xs
xsm
sm
md
lg

พาณิชย์รับเขมรรบไทย ศก.เสียหายรวม 50 ล้าน หวังการค้าทำปัญหาคลี่คลาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (แฟ้มภาพ)
รมช.พาณิชย์ ชี้เขมรรบไทยกระทบแค่อีสานใต้ หวังความสัมพันธ์การค้าทำปัญหาคลี่คลาย รับเสียหายรวมกว่า 50 ล้าน การท่องเที่ยวกระทบโดยตรง ยันแยกสนามรบออกจากสนามการค้า แต่หากสถานการณ์บานปลายก็ต้องทบทวนใหม่



วันนี้ (26 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับการค้าชายแดนจากกรณีเหตุปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชาบริเวณ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ว่าสถานการณ์การค้าชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชายังอยู่ในวงจำกัดที่ส่งผลกระทบโดยเฉพาะในส่วนช่องทางการค้าแถบอีสานใต้ คือ ที่ด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ และด่านช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ที่มีสัดส่วนประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ของการค้าทั้งหมด ส่วนการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณภาคตะวันออกที่ จ.สระแก้ว ตราด และจันทบุรี ซึ่งมีสัดส่วน 95 เปอร์เซ็นต์ ยังเป็นปกติ ขณะเดียวกันยังไม่มีท่าทีใดๆที่จะเปลี่ยนแนวนโยบายในการเปิดสนามการค้า แม้ว่าจะมีการปะทะกัน แต่ก็เป็นปัญหาต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่าน อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยและกัมพูชายังช่วยทำให้ผลกระทบดังกล่าวคลี่คลายโดยเร็ว

นายอลงกรณ์กล่าวต่อว่า ช่วงปีที่ผ่านมา การค้าระหว่างไทย-กัมพูชา มีมูลค่าถึง 75,000 ล้านบาท และมีอัตราเพิ่มมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการค้าชายแดนมีสัดส่วน 72 เปอร์เซ็นต์ของการค้า มีมูลค่า 55,000 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการขยายตัว 22 เปอร์เซ็นต์ และมีแนวโน้มที่จะขยายต่ออย่างต่อเนื่องในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เกิดขึ้นมีการประเมินออกมาวันละประมาณ 10 ล้านบาท โดยตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มีมูลค่าความเสียหายแล้ว 50 ล้านบาท ในส่วนของด่านชายแดนขณะนี้ยังไม่มีการปิดด่าน เพียงแต่เป็นมาตรการด้านความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงที่ห้ามคนเข้า-ออก ซึ่งทำให้มีการหยุดการค้าโดยปริยายที่ด่านชายแดน จ.สุรินทร์ และศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่ไม่ห่างไกลจากการปะทะกัน ทั้งนี้เป็นเพียงนโยบายในการจำกัดผลกระทบไม่ให้บานปลายออกไป

รมช.พาณิชย์กล่าวว่า ในเดือนพฤษภาคมจะมีการประชุมอาเซียนซัมมิท และการประชุมอื่นๆของอาเซียนและประเทศคู่เจรจา จะเป็นโอกาสให้รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ การค้า ของทั้งสองประเทศได้พบกันในช่วงวันที่ 4-6 พฤษภาคม ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งไทยคงยืนยันในเรื่องของท่าทีที่จะแยกสนามรบจากสนามการค้า และการจำกัดไม่ให้มีผลกระทบต่อเรื่องปากท้อง เรื่องทำมาหากินของประชาชนทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล สถานการณ์การปะทะว่าจะมีการขยายตัวบานปลายมากน้อยแค่ไหน

“หากสถานการณ์บานปลายจะต้องมีการทบทวนกันใหม่ เพราะเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทั้งสองประเทศก็ยังยืนยันการแยกสนามรบจากสนามการค้าได้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่ได้รับโดยตรงคือการท่องเที่ยว เหมือนปรอท เนื่องจากทันทีที่เกิดความตึงเครียด การท่องเที่ยวในการข้ามแดนของทั้งสองประเทศก็แทบจะหยุดลงทั้งหมด และจะส่งผลกระทบระยะยาวในเรื่องของการลงทุน เพราะประเทศไทยมีการลงทุนในกัมพูชาประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะการลงทุนด้านท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม ซึ่งหากเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันจะมีผลกระทบต่อการลงทุนในระยะยาว” รมช.พาณิชย์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น