"ประพันธ์" ชี้เป็นยุคอัปยศไทยตกเป็นลูกไล่เขมร เรียกร้องทหารปกป้องศักดิ์ศรีหากรัฐบาลขี้ขลาดก็ไล่ออกไป พร้อมเตือนหากไทยเสียดินแดน ระวัง "มาร์ค" โยนขี้ให้ หาว่าไม่ทำหน้าที่ เหมือนเหตุการณ์สลายแดง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายประพันธ์ คูณมี"
เมื่อเวลาประมาณ 22.30น. วานนี้ (22 เม.ย.) นายประพันธ์ คูณมี กล่าวบนเวที "รวมพลังปกป้องแผ่นดิน" ว่า ช่วงนี้นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง วิจารณ์การเคลื่อนไหวต่อสู้ของพันธมิตรฯมากผิดปกติ ทำไมถึงกล้าออกหน้าเป็นแม่ทัพใหญ่ให้นายอภิสิทธิ์ในการเผชิญหน้ากับพวกเรา ท่านได้ไปให้สัมภาษณ์รายการตอบโจทย์ ทางช่องไทยพีบีเอส และรายการเห็นว่าตน และนายสนธิ โดนพาดพิง จึงเชิญไปออก ซึ่งเทปของนายเจิมศักดิ์ จะออกอากาศวันจันทร์ และ อังคาร ของตนออกอากาศวันพฤหัสบดี ส่วนของนายสนธิอาจออกอากาศในวันศุกร์ ตอบโต้กันไป ใครจริงใครเท็จเดี๋ยวก็รู้ แต่ดูแล้วตรรกะของนายเจิมศักดิ์ที่จะมาสู้กับพวกเราไม่มีน้ำหนัก รับฟังไม่ขึ้น และคนฟังจะได้ตัดสินเองว่าเหตุผลใครมีน้ำหนักและรับฟังขึ้นมากกว่า
จากนั้นก็ไปร่วมออกรายการทางช่องสปริงนิวส์ พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเจบีซี มีนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ และนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการต่างประเทศ
นายประพันธ์ กล่าวต่อถึงกรณีกัมพูชาเปิดฉากโจมตีไทยบริเวณชายแดน ว่า การเสียชีวิตของทหารวันนี้เพราะความบัดซบของนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่อ้วนเหมือนหมู (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ไม่มีน้ำยา ถ้าประเทศไทยมีแม่ทัพนายกอง มีรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอย่างนี้ เลี้ยงไปก็เปลืองข้าวสุก เสียดายเงินภาษีประชาชน บังอาจปล่อยให้เขมรยิงอาวุธกระสุนเข้ามาไทยได้อย่างไร
ดินแดนอาณาเขตของประเทศไทยตลอดเวลาที่ผ่านมา ยุคสมัยที่เวียดนามเอากำลังทหารเรือนแสนมาช่วยนายฮุนเซน แยกอำนาจจากเขมรแดง พวกนั้นจะบุกเข้าไทยทางตาพระยา ปราจีนบุรี ทางบ้านหนองจาน พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร ทหาร จปร.รุ่น 7 กองกำลังบูรพา ตีบุกกลับจนจะถึงกรุงพนมเปญ ยึดสนามบินโปเชนตงมาแล้ว
ทำไมยุคนี้ถึงอัปยศ ถึงเป็นอย่างนี้ ก็เพราะมีนายกฯขี้ขลาดตาขาว ในชีวิตนายกฯคนนี้เหยียบขี้ไก่ยังไม่ฝ่อเลย ทำอะไรไม่เป็น จะเป็นผู้นำประเทศได้อย่างไร ตนอายมากที่มีผู้นำขี้ขลาด ตาขาว บัดซบ วันก่อนมาพูดว่าพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของไทย พูดหาพระแสงอะไร พูดทำไมไอแหล
วันก่อนที่ทะเลาะกับนายสุวิทย์ ที่อยากถอนตัวจากหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาคณะกรรมการมรดกโลก เมื่อวานนพ.วรงค์ ก็ยืนยันในรายการว่านายอภิสิทธิ์จะไม่สนับสนุนการขึ้นทะเบียนมรดกโลก จะเอาตามข้อเสนอของนายสุวิทย์ ที่ต้องจัดการเรื่องเขตแดนบริเวณปราสาทพระวิหารให้เรียบร้อยก่อน แต่ก็ตอแหลอีก เพราะการประชุมครั้งล่าสุดที่บราซิล นายสุวิทย์ไปเซ็นรับรองข้อเสนอ 5 ข้อมาแล้ว นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ก็เอาบันทึก 5 ข้อ มาตีใส่หน้าน.พ.วรงค์ เมื่อคืนนี้ด้วย
การประชุมที่บาห์เรนปีนี้ มีอย่างเดียวคือเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเท่านั้น เพราะได้ส่งมาให้ศึกษา เป็นปีแล้ว ทำมาเป็นหลอกคนไทยให้มีความหวังว่ารัฐบาลกลับมายืนจุดที่ถูกต้องแล้ว ที่สำคัญแผนบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร นายอภิสิทธิ์ก็เคยอภิปรายว่าหากไปเซ็นรับ จะเป็นการทำให้ประเทศไทยสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน แล้ววันนี้รัฐบาลนี้โดยนายอภิสิทธิ์ สั่งนายสุวิทย์ไปเซ็นลงนามรับรองมาแล้ว ยิ่งหนักกว่านายนพดล นายนพดลตีขอบเลยตัวปราสาทมาไม่มาก แต่มาสมัยนี้มันหนักกว่าอีก แล้วยังหน้าด้าน โกหกไปวันๆ
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า การปะทะที่ชายแดนไทย - กัมพูชา มันจะเกิดขึ้นอีก เกิดเรื่อย ๆ และตลอดไป ตราบใดที่มีรัฐบาลประชาธิปัตย์ นายกฯชื่อนายอภิสิทธิ์ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงชื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประเทศไทยต้องเป็นลูกไล่กัมพูชาตลอดไป เพราะคนเหล่านี้มันมีวาระซ่อนเร้น ไม่ได้รักชาติ ปกป้องแผ่นดินจริง แล้วทหารในกองทัพเลยกลายเป็นสากกะเบือพูดอะไรไม่ออก
"เลยอยากเรียกร้องถ้ากองทัพไทยจะปกป้องศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของท่าน ในฐานะเป็นทหารของชาติ มีหน้าที่ปกป้องดินแดนอธิปไตย ถ้ารัฐบาลขี้ขลาดตาขาว กลัวเสียงปืน จะปล่อยมันไว้ทำไม ทหารก็ตบเท้าเข้าไปตบกบาลมัน บอกมันให้ออกไปเดี๋ยวกูดูแลเอง ปล่อยไว้ทำไม เด็กวานซืนฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เอามาดูแลบ้านเมือง มันก็เป็นแบบนี้แหละ" โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวต่ออีกว่า เหตุการณ์ที่กัมพูชายิงถล่มไทยเป็นส่วนหนึ่งของแผนก่อกวนเพื่อดึงทหารไปทางชายแดน และนายฮุนเซน ต้องการตอบโต้ไทยเพราะไม่พอใจที่ทหารไม่ยอมไปประชุมจีบีซีที่อินโดนีเซีย
