“พิภพ” ยัน แกนนำมีธงเดินแนวทางเดียวกัน ไม่มีใครเป็นเถ้าแก่ โหวตโนเป็นมติไม่ได้เป็นความคิด “สนธิ” ชี้ กว่า 80% สมาชิก ก.ม.ม.ไม่หนุนส่งคนลงเลือกตั้ง ฟันธงกรรมการบริหารพรรคคล้อยตามสมาชิก วอนหยุดพูดโหวตโนไม่เป็น ปชต.ไม่เช่นนั้นคงไม่มีช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายพิภพ ธงไชย"
วันที่ 25 เม.ย. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เป็นไปตามกระบวนประชาธิปไตย ที่สมาชิกพรรคการเมืองใหม่ มีมติไม่ส่งสมาชิกลงเลือกตั้ง ที่จริงเรื่องนี้จะไม่มีปัญหาเลย หาก นายชัยวัฒน์ สุรวิชัย ไม่เขียนบทความกระทบกับการทำงานของ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ที่พูดถึง “เถ้าแก่” ซึ่งก็คงหมายถึงหนึ่งในแกนนำ แต่ที่ต้องเอาเรื่องนี้มาพูด เพราะหากไม่พูดเลยจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิด
นายชัยวัฒน์ พลาดในเรื่องข้อเท็จจริง การกล่าวว่า 1 ใน 5 แกนนำเป็นเถ้าแก่ หมายถึงอีก 4 คนไม่มีความหมายอะไร สั่งเดินซ้าย ขวาก็ได้ ที่จริงคนเรามีความเห็นแตกต่างกันได้ แต่ท้ายที่สุด หากมีมติออกมาต้องไปในทางเดียวกัน 5 แกนนำแม้จะมาจากคนละทิศละทาง ทำให้เวลาดูการปราศรัยจากข้างนอก อาจมองได้ว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง มีลักษณะเข้มแข็ง เพราะเกิดจากความเป็นทหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อาจดูแข็งกร้าวเพราะทำงานในมวลชน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และตน ออกแนวสไตล์ครู แต่ธงที่เดินเป็นแนวทางเดียวกัน
นายชัยวัฒน์ ต้องแยกให้ออก การบริหารงานเอเอสทีวี ซึ่งมี นายสนธิ เป็นผู้บริหารใหญ่ แต่เมื่อ เอเอสทีวี มีส่วนร่วมในการสนับสนุนเคลื่อนไหวกระบวนการภาคประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาตลอด การเข้ามาร่วมย่อมมีความเสียหายในทางธุรกิจ หาโฆษณาได้น้อยลง จนกระทั่ง พล.ต.จำลอง ทำปุ๋ยขาย เพื่อช่วยเหลือเอเอสทีวี ดังนั้น นายชัยวัฒน์ ต้องเข้าใจ ในฐานะที่เคยเป็นเพื่อนกันมา น่าจะรู้ดี ตนไม่โกหก รับรองได้ว่า ไม่มีใครเป็นเถ้าแก่ ความเห็นแตกต่างกันได้ แต่ข้อเท็จจริงอย่าผิด และอย่าเดาเอาเอง เพราะจะทำให้คนอื่นเสียหาย
“เรื่องโหวตโน ตนพูดเป็นคนแรกที่พูดในรายการสภากาแฟ ทำให้ นายสมศักดิ์ นายสมเกียรติ เห็นว่า น่าสนใจ ควรนำมาเป็นประเด็นหารือกันในแกนนำ จนมีมีติรณรงค์โหวตโน ช่วงประชุมกัน นายสนธิ ยังบอก พล.ต.จำลอง และกรรมการเอาอย่างไร ก็พร้อมเอาด้วย ดังนั้น เรื่องโหวตโนไม่ได้เป็นความคิดของ นายสนธิ”
นายพิภพ กล่าวถึงพรรคการเมืองใหม่ ว่า ถือเป็นประชาธิปไตย การลงคะแนนโหวตเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย ถึงแม้บางส่วนอยากให้ลงเลือกตั้ง แต่เมื่อกว่า 80% เห็นไม่ควรส่งสมาชิกลงเลือกตั้ง ตนทำนายล่วงหน้า กรรมการบริหารพรรคที่ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย ไม่มีใครเป็นเจ้าของพรรค ย่อมมีมติสอดคล้องกับสมาชิกที่มาประชุม
ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า เกณฑ์คนมาประชุมนั้น ก่อนการประชุม 1 วัน ตนยังพูดมีสมาชิกพรรคหลายคนถอดใจจะทิ้งพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งตนได้ขอไว้อย่าทิ้ง มีอะไรก็ไปแสดงความคิดเห็นในเวทีประชุม เมื่อผลออกมากว่า 80% เห็นไม่ควรส่งสมาชิกลงเลือกตั้ง หากกรรมการพรรคการเมืองใหม่ ยังสงสัย จะออกแบบสำรวจเป็นรายบุคคลก็ยังได้ แล้วจะบอกกรรมการบริหารพรรคมีสิทธิเด็ดขาดโดยไม่ฟังเสียงสมาชิกในเรื่องสำคัญที่ตัดสินชะตาพรรคไม่ได้ เพราะกรรมการบริหารถูกเลือกมาจากสมาชิกพรรค
“เมื่อพันธมิตรฯเห็นว่า ควรโหวตโน ก็อยากให้พรรคการเมืองใหม่ ซึ่งเป็นเครื่องมือพันธมิตรฯ มีแนวทางในทางเดียวกัน เราก็ให้การเมืองใหม่ทำกระบวนการขอฉันทามติพรรคตามกฎหมาย ไม่ได้บอกให้หัวหน้าพรรคมาประกาศเห็นด้วยกับพันธมิตรฯทันที แม้ นายสมศักดิ์ จะเข้าใจอุดมการณ์อยู่ร่วมการชุมนุมกับพันธมิตรฯมาตั้งแต่ต้น”
นายพิภพ กล่าวว่า ความเห็นที่แตกต่างกันหากใช้กระบวนการที่ถูกต้อง และระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง จะกลายเป็นความเห็นหนึ่งเดียวในที่สุด ตนพูดหลายครั้งอยากให้พันธมิตรฯ และการเมืองใหม่ ต่างอยู่ได้ เพราะการเมืองใหม่ก็เป็นเครื่องมือพันธมิตรฯ การเมืองใหม่ไม่ได้เป็นของกลุ่มทุน หรือแกนนำคนใดคนหนึ่ง ดังนั้น ความเห็นของแกนนำผู้อภิปรายบนเวที จึงเป็นแค่ความเห็น ไม่ได้เป็นคำสั่ง พี่น้องผ่านการเรียนจากโรงเรียนการเมืองมาเขาคิดได้ว่าการแก้ปัญหาทางการเมื่องควรดำเนินไปในทิศทางใด เมื่อมีเสียงไม่เห็นด้วยกับการส่งสมาชิกลงเลือกตั้ง เชื่อว่าพรรคการเมืองใหม่ น่าจะประกาศภายในสัปดาห์นี้ ว่า ได้รับมติที่ประชุม เห็นว่าไม่ควรส่งผู้สมัครและกรรมการบริหารพรรคก็ควรมีมติร่วมรณรงค์โหวตโน เหมือนกับพรรคฟ้าดิน
“โหวตโนไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน ในเมื่อเข้าคูหาใช้สิทธิเหมือนกัน เพียงแต่ไม่เลือกพรรคใด ถ้าไม่เป็นประชาธิปไตย คงไม่มีช่องโหวตโนไว้ให้เลือก นอกจากนี้กระบวนประชาธิปไตยยังเปิดโอกาส ให้ไม่ไปเลือกตั้งเลยก็ไม่มีความผิด เพียงแต่ตัดสิทธิบางอย่าง นี่คือการแสดงออกของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ควรนำมาเป็นประเด็นอีก”
นายพิภพ กล่าวถึง นายชัยวัฒน์ ที่พูดพลังโหวตโน จะนำไปสู่การปฎิรูปการเมืองได้หรือไม่ นายชัยวัฒน์ เองก็เคยเข้าร่วมขบวนการภาคประชาชน 14 ต.ค.2516 เราไม่เคยถามเลยใช่หรือไม่ วันที่เราเข้าชื่อกัน 100 ชื่อ ไปแจกแถวบางลำภู สนามหลวง ประตูน้ำ จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ ที่ทำเพราะเราเห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง จนเกิดกระบวนการภาคประชาชนเป็นแสนเป็นล้าน แล้วได้รัฐธรรมนูญ 2517 ในที่สุด ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ คงรู้ดี การปฏิรูปการเมืองไม่สามารถทำได้โดยนักการเมืองในระบบ อย่างรัฐธรรมนูญ 2540 ที่นักการเมืองไม่อยากรับ แต่จำเป็นต้องยกมือรับ ก็เป็นเพราะการเคลื่อนไหวของประชาชน
อย่างไรก็ดี ตนเชื่อว่า โหวตโนเป็นการเคลื่อนไหวที่ถูก ประชาชนต้องการปฏิรูปการเมือง เขารู้ว่า นักการเมืองไม่ปฎิรูป หากเลือกเข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่หากโหวตโนมีเสียงมากพอ เท่ากับบ่งบอกว่าเราต้องการปฏิรูป การปฏิรูปเป็นสิ่งที่ควรทำ หากสำเร็จจะทำให้ทุกหน่วยงานปฎิรูปไปด้วย เกิดเกราะป้องกันความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ไม่ว่าเสื้อเหลือง เสื้อแดง ป้องกันการปฏิวัติ