xs
xsm
sm
md
lg

หายนะรอบใหม่หาก “นิรโทษ” และ “แม้ว” แพ้เลือกตั้ง!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ประกาศชัดออกมาแล้ว สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ระหว่างการแถลงนโยบายพรรคเมื่อวันที่ 23 เมษายน ว่าสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในอันดับแรกๆ หากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลก็คือ จะมีการ “นิรโทษกรรม” ให้ตัวเองพ้นผิด

แม้ว่าในคำแถลงดังกล่าวจะไม่มีการระบุชัดเจนโต้งๆ แต่คำพูดที่บอกว่า จะ “คืนความยุติธรรม” ให้แก่ทุกคนจากเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยอ้างความ “ปรองดอง” บังหน้า แต่ความหมายก็คือ นอกจากบรรดาพวก “นักการเมืองสารพัดยี้” สารพัดชั่วทั้งหลายที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวทางการเมืองจะได้กลับมาทำ “ธุรกิจการเมือง” กันอย่างเต็มที่เหมือนเดิมแล้ว ตัวเองที่ยังพ่วงคดีทุจริต จากคดีคอร์รัปชันอีกนับสิบก็จะพ้นบ่วงอุบาทว์นี่ไปด้วย

นั่นคือ ทุกคดีที่เขาถูกศาลยุติธรรมไม่ว่าจะเป็นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาความผิด และสั่งจำคุก ที่เป็นคดีอาญาก็จะพ้นผิดทั้งหมด ไม่ต้องหลบหนีหมายจับ เที่ยวระเหเร่ร่อนอีกต่อไป แต่จะกลับเข้ามาอย่างวีรบุรุษ

เพราะสิ่งที่ ทักษิณ ชินวัตร กำลังดำเนินการอยู่ในเวลานี้ก็คือ เขากำลังใช้การเลือกตั้งในการ “ฟอกความผิด” ของตัวเอง กับพวกเท่านั้น และเป้าหมายต่อไปก็จะกลับเข้ามามีอำนาจทางการเมืองอีกรอบ ซึ่งวิธีการก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่คำถามก็คือ มันจะเกิดความวุ่นวายตามมาหรือไม่ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงต่อไปนี้กระบวนการยุติธรรม โดย “ศาล” ก็ไม่มีความหมาย เพราะจะใช้การเลือกตั้ง ใช้สภาเป็นเครื่องมือออกกฎหมายลบล้างความผิดได้ในภายหลัง

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว หากพิจารณาโดยเผินๆแล้วการดำเนินคดี ทักษิณ กับพวก ล้วนเกิดขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เป็น “เผด็จการ” แต่ทุกอย่างหลังจากนั้นก็ผ่านกระบวนการศาลยุติธรรม มีการเปิดโอกาสให้มีทนายความแก้ต่าง ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คือ ฉบับปี 2550 ที่ผ่านการลงประชามติเป็นครั้งแรกถึงกว่า 14 ล้านเสียง และเนื้อหาเกือบทั้งหมดล้วนนำข้อดีของรัฐธรรมนูญปี 2540 มาบรรจุเอาไว้ทั้งสิ้น และที่สำคัญหากมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ทักษิณ จริงๆ นั่นก็หมายความว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่มีการนิรโทษกรรมให้นักโทษที่กระทำผิดในคดีอาญา คดีทุจริตคอรัปชั่น แทนที่จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการกระทำผิดในเรื่อง “การเมือง” อย่างในอดีต เช่น คดีกบฏ หรือ ถูกคุมขังในกรณีประท้วงรัฐบาลเผด็จการทหาร เป็นต้น

ขณะเดียวกัน สิ่งที่ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิดก็คือ การออกมาเน้นย้ำของ เขาในครั้งนี้ก็คือ การเลือกตั้งโดยปราศจากการ “แทรกแซง” ต้องการให้เป็นไปด้วยความยุติธรรม ซึ่งมองฉาบฉวยเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ถ้าสังเกตให้ดีในช่วงที่ผ่านมาและคาดว่านับจากนี้เป็นต้นไปพรรคเพื่อไทยและ “หัวโจก” คนเสื้อแดงจะออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะชี้นำว่ามีการข่มขู่จากฝ่ายทหาร หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ แม้ว่าในความเป็นจริงก็น่าจะมีอยู่ ปฏิเสธไม่ได้ แต่ความหมายก็คือ ถ้าพรรคเพื่อไทย “แพ้การเลือกตั้ง ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล” นั่นแหละจะเกิดอะไรขึ้นตามมา

นาทีนี้แม้เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า เรื่องยังไม่เกิด แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้วรับรองว่าจะต้องวุ่นวายแน่นอน นั่นคือจะเกิดการไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งหากตัวเองพ่ายแพ้ สาเหตุสำคัญก็เพราะอย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่า ทักษิณ ชินวัตร ต้องการใช้การเลือกตั้งครั้งนี้ “ฟอกความผิด” ให้ตัวเอง ใช้การเลือกตั้งเป็น

เครื่อง “อำพราง” ประชาธิปไตย และยังเชื่อว่านี่คือการ “ลงทุน” ครั้งสำคัญ หากผลออกมาไม่เป็นตามเป้า มันก็น่าจะเห็นความปั่นป่วนเกิดขึ้นอีกรอบแน่นอน และเชื่อว่าคราวนี้จะหนักหนาสาหัสกว่าครั้งใด

ขณะเดียวกัน หากผลออกมาในทางตรงกันข้ามพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล ก็จะนิรโทษให้ทักษิณ ตามที่พูด ถามว่าจะมีคนไทยกี่คนที่จะยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา

เมื่อพิจารณาจากสัญญาณที่กำลังเกิดขึ้น และ “ตัดตอน” เอาเฉพาะคำพูดของ ทักษิณ ที่ระบุถึงเป้าหมายและความต้องการของตัวเองออกมาอย่างชัดเจนแล้ว โดยไม่ต้องไปพิจารณาในเรื่องความผิดจากกรณีที่คนที่ถูกสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวการเมืองเป็นคนที่แถลงนโยบายพรรคอาจถูกยุบพรรค มันก็จะเห็นถึงแนวโน้มความหายนะที่กำลังรออยู่ข้างหน้า ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ผลสำรวจที่ออกมาล่าสุดเสียงส่วนใหญ่มองไม่เห็น “ภาพบวก” ที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง

เมื่อเห็นสภาพความเลวร้ายที่เกิดขึ้นจากนักการเมืองชั่ว ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ ทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงคนอื่นๆที่กำลัง “เสนอหน้า” เข้ามา ต่างก็หวังที่จะใช้การเลือกตั้งฟอกดำให้เป็นขาว ทำให้ผิดเป็นถูก ความเลวร้ายต้องเกิดขึ้นตามมา และหนักหนากว่าเดิม อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งมันก็มีทางสกัดกั้นได้เหมือนกัน หากทุกฝ่ายร่วมมือกันแสดงความ “รังเกียจ” นั่นคือ “โหวตโน” รวมพลังกันให้มาก ให้เกินกว่าร้อยละ 50 เพื่อบังคับให้เกิดการ “ปฏิรูป” ทุกระดับ โดยพี่น้องประชาชนที่ตื่นตัวอย่างแท้จริง ซึ่งถ้ารวมกันเราทำได้แน่!!
กำลังโหลดความคิดเห็น