ทหารไทยตั้งด่านเหล็กคุมเข้ม “ช่องจอม” - ชาวเขมรต้องเดินเท้า 2 กม. กลับประเทศ

สุรินทร์ - ทหารพรานไทย ตั้งด่านรั้วเหล็กคุมเข้ม “ช่องจอม” อ.กาบเชิง สุรินทร์ ห้ามปชช. 2 ประเทศพร้อมรถยนต์เข้า-ออกเด็ดขาด ชาวเขมรตกค้างต้องเดินเท้ากลับประเทศ 2 กม. เช่นเดียวกับนักพนันชาวไทย ขณะตลาดการค้าชายแดนช่องจอเหงาหนัก นักท่องเที่ยวฮวบ 70 % รอประเมินสถานการณ์เตรียมอพยพพ่อค้าแม่ค้าทั้งชาวไทย-กัมพูชาออกจากพื้นที่

วันนี้ (23 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์ชายแดนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งปิดด่านชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่เมื่อวานนี้ ( 22 เม.ย.) หลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่บริเวณชายแดน ด้านปราสาตาควายและปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ นั้น

ล่าสุดวันนี้ เจ้าหน้าที่ทหารพรานได้นำรั้วเหล็กมากั้นเส้นทางบริเวณ 3 แยกทางเข้า-ออกซึ่งอยู่ห่างจากจุดผ่านแดนถาวรช่องจอมราว 2 กิโลเมตร (กม.) โดยห้ามไม่ให้รถยนต์ทั้งขนาดเล็ก-ใหญ่สัญจรเข้าไปยังจุดผ่านแดนถาวรช่องจอมเด็ดขาดและห้ามไม่ให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศข้ามแดน อย่างไม่มีกำหนด

โดยจะอนุญาตให้เฉพาะชาวกัมพูชาที่ต้องการเดินทางกลับประเทศเท่านั้น ซึ่งทุกคนต้องเดินเท้าเข้าไปยังด่านผ่านแดนเป็นระยะทางถึง 2 กิโลเมตร(กม.) และห้ามนำรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์เข้าไปด้วย เช่นเดียวกับชาวไทยที่ตกค้างและเล่นการพนันอยู่ในบ่อนกาสิโนชายแดนฝั่งกัมพูชาต่างได้ทยอยเดินทางทางกลับเข้ามาในฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีรถตู้ของบ่อนกาสิโนคอยอำนวยความสะดวกมาส่งยังจุดบริเวณ 3 แยกดังกล่าว ก่อนต้องเดินเท้าอีก 500 เมตร เข้ามายังตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ของไทย

ขณะที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ในฝั่งไทย ซึ่งวันนี้เป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ตามปกติจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาเลือกซื้อสินค้าอย่างคึกคัก แต่หลังเกิดเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าวส่งผลให้นักท่องเที่ยวหายไปกว่า 70 % แม้ยังไม่มีการปิดตลาดและมีบรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย-กัมพูชา พากันมาเปิดร้านขายสินค้าตาปกติก็ตาม

ด้าน นายพัฒนา ชื่นยง ผู้จัดการตลาดการค้าชายแดนช่องจอม กล่าวว่า วันนี้นักท่องเที่ยวหายไปกว่า 60-70 % ทั้งที่เป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จึงขอเรียกร้องผู้ที่เกี่ยวข้องระดับสูงทั้ง 2 ประเร่งเจรจายุติปัญหาโดยเร็ว เกรงจะลุกลามและบานปลายไม่มีสิ้นสุด เพราะจะทำให้ประชาชนทั้งกัมพูชาและไทยเดือดร้อน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างฝ่ายกครองประเมินสถานการณ์ว่า ควรอพยพบรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยและกัมพูชาออกจากตลาดหรือไม่