"เตือนบรรดานายทหารและผู้นำเหล่าทัพว่านายอภิสิทธิ์พูดไว้แล้วว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของไทย เมื่อใดที่กัมพูชายึดครองดินแดน หรือทำไทยเสียดินแดน ก็จะโยนขี้ทันทีว่าทหารไม่ทำหน้าที่เอง เหมือนกรณีโยนขี้ให้ทหารในการปราบจลาจล วันที่ 19 พฤษภาคม ต่อไปนี้ก็เหมือนกัน ทหารต้องดูแลอาณาเขตประเทศอย่าปล่อยให้คนหนีทหารมาบัญชาคุณ มาสั่งไม่ได้เพราะขนาดจะเป็นทหารยังไม่อยากเป็นเลย เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้มันมีวาระซ่อนเร้น แต่เชื่อเถอะอะไรที่มันกลัวมันจะวิ่งเข้าหา ตอนนี้ก็ถามกันทั่วว่าจะมีการเลือกตั้งหรือเปล่า แต่อย่างไรก็ตามต้องเตรียมแผนโหวตโนไว้" นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า หากนายเจิมศักดิ์ ทำตัวเป็นปากเสียงปกป้องนายอภิสิทธิ์ ตนก็จะไม่พูดถึง ถ้าไม่พาดพิงตน แต่ถ้ายังแว้งมาทำลายเครดิตตน ก็ไม่ถอย ยอมรับว่าเป็นคนไปชวนนายเจิมศักดิ์ มาช่วยนายสนธิเดินขบวนเอง เพื่อร่วมต่อสู้กับพี่น้องประชาชน เพราะเราต้องการพลังในการต่อสู้กับทักษิณ แต่จากนั้นจะได้ดิบได้ดีอะไรจากนายอภิสิทธิ์ ประชาชนจะพิจารณาเอง
คำต่อคำ “ประพันธ์ คูณมี”ปราศรัย
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน กราบสวัสดีพี่น้องทางบ้าน และทุกท่านที่อยู่ต่างประเทศ ก่อนอื่นต้องขอแก้ข่าวหน่อยว่า ผมมีพออยู่พอกินไม่ได้รวยมาก ไม่จนไม่เจ็บและไม่อดอยากปากแห้ง และไม่ต้องทำตัวเป็นขอทานแบมือขอใครเท่านั้นเองครับ ไม่เคยรีดไถใคร ไม่ต้องมีนารีอุปถัมภ์ เลี้ยงตัวเองได้ และเลี้ยงตัวเองอย่างมีความสุขมานานแล้ว จึงสามารถมีเวลามาทำงาน อุทิศเวลาให้กับประเทศชาติบ้านเมือง และร่วมสู้กับพี่น้องประชาชน โดยที่ตัวเองและครอบครัวไม่เดือดร้อน
ก่อนอื่นต้องกราบเรียนพ่อแม่พี่น้องว่า เมื่อวานที่หายไป อย่างที่พี่สนธิได้พูดไปแล้ว ไปทำหน้าที่เป็นปากเสียงแทนพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่นี่ ไป 2 รายการ เวลาประมาณ 13.30-14.00 น.บันทึกเทปรายการตอบโจทย์ ที่สถานีไทยทีวี หรือ ไทยพีบีเอส ที่อาคารชินวัตร 3 ทราบว่าต่อไปไทยทีวีคงจะย้ายจากสถานที่ดังกล่าวไปสำนักงานแห่งใหม่ เหตุที่ไปรายการตอบโจทย์ เพราะว่า อ.เจิมศักดิ์ ไปให้สัมภาษณ์ในรายการตอบโจทย์ไว้ 2 เทป คือจะออกวันจันทร์กับวันอังคาร ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก ในช่วงนี้ อ.เจิมศักดิ์ ขยันพูด ขยันเขียน ขยันให้สัมภาษณ์ออกรายการ เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ กระแนะกระแหน หรือกระทั่งโจมตีการต่อสู้ หรือตัวผม หรือคุณสนธิ เป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติ น่าสังเกตอย่างยิ่ง ว่าทำไม อ.เจิมศักดิ์ ถึงกล้าออกหน้า ผมไม่บังอาจเรียกท่านเป็นทหารเลวหรอก ออกมาเป็นแม่ทัพใหญ่ให้กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในการเผชิญหน้ากับพวกเรา แต่จะเป็นแบบแม่ทัพเยิ้มหรือเปล่านั้น โปรดติดตามชม
ท่านไปให้สัมภาษณ์ไว้ 2 ตอน จะออกวันจันทร์กับวันอังคาร ฝ่ายดำเนินรายการเห็นว่าพาดพิงถึงผม และคุณสนธิ เขาก็ให้ความเป็นธรรม โดยให้ผมไปออกรายการคนเดียว ประมาณ 30-40 นาที บันทึกเทปไว้เหมือนกัน เมื่อวานผมไปบันทึกเทปไว้แล้ว อ.เจิมศักดิ์ ออกวันจันทร์ วันอังคาร ของผมออกวันพฤหัสบดี พี่สนธิอาจจะออกวันศุกร์ ตอบโต้กัน หมัดต่อหมัดใครจริงใครเท็จเดี๋ยวก็รู้ครับพี่น้อง ติดตามชมรายการตอบโจทย์แล้วกัน ผมดูแล้ว ตรรกะ ปรัชญา วิธีคิดวิธีพูดวิธีอธิบาย เหตุผลที่จะโต้แย้งกับพวกเรา ของ อ.เจิมศักดิ์ บอกได้เลยนะครับ มันไม่มีน้ำหนัก ไม่มีเหตุผล และรับฟังไม่ขึ้น จะไม่บังอาจว่าเป็นคนละชั้นหรอก เพราะว่าสาธุชนและคนฟังเขาจะตัดสินใจได้เองว่า เหตุผลใครมีน้ำหนัก รับฟังขึ้นมากกว่ากัน
หลังจากบันทึกรายการตอบโจทย์แล้วก็ไปออกรายการที่ช่องสปริงนิวส์ 20.30-22.00 น.เมื่อวานนี้ ซึ่งผมบอกน้องๆ หลังเวทีไว้ว่าจะไปออกรายการ แต่ไม่ได้แจ้งพ่อแม่พี่น้อง แต่มีบางท่านเปิดชม ออกรายการที่สปริงนิวส์ เป็นรายการปลอกเปลือกข่าว ใช้เวลาออกรายการประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที มีผู้มาร่วมรายการคือ คุณหมอวรงค์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ และคุณต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.อุดรธานี และเป็นประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร และผม ประพันธ์ คูณมี ซึ่งเขาให้เกียรติ ในฐานะตัวแทนพี่น้องประชาชนผู้ชุมนุม ไปในฐานะโฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย
เรื่องที่พูดคุยเมื่อวานนี้มี 2 ประเด็นใหญ่ๆ ประเด็นแรกคือ กรณีเจบีซี บันทึกความตกลง 3 ฉบับ ที่รัฐสภา โดยคณะรัฐมนตรีมีมติถอนร่างบันทึกทั้ง 3 ฉบับออกไป และรัฐสภาได้รับความเห็น ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ 5 ประเด็นที่เสนอให้รัฐบาลนำไปพิจารณา ผู้ดำเนินรายการถามในประเด็นนี้ว่า 1. เหตุใดจึงถอนออกไป ถอนไปแล้วรัฐบาลจะดำเนินการต่อไปอย่างไร และจะมีผลดีผลเสียหรือผลกระทบต่อปัญหาดินแดน อธิปไตย และความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาอย่างไร อีกประเด็นเรื่อง การขึ้นทะเบียนมรดกโลก ที่จะมีการประชุมในเดือนมิถุนายน หลังจากที่คุณสุวิทย์ คุณกิตติ มีท่าทีลีลาว่าจะลาออก ท้ายที่สุดเกี๊ยะเซียะ จูบปากกันได้ระหว่างนายสุวิทย์ ไตรรงค์ และนายอภิสิทธิ์ จนมีการจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมา มีนายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็นประธาน เพื่อดำเนินการเข้าร่วมประชุม และเจรจาตกลงในเรื่องนี้ต่อไป สองประเด็นนี้เป็นประเด็นใหญ่ที่พูดคุยกัน เมื่อวานนี้ พี่น้องที่ติดตามชมทางสปริงนิวส์ คงได้เห็นแล้วว่าบรรยากาศการพูดคุยกันเมื่อวานนี้ เป็นเรื่องที่ผมรู้สึกเศร้าใจกับคนของพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ จริงๆ ครับพี่น้อง ที่เศร้าใจคือว่า ในรายการ คนที่พูดจาเป็นผู้ใหญ่ มีเหตุมีผล น่ารับฟัง กลายเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย คือ นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น มีการทำการบ้าน และเข้าใจปัญหามากกว่า ส่วนคนของพรรคประชาธิปัตย์ มีอยู่ 3 เรื่องที่ตั้งใจจะมาทำ และมาพูดในรายการ 1.