xs
xsm
sm
md
lg

“พล.อ.ธีรเดช” ชนะขาดนั่งประธานวุฒิสภา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พล.อ.ธีรเดช” ชนะขาดนั่งประธานวุฒิสภา “นิคม” วืด เหตุ ส.ว.เลือกตั้งเสียงแตก หันมาหนุนตัวแทน ส.ว.สรรหา หลังส่ง “ดิเรก” หยั่งเสียงแล้วพ่าย “นิคม”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภานัดพิเศษ วันนี้ (22 เม.ย.) ซึ่งมี นางพรทิพย์ โล่ห์วีระ จันทร์รัตนปรีดา รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม โดยมีวาระเลือกประธานวุฒิสภาคนใหม่ โดย นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ส.ว.ชลบุรี เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิ) กล่าวว่า ผลการหยั่งเสียงของ ส.ว.เลือกตั้ง เสียงข้างมากมีมติให้เสนอ นายนิคม เป็นตัวแทนชิงตำแหน่ง

ส่วน นายมณเฑียร บุญตัน ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวว่า ในสภาพบ้านเมืองมีความขัดแย้ง ต้องมีบุคคลที่จะนำพาประชาธิปไตยไปได้ จึงขอเสนอ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ส.ว.สรรหา เป็นประธานวุฒิสภา ขณะที่ น.ส.สุมล สะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวว่า การเสนอบุคคลที่เหมาะสมครั้งนี้ หากมีแค่ 2 คน ซึ่งมาจาก 2 ระบบชิงกัน จะเหมือนแบ่งขั้วเป็นฝ่ายเลือกตั้ง และฝ่ายสรรหา เมื่อเปรียบเทียบกับการเลือกประธานครั้งแรกสุด ยังมีตัวเลือกหลายคน ตนจึงขอเสนอทางเลือกที่ 3 คือ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.เป็นประธาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการเสนอชื่อ น.ส.รสนา ชิงตำแหน่งอีกคนหนึ่ง ทำให้ฝ่าย ส.ว.เลือกตั้ง ต่างตกตะลึงและส่งเสียงอื้ออึง เพราะเห็นว่า ฝ่าย ส.ว.สรรหา เสนอชื่อ น.ส.รสนา ขึ้นมาเพื่อตัดคะแนน นายนิคม ที่เป็น ส.ว.เลือกตั้ง ด้วยกันเอง ทำให้ นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ส.ว.ยโสธร ลุกขึ้นเสนอชื่อ นายพิเชต สุนทรพิพิธ ที่เป็นผู้ใหญ่ของฝ่าย ส.ว.สรรหา อีกคนหนึ่งชิงตำแหน่ง แต่ นายพิเชต ขอถอนตัว

จากนั้นเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ตามข้อบังคับการประชุมคนละไม่เกิน 10 นาที เริ่มจาก นายนิคม กล่าวว่า ตนเป็นข้าราชการมาชั่วชีวิต ไม่เคยประกอบอาชีพอื่น เพราะตั้งใจว่า จะรับใช้ชาติ และราชบัลลังก์ การทำงานที่ผ่านมา ในช่วง 4 ปี ในปี 2515-2519 อยู่ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ ส่วนอีก 30 ปีหลังมาอยู่ที่ กทม.เป็น ผอ.สำนักมา 6 สำนักจนเป็นรองปลัด กทม.ซึ่งได้บริการชาว กทม.ให้สะดวกสบายและน่าอยู่ขึ้น

ทั้งนี้ จุดแข็งของตนคือคิดเร็ว ทำเร็ว ซึ่งมีผลงานประจักษ์ 3 ปีแรกของการเป็นรองประธานวุฒิสภา ก็ได้ทำให้กฎหมายเข้าใจง่าย และวุฒิสภาคล่องตัวในการพิจารณา หลังจากหมดสมัยเป็น ส.ว.จะไม่เล่นการเมืองอีก เพราะพอแล้ว ทั้งนี้ เรื่องการเมืองเป็นเรื่องการสร้างความศรัทธาให้ประชาชนโดยทำงานให้เป็นที่ประจักษ์ ส่วนหากได้รับเลือกเป็นประธาน ตนเห็นว่า ส.ว.ที่มาจาก 2 ระบบ แม้จะมาแตกต่างกัน แต่คิดว่า ต้องไม่แตกแยก ยิ่งในสภาพบ้านเมืองมีความขัดแย้ง จึงเห็นว่า ต้องสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย เคารพกติกา เสียงข้างมาก จึงขอให้สมาชิกช่วยสนับสนุน ขอโอกาสที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มาทำหน้าที่

