นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวว่าจะมีการยุบสภาในวันที่ 2 พ.ค. ว่า พูดอะไรกันไปเรื่อยแหละครับ ตอนนี้ตนจะไปรอดูว่า วันที่ 25 เม.ย. ทางวุฒิสภาน่าจะให้ความร่วมมือในการพิจารร่างกฎหมายลูกให้เสร็จ หากเสร็จในวันนี้ หากมีการแก้ไข ก็จะขอความกรุณาท่านประธานสภา นำเข้าพิจารณาในวันที่ 28 เม.ย. ให้จบจากสภาผู้แทนราษฎร หวังว่าจะไม่มีการตั้งกรรมาธิการร่วม หากเสร็จในวันที่ 28 เม.ย. ก็จะส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณษ ซึ่งเขาก็กำลังจะขอประสานไปว่า จะใช้เวลาเท่าไร เพราะฉะนั้นจะไประบุว่า วันที่ 1 ที่ 2 พ.ค. คงตอบไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าสามารถยุบสภาในวันที่ 6 พ.ค. ก่อนเดินทางไปอินโดนีเซียได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ภายในสัปดาห์แรกอย่างที่บอกไว้ อันนี้ยืนยันได้
เมื่อถามว่า หากต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมขึ้นมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไงก็ขอให้สภาเสร็จในต้นเดือนพฤษภาคม ถ้าเสร็จจากสภาในต้นเดือนพฤษภาคม ก็เดินหน้าได้ ตนคิดว่าทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เขาก็มีความชัดเจนว่า ระเบียบที่จะต้องทำ หน้าตาเป็นอย่างไร ถ้าจำเป็นต้องใช้ระเบียบ และสามารถที่จะดำเนินการได้ เพราะจริงๆแล้ว พอยุบสภากำหนดวันเลือกตั้งก็จริง ขั้นตอนต่างๆ ที่ไปเกี่ยวกับกกต. มันไม่ได้เริ่มต้นทันทีทั้งหมด จะต้องมีการกำหนดวันสมัคร ของบัญชีรายชื่อ วันสมัครของเขต ก็ต้องใช้เวลาอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อยุบสภาแล้วการเดินทางไปอินโดนีเซีย เพื่อประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน จะไปในฐานะอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่หรอกครับ สิงคโปร์ก็เดินทางไปในฐานะรักษาการ เป็นเรื่องปกติของแต่ละประเทศสมาชิก คิดว่าทุกคนก็เข้าใจได้ เราเป็นประเทศประชาธิปไตย ก็มีการเลือกตั้งเตรียมการ 2-3 เดือน ในกระบวนการเขาก็เข้าใจได้อยู่แล้ว ซึ่งไม่มีผลต่อการเจรจา เพราะเขาก็เข้าใจได้อยู่แล้ว และในการประชุมของอาเซียน ก็เป็นในลักษณะของพหุภาคีอยู่แล้ว
ในวันเดียวกันนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ จ.ราชบุรี จ.นครปฐม เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติดว่า ตนมาตามงานเรื่องยาเสพติด ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรือนจำ ซึ่งเป็นเครือข่ายการค้า ที่เราพยายามแก้ไขปัญหามาโดยตลอด โดยเฉพาะในส่วนของระบบเรื่องของการตัดสัญญาณที่มีความก้าวหน้าไปอย่างมาก และในครั้งนี้ได้มีโอกาสมาในชุมชนด้วย ก็เลยอยากมาดูรูปแบบที่มีความยั่งยืน เพราะสิ่งที่เราทำนั้น ที่ผ่านมามันจะได้ผลเป็นช่วงๆ ถ้าหากว่าไม่สามารถที่จะทำให้เกิดความยั่งยืนได้ ตนคิดว่าที่ บ้านรางอีเม้ย ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เป็นตัวอย่างที่ดีว่าสามารถทำค่อนข้างที่จะครบวงจร คือไม่ใช่แก้ปัญหาเรื่องยาเสพติดปัญหาเดียว มันเป็นปัญหาเรื่องของหนี้สิน และเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเวลาที่ชุมชนรวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง ทำกิจกรรมร่วมกัน ปัญหาอื่นๆ รวมทั้งเรื่องยาเสพติด ก็จะแก้ไขได้ง่าย ซึ่งตนจะนำไปขยายผลในหลายๆ พื้นที่อีกด้วย นอกจากนี้ ตนจะเดินทางไปที่ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อไปติดตามงานในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่องชายแดน