มาแก้ตัวให้กับการกระทำของตัวเองและรัฐบาล 2.มาปัดความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาท ปัญหาเรื่องดินแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา เดี๋ยวผมอธิบายนิดนึงว่าแก้ตัวอย่างไร มาชี้แจง มาแก้ตัว มาปัดความรับผิดชอบ โยนความผิดให้คนอื่น และ 3.มาใส่ร้ายพี่น้องประชาชนที่ร่วมต่อสู้ว่า เป็นพวกกระหายสงคราม อยากจะทำสงครามกับกัมพูชา สรุปแล้วคือ หาทางแต่จะแก้ตัว ไม่เคยยอมรับความเป็นจริงของปัญหาเลยครับพี่น้องครับ เดี๋ยวใครเปิดดูเทปย้อนหลัง หรือเข้าไปดูในเว็บไซต์ย้อนหลังของทีวีดาวเทียมช่องนี้ ท่านคงจะเห็นพฤติกรรม
สรุปคือ ในรายการเขาบอกว่า ที่รัฐบาลต้องยอมถอนบันทึกความตกลงเจบีซี 3 ฉบับออกไป เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่ายังไม่ครบขั้นตอน แต่ที่สำคัญคือ พยายามอธิบายว่า เป็นโชคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยกคำร้องในเรื่องนี้ และเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลถอนบันทึกความตกลงเจบีซีออกไป เขาบอกเป็นโชคดี และพ่วงเข้ามาตีกินอีก บอกเป็นบทพิสูจน์ว่า รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ทำให้เสียดินแดนตามคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ แหลไหมครับพี่น้อง น่าละอายจริงๆ คือจะพูดว่า โอเค เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลว่า เรื่องนี้ยังอยู่ในกระบวนการขั้นตอนอีกหลายขั้นตอน ต้องไปทำให้เสร็จสิ้นและมีการลงนามเสียก่อน จึงจะมาขอความเห็นชอบจากสภา และจึงจะมายื่นขอความเห็น ถาม หรือร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า สัญญาดังกล่าวชอบหรือไม่ชอบอย่างไร หรือมีผลทางกฎหมายหรือไม่ แต่เรื่องยังไม่ครบขั้นตอน ศาลรัฐธรรมนูญเป็นแต่เพียงว่า เรื่องนี้ยังไม่อยู่ในเกณฑ์หรือขั้นตอนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยให้ จึงยกคำร้อง ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้วินิจฉัยเลยว่า ที่ศาลไม่รับคำร้องเพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ทำให้เสียดินแดน ทำไมต้องไปแหลครับพี่น้อง คนละเรื่อง นี่คือนิสัยและสันดานของคนที่ไม่อยู่บนความจริง
เสร็จแล้วเมื่อเวลาที่เราจะอธิบาย โต้แย้ง ชี้แจงกับประชาชน กับผู้ฟัง ก็พยายามมาขัดผม เวลาผมจะพูด ผมก็เลยอบรมสั่งสอนไปในรายการว่า เวลาที่ผมพูดคุณควรจะฟังและให้เวลากับผม เพราะคุณใช้เวลามากแล้วผมยังนั่งฟังคุณพูดเลย ต้องสั่งสอนในรายการ แล้วก็บอกว่า ที่คุณต้องถอนบันทึกเจบีซี 3 ฉบับออกไป มันเป็นไปตามที่ภาคประชาชนเขาเตือนมาตั้งนานแล้วว่า บันทึกนี้ยังไม่ใช่หนังสือสัญญาที่จะมาขอความเห็นชอบจากสภา และคุณเอามาเข้าสภาแล้วต้องถอนกลับไป แสดงว่าคุณก็หน้าแตก คุณจะอ้างว่าต้องไปขอความเห็นรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน ความจริงแล้ว ที่ทำเนียบรัฐบาลคุณมีฝ่ายกฎหมาย สำนักงานกฤษฎีกา คือสำนักงานที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล ทำไมคุณไม่ถาม ทุกครั้ง ทุกเรื่อง ก่อนจะเข้าสภา มันต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนว่า เรื่องนี้อยู่ในเกณฑ์เป็นหนังสือสัญญาที่ควรจะมาขอความเห็นชอบจากรัฐสภาหรือไม่ แต่เพราะคุณต้องการจะทำเพื่อเอาใจกัมพูชา และเพื่อชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลไทย รัฐสภาไทยให้การรับรองกระบวนการตามเอ็มโอยู 2543 คุณเลยลักไก่เอาเข้ามาขอความเห็นชอบ แต่ครั้นเดินหน้าไม่ได้ ต้องถอนออกไป ยังมาแหลอีกว่า ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าเรายังไม่ทำให้ไทยเสียดินแดน ส่วนข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ 5 ข้อนั้น เป็นข้อสังเกตที่ไม่มีผลผูกพันอะไรกับประเทศกัมพูชา มันเป็นเรื่องความเห็นของสภา หรือกรรมาธิการ เท่านั้น ไม่มีผลผูกพันต่อรัฐบาลกัมพูชาและประเทศไทยกับกัมพูชา แต่อย่างใดครับพี่น้องครับ
แล้วอีกประเด็นหนึ่งที่ผมเศร้าใจและละอายใจที่สุด ที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แบบนี้ เขาอ้างว่า ที่เรากำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้ตามเจบีซี เพื่อสำรวจเขตแดนอยู่นี่ เขาบอกว่า ไม่ใช่เป็นการสำรวจปักปันเขตแดน เป็นการสำรวจเพื่อปักหลักเขตแดน บอกเพื่อสำรวจและปักหลักเขตแดน และ 2.เนื่องจากฝ่ายกัมพูชากับฝ่ายเรา อ้างข้อพิพาท อ้างอธิปไตยในดินแดนตลอดแนวชายแดน เราจึงมีคณะกรรมการนี้ขึ้นมา แต่เราไม่ได้ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เป็นการสำรวจเพื่อปักหลักเฉยๆ เหมือนไปดูว่า หลักเขตเราอยู่ตรงไหนแล้วปักหลักให้เป็นไปตามที่สนธิสัญญามีอยู่แต่เดิม ผมก็เลยแย้งไปว่า คุณเปิดดู นี่ผมจะอ่านให้คุณดู ผมก็เอา เอ็มโอยู 2543 มาอ่านให้ดูว่า ข้อ 1 ข้อ 2 ว่าอย่างไร ว่าทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่า จะสำรวจปักปันเขตแดนโดยยึดถือภายใต้เอกสารดังต่อไปนี้ 1, 2, 3 เขาใช้คำว่า สำรวจและปักปันเขตแดน เขาไม่ได้ใช้คำว่า สำรวจและปักหลัก คุณเอาภาษาที่ไหนมาใช้ คุณบอกภาษาของสภา สภาพูดแต่ในหนังสือเอ็มโอยู เขาพูดเหมือนคุณรึเปล่า แล้วมันจะมีผลผูกพันไหม มันก็คนละเรื่องใช่ไหมครับพี่น้อง แล้ว 2.