนเผา ก็ไอ้พวกเสื้อแดงเป็นคนเผา ไม่มีใครปฏิเสธเลยว่าเกิดเหตุมาจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงและชายชุดดำที่มีอาวุธ แต่ผมถามคุณเจิมสากหน่อยครับ ว่าถ้าผมจ้างยามมาเฝ้าบ้าน เสียเงินเดือนให้มันทุกเดือน แล้วมีขโมยมาเข้าบ้านผม มาเผาบ้านผม ผมจะต้องไปโทษไอ้โจรที่มาขโมยหรือคนมาเผาบ้านผม โดยไอ้ยามที่มาเฝ้าบ้านผมมันไม่มีหน้าที่รับผิดชอบเลยหรือ เจิมสาก ที่คุณมาแก้ตัวให้เขาแล้วไปเขียนหนังสือว่าใครเผาประเทศไทยให้สุเทพน่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุเผาประเทศไทยนั้นมันเผาตึก เผาโรงแรม เผาอาคารศูนย์การค้า วอดวายเป็นจุล แล้วมันยังเผาสถานที่ราชการ อาคารศาลากลางเก่าแก่นับร้อยปีของอุดรฯ ของอุบลฯ ของจังหวัดต่างๆ โดนเผาไหม้เป็นจุลเลย เป็นเหตุการณ์ครั้งแรกที่เกิดขึ้น เคยเกิดครั้งหนึ่งที่นครศรีธรรมราช สมัยนายสุรชัย แซ่ด่าน กับพวก ชุมนุมแล้วไปเผาศาลากลาง แต่ครั้งนี้มันเผากันทั้งประเทศเลยครับพี่น้อง โดยฝีมือการปกครองของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีรัฐมนตรีฯ กลาโหมชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีรองนายกฯ ชื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ มี ผบ.ทบ.ชื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขณะนั้น ชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ใช่มั้ยครับ

ความผิด ความเสียหายที่เกิดขึ้น ถ้าคุณบอกว่าคนเป็นนายกฯ คนเป็นรัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบ ถ้าอย่างนั้นเราจะมีนายกรัฐมนตรี มีผู้บัญชาการทหารบก มีผู้บัญชาการตำรวจ ไปไว้หาพระแสงด้ามยาวเสียเงินภาษีทำไม

เวลามีขโมยมาปล้นบ้าน ขึ้นบ้านขึ้นเรือนประชาชน บอกตำรวจไม่ต้องรับผิดชอบ เวลามีคนมาบุกรุก รุกรานประเทศไทย ทหารไม่ต้องรับผิดชอบ โยนกันไปกันมาระหว่างรัฐบาลกับทหาร แบบนี้ประเทศไทยจะอยู่ได้มั้ยครับ

ความรับผิดชอบของคนเป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ที่มีหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง มันต้องมาก่อนเป็นอันดับ 1 ไปโทษโจร ไปโทษผู้ชุมนุม ผู้ก่อการร้าย แต่ฝ่ายเดียวไม่ได้ และโดยเหตุผล โดยศักยภาพ โดยกำลัง โดยเครื่องไม้เครื่องมือ และโดยกลไกของอำนาจรัฐ และโดยกฎหมายที่มีอยู่ ย่อมอยู่ในวิสัยที่รัฐบาลมีหน้าที่สามารถที่จะควบคุมความสงบเรียบร้อยของประเทศได้

แล้วเหตุอย่างนี้ ถ้าเกิดขึ้นในต่างประเทศ รัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ มหาดไทย ใครที่มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องใด เขาแสดงสปิริตลาออกไปแล้ว เช่นเกาหลี ที่ทหารเกาหลีเหนือยิงอาวุธสงครามเข้ามาในเขตแดนเกาหลีใต้ เป็นเหตุให้ทหารและประชาชนเกาหลีใต้เสียชีวิต รัฐมนตรีกลาโหมเขายังต้องลาออกทันทีเลย เขาไม่หน้าด้านไร้ยางอายแบบทหารไทยหรอกครับ โดยเฉพาะทหารไทยที่มาเล่นการเมือง ไม่ใช่ทหารไทยที่อยู่ในกองทัพ หน้าด้านอย่างรัฐมนตรีกลาโหม ก็มีอยู่ประเทศไทยเท่านั้นล่ะครับ

เพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงได้เจอว่า 1. มีนายกฯ ก็มีนายกฯ ที่มีโรคประจำตัวเรียกว่าโรคหลงตัวเอง มีผู้นำเหล่าทัพ ก็ไม่รู้หน้าที่ตัวเอง โยนไปให้รัฐบาลฝ่ายเดียว ว่ารัฐบาลยังไม่ได้สั่ง แล้วคุณจะเอาคนโรคหลงตัวเอง แล้วเอาเด็กอมมือ ฟันยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาออกคำสั่งอะไรในเรื่องบ้านเมือง เพราะนายอภิสิทธิ์มันไม่ได้รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย สั่งอะไรเป็น

ทหารรู้หน้าที่ของตัวเอง เมื่อเช้าผมก็บอกกับผู้สื่อข่าวไปแล้ว พี่น้องครับ เวลาตำรวจไปเห็นโจรกำลังฉกชิงวิ่งราวลักทรัพย์ประชาชน หรือโจรกำลังขึ้นบ้านประชาชน ตำรวจต้องไปถามนายกฯ ก่อนหรือเปล่าว่า ช่วยออกคำสั่งว่าผมจะจับคนร้ายได้มั้ยครับ เช่นเดียวกัน ทหารมันมีพระราชบัญญัติทหาร มันมีรัฐธรรมนูญ มันมีกฎหมาย ว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของกองทัพและทหาร ทหารมีหน้าที่ปกป้องดินแดน เอกราช และอธิปไตยของชาติ ถูกต้องมั้ยครับ เวลาที่เห็นอยู่แล้วว่าทหารกัมพูชารุกรานและยึดครองแผ่นดินไทยอยู่ คุณมีหน้าที่อะไรจะต้องไปถามนายกฯ ก่อนว่าจะให้ผมไล่มันออกไปมั้ยครับ จะให้ผมเอาปืนยิงมันมั้ยครับ มันมาบุกดินแดนประเทศไทย ตกลงที่คุณรักษาดินแดนอาณาเขตนั้น คุณถือแผนที่อะไรอยู่ คุณถือคำสั่ง คุณถือกฎหมายอะไรอยู่ ซึ่งมันมีอยู่แล้วว่าเป็นหน้าที่โดยตรงของทหารที่จะต้องปกป้องดินแดน เอกราช และอธิปไตย ไม่ต้องไปถามใคร พล.อ.ประยุทธ์

ถ้าประเทศไทยมีทหารแบบนี้ ผมว่าเปลืองข้าวสุก เปลืองข้าวสาร เปลืองเงินภาษีประชาชนเปล่าๆ ตัวเองก็รู้อยู่ว่าทหารกัมพูชามายึดครองดินแดนประเทศไทยที่บริเวณปราสาทพระวิหาร มาให้สัมภาษณ์หน้าตาเฉย ขอเพียงรอรัฐบาลสั่ง คุณไปรอทำไม ผมว่านี่ถ้าประชาชนเข้มแข็งอีกหน่อย คงได้เห็นประชาชนฟ้องผู้บัญชาการทหารบก ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องดินแดน เอกราช และอธิปไตย

เพราะฉะนั้นที่คุณให้ทหารไปแจ้งความกับนายจตุพรนั่นก็ดูเท่ห์ดี แต่ระวังจะเจอประชาชนไปแจ้งความจับผู้บัญชาการทหารบก ที่ไม่ปกป้องดินแดน เอกราช และอธิปไตยของตน รวมทั้งแม่ทัพ 2 แม่ทัพเยิ้มด้วย ว่าคุณปล่อยให้ทหารกัมพูชามาตั้งและยึดครองปราสาทพระวิหารอยู่ได้จนกระทั่งทุกวันนี้อย่างหน้าตาเฉยได้อย่างไร

แล้วถ้าประชาชนเขากล้าหาญไปแจ้งความ เพราะเขาไม่ให้เกียรติทหารแล้ว ไม่เชื่อใจแล้ว คุณจะเสียใจวันหนึ่งข้างหน้าถ้าประชาชนไม่ไว้วางใจคุณ

