เขมรขนกำลังรถถัง-ปืนใหญ่จ่อชายแดน “บุรีรัมย์” อีก - เย้ยทหารไทย “รบเช้าชนะ บุกกินข้าวเที่ยงโคราช”

สุรินทร์ -ชายแดนไทย-กัมพูชายังน่าห่วงสุ่มเสี่ยงเกิดปะทะทุกเมื่อ ล่าสุดเขมรซ่าไม่หยุดเคลื่อนกำลังทหาร-รถถัง -ปืนใหญ่ กลางดึกจากฝั่ง “ตาเมือนธม” จ.สุรินทร์ มุ่งหน้าเข้าประชิด “ช่องสายตะกู-จันทร์ทบเพชร” อ.บ้านกรวด บุรีรัมย์แล้ว เผยบุกเย้ยทหารไทยกระสันอยากสู้รบ เยาะรบเมื่อไหร่ชนะเมื่อนั้น “รบเช้าชนะ บุกไปกินข้าวเที่ยงที่โคราช” ขณะฝ่ายไทยส่งทหารพร้อมอาวุธหนักเข้าตรึงชายแดนบุรีรัมย์พร้อมตอบโต้

วันนี้ (4 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียดทางการทหารตามแนวชายแดนตลอดแนวไทย-กัมพูชาจากด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ และ จ.สุรินทร์ ได้ลุกลามต่อไปถึงชายแดนด้าน จ.บุรีรัมย์แล้ว

ล่าสุด เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา (3 ก.พ.) ผู้สื่อข่าว “ASTVผู้จัดการ” ประจำจังหวัดสุรินทร์ได้เดินทางเข้าไปยังปราสาทตาเมือนธม ชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังกองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 960 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ประจำฐานปฎิบัติการปราสาทตาเมือนธม ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกองร้อยทหารชายที่ 402 ภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา มีการเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติ ด้านตรงข้ามปราสาทตาเมือนธม บริเวณบ้านตาเมือนธมใหม่ ห่างจากตัวปราสาทตาเมือนธมเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชา เพียง 1 กิโลเมตร (กม.)

โดยตลอดช่วงพลบค่ำจนถึงกลางคืนที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้เฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา พบว่ามีความเงียบผิดปกติ ทหารกัมพูชาที่ประจำฐานตรงข้ามปราสาทตาเมือนธมไม่มีความเคลื่อนไหว บรรยากาศนิ่งเงียบผิดปกติกว่าทุกวันที่ผ่านมา ซึ่งทางทหารพรานกองร้อยจู่โจมที่ 960 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม ได้ติดตามความเคลื่อนไหวถึงความผิดปกติของทหารกัมพูชาในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด

จนกระทั่งพบว่า ทหารกัมพูชา กองร้อยทหารชายแดน ที่ 402 ภูมิภาคทหารที่ 4 นำโดย พ.อ.เนี๊ยะ วงศ์ ผู้บังคับกองร้อย ได้มีการโยกย้ายกำลังพลส่วนหนึ่งพร้อมรถถัง ทหารปืนใหญ่ ไปสมทบกับกำลังพลที่บ้านชุบโกกี่ อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย อยู่ตรงข้ามกับช่องสายตะกู-จันทร์ทบเพชร หมู่บ้านสายโท 6 อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม ไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 15-20 กม. ซึ่งภูมิเทศชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านนี้เป็นพื้นที่ราบรถถังทหารกัมพูชาสามารถวิ่งเข้าฝั่งไทยได้ง่าย ต่างจากด้านปราสาทตาเมือนธม

ขณะที่ทางด้านชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 และกองร้อยทหารราบ กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้จัดกำลังทหาร พร้อมอาวุธหนัก เข้าประจำพื้นที่ชายแดนช่องสายตะกู- จันทร์ทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เช่นกัน เพื่อเตรียมพร้อมตอบโต้ทหารกัมพูชาทันทีหากเกิดการสู้รบขึ้น

แหล่งข่าวทางการทหารระบุว่า ช่วงนี้ทหารกัมพูชา ฐานปฏิบัติการตรงข้าม ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้พยามยามยั่วยุให้ทหารไทยหมดความอดทนอดกลั้น และเปิดให้มีการใช้อาวุธก่อน ซึ่งทหารทุกนายได้ใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างดีที่สุดแล้ว แม้ว่าทหารกัมพูชาที่เดินทางขึ้นมาสังเกตการณ์ที่บริเวณตัวปราสาทตาเมือนธมจะพูดว่า อยากรบกับทหารไทย และหากรบเมื่อไหร่ก็ชนะเมื่อนั้น รบตอนเช้าชนะ แล้วบุกไปกินข้าวเที่ยงที่โคราช (จ.นครราชสีมา ที่ตั้งกองทัพภาคที่ 2) ซึ่งเป็นการพูดยั่วยุที่ถือว่ารุนแรงมาก

นอกจากนั้นยังใช้คำพูดว่า รั้วไม้กั้นชายแดนที่ทหารไทยทำไว้นั้น ไม่พอแรงตีนของทหารเขมร ซึ่งคำพูดเหล่านี้ทหารที่ประจำการในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ได้ใช้ความอดทนเป็นอย่างมากที่จะไม่หลงตกหลุมพรางการยั่วยุของทหารกัมพูชา

“แต่หากถามกำลังทหารไทยที่ประจำการอยู่ที่ปราสาทตาเมือนธม บอกได้เลยว่า ทุกนายพร้อมเต็มที่ รบเมื่อไหร่จะไม่ให้ทหารกัมพูชามาดูถูกเหยียดหยามอย่างนี้ได้ ทุกวันนี้อดทนเพราะผู้บังคับบัญชาสั่งการมาเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้นับว่าสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะได้ตลอดเวลา” แหล่งข่าวทหารไทยประจำชายแดนกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่บริเวณทางเข้าด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ กองร้อยทหารที่ 2609 ชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ยังคงมีการตั้งด่านตรวจตรา การเดินทางเข้า-ออกด่านผ่านแดนถาวร ช่องจอม-โอร์เสม็ด อย่างเข้มงวด เพื่อรักษาความปลอดภัยพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และป้องกันการลักลอบเข้ามาสร้างความรุนแรงในเขตประเทศไทย ของกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีต่อประเทศ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดวันนี้ (4 ก.พ.) พื้นที่ทั้งบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ สถานการณ์ยังไม่เกิดความรุนแรง ประชาชนนักท่องเที่ยว สามารถเดินทางไปเที่ยวชมปราสาทได้ตามปกติ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารให้ความดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด

ขณะที่ ตลาดการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ตลาดช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ อยู่ลึกเข้ามาในเขตแดนไทย 3 กิโลเมตร การค้าขายของชาวไทยและชาวกัมพูชายังเป็นปกติ พ่อค้าแม่ค้า และประชาชนทั้ง 2 ประเทศยังติดต่อค้าขายได้แต่บรรยากาศไม่ค่อยคึกคัก