คุณบอกไม่ใช่การสำรวจปักปันเขตแดน คุณก็พูดอยู่ดีว่าในขณะนี้ในบันทึกที่คุณเอามาเข้าสภา ว่าขณะนี้ได้สำรวจไปแล้วหลักที่ 1-48 สำรวจพบหลักหมุดและปักปันเขตแดนแล้วเสร็จ ยังเหลืออยู่อีกกี่หลัก จะดำเนินการตามขั้นตอน 1, 2, 3, 4, 5 เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วจะจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศและลงนามร่วมกัน เมื่อรายละเอียดมันเป็นอย่างนี้ ทำไมคุณจะต้องมาบอกว่า เป็นการสำรวจปักหลัก ไม่ใช่เป็นการสำรวจปักปันเขตแดน นี่มันเท่ากับเป็นการเรายอมรื้อหลักเขตแดนทั้งหมด 73 หลักตลอดแนวชายแดนใหม่เลย ทั้งๆ ที่เราปักปันสำรวจกันเสร็จมาแล้วเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว ยังมาบอกว่าไม่ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 คุณไม่ยอมรับได้อย่างไร ในเอ็มโอยูมันก็เขียนไว้อยู่แล้วว่า ภายใต้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ซึ่งก็คือเนื้อความ แผนที่ที่เขาอ้าง
เมื่อเป็นดั่งนี้ผมจึงเศร้าใจว่า ทำไมบ้านเมือง ข้อเท็จจริงบนเวทีนี้เราให้ข้อเท็จจริงไปตลอดว่า การที่เรายอมทำเอ็มโอยู 2543 นี่แหละมันเท่ากับเรายอมรับและรื้อหลักการที่มีการสำรวจปักปันเขตแดนเสร็จไปแล้วเมื่อ 100 กว่าปี ก่อนที่ฝรั่งเศสจะถอนกำลังออกไปจากดินแดนของกัมพูชา คืนเอกราชให้กับประเทศกัมพูชา มันมีการปักปันเขตแดนกันไปสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว แต่ที่คุณมาทำใหม่นี่คือ คุณรื้อหลักการที่รัชกาลที่ 5 กับประเทศกัมพูชาเขาทำเอาไว้ มาถึงวันนี้ คนของพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และบรรดา ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ยังดื้อด้าน ดื้อตาใส ไม่ยอมรับความเป็นจริงว่า มรดกบาปที่นายชวนเซ็นเอ็มโอยู 2543 หรือมอบให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไปเซ็นนั้น คือมรดกบาป ที่พรรคนี้ทำไว้ด้วยความอัปยศกับประเทศไทย และแผ่นดินไทย เรื่องนี้จะเป็นตราบาปกับพรรคของพวกคุณไปตลอดชาติ จนกว่าแผ่นดินจะกลบหน้าคุณ ลูกหลานคุณ ทุกคน ญาติพี่น้องของคุณจะต้องถูกประณามว่า ที่เราต้องเสียดินแดน ถ้าหากจะเกิดขึ้นในคราวนี้ ก็เป็นเพราะผลงานของพรรคประชาธิปัตย์เต็มๆ ครับพี่น้อง
ทีนี้เขาก็มักจะอ้างว่า เรื่องข้อพิพาทเรื่องเขตแดน เรื่องปักปันสำรวจ มันเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องมาหลายรัฐบาลแล้ว ผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว รัฐบาลนี้เพียงแต่ดำเนินการสืบเนื่องต่อเนื่องจากรัฐบาลอื่น ความจริงแล้วครับพี่น้อง ไม่เป็นความจริงเลย รัฐบาลที่ผ่านมายังสำรวจปักปันเขตแดนได้ไม่กี่หลัก ที่ไปหลายหลักจนกระทั่งจะเสร็จสิ้นแล้ว มันเกิดขึ้นในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ นี่คือปัญหา และ 2.ผมจะบอกให้ฟัง ตั้งแต่ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่สมเด็จพระนเรศวรตัดตอพระยาละแวก ประเทศไทยยังไม่เคยถูกทหารเขมรยิงปืนแม้แต่นัดเดียวใส่ประชาชนไทยเลย มันเกิดเหตุอัปยศอดสู เลวทราม ก็ยุคสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ และพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลนี่แหละครับพี่น้อง ทหารเขมร ประเทศกัมพูชา ที่มีพลเมืองไม่ถึง 10 ล้าน เหิมเกริมขนาดยิงปืนใหญ่ อาวุธ กระสุน ถล่มเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนไทยเรือนแสนเรือนหมื่นต้องกลายเป็นผู้อพยพ แต่นายกฯ ยังหน้าด้านตอแหลไปวันๆ ครับพี่น้อง ประเทศไทยยังไม่เคยมีเลย ผมจะบอกให้ ไม่ว่ารัฐบาลไหนที่ผ่านมาจะดีจะชั่วจะเลวจะโกงอย่างไร ก็ไม่เคยก้มหัวขายศักดิ์ศรี และยอมทำให้ประเทศเสียเกียรติภูมิเหมือนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นี่คือความจริงครับพี่น้อง แล้วไม่เคยมีรัฐบาลไหนเลวทราม ปล่อยให้คนของตัวเองถูกจับในแผ่นดินแล้วยัดเยียดผลักไสให้ไปขึ้นศาลเขมร ถูกตัดสินจำคุกอยู่เท่าทุกวันนี้ การกระทำอัปยศ เลวทรามขนาดนี้ยังไม่มีสำนึก ยังดื้อด้าน หน้าด้าน ดื้อตาใส นั่งทับขี้ กูไม่ไปกูไม่ออก กูขอหน้าด้านเป็นนายกฯ อย่างเดียวครับพี่น้อง
พี่น้องครับ และพี่น้องทหารหาญที่เคารพ ที่ทหารของท่าน และทหารของพวกเรา ลูกหลานของพวกเรา ทุกคนเหมือนกัน ต้องเสียชีวิตไปวันนี้ก็เพราะความเลวทราม บัดซบ อ่อนแอ สารเลวของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ และแถมอีกคน ก็เพราะมีรัฐมนตรีกลาโหมที่อ้วนเหมือนหมู ไม่มีน้ำยา ผมคิดว่าถ้าประเทศไทยมีแม่ทัพนายกอง มีผู้บังคับบัญชา นายกรัฐมนตรี รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีกลาโหมแบบนี้เลี้ยงไว้ก็เปลืองข้าวสุก เสียดายเงินภาษีประชาชนจริงๆ โธ่เอ๊ย มันบังอาจปล่อยให้เขมรยิงอาวุธ กระสุนปืนใหญ่ถล่มเข้ามาในประเทศไทยได้ อย่างไร และดินแดนอาณาเขตของประเทศไทย ตลอดเวลาจำได้ไหมครับ สมัยที่เขมรทำเหิมเกริมจะบุกรุกเข้ามา ยุคสมัยที่เวียดนามเอากำลังเรือนแสนเข้ามาช่วย นายฮุน เซน ปลอดปล่อยแย่งอำนาจจากเขมรแดง มันจะบุกเข้ามาทางตาพระยา ปราจีนบุรี ทางบ้านหนองจาน พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิต ทหาร จปร.รุ่น 7 กองกำลังบูรพา ตีบดขยี้ไปจนกระทั่งจะถึงกรุงพนมเปญ ยึดสนามบินโปเชนตง มาแล้ว ทำไมถึงยุคนี้ถึงอัปยศ ถึงเป็นอย่างนี้ ก็เพราะเรามีนายกฯ ที่ขี้ขลาดตาขาวไงครับพี่น้อง ในชีวิตนายกฯ คนนี้มันเหยียบขี้ไก่ยังไม่ฝ่อ ทำอะไรไม่เป็น จะเป็นผู้นำประเทศได้อย่างไร ผมอายมากที่มีผู้นำประเทศขี่ขลาดตาขาว บัดซบ
