ปชป.อ้อน พธม.ทบทวนโหวตโน หวั่นการเมืองต่างขั้วตัดสินอนาคตชาติ

โฆษก ปชป.บลัฟกลับนโยบายแม้วไร้หัวคนทำ เชื่อไม่ได้คิดคนเดียว ชี้ “แม้ว” ควบรวมเผาไทย-เสื้อแดงสมบูรณ์แบบ โต้กลับเสื้อแดง เร่งเดินสายคุยทูตยุโรป กรณี 91 ศพ-ปฏิวัติ วอน พธม.ทบทวนโหวตโน หวั่นกลุ่มการเมืองอีกฝั่งตัดสินอนาคตประเทศแทน

วันนี้ (24 เม.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่าพรรคได้ติดตามการแถลงนโยบายของพรรคเพื่อไทย เห็นว่าปรากฏการณ์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้วิดีโอลิงก์ประกาศนโยบายถือเป็นการขับเคลื่อนและบงการการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ทำอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การโฟนอินมายังการชุมนุมคนเสื้อแดง และการวิดีโอลิงก์มาเปิดตัวนโยบายของพรรคเพื่อไทย ถือว่าเป็นจุดที่ทำให้เห็นว่าการควบรวมระหว่างพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงสำเร็จอย่างสมบูรณ์ และผลักดันให้บุคคลต่างๆ ของพรรคที่ไม่ยอมใส่เสื้อแดง เช่น นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ถูกตัดออกจากระบบบัญชีรายชื่อ และให้กลุ่มคนเสื้อแดงเข้ามาแทนที่

นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ขอแสดงความเห็นต่อการประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ถือว่าเป็นคู่แข่งทางการเมือง ดังนั้น ควรให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน โดยเฉพาะสาระนโยบายว่าสามารถทำได้จริงแค่ไหน หรือใครเป็นคนทำ ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ มีความชัดเจนว่าผู้ขับเคลื่อนนโยบาย คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่เสนอตัวเป็นนายกฯ ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้นขณะนี้ดูเหมือนว่ายังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ รู้เพียงว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนคิด และไม่เชื่อว่าจะคิดเพียงคนเดียว เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยได้ประชุมอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าการคิดนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะเป็นเรื่องใกล้ตัว เช่น การกลับมาและนิรโทษกรรม ซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญที่สุดของเพื่อไทย ซึ่งประชาชนต้องได้รับทราบ ถึงแผนการดำเนินการหากพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล จึงขอเรียกร้องไปยังพรรคเพื่อไทย และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศวิธีดำเนินการให้ชัดเจน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ไม่แน่ใจว่าคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณทำได้หรือไม่ เพราะศาลได้วินิจฉัยสิ้นสุดไปแล้ว

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอีกว่า ในวันที่ 1 พ.ค.นี้ ซึ่งวันแรงงานจะมีการดำเนินมาตรการด้านแรงงานเพื่อให้เกิดความเป็นรูปธรรม ผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นจะเป็นเรื่องการปรับรายรับให้กับประชาชน ผู้ใช้แรงงาน ปรับเพิ่มค่าแรง 25 เปอร์เซ็นต์ ใน 2 ปี รวมถึงนโยบายเพื่อแรงจูงใจให้กับผู้ประกอบการ เช่น ลดต้นทุนการขนส่ง และการบริหาร ภายหลังจากที่นายอภิสิทธิ์ได้ประกาศผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ โดยจะให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องอาทิ กระทรวงแรงงาน เป็นผู้ประกาศรายละเอียน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุว่านายกฯ เตรียมเสนอร่างกฤษฎีกายุบสภาฯ วันที่ 6 พ.ค.นี้ นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า เป็นไปได้ เพราะอยู่ในช่วงที่นายกฯ ได้ประกาศไว้ว่าจะยุบสภาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค. ส่วนสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ยอมรับว่าไม่นิ่ง เพราะมีการชุมนุมนอกสภา และปัญหาชายแดน เบื้องต้นในส่วนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชานั้น มั่นใจว่ากองทัพสามารถดูแลได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้รัฐบาลประชุมเพื่อกำชับงานหรือนโยบายที่ดูแลประชาชน

เมื่อถามถึงกรณีนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่โจมตีพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยการระบุว่าเป็นพรรคที่ดีแต่พูด โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า คนที่พิสูจน์นั้นไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นประชาชน ซึ่งการทำงานของรัฐบาลตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าประชาชนมีข้อมูลที่ตัดสินได้ว่าจะเริ่มต้นใหม่ หรือกลับไปเริ่มที่ศูนย์ หรือต้องการแก้ไขปัญหาเพื่อคนคนเดียว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณได้ทำพฤติกรรมที่ทำให้เห็นว่าไม่เคยได้ทำตรงกับสิ่งที่พูด เช่น ไม่สร้างขัดแย้ง หรือพาดพิง หรือการนิรโทษกรรม

นพ.บุรณัชย์กล่าวถึงกรณีนางธิดา ถาวรเศรษฐ โตจิราการ รักษาการณ์ประธาน นปช. พร้อมด้วยนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความชี้แจงต่อนานาชาติ กรณีการสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิต และกรณีการปฏิวัติว่า ในวันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.) ทางทีมงานของพรรคนำโดยตน จะเดินสายไปชี้แจงต่อทูตานุทูตสหภาพยุโรปต่อเรื่องดังกล่าว โดยจะตอบข้อสงสัยและชี้แจงทุกเรื่องอย่างละเอียดอาทิ พูดเรื่องสถานการณ์ขณะนี้จะเดินหน้าปรองดองได้อย่างไร ยึดมั่นระบบการเลือกตั้ง บอกถึงกลุ่ม นปช.เคลื่อนไหวควบคู่ไปกับพรรคเพื่อไทย พร้อมกันนี้จะมีการนำผลการสรุปจากคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีนายคณิต ณนคร เป็นประธานไปชี้แจงด้วยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องการปฏิวัติจะชี้แจงว่าเป็นเพียงการปล่อยข่าวเพื่อสร้างสถานการณ์

นพ.บุรณัชย์กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ยืนยันที่จะโหวตโนว่า แม้จะมีการยุบสภา แต่กลุ่มพธม.ก็ยังยืนยันที่จะชุมนุมต่อ การโหวตโนของ พธม.ถือเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญต่อการปฏิรูปประเทศ ซึ่งแนวคิดนี้เป็นแนวคิดเดิมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำการเคลื่อนไหวให้ได้มา จะเห็นว่าส่วนต่างคะแนนระหว่างสองพรรคใหญ่คือพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทยมีไม่มากนัก ถ้ากลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ลงคะแนนการเลือกตั้งให้ใครเลย จะถือเป็นความเสี่ยงให้กลุ่มการเมืองอื่นที่มีการเคลื่อนไหวตัดสินแทน จึงอยากให้พันธมิตรฯ ได้คิดและทบทวนอีกครั้ง