มีพี่น้องประชาชนมาปรึกษาผมว่า เขาจะไปยื่นหนังสือกับผู้บัญชาการทหารบก ขอให้ถอดถอนแม่ทัพภาค 2 ปลดแม่ทัพภาค 2 และตั้งกรรมการสอบแม่ทัพภาค 2 ด้วย โดยจะเกณฑ์เอาเฉพาะผู้หญิงนุ่งผ้าถุงไป แล้วก็จะเอาผ้าถุงใส่พานไปให้ด้วย รวมทั้งจดหมายขอให้ปลดแม่ทัพภาค 2 ผมก็เลยเตือนเอาไว้ว่า อย่าเอาผ้าถุงไปเลย เดี๋ยวจะหาว่าไม่ให้เกียรติทหาร เอาเฉพาะจดหมายไปยื่นขอให้ปลดผู้บัญชาการทหารบกก็พอแล้ว ปลดแม่ทัพภาค 2 ก็พอแล้ว

คอยดูนะครับ ถ้าท่านปล่อยไว้อย่างนี้ ประชาชนเขาทนไม่ไหว เมื่อรู้แล้วว่ามีทหารมาตั้งอยู่ ท่านมาให้สัมภาษณ์เฉยๆ แล้วท่านไม่ทำอะไร วันหนึ่งข้างหน้าถ้ามีคนไปแจ้งความกล่าวโทษผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาค 2 ท่านจะหนีลำบาก แก้ตัวลำบากนะครับว่าท่านไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รัฐธรรมนูญให้อำนาจประชาชน กฎหมายอาญาก็ให้อำนาจประชาชนนะครับ นี่ผมจึงอยากจะฝากกล่าวเตือนไปด้วยความเคารพ ว่าเลิกโยนกันเสียทีระหว่างกองทัพกับรัฐบาล ส่วนรัฐบาลนั้นมันเป็นรัฐบาลที่หน่อมแน้ม อ่อนแอน ไร้เกียรติภูมิและไร้ศักดิ์ศรี เป็นผู้นำไม่ได้ คนอย่างนายอภิสิทธิ์เป็นผู้นำประเทศไม่ได้ ผมก็บอกแล้วไงครับว่าแค่ขึ้นมาปกครองบ้านเมือง 2 ปี กับ 3 เดือน กาลีบ้านกาลีเมืองขนาดไหน คนตายไปทั้งบ้านทั้งเมืองนับหลายร้อยศพ บาดเจ็บนับพัน อพยพโยกย้าย ประสบภัยพิบัติ พิการอีก หลายพัน นับหมื่นแล้ว ประเทศไทยแทบจะสิ้นแผ่นดินเพราะมีนายกฯ ที่อ่อนแอ ไร้เดียงสาอย่างนายอภิสิทธิ์

ผมมาดูแล้วก็ตกใจ เพราะฉะนั้นวันนี้ที่เราชุมนุมมาทั้งหมดนี้ มันเป็นคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อบ้านเมืองมาก ถ้าเราไม่มาชุมนุมอยู่ที่นี่ขณะนี้ ไม่มาพูด มาให้ข้อเท็จจริงกับสังคม ประชาชน และรัฐบาลนั้น ป่านนี้รัฐบาลมันยิ่งจะเละเทะกว่านี้ มันอาจจะไปจูบปากยกแผ่นดินให้เขาไปแล้วก็ได้

ต้องยอมรับว่าการชุมนุมของพี่น้องประชาชนที่ปักหลักอยู่ตรงนี้เป็นเหมือนหอกข้างแคร่ เป็นเหมือนแส้ที่ลงไว้ข้างหลังรัฐบาลและกองทัพ ให้ต้องตระหนักในหน้าที่ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา

คุณงามความดีที่พี่น้องมาร่วมชุมนุมกันอยู่ที่นี่ เป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ต่อบ้านเมืองมหาศาล นี่ขนาดเราชุมนุมอยู่อย่างนี้ รัฐบาลมันยังต้องให้ประชาชนเอากำปั้นทุบหลัง มันถึงจะเดิน ทหารต้องให้ประชาชนเอากำปั้นทุบหลัง ถึงจะทำหน้าที่ เรามาบอกว่าทหารที่ชายแดนอดอยากปากแห้ง ไม่มีสเบียง กลับมาแถลงบอกว่า มีสำนักบางสื่อไปบอกว่าทหารไม่มี ขาดแคลนอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่เป็นความจริง เราดูแลกันอย่างดี เมื่อเช้าคุณวีรพลเลยไปสัมภาษณ์ทหารเอามาตบหน้ากองทัพ ป่านนี้ไม่รู้ว่ารู้สึกกันหรือยัง ก็กลายเป็นพี่น้องประชาชนทั้งนั้นที่ไปช่วยสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของทหารตามชายแดน ผู้นำเหล่าทัพ ทหาร ไม่เคยเหลียวแล ผู้บังคับบัญชาไม่เคยเหลียวแลลูกน้องเลย นี่คงอายครับ อายที่เมื่อเช้านี้คงเห็นภาพที่พวกเราพี่น้องประชาชนเอาสิ่งของไปให้ เมื่อวานนี้รัฐมนตรีฯ กลาโหม และแม่ทัพบก จึงได้ไปเยี่ยมทหารที่ชายแดน ก็ได้ไปเยี่ยมแค่ด้านใน ทำไมแน่จริงไม่ไปเยี่ยมที่จุดปะทะที่ชายแดนเลยล่ะ

นี่ผมบอกเลยนะครับพี่น้อง ผมนี่ทำไมเกิดมาไม่มีวาสนา ถ้าผมเป็นนายกฯ นะ ผมจะสั่งให้ทหารตีแล้วจับตัวฮุนมาเนต มาเป็นตัวประกันให้ได้ ผมจะสั่งให้กำลังทหารบุกตีเข้าไป เพราะเป็นไปตามกฎระหว่างประเทศ การทำสงคราม การป้องกันอธิปไตยของประเทศ เมื่อข้าศึกรุกรานเข้ามา ตามกฎหมายเราสามารถโจมตีและรุกไล่เข้าไปได้ครับพี่น้อง ยิ่งถ้ารู้ว่าฮุนมาเนต มาบัญชาการอยู่นั่น ล็อกคอมันมาเป็นตัวประกันแลกกับวีระ-ราตรี ยังได้เลยครับ ไม่เห็นมันจะยากเลย

ทหารครับ ผมไม่อยากมาพูดอะไรอันเป็นการดูถูกดูแคลนหรอก แต่ผมเชื่อว่าถ้านายใจถึง รัฐบาลใจถึง ศักยภาพของทหารไทยสามารถไปล็อกคอฮุนมาเนตมาได้แน่นอนครับ

เพราะไอ้กระบวนการการรบ ตำราการรบ มันไม่ใช่ศาสตร์ลี้ลับ มันไม่ใช่ความรู้ที่ต้องขุดลงไปใต้ดินค่อยไปอ่าน ใครก็ศึกษาได้ และประชาชนก็เรียนรู้ได้ครับ ตำราการสู้รบ ตำราพิชัยสงคราม แต่เราเชื่อว่าทหารไทยมีศักยภาพ มันสำคัญอยู่ที่ผู้นำเหล่าทัพเวลานี้มีอะไรเป็นชนักติดหลัง มีผลประโยชน์อะไรร่วมกับประเทศกัมพูชา จึงยอมก้มหัวกลายเป็นลูกไล่รัฐบาลฮุน เซน ที่มีประชากรเพียงแค่ 6 ล้านกว่าคน มันน่าละอายมั้ยครับ แล้วยอมให้เขามารุกล้ำดินแดน มายึดครองดินแดน และยิงปืนใส่ทหารไทย ฆ่าทหารไทยเป็นรายวัน อย่างนี้มันต้องสงครามสั่งสอน จำไม่ได้หรือสมัยที่เวียดนามมาช่วยกัมพูชารบ ประชิดชายแดนไทย รุกไล่แผ่นดินไทย ประเทศจีนยังเปิดสงครามสั่งสอนเวียดนาม ตีเข้าไปจนเวียดนามต้องถอนกำลังจากกัมพูชากลับประเทศ ไม่กล้าเหิมเกริมกับประเทศไทย