แล้ววันก่อนมาพูดบอก ดินแดน 4.6 ตารางเมตร เป็นของไทย พูดหาพระแสงอะไรครับ พูดทำไมไอ้แหล และเมื่อวันก่อน ที่ทะเลาะกัน นายสุวิทย์อยากจะถอนตัวจากการเป็นประธานคณะกรรมการมรดกโลก เพราะไม่เป็นเอกภาพ เมื่อวานนี้ นายแพทย์วรงค์ ยืนยันในรายการบอกว่า นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า จะไม่ยอมสนับสนุนการขึ้นทะเบียนมรดกโลก จะเอาตามความเห็นของนายสุวิทย์ว่า เรื่องทะเบียนมรดกโลกต้องจัดการเรื่องเขตแดนบริเวณปราสาทพระวิหารให้เรียบร้อยเสียก่อน แต่ความจริงก็คือการตอแหลอีก เพราะอะไรครับพี่น้อง เพราะในการประชุมครั้งสุดท้ายที่ประเทศบราซิล นายสุวิทย์ คุณกิตติ เซ็นชื่อลงนามยอมรับแผนบริหารจัดการเขา 5 ข้อ ซึ่งเรารู้แล้ว แล้วนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ก็เอาบันทึกที่นายสุวิทย์ลงนาม 5 ข้อ ตีใส่หน้านายวรงค์ในรายการเมื่อคืนนี้ด้วย การประชุมที่บาห์เรน คราวนี้มีอย่างเดียวว่า คุณจะให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบในการที่เขาเสนอแผนบริหารจัดการ เพราะเขาส่งแผนมาให้คุณและคุณเซ็นรับรอง นำมาศึกษาเป็นปีแล้วครับ แต่ทำท่าทำทีมาบอกว่า เรายังไม่ตกลงจนกว่าจะคุยกันเรื่องเขตแดนเป็นที่เรียบร้อยเสียก่อน นี่ก็หลอกให้คนไทยเชื่อ มีความหวังว่า สงสัยรัฐบาลนี้คงกลับมายืนบนจุดยืนที่ถูกต้องแล้ว ที่ไหนได้มันเซ็นรับแผนบริหารจัดการเขาเรียบร้อยแล้ว พี่น้องจำได้ไหมครับ
ที่สำคัญ แผนบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบนี้ นายอภิสิทธิ์เคยอภิปรายอยู่ในสภาใช่ไหม เคยอภิปรายว่า นี่ท่านไปรับแผนบริหารจัดการ หลังจากคำพิพากษาเราตีรั้วไว้ มติ ครม.ปี 2505 จอมพลสฤษดิ์ ตีเส้นล้อมรั้วไว้อย่างไร ท่านไปยอมรับแผนที่บริหารจัดการ ออกมาจากขอบปราสาทนี้ มันก็เป็นการทำให้ประเทศไทยสุ่มเสี่ยงและเสียดินแดนไปแล้ว นี่คือคำพูดของนายแหลในสภาใช่ไหม แล้ววันนี้รัฐบาลนี้โดยนายอภิสิทธิ์สั่งให้นายสุวิทย์เซ็นลงนามรับรองเขาแล้ว นี่คุณยิ่งหนักกว่านายนพดลอีกใช่ไหมครับ ผมถึงบอกว่า สมัยนายนพดลยังตีขอบออกมา เลยตัวปราสาทมาไม่มาก มาสมัยนี้หนักกว่าเขาอีก ยังหน้าด้าน และยังตอแหลโกหกไปวันๆ กับพี่น้องประชาชนไทย
พี่น้องครับ การปะทะกันที่ชายแดนถึงต้องเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ และจะเกิดขึ้นตลอดไป ตราบใดที่มีรัฐบาลประชาธิปัตย์ นายกฯ ชื่อนายอภิสิทธิ์ รัฐมนตรีกลาโหม ชื่อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ และมีรองนายกฯ ชื่อ นายสุเทพ ประเทศไทยจะต้องเป็นเบี้ยล่างและลูกไล่กัมพูชาตลอดไป เพราะคนเหล่านี้มีวาระซ่อนเร้น ไม่ได้รักชาติจริง ไม่ปกป้องแผ่นดินจริง แล้วทหารหาญในกองทัพก็เลยเป็นทหารถือสากกระเบือ พูดอะไรไม่ออก ผมถึงอยากจะเรียกร้อง ถ้ากองทัพไทยท่านจะปกป้องเกียรติภูมิศักดิ์ศรีของท่าน ในฐานะท่านเป็นทหารของชาติ มีหน้าที่ปกป้องดินแดนอธิปไตย ถ้ารัฐบาลขี้ขลาตาขาว กลัวเสียงปืนดัง ตกใจ วิ่งกระตู้ฮู้ ก็จะปล่อยมันไว้ทำไม ทหารก็ตบเท้าเข้าไปแล้วตบกะบาลมันซิ มึงออกไปเดี๋ยวกูดูแลเอง ปล่อยเอาไว้ทำไมเด็กวานซืน ฟันยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เอามาดูแลบ้านเมือง คบเด็กสร้างบ้านมันก็เป็นอย่างนี่แหละพี่น้อง มันดีแต่พูด ดีแต่แหล ดีแต่ลีลาสำนวนโวหารพลิ้วไปพลิ้วมาลื่นยิ่งกว่าปลาไหล คนแบบนี้พี่น้องจำเอาไว้ ใครมีลูกสาวอย่าเอามาเป็นลูกเขยเด็ดขาด ทำอะไรไม่เป็นได้หน้าแล้วลืมหลัง อ้อ ได้หลังแล้วลืมหน้า
พี่น้องที่เคารพรักครับ เมื่อคืนที่ไปก็ทำหน้าที่กับพี่น้อง เรียกว่าในรายการผมชกกับมันรอบทิศเลยครับ และไม่ยอมให้มันมาแหลหน้าจอเลย จะอ้าปากพูดอะไรที่เป็นการโกหกผมต้องตอบโต้ทันที ไปทำหน้าที่แทนพ่อแม่พี่น้องประชาชนในรายการซึ่งเป็นความจำเป็น เนื่องจากว่า พี่น้องครับอย่างที่คุณสนธิพูด ขณะนี้ก็คือ ยุทธวิธีของเขา ประชาธิปัตย์โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังใช้นายเจิมศักดิ์และลูกทีมมาเป็นหัวหอกในการทำลายพวกเรา โดยเฉพาะมองว่าผมกับคุณสนธิเป็นเป้าหมาย ไปออกรายการไทยพีบีเอส เจิมศักดิ์พูดในทำนองพาดพิงถึงสนธิ เหมือนกับว่าคุณสนธิไปฮ่องกงไปรับเงินจากทักษิณ พจมาน มาเคลื่อนไหวล้มล้างรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เรื่อง มิสเตอร์เอส จำได้ไหมครับพี่น้องครับ คนอย่างเจิมศักดิ์ทำไมต้องกลายเป็นเครื่องมือของนายอภิสิทธิ์ ไม่ต่างอะไรจากนายนพดลปกป้องทักษิณ ไม่ต่างอะไรจากนายสมัคร นายดุสิต เป็นโฆษกให้รัฐบาลเผด็จการ โกงบ้านกินเมืองในอดีตเลยครับพี่น้อง