ด้าน พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า ตนเกิดมาในครอบครัวนักปกครอง 3 รุ่น ปู่เป็นกำนันที่เกาะพะงัน พ่อเป็นข้าราชการกระทรวงมหาดไทย จากปลัดอำเภอ จนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด ตนก็มีโอกาสติดตามไปด้วยจึงได้สัมผัสประชาชนในชนบทที่ห่างไกล ตั้งแต่เด็กๆ บางจังหวัดอย่างสุพรรณบุรีที่มีถนนแค่เส้นเดียว ซึ่งพ่อได้เข้าถึงทุกชุมชน ตนก็ได้นำวิถีนั้นมาเป็นแบบอย่าง ต่อมาได้เป็นนักเรียนโรงเรียนนายร้อยจนจบและเป็นทหารปืนใหญ่ ต่อมาได้ไปศึกษาที่สหรัฐฯทั้งหลักสูตรนักบินทหารบก วิชารัฐศาสตร์ และเสนาธิการ และได้ทำงานในกองทัพจนเมื่อถึงระดับสูงขึ้น ก็เป็นทหารด้านการข่าว ซึ่งไม่ได้มีอาวุธ แต่มีปากกาไม่ต่างจากสื่อมวลชน

สุดท้ายได้เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ต่อมาเมื่อเกษียณราชการก็ได้มาเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งผ่านการคัดเลือกด้วยกระบวนการที่ยากมาก ทั้งชั้นกรรมการสรรหา และวุฒิสภา ทำให้ตนได้รู้จักปัญหาชาวบ้านทั่วประเทศมากขึ้นอีก ซึ่งในฐานะผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้ช่วยขจัดปัดเป่าด้วยความเป็นธรรม และเสนอแก้กฎระเบียบที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชน

พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า ในอดีตปี 2522 ตนเคยเป็น ส.ว.มาแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้มีประสบการณ์ด้านการเมืองจากทั้งเพื่อน ส.ส.และ ส.ว.จึงมีความเชื่อว่า ความรู้ด้านพลเรือน การทหาร และการเมือง จะสามารถนำให้องค์กรวุฒิสภาเดินไปข้างหน้าพร้อมกับเพื่อน ส.ว.ได้อย่างสมเกียรติ หากเพื่อน ส.ว.ไว้วางใจเลือกเป็นประธาน ตนจะทำตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายทุกอย่างอย่างดีที่สุด และปรารถนาจะเห็นวุฒิสภาเป็นองค์กรแม่แบบแห่งความรัก ความสามัคคี ปรองดอง เป็นหนึ่งเดียวกัน

ทั้งนี้ ส.ว.ที่มีที่มาตามรัฐธรรมนูญ 50 สมบูรณ์แบบที่สุด เพราะครอบคุลมทุกพื้นที่และทุกสาขาอาชีพ หาก ส.ว.ร่วมมือร่วมใจจะสามารถเดินไปข้างหน้าเพื่อบ้านเมืองได้อย่างแท้จริง และขอยืนยันว่า จะยึดมั่นในความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเชื่อมั่นในการทำงานเป็นทีม รวมถึงจะเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทำงาน และจะสนับสนุนข้าราชการวุฒิสภาต้องเป็นมืออาชีพเพื่อสนับสนุนการทำงานของ ส.ว.นอกจากนี้ จะส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆทั่วโลกผ่านรัฐสภา หากสมาชิกเชื่อมั่นตน ก็ขอเสียงสนับสนุนด้วย