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีมองอย่างไรกับนโยบายล่าสุดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทย มีนโยบายแก้ปัญหายาเสพติด ภายใน 1 ปี ว่า อย่างจะย้ำประสบการณ์ที่ผ่านมาว่า จริง เวลาที่เราปราบปราบกันอย่างรุนแรง เสียชีวิตไป 2,000 กว่าคน แล้วบอกว่าลด แต่มันไม่เคยหมด แล้วมันกลับมาใหม่ ถ้าจะทำอย่างนั้นก็คงต้องตายไปหลายพันคนเกือบทุกปี ซึ่งมันไม่ยั่งยืน ซึ่งเราพยายามทำอยู่ขณะนี้ เราพยายามทำให้มันครบวงจรทั้งระบบ มันอาจจะไม่สะใจ ไม่ทันใจ แต่จริงๆ แล้ว ก็กำลังทำอย่างเต็มที่ แนวทางที่สำคัญคือทำงานกันอย่างหนักและต่อเนื่องสม่ำเสมอมากกว่า
** โฆษกฯปชป.ชี้การเมืองยังไม่นิ่ง
ด้านนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุว่า นายกฯ เตรียมเสนอร่างกฤษฎีกายุบสภาฯวันที่ 6 พ.ค.นี้ว่า ก็เป็นไปได้ เพราะอยู่ในช่วงที่นายกฯได้ประกาศไว้ว่าจะยุบสภาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนพ.ค.
ส่วนสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ ยอมรับว่าไม่นิ่ง เพราะมีการชุมนุมนอกสภา และปัญหาชายแดน เบื้องต้นในส่วนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา นั้น มั่นใจว่ากองทัพสามารถดูแลได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้รัฐบาลประชุมเพื่อกำชับงาน หรือนโยบายที่ดูแลประชาชน
เมื่อถามถึงกรณีนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่โจมตีพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยการระบุว่า เป็นพรรคที่ดีแต่พูดนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คนที่พิสูจน์นั้นไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เป็นประชาชน ซึ่งการทำงานของรัฐบาล ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าประชาชนมีข้อมูลที่ตัดสินได้ว่า จะเริ่มต้นใหม่ หรือกลับไปเริ่มที่ศูนย์ หรือต้องการแก้ไขปัญหาเพื่อคนๆเดียว
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทำพฤติกรรมที่ทำให้เห็นว่าไม่เคยได้ทำตรงกับสิ่งที่พูด เช่น ไม่สร้างขัดแย้ง หรือพาดพิงสถาบันฯ หรือการนิรโทษกรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าสามารถยุบสภาในวันที่ 6 พ.ค. ก่อนเดินทางไปอินโดนีเซียได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ภายในสัปดาห์แรกอย่างที่บอกไว้ อันนี้ยืนยันได้
เมื่อถามว่า หากต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมขึ้นมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไงก็ขอให้สภาเสร็จในต้นเดือนพฤษภาคม ถ้าเสร็จจากสภาในต้นเดือนพฤษภาคม ก็เดินหน้าได้ ตนคิดว่าทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เขาก็มีความชัดเจนว่า ระเบียบที่จะต้องทำ หน้าตาเป็นอย่างไร ถ้าจำเป็นต้องใช้ระเบียบ และสามารถที่จะดำเนินการได้ เพราะจริงๆแล้ว พอยุบสภากำหนดวันเลือกตั้งก็จริง ขั้นตอนต่างๆ ที่ไปเกี่ยวกับกกต. มันไม่ได้เริ่มต้นทันทีทั้งหมด จะต้องมีการกำหนดวันสมัคร ของบัญชีรายชื่อ วันสมัครของเขต ก็ต้องใช้เวลาอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อยุบสภาแล้วการเดินทางไปอินโดนีเซีย เพื่อประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน จะไปในฐานะอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่หรอกครับ สิงคโปร์ก็เดินทางไปในฐานะรักษาการ เป็นเรื่องปกติของแต่ละประเทศสมาชิก คิดว่าทุกคนก็เข้าใจได้ เราเป็นประเทศประชาธิปไตย ก็มีการเลือกตั้งเตรียมการ 2-3 เดือน ในกระบวนการเขาก็เข้าใจได้อยู่แล้ว ซึ่งไม่มีผลต่อการเจรจา เพราะเขาก็เข้าใจได้อยู่แล้ว และในการประชุมของอาเซียน ก็เป็นในลักษณะของพหุภาคีอยู่แล้ว
ในวันเดียวกันนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ จ.ราชบุรี จ.นครปฐม เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติดว่า ตนมาตามงานเรื่องยาเสพติด ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรือนจำ ซึ่งเป็นเครือข่ายการค้า ที่เราพยายามแก้ไขปัญหามาโดยตลอด โดยเฉพาะในส่วนของระบบเรื่องของการตัดสัญญาณที่มีความก้าวหน้าไปอย่างมาก และในครั้งนี้ได้มีโอกาสมาในชุมชนด้วย ก็เลยอยากมาดูรูปแบบที่มีความยั่งยืน เพราะสิ่งที่เราทำนั้น ที่ผ่านมามันจะได้ผลเป็นช่วงๆ ถ้าหากว่าไม่สามารถที่จะทำให้เกิดความยั่งยืนได้ ตนคิดว่าที่ บ้านรางอีเม้ย ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เป็นตัวอย่างที่ดีว่าสามารถทำค่อนข้างที่จะครบวงจร คือไม่ใช่แก้ปัญหาเรื่องยาเสพติดปัญหาเดียว มันเป็นปัญหาเรื่องของหนี้สิน และเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเวลาที่ชุมชนรวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง ทำกิจกรรมร่วมกัน ปัญหาอื่นๆ รวมทั้งเรื่องยาเสพติด ก็จะแก้ไขได้ง่าย ซึ่งตนจะนำไปขยายผลในหลายๆ พื้นที่อีกด้วย นอกจากนี้ ตนจะเดินทางไปที่ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อไปติดตามงานในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่องชายแดน
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีมองอย่างไรกับนโยบายล่าสุดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทย มีนโยบายแก้ปัญหายาเสพติด ภายใน 1 ปี ว่า อย่างจะย้ำประสบการณ์ที่ผ่านมาว่า จริง เวลาที่เราปราบปราบกันอย่างรุนแรง เสียชีวิตไป 2,000 กว่าคน แล้วบอกว่าลด แต่มันไม่เคยหมด แล้วมันกลับมาใหม่ ถ้าจะทำอย่างนั้นก็คงต้องตายไปหลายพันคนเกือบทุกปี ซึ่งมันไม่ยั่งยืน ซึ่งเราพยายามทำอยู่ขณะนี้ เราพยายามทำให้มันครบวงจรทั้งระบบ มันอาจจะไม่สะใจ ไม่ทันใจ แต่จริงๆ แล้ว ก็กำลังทำอย่างเต็มที่ แนวทางที่สำคัญคือทำงานกันอย่างหนักและต่อเนื่องสม่ำเสมอมากกว่า
** โฆษกฯปชป.ชี้การเมืองยังไม่นิ่ง
ด้านนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุว่า นายกฯ เตรียมเสนอร่างกฤษฎีกายุบสภาฯวันที่ 6 พ.ค.นี้ว่า ก็เป็นไปได้ เพราะอยู่ในช่วงที่นายกฯได้ประกาศไว้ว่าจะยุบสภาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนพ.ค.
ส่วนสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ ยอมรับว่าไม่นิ่ง เพราะมีการชุมนุมนอกสภา และปัญหาชายแดน เบื้องต้นในส่วนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา นั้น มั่นใจว่ากองทัพสามารถดูแลได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้รัฐบาลประชุมเพื่อกำชับงาน หรือนโยบายที่ดูแลประชาชน
เมื่อถามถึงกรณีนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่โจมตีพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยการระบุว่า เป็นพรรคที่ดีแต่พูดนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คนที่พิสูจน์นั้นไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เป็นประชาชน ซึ่งการทำงานของรัฐบาล ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าประชาชนมีข้อมูลที่ตัดสินได้ว่า จะเริ่มต้นใหม่ หรือกลับไปเริ่มที่ศูนย์ หรือต้องการแก้ไขปัญหาเพื่อคนๆเดียว
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทำพฤติกรรมที่ทำให้เห็นว่าไม่เคยได้ทำตรงกับสิ่งที่พูด เช่น ไม่สร้างขัดแย้ง หรือพาดพิงสถาบันฯ หรือการนิรโทษกรรม