แล้วประเด็นที่เขาพูดในทางพาดพิงมาถึงผมก็คือ เขาบอกว่าผมโกหก พูดไม่จริง ที่หาว่าเขามาขอขึ้นเวทีพันธมิตรฯ มาแล้วก็เอารายการส่วนตัวพ่วงมาด้วย มาจัดรายการในเวลาพาร์มไทม์ ความจริงแล้วบอก ที่นี่เป็นคนไปขอร้องให้เขามา แล้วเขาจัดรายการอยู่ก่อนแล้ว วันนี้ผมเลยเขียนข้อเท็จจริงลงในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ แล้วครับ พี่น้องไปอ่านดู จุดยืนที่เปลี่ยนไปของ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผมตอบไปว่า คุณเจิมศักดิ์คงลืมไป ผมไม่เคยพูดเลยว่า เจิมศักดิ์มาขอขึ้นเวที และผมพูดจริงว่า เมื่อสถานการณ์มีพี่น้องมาชุมนุมจำนวนมาก เจิมศักดิ์เลยมาขึ้นเวที มาแล้วเอารายการตัวเองมาจัดบนเวทีนี้ นี่ผมพูดความจริง ตรงไปตรงมา คุณไปเปิดเทปดูได้ ผมไม่เคยกล่าวหาคุณว่า คุณมาอ้อนวอนขอขึ้นเวที แล้วจะบอกให้ ผมเขียนลงใน ASTV ผู้จัดการออนไลน์ วันนี้ เป็นบทความ ว่าผมรู้จักเจิมศักดิ์มาตั้งแต่สมัยพฤษภาฯ หลัง พฤษภาฯ 35 พฤษภาฯ 35 ผม พล.ต.จำลอง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ สู้กับรัฐบาลสุจินดา คราประยูร ไล่รัฐบาลเผด็จการ สู้จนชนะแล้วนำประชาธิปไตยกลับคืนมา จนทำให้คุณอานันท์ ปันยารชุน ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และการต่อสู้ครั้งนั้นที่ พล.ต.จำลอง อดข้าว ทำให้ พล.ต.จำลอง และพรรคพลังธรรม เป็นขวัญใจของมหาชน จนกระทั่งพรรคประชาธิปัตย์อิจฉาตาร้อน และหาทางทำลาย พล.ต.จำลอง โดยกล่าวหาว่า พล.ต.จำลอง พาคนไปตาย ในการเลือกตั้งครั้งนั้น แล้วยังลงทุน หน้าด้านไปเอารูปของท่านปรีดี พนมยงค์ กับ อ.ป๋วย มาลงโฆษณาหาเสียงโจมตี พล.ต.จำลอง โดยเอาผู้เฒ่า 2 ท่านที่ประชาชนเคารพนับถือ คือ อ.ปรีดี พนมยงค์ กับ ดร.ป๋วย ถ่ายภาพนั่งบนเก้าอี้ที่อังกฤษ ขึ้นป้ายโฆษณา และขึ้นภาพโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ชี้ว่า เขาไม่เห็นด้วยกับอนาธิปไตย คือการก่อเหตุให้บ้านเมืองวุ่นวาย แล้วชี้ไปที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แต่ก่อน พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา ท่านปรีดี พนมยงค์ ว่าปลงพระชนม์รัชกาลที่ 8 แต่พอจะเลือกตั้ง อยากทำลาย พล.ต.จำลอง ไปเอารูป นายปรีดี พนมยงค์ ที่มันทำร้ายทำลายแกมาแล้ว มาหาเสียงทำลาย พล.ต.จำลอง คนแบบนี้เลวไหมครับ มันทำได้นะครับ
วันนี้เหมือนกัน เมื่อก่อนตอนสู้กับทักษิณ ประพันธ์ คูณมี กับสนธิ ลิ้มทองกุล มันรักปานจะกลืนกิน ประพันธ์ คูณมี ผมเข้าพรรคมีคนอาสาจะมาดูแลผม บอกว่าต้องดูแลประพันธ์หน่อยนะ เอ่ยชื่อก็ได้ วิทยา แก้วภราดัย ลื้อไม่ต้องสนใจ ประพันธ์ คูณมี อั๊วะจะดูแลเอง ทั้งประพันธ์ คูณมี ทั้งสนธิ ตอนสู้กับทักษิณ ขวัญใจเขาเลยครับ แต่มาวันนี้ ผมไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่ขายชาติขายแผ่นดิน ผมไม่เห็นด้วยที่นายอภิสิทธิ์เป็นเด็กปัญญาอ่อน บริหารบ้านเมืองไม่ได้ ปล่อยให้รัฐบาลโกง ประเทศโกง ประเทศเสียหาย ผมไม่เห็นด้วยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์โกง พรรคร่วมรัฐบาลโกง และยังขายชาติขายแผ่นดิน มันเห็นผมเป็นศัตรูไปแล้วครับพี่น้อง เห็นสนธิเป็นศัตรูแล้ว วันนี้จึงพยายามหาทางทำลายทุกวิถีทาง ให้เจิมศักดิ์ออกมา นึกว่าทหารอย่างเจิมศักดิ์ เจอกระบี่ผมดอกเดียวก็หงายเก๋งแล้วพี่น้อง น้ำหน้าอย่างนี้หรอ เพราะคนอย่างนายเจิมศักดิ์ไม่เคยผ่านการต่อสู้มาแบบผม เคยแต่ตีกินเหมือนพรรคประชาธิปัตย์ ถึงอยู่ด้วยกันได้กับนายอภิสิทธิ์ เคยแต่ตีกิน ไม่เคยผ่านชีวิตต่อสู้ทางการเมืองอย่างโชกโชน คนอย่างผมไม่มีแผล ไม่เคยตีกิน ไม่เคยรีดไถแบมือขอใคร มีเกียรติและมีศักดิ์ศรี เพราะฉะนั้นพี่น้องครับ ผมสู้พฤษภาฯ หลังเหตุการณ์พฤษภาฯ ผมจึงเห็นหน้านายเจิมศักดิ์ครั้งแรก เพราะแวะเวียนไปที่โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค และโรงแรมอิมพีเรียล ถนนวิทยุ ตอนนั้นผมเป็นที่ปรึกษาให้ คุณอากร ฮุนตระกูล ทางกฎหมาย และอากรมาลง ส.ส.พรรคพลังธรรม ร่วมกับท่านประสงค์ สุ่นศิริ อากรลงเขตดุสิตกับ พ.อ.วินัย ประสงค์ สุ่นศิริ ลงเขตบางกอกน้อย มาลงพรรคการเมืองพลังธรรมด้วยกัน ประสงค์เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ตั้งอากร ฮุนตระกูล เป็นที่ปรึกษา ผมเป็นเลขาและที่ปรึกษา ประสงค์ สุ่นศิริ ทำงานด้วยกันที่กระทรวงต่างประเทศ ตกเย็นกินข้าว กินกาแฟที่โรงแรมอิมพีเรียล ก่อนประชุมเคลื่อนไหวขับไล่เดือนพฤษภาทมิฬ ไล่รัฐบาล พล.อ.สุจินดา ผมเป็นหัวหอกในการนัดหมายพรรคพวกมาประชุมที่โรงแรมอิมพีเรียล ถนนวิทยุ เมื่ออากรสร้างโรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค ผมไปทำงานช่วยอากรที่โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค จึงได้เจอหน้านายเจิมศักดิ์แวะเวียนมาที่โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค บ่อยๆ เพราะอะไรครับ เพราะอากรเป็นเศรษฐีมีเงินเยอะ และเป็นผู้มีใจเสียสละ สนับสนุนนักการเมือง นักต่อสู้ นักกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อประชาธิปไตย ใครๆ ก็รักอากร เพราะอากรเป็นคนมีน้ำใจ พูดง่ายๆ หนังสือพิมพ์มติชนที่ไม่เจ๊งทุกวันนี้ ได้เงินทุนมาจาก อากร ฮุนตระกูล คุณขรรค์ชัย บุนปาน และคุณพงษ์ศักดิ์ พยัคฆ์วิเชียร รู้ดีว่าเงินที่มาก่อตั้งหนังสือพิมพ์มติชน จนยิ่งใหญ่ทุกวันนี้ โดยแรงสนับสนุนจากอากร ฮุนตระกูล เพราะฉะนั้นที่โรงแรมนี้จึงมีคนอย่างเจิมศักดิ์แวะเวียนมา เมื่อแวะเวียนมาก็มาเจอผม คุณชัย ราชวัตร ก็เคยแวะเวียนมาที่โรงแรมแห่งนี้ก็เจอผม ท่านประสงค์ อากร บางครั้งก็ดื่มไวน์กัน บางครั้งก็ทานอาหารคุยสนทนาการเมืองกัน ถึงได้รู้จักเจิมศักดิ์ในคราวนั้น และที่เจิมศักดิ์ได้ออฟฟิศที่โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค ก็โดยการสนับสนุนบริจาคให้ของ อากร ฮุนตระกูล ให้ออฟฟิศฟรี เมื่ออากร ฮุนตระกูล ขายโรงแรมให้เสี่ยเจริญ เจ้าของโรงเหล้า เจริญ ศิริวัฒนภักดี เจิมศักดิ์ก็ยังอยู่ ออฟฟิศยังอยู่ที่เดิม ก็คงได้รับการสนับสนุนจากเสี่ยเจริญ ด้วยเช่นกันถึงอยู่และเช่าออฟฟิศที่โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค เท่าทุกวันนี้ ทั้งๆ ที่ตอนขายโรงแรม เสี่ยเจริญติดค้างเงินไม่ยอมจ่ายให้คุณอากร 300 ล้าน ผมเป็นคนไปทวงให้อากร ฮุนตระกูล ได้เงิน 300 ล้าน ทำให้อากรมีเงินมาสนับสนุนนายเจิมศักดิ์ลงสมัครวุฒิสมาชิก แล้วเงิน 300 ล้านทวงจากใคร ผมขอประทานโทษนะครับ เสี่ยเจริญรับโอนทรัพย์สินไปหมดแล้ว แต่ยังไม่ยอมจ่ายเงินก้อนสุดท้ายให้คุณอากร คุณอากรป่วยเป็นมะเร็ง ผมเป็นคนทำหนังสือทวง ทวงไปที่ ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพราะตอนนั้น พล.