ไอ้กัมพูชานี่ก็เหมือนกันครับ เมื่อไรจะเปิดศึกทำสงครามสั่งสอนกัมพูชาให้มันหยุดความเหิมเกริมเสียที ประชาชนเขาทนไม่ได้แล้ว ไม่ต้องมาบอกมาชวนหรอก ถ้ารบ พี่น้องก็ต้องไปรบด้วยกัน โธ่ ลำพังแค่ทหารที่มีอยู่ในขณะนี้ มันไม่คณามือของทหารกองทัพ ยังไม่ถึงมือถึงตีนพี่น้องประชาชนหรอก ถ้าคุณจะรบจริง แต่นี่มันรบไม่จริงจึงทำให้กัมพูชามันฮึกเหิม

โดยกฎหมาย โดยอำนาจหน้าที่ของทหาร ของกองทัพ ไม่ต้องไปถามรัฐบาลเลยว่าจะให้จัดการอย่างไร วันนี้เป็นหน้าที่ของทหาร ทำได้ทันทีในการรบ ในการโจมตี ในการขับไล่ทหารและคนกัมพูชาออกจากแผ่นดิน นี่เป็นหน้าที่โดยตรง ไม่ต้องไปถามใคร

นอกจากนั้น ตามประกาศกฎอัยการศึก นายทหารระดับนายพันก็สามารถประกาศพื้นที่ตรงนั้นเป็นเขตกฎอัยการศึกได้ เป็นอำนาจของทหารที่จะปฏิบัติการได้โดยทันที ถ้าเห็นว่ามีปัญหาอันเกี่ยวกับความไม่สงบเรียบร้อยและเป็นภัยต่อความมั่นคงของบ้านเมือง

เขามีอำนาจ เขามีกฎหมาย เขามีระเบียบ มีทุกอย่างให้คุณทำได้ มีรัฐธรรมนูญกำกับคุ้มครองคุณอยู่ และรัฐบาลมันก็แถลงนโยบายไว้อยู่ในสภาและให้นโยบายเป็นการทั่วไปอยู่แล้วว่า ถ้ามีเหตุการณ์รุกรานประเทศ เป็นหน้าที่ของทหารอยู่แล้วที่จะต้องปกป้องดินแดน เอกราช และอธิปไตย ไม่ต้องมาถามใคร ทหารฝึกมาเพื่อทำหน้าที่เรื่องนี้เรื่องเดียวครับ ไม่ใช่ทำหน้าที่ไปคุมและเก็บผลประโยชน์ในที่ต่างๆ อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

เพราะฉะนั้นที่โยนกันไปกันมาก็อยากจะบอกพี่น้องประชาชนและทหารหาญว่า ท่านไม่มีสิทธิ์จะโยนความรับผิดชอบ ส่วนรัฐบาลก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะโยนความรับผิดชอบไปให้ทหาร แต่เนื่องจากวันนี้นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี มันเป็นโรคหลงตัวเอง หลงลืมตัวเอง มันไม่รู้อะไร ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ไม่รู้ว่าเขามีหน้าที่อะไร มันรออย่างเดียว คิดอย่างเดียว เมื่อไรจะเลือกตั้ง เมื่อไรกูอยากจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี มันฝันลมๆ แล้งๆ ครับ ไม่สนใจเรื่องบ้านเมืองเลย นี่คือปัญหาของชาติบ้านเมือง

พี่น้องครับ เมื่อนายอภิสิทธิ์เป็นอย่างนี้ รัฐบาลเป็นอย่างนี้ เราจึงวิพากษ์วิจารณ์ วันนี้ไม่มีใครไม่เข้าใจปัญหาของชาติบ้านเมือง แต่มันมีคนๆ หนึ่งที่พยายามทำตัวเป็นปากกระบอกเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างไม่ลืมหูลืมตา และก็ทำตัวไม่ต่างอะไรกับนายนพดล ปัทมะ เป็นโฆษกคอยปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ นายพร้อมพงศ์ คอยเป็นโฆษกปกป้องพรรคเพื่อไทย นายเจิมศักดิ์ วันนี้ก็ทำตัวเป็นโฆษกคอยเชลียร์ปกป้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แบบไม่ลืมหูลืมตา ทั้งๆ ที่เหตุการณ์บ้านเมือง การปฏิบัติหน้าที่ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทุกคนเห็นหมด ว่าหมดสภาพ ไร้วุฒิภาวะ ไม่มีความรู้ความสามารถ แต่ว่านายเจิมศักดิ์ก็ยังเห็นว่านายอภิสิทธิ์เป็นคนดีในสายตาของนายเจิมศักดิ์อยู่วันยันค่ำ