ขณะที่ น.ส.รสนา กล่าวว่า หลายวันมานี้ ตนไม่สบายใจที่เห็นสถานการณ์แบ่งขั้วของ ส.ว.เลือกตั้ง และสรรหา ในการชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาและประธานคณะกรรมาธิการสามัญอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ในครั้งแรกที่เข้ามา แม้ยังไม่มีการแบ่ง 2 ขั้ว แต่สื่อมวลชนก็ตั้งฉายาประจำปี ว่า 2 ก๊กพกมีดสั้น และ อัมพฤกษ์รับจ็อบ ซึ่งต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการหยั่งเสียงของ ส.ว.เลือกตั้ง ตนเห็นว่า เป็นเหมือนพรรคการเมือง จึงตั้งข้อสังเกตว่า วุฒิสภาที่เป็นอิสระ ปราศจากความเป็นพรรคการเมือง ดังนั้น ไม่เห็นด้วยที่จะเป็นพรรคเลือกตั้งและพรรคสรรหา แต่เห็นว่า วุฒิสภาเป็นแม่น้ำหลายสายที่ไหลมารวมกัน สภาสูงเหมือนสภาหางเสือ ไม่ให้รัฐนาวาแล่นผิดทาง หรือไม่สมดุลจนเรือคว่ำ ซึ่งงานของ ส.ว.คือ การทำเพื่อส่วนรวม และต้องไม่แย่งขั้ว แบ่งข้าง เพราะการแบ่งขั้วนำไปสู่การแย่งชิง จึงเห็นว่า ต้องเปลี่ยนจากการแข่งขันเป็นการแบ่งบัน

จากนั้นเป็นการลงคะแนนโดยวิธีลับด้วยการใช้บัตร ทั้งนี้ ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ.2551 ข้อ 6 กำหนดว่า หากมีผู้ถูกเสนอชื่อมากกว่า 2 คน ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดและมีคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุมเป็นผู้ได้รับเลือก หากไม่มีใครได้ ให้นำอันดับ 1 และ 2 มาเลือกกันอีกครั้ง ซึ่งผลการลงคะแนนรอบแรก ปรากฏว่า ผู้ลงคะแนนทั้งหมด 148 คน นายนิคม ได้ 52 คะแนน พล.อ.ธีรเดช ได้ 91 คะแนน น.ส.รสนา ได้ 3 คะแนน บัตรเสีย 2 ใบ ถือว่า พล.อ.ธีรเดช ได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภาคนใหม่ เนื่องจากได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งตั้งแต่รอบแรก ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้จะมีการนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเบื้องหลังของการลงคะแนนที่ พล.อ.ธีรเดช ได้คะแนนชนะขาดตั้งแต่รอบแรกนั้น ไม่เกินความคาดหมาย โดย พล.อ.ธีรเดช ได้คะแนนเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.สรรหา 73 คน เกือบทั้งหมดซึ่งรวมถึง ส.ว.สรรหาบางรายที่มีความสนิทสนมกับ นายนิคม ด้วย ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการมีใบสั่ง

นอกจากนี้ ยังได้เสียง ส.ว.เลือกตั้ง ที่เป็นกลุ่ม 40 ส.ว. ส.ว.เลือกตั้งภาคใต้ และ ส.ว.เลือกตั้งกลุ่มที่สนับสนุน นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี เมื่อครั้งหยั่งเสียงภายในกลุ่ม ส.ว.เลือกตั้งแข่งกับ นายนิคม ซึ่งไม่พอใจที่ผู้ใหญ่บางรายใน ส.ว.เลือกตั้ง มัดมือจับทั้ง 2 คน มาหยั่งเสียงภายใน ซึ่งรวมแล้วได้มาอีกประมาณ 20 เสียง นอกจากนี้ แกนนำ ส.ว.สรรหา ยังได้เสนอชื่อ น.ส.รสนา เพื่อตัดคะแนน นายนิคม อีกบางส่วน และเพื่อทำให้ภาพไม่มีการแบ่งขั้วระหว่างฝ่ายสรรหาและฝ่ายเลือกตั้งมากนัก ทำให้ พล.อ.ธีรเดช ชนะขาดไปได้ตั้งแต่รอบแรก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประวัติของ พล.อ.ธีรเดช เกิดวันที่ 4 เมษายน 2483 ปัจจุบันอายุ 71 ปี จบการศึกษาปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ปริญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเวนย์สเตท มลรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ประกาศนียบัตรโรงเรียนเสนาธิการทหารบกไทย และสหรัฐอเมริกา ปริญญาบัตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ประกาศนียบัตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง สถาบันพระปกเกล้ารุ่นที่ 9

ส่วนการทำงานที่ผ่านมา เคยเป็น ส.ว.เมื่อปี 2522-2524 เจ้ากรมข่าวทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ปี 2536-2538 ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ(อัตราพลเอก) ปี 2539-2540 ปลัดกระทรวงกลาโหม (อัตราจอมพล) ปี 2541-2543 เป็นผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ปี 2546-2550 ผู้ตรวจการแผ่นดินปี 2550 และประธานผู้ตรวจการแผ่นดินปี 2550-2553








กำลังโหลดความคิดเห็น