อ.เปรม เป็นประธานกลุ่มอิมพีเรียล โฮลดิ้ง สำเนาไปให้ ฯพณฯ คนที่นำหนังสือไปให้คือ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ จึงได้เงินก้อนสุดท้าย พอได้เงินวันนี้ อีก 2 วันอากรเสียชีวิต นี่คืองานชิ้นสุดท้ายที่ผมทำให้พี่อากร คุณเจิมศักดิ์ฟังเอาไว้ว่า ออฟฟิศ คุณอากรให้เงินสนับสนุนคุณลง ส.ว. อากรให้เงินสนับสนุนทำรายการหรือตั้งบริษัทวอทช์ด๊อก ผมมีส่วนในการทำงานร่วมกับพี่อากร แล้วเมื่อคุณลงสมัคร ส.ว.ผมไม่ใช่หรอไปช่วยคุณหาเสียง พาคุณเดินไปหาประชาชนตามหมู่บ้านต่างๆ วันนี้เห็นผมเป็นศัตรู จะบอกให้ คนอย่างผมมันของจริง ผมตรงไปตรงมา ขายแล้ว จ่ายโอนทรัพย์สินแล้วไม่จ่ายให้เขา ผมยังทวง แม้กระทั่งผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อให้ท่านได้เข้าใจ ท้ายที่สุดท่านให้ความเป็นธรรม เสี่ยเจริญยอมจ่ายเงินก้อนนี้ให้คุณอากร
ที่ผมพูดเรื่องนี้ เป็นพื้นฐานเบื้องต้น เพราะผมจะเขียนหลายตอน เพื่อให้คนรู้ว่า คนตีกินอย่างคุณเจิมศักดิ์ นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะฉะนั้นวันนี้ผมเห็นแล้วว่าระหว่างคุณเจิมศักดิ์กับผมมีความเห็นต่างกันอย่างไร ต่างกันครับ เจิมศักดิ์พูดในรายการตอบโจทย์ พิธีกรถามว่า ทำไมตอนคุณสู้กับทักษิณคุณวิพากษ์วิจารณ์เขา เอาเป็นเอาตายทุกเรื่อง อย่างเอาจริงเอาจัง ตรงไปตรงมา กล้าพูดกล้าวิจารณ์ กล้าตีแผ่ แต่พอรัฐบาลอภิสิทธิ์มีปัญหาโกง ปัญหาทุจริต ปัญหาคอร์รัปชั่น ทำไมคุณไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ เจิมศักดิ์ตอบว่า ตอนที่ผมสู้กับทักษิณ ผมก็ต้องมีทางเลือก ผมไล่ทักษิณไปแล้วผมไม่มีทางเลือก ไม่มีอะไรเลย คุณไม่มีทางเลือกให้ผม ผมเห็นว่าอภิสิทธิ์เป็นทางเลือก ผมก็เลยต้องเลือกอภิสิทธิ์ แล้ว 2.รัฐบาลอภิสิทธิ์ผมก็วิพากษ์วิจารณ์ ตอนเช็ก 2 พัน ผมยังวิจารณ์ เห็นไหมเขาพูดเฉพาะประเด็นเล็กๆ แต่เขาถามเรื่องโกงทุจริตทำไมคุณไม่เปิดโปง เขาไม่ตอบครับพี่น้อง และ 2.เขาเห็นว่า อภิสิทธิ์ยังเลวไม่เท่าทักษิณ หรือเลวไม่มากกว่าทักษิณ เขาจึงยังเห็นว่า อยู่ในฐานะที่เขายังไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ 3. เขาบอกว่า เขากับอภิสิทธิ์มีภูมิหลังใกล้เคียงกัน คือ เป็น อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยทำงาน เคยรู้จักกันมา และผมยังเห็นว่า เขายังไม่ใช่คนเลว ไม่ใช่คนโกง พอพิธีกรถาม รัฐบาลไม่โกงแต่พรรคร่วมรัฐบาล หรือคนในพรรคประชาธิปัตย์โกงล่ะทำไมคุณปล่อย เขาก็บอกว่า ถ้าอภิสิทธิ์จะเอาดั่งใจ การเมืองทุกวันนี้เป็นอย่างนี้ ถ้าจะเอาอย่างใจ หรือจะหักด้ามพร้าด้วยเข่า รัฐบาลก็ล้ม เราหนีจากทักษิณแล้วมาทางนี้ ทางนี้ก็ล้มอีก แล้วผมจะไปทางไหนล่ะ ดูเหตุผลซิ พี่น้องไปดูเอาแล้วกัน วันจันทร์-อังคาร แล้วพี่น้องจะอ้วก อ้วก อ้วก ครับพี่น้อง
นี่คือเรื่องหนึ่งที่เราเห็นต่างกัน ผมเห็นว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์เลว แต่อาจารย์เห็นว่าดี นี่คือต่างกัน ส่วนเลว เลวอย่างไร ตัวเขาเองก็มีปัญหาส่วนตัว ความคิด วิธีการทำงาน ความเลว 33 ประการ และพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมในการเป็นผู้นำประเทศ อ.เจิมศักดิ์ ไปอ่านซิครับที่ผมนำมาเผยแพร่ นี่คือสิ่งที่ผมสรุปด้วยตัวผมเอง 2.คือคนในรัฐบาลประชาธิปัตย์ก็เลว โกง และพรรคร่วมโกงทั้งรัฐบาล โกงไม่น้อยกว่ารัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ทำไม อ.เจิมศักดิ์ มองไม่เห็น เราตีแผ่กี่ร้อยเรื่องแล้ว อ.เจิมศักดิ์ มองไม่เห็น เพียงเพราะเป็นพวกเดียวกัน แสดงว่าคุณหนีจากรัฐบาลทักษิณโกง แต่คุณยอมรับรัฐบาลอภิสิทธิ์โกงได้ เพราะอภิสิทธิ์เป็นพวกเดียวกับคุณ คุณเลยยอมรับได้ นอกจากนี้ ผมเห็นว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ขายชาติ นายเจิมศักดิ์บอกไม่ขายชาติ ปัญหากัมพูชาบอกมีความเห็นต่างกัน มีความเห็นต่างกันอย่างไรครับ มันขายชาติชัดๆ เอาง่ายๆ กรณีปล่อยให้ วีระ ราตรีติดคุกถูกจับไปขึ้นศาลกัมพูชานั้น นายเจิมศักดิ์ยังไม่กล้าวิจารณ์นายอภิสิทธิ์เลย ทั้งๆ ที่นายอภิสิทธิ์ออกรายการทีวีบอกว่า คนไทยเดินเข้าไปในเส้นปฏิบัติการเลยถูกจับ ก็คือพูดยัดเยียดข้อหาให้คนไทย ทำผิดเห็นๆ ยัดเยียดข้อหาให้คนไทยชัด ยังไม่วิพากษ์วิจารณ์เลยครับ ส่วนเรื่องเอ็มโอยู 43 เรื่องเจบีซี คนทั้งบ้านทั้งเมืองเห็นอยู่แล้วว่า รัฐบาลนี้กำลังทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน และเสียเปรียบกัมพูชา แต่นายเจิมศักดิ์มองไม่เห็น นี่คือความต่างกัน ที่สำคัญคือ รัฐบาลนี้ทำลายประชาชนที่ต่อสู้ ทำลายพวกเรา แล้วกำลังพุ่งเป้าจะทำลายผม ทำลายสนธิ ทำลายจำลอง ทำลายทุกคนที่มาสู้ วิพากษ์วิจารณ์และต่อต้านรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลืมบุญคุณประชาชน ทำลายทำไม เพราะประชาชนพูดความจริง เมื่อประชาชนพูดความจริง เอาข้อมูลจริงมาเปิดเผย เอาความจริงมาบอกประชาชน ปกป้องผลประโยชน์ชาติ บ้านเมือง ทำไมคุณปกป้องคนโกง คุณต่างกับผม ผมสู้เพื่อปกป้องแผ่นดิน