วันนี้เขาก็ออกรายการตอบโจทย์ เมื่อวานก็ออกไปแล้ว วันนี้ก็ออกอีกรอบหนึ่ง เดี๋ยววันพฤหัสฯ ผมก็จะตอบโต้เขาออกรายการนี้เหมือนกันครับ แล้ววันนี้เขาก็มาสัมภาษณ์คุณสนธิ 2 ตอนเหมือนกัน คงจะออกวันจันทร์-วันอังคาร ตอบโต้นายเจิมศักดิ์เหมือนกัน พี่น้องคอยดูในรายการตอบโจทย์ก็แล้วกัน แต่อยากจะบอกในเวทีนี้ให้คุณเจิมศักดิ์ทราบไว้ว่า การทำตัวของคุณเจิมศักดิ์ทุกวันนี้มันตกต่ำมาก คุณเจิมศักดิ์นั้นผิดไปจากคุณเจิมศักดิ์ในอดีตแล้ว คุณเจิมศักดิ์ท้ายที่สุดก็ทำตัวเป็นเพียงไม้กันหมาให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มีผิดครับ

นายอภิสิทธิ์จะทำดี ทำชั่ว ทำเลว อย่างไร เจิมศักดิ์ไม่เคยเห็น ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ คอยเชลียร์แก้ไขให้อย่างเดียว แม้กระทั่งชั่งไข่ขาย วันนี้มีพี่น้องบอกอยากจะดูรายการวันที่เจิมศักดิ์เอาผ้าอนามัยมาเช็ดหน้าตัวเอง เพื่อจะมาแก้ตัวแทนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรณีชั่งไข่ขาย คนขอมาเยอะ ผมก็เลยให้ทีมงานช่วยจัดให้หน่อย ว่าในวันที่เขาอยากจะออกมาปกป้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำอย่างไรก็ได้แม้กระทั่งยอมลงทุนเอาผ้าอนามัยมาเช็ดหน้าตัวเอง แล้วชวนให้ อ.วันชัย เช็ดหน้าตัวเองอีก เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ให้พี่น้องดูแล้วกันครับ

(VTR : เจิมศักดิ์ ใช้ผ้าอนามัยเช็ดหน้า)

ดูเอาแล้วกันพี่น้องครับ นายเจิมศักดิ์จะมาจัดรายการเพื่อแก้ตัวแทนนายอภิสิทธิ์ ที่โดนคนเขาด่าทั้งบ้านทั้งเมืองว่านโยบายชั่งไข่ขายเป็นนโยบายที่ สงสัยเจิมศักดิ์เป็นคนคิดให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงลงทุนขนาดมาเปรียบเทียบกับผ้าอนามัย ว่ามันก็เป็นสินค้าไม่ต่างกันอย่างนั้น อย่างนี้ แล้วสุดท้ายลงทุนถึงขนาดเอาผ้าอนามัยมาเช็ดหน้าตัวเอง เพื่อจะแก้ตัวให้กับนายอภิสิทธิ์ เพราะฉะนั้นถ้าฟังเพียงเท่านี้ เห็นเพียงเท่านี้ พี่น้องก็รู้แล้วว่าเรื่องอื่นๆ ที่นายเจิมศักดิ์พูดมานั้น เพื่อจะแก้ตัวให้นายอภิสิทธิ์นั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับนายนพดล ปัทมะ แก้ตัวให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช่มั้ยครับ เพราะฉะนั้นคนเหล่านี้เป็นคนที่ไม่มีหลักการ เป็นคนที่ไม่มีจุดยืน วันหนึ่งก็ด่าวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเขาฉอดๆๆๆ แต่มาถึงวันนี้ก็ทำตัวเป็นไม้กันหมาให้เขา แบบคนที่ไร้เหตุผล

ก่อนจบ ผมก็เลยจะฝากสักวา สักวาของคุณยอดธง ทับทิวไม้ อันนี้แสบมาก เขียนว่า สักวามาถึงยุคนายว่าขี้ข้าพลอย

สักวาห่าลงกินแผ่นดินทรุด
พวกเศษมนุษย์มีอำนาจวาสนา
จะยึดอำนาจสืบวงศ์ทรงศักดา
ทั้งผู้คนหมู่หมาจะย่อยยับ