แต่คุณสู้เพื่อปกป้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นี่คือความแตกต่างกัน ที่สำคัญ แตกต่างระหว่างผมกับคุณก็คือ คุณเป็นประเภทตีกิน แต่ผมประเภทยอมสู้ ยอมเจ็บ ยอมตาย เคียงบ่าเคียงไหล่พี่น้องประชาชน คุณรอดอกผลได้รับชัยชนะ พอประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลคุณก็เข้าไปจัดรายการ ผู้ดำเนินรายการถามว่า เขาหาว่าอาจารย์มีผลประโยชน์ร่วมพรรคประชาธิปัตย์ พอประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลอาจารย์ได้เข้าไปทำรายการทีวีเลย เขาตอบว่า ผมก็ทำรายการทีวีมาตั้ง 20 ปีแล้ว ผมไม่ได้ทำเฉพาะช่วงรัฐบาลทักษิณเท่านั้น ช่วงรัฐบาลอื่นผมก็ทำมาตลอด เพราะฉะนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลหรือไม่เป็นรัฐบาล เขาพูดทำนองนี้ ผมจะบอกให้ นายเจิมศักดิ์ได้เข้ามาจัดรายการ เริ่มแรกคือ รัฐบาลนายอานันท์ ต่อเนื่องมาชวน 1 ชวน 2 พล.อ.ชวลิต กับบรรหาร อยู่ช่วงสั้นๆ หลังจากนั้นยาวมา เว้นวรรคช่วงทักษิณเท่านั้น พอประชาธิปัตย์กลับมา เขาก็ได้กลับเข้าไปทันที เพราะฉะนั้นเขาอยู่ได้เฉพาะ เมื่อไหร่มีการต่อสู้ของประชาชน พฤษภาฯ และ 193 วันของพี่น้องพันธมิตรฯ ชนะใช่ไหม ประชาธิปัตย์ถึงได้เป็นรัฐบาล เช่นเดียวกัน มีการต่อสู้ของพี่น้องประชาชน เจิมศักดิ์ถึงได้ออกหน้าจอฟรีทีวี เหมือนกัน ตีกินแบบเดียวกันเลย ถ้าไม่มีการเสียชีวิต ไม่มีการต่อสู้ของพี่น้องประชาชน ไม่มีประชาธิปไตย จ้างคุณก็ไม่ได้โผล่หน้า และทุกครั้งที่คุณออกจัดรายการฟรีทีวีโดยการสนับสนุนของพรรคประชาธิปัตย์แทบทั้งนั้นครับพี่น้อง
ทั้งหมดนี้ อยากจะกราบเรียนพ่อแม่พี่น้อง ความจริงมีเรื่องอื่นจะพูด แต่เขาเขียนจดหมายว่าเหลือเวลาพูดอีก 20 นาที ไม่ใช่เหลือ 5 นาที เรื่องสุดท้ายซึ่งพี่สนธิทิ้งท้ายไว้แล้วว่า วันนี้ที่กัมพูชายิงเปิดฉากรบ เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะก่อกวนดึงทหารไปชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายกัมพูชา ต้องการจะตอบโต้กรณที่เขาไม่พอใจที่ทหารไม่ยอมไปประชุมจีบีซีที่อินโดนีเซีย และผมขอเตือนบรรดานายทหารและผู้นำเหล่าทัพ นายอภิสิทธิ์พูดแล้วว่า 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของไทย และปัญหาตามแนวอาณาเขต เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของทหาร ถ้าหากเมื่อไหร่กัมพูชายึดครองดินแดนและทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน รัฐบาลนายอภิสิทธิ์จะโยนขี้ โยนความผิดให้ทหารทันทีว่าไม่ทำหน้าที่ นี่คือนายอภิสิทธิ์ เหมือนโยนขี้ให้ทหาร กรณีปราบจลาจล 19 พฤษภาคม กรณีต่อไปนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นทหาร คุณต้องดูแลดินแดน อาณาเขตประเทศ ด้วยความรู้ความสามารถของทหาร อย่าปล่อยให้คนหนีทหาร และไม่เคยเป็นทหารมาบัญชาคุณ คนอย่างนายอภิสิทธิ์สั่งทหารไม่ได้เลย เพราะขนาดจะเป็นทหารยังไม่อยากเป็นเลย มันกลัวจะตายไป มันได้ยินเสียงปืนแตกก็ตกใจวิ่งหนีกันไปสองคนกับศิริโชคแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นเรื่องที่มีวาระซ่อนเร้น แต่พี่น้องเชื่อเถอะ อะไรที่มันกลัวมันจะวิ่งเข้าหา เวลานี้เขากำลังพนันกันทั่วทุกวงการว่า ตกลงจะมีเลือกตั้งหรือเปล่า แต่อย่างไรก็ตามเราต้องเตรียมแผนรณรงค์โหวตโนไว้ก่อน ก่อนจะจบ วันที่ 24 พรรคการเมืองใหม่ จะประชุมเพื่อฟังความเห็นว่าจะลงเลือกตั้งหรือไม่ลงเลือกตั้ง พี่น้องช่วยไปแสดงความเห็นให้พรรคการเมืองใหม่ และหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ เขาได้ฟังเสียงของพี่น้องพันธมิตรฯ และสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ด้วย ว่าพวกเราต้องการให้พรรคมาร่วมรณรงค์โหวตโนด้วยกัน ถ้าเราต้องการ วันที่ 24 เขาประชุม ไปแสดงความคิดเห็น และลงประชามติให้เขาได้รับรู้ด้วยว่า ประชาชนต้องการอย่างไร
ยังมีเรื่องที่จะพูดต่ออีกหลายเรื่องแต่เอาไว้วันหลังแล้วกันครับ เรื่องเจิมศักดิ์เพียงแต่จั่วหัวเอาไว้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับพรรคประชาธิปัตย์ ผมจะพูดถึงเฉพาะประเด็นที่เขาพาดพิง ถ้าเขาไม่พาดพิงถึงผมผมจะไม่พูดถึงเขาครับพี่น้อง ถ้าเขาหยุดเป็นกระบอกเสียงปกป้องนายอภิสิทธิ์ ผมจะไม่พูดถึงเขา แต่ถ้าเขายังแหลมา แล้วแว้งมาหาผม เพื่อจะทำลายเครดิตของผมในการต่อสู้ครั้งนี้ ผมไม่ถอย และผมจะต้องเอาความจริงมาบอกพี่น้องประชาชนว่า ผมเป็นคนไปชวนเขามาร่วมชุมนุมและร่วมเดินขบวนกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล โดยคุยกันที่โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค แล้วยังเป็นคนไปชวนเขากับท่าน พล.ต.อ.ประทิน มาร่วมชุมนุมที่สวนลุมพินี และเดินขบวนจากสวนลุมพินีมาที่ทำเนียบรัฐบาล มีคนที่อยู่ในเหตุการณ์ นอกจาก พล.ต.อ.ประทิน แล้วยังมี ส.ว.บางท่าน ยังมีนายทหารบางคน ยังมีกรรมการ ป.ป.ช.บางคน และยังมีผม และ น.ต.ประสงค์ และเจิมศักดิ์ ร่วมวงอาหารกัน ผมเป็นคนไปชวนเขามาร่วมครับ เพราะฉะนั้นผมอยากจะบอกให้รู้เพียงว่า ผมไปเชิญชวน ไปขอร้องคุณมาร่วมจริงครับ เพื่อมาร่วมต่อสู้กับพี่น้องประชาชนและคุณสนธิ ในช่วงนั้น เพราะเราต้องการพลังในการต่อสู้กับทักษิณ และระบอบทักษิณ เท่านั้นเอง หลังจากนั้นเมื่อคุณสู้แล้วทักษิณไปแล้ว คุณจะได้ดิบได้ดี ได้ผลประโยชน์อย่างไรกับพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เป็นเรื่องที่ประชาชนจะพิจารณาตัวคุณเอง วันนี้คุยกับพี่น้องเท่านี้ก่อน พรุ่งนี้พบกันใหม่ สวัสดีครับ