เผด็จการทรราชจะเรืองโรจน์
ร่วมกันขุดค้นด่นโคตรมาขยับ
แผ่นดินไทยประชาธิปไตยจะพังยับ
กูก็งาบ มึงก็งับ กันเป็นพรวน

สักวาคนไทยกลายเป็นสัตว์
อ้ายนั้นอุด อ้ายนี้อัด ดิ้นไม่หลุด
ประชาธิปไตยคนไทยมีแต่ทรุด
มันกระชากลากฉุดตามใจมัน

ประชาชนยากจนเสรีภาพ
ประชาชนไร้สภาพที่สร้างสรรค์
ทรราชแห่โหมเข้าโรมรัน
ปลิ้นปล้อนสารพันปล้นแผ่นดิน

สักวาคนไทยกลายเป็นสัตว์
ต้องถูกขบถูกกัดไม่เคยหยุด
สิทธิ์เสรีมีแต่วันจะโทรมทรุด
ทรราชเกิดผุดมาทำลาย

ประชาธิปไตยไม่เติบโตแต่โซแห้ง
ถูกฉีกทิ้งทำแท้งกันฉิบหาย
คดในข้องอในกระดูกซุกไม้ตาย
ไว้หลอกลวงลวดลายสารยำ

สักวาเผด็จการนี้มันยับ
มันปล้อนปลิ้นสับปลับกันโปร่งใส
ตวัดลิ้นลวงหลอกปลอกปลิ้นไป
เพื่อประชาธิปไตยจะต้องทำ

ตั้งกรรมาธิกน กรรมาธิการสันดานชั่ว
ขายทั้งใจขายทั้งตัวไม่เป็นส่ำ
คอยรับใช้ทรราชฉลาดทำ
ร่วมกันอมร่วมกันอำอุบาทว์เอย

สักวาข้านี้เหวย เฮ้ยข้าแน่
มีสมุนแหนแห่เป็นฝูงๆ
ร่วมกำหนดกุมอำนาจฟาดหัวพุง
ทั้งโคตรพ่อโคตรแม่ข้าจะรุ่งนิรันดร์กาล

รัสเซียแพ้เพราะไม่แน่เท่ากับข้า
ประชาชนยังเป็นหมาไม่เหี้ยมหาญ
ข้าจะแผ่อำนาจวาสนาไปอีกนาน
อย่าเอะอะระราน ข้าเอาตาย ว่ะ

สักวาจราจรจลาจลป่นเป็นบ้า
ไม่มีใครมีหน้ามาแก้ไข
แต่ใหญ่โตโอ่อ่าว่ากันไป
ล้วนเสนียดจัญไรติดแผ่นดิน

คนกรุงเทพทนทุกข์อยู่ท่วมท้น
เศรษฐกิจปี้ป่นไปหมดสิ้น
แม้แต่หมูหมากาไก่ในแผ่นดิน
ก็หมดหวังทั้งสิ้นซังกะตาย

สักวาธรรมนูญธรรมนานเพื่อผลาญรัฐ
ไอ้นู่นเหยียดไอ้นี่ยัดยุ่งฉิบหาย
ทั้งเจ้าโง่ไอ้งั่งต่างภิปราย
พ่อนั่งฝันกันวอดวายในหอคอย

เมื่อนายว่าหมาก็ยิกกระดิกหาง
วิ่งเข้าวนทรงร่างเอร็ดอร่อย
มาถึงยุคนายว่าขี้ข้าพลอย
ร่วมสร้างรอยอัปลักษณ์ทุเรศเอย

นี่ล่ะประเทศไทย พี่น้องครับ ถ้าไม่ร่วมกันขจัดอัปรีย์ไปจัญไรมา ประเทศไทยก็คงต้องบรรลัยแน่เอย เพราะฉะนั้นพลังของพี่น้องประชาชนเท่านั้นที่จะกำหนดชะตากรรมของบ้านเมือง แนวทางของเราที่จะลงคะแนนไม่เลือกใคร หรือโหวตโนนั้น คือแนวทางที่ถูกต้องแล้ว ที่เราจะต้องสั่งสอนนักการเมืองอัปรีย์ไปจัญไรมาให้ได้รู้สำนึก วันนี้พบกันแค่นี้พรุ่งนี้พบกันใหม่ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น