xs
xsm
sm
md
lg

ศึกชิงประมุขสภาสูง “นิคม” ส่อปิ๋ว - “ธีรเดช” ยึดเก้าอี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นิคม ไวยรัชพานิช
แม้ว่าจะยังมีเสียงนินทาค่อนแคะถึงที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ป้ายแดงทั้ง 73 คน ว่ามีแรงหนุนจากกลุ่มอำนาจเก่า-ใหม่ และกลุ่มการเมืองต่างๆ อย่างไรก็ตาม 73 ส.ว.สรรหาก็เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ผ่านขั้นตอนการกล่าวปฏิญาณตนในที่ประชุมวุฒิสภา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา และจะมีการเลือกตั้งประธานวุฒิสภาคนใหม่ในวันนี้ (22 เม.ย.)

คราวนี้ ส.ว.สายเลือกตั้งประกาศกร้าว ต้องยึดตำแหน่งคืนให้ได้ หลังปล่อยให้ นายประสพสุข บุญเดช จากฟากสรรหา ยึดครองเก้าอี้มาเกินกำหนดเวลาที่มี “สัญญาใจ” กันไว้ หลังเคยมีคำมั่นว่าจะให้ตัวแทน 2 ฝั่งผลัดกันนั่งในตำแหน่งประธานวุฒิฯ ฝั่งละ 2 ปี แต่จนแล้วจนรอดนายประสพสุข ก็กอดเก้าอี้แน่น จนต้องจำใจลุกหลังหมดวาระการเป็น ส.ว.ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กินเวลาปาเข้าไป 3 ปีกว่า

ล่าสุดจากที่ตกลงกันไม่ลงตัว จนเกรงว่าจะเป็นเหตุทำให้ ส.ว.สายเลือกตั้งต้องพลาดหลัง หากลงแข่งตัดคะแนนเสียงกันเอง จึงได้มีการนัดหมายจัดประชุมนอกรอบ โดยมี พล.อ.โกวิท ภักดีภูมิ ส.ว.อ่างทอง เป็นโต้โผ ให้ 76 ส.ว.เลือกตั้งหยั่งเสียงล่วงหน้า เพื่อส่งตัวแทนชิงเก้าอี้ประมุขสภาสูงให้เหลือเพียงคนเดียว จากแคนดิเดต 3 คน ซึ่งประกอบด้วย นายนิคม ไวยรัชพานิช ส.ว.ฉะเชิงเทรา ที่กินตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 และประธานวิปวุฒิอยู่ด้วย ซึ่งออกตัวล่วงหน้ามาหลายเพลาแล้ว ถัดมาที่ นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี เจ้าของผลงานชงแก้รัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น ที่ว่ากันว่ามีเสียงหนุนจาก “ขาใหญ่” อย่าง นายประสิทธิ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี และ นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี ซึ่งกว้างขวางในเวทีสภาสูง และ ส.ว.สายอดีผู้ว่าฯ พร้อมด้วยภาพความประนีประนอมและมีคอนเนกชั่นกับกลุ่มการเมืองต่างๆพอสมควร และสุดท้าย นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร ที่เพิ่งถูกโยนชื่อออกมาเพื่อผ่าทางตัน ในจังหวะที่นายนิคมและนายดิเรกยังตกลงกันไม่ได้

ผลที่ออกมาปรากฏว่า นายนิคมได้รับเลือกเป็นตัวแทนจากฝั่งเลือกตั้งด้วยคะแนน 37 เสียง เอาชนะนายดิเรกที่ได้ 28 เสียง ไปเพียง 9 เสียง ส่วนนายกฤชได้มา 6 เสียง และมีผู้ไม่ลงคะแนน 1 เสียง รวม ส.ว.ที่มาลงคะแนน “ไพรมารีโหวต” ทั้งสิ้น 72 จาก ทั้งหมด 76 เสียง

ส่วน ส.ว.สายสรรหาก็ไม่น้อยหน้า เมื่อใช้โอกาสในช่วงปฐมนิเทศรับน้องใหม่หารือเบื้องต้นในการส่งตัวบุคคลลงแข่งขัน ปรากฏว่า ทุกคนต่างประสานเสียงเสนอ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ส.ว.หน้าใหม่ ซึ่งมีชื่อเป็น “แคนดิเดต” ตั้งแต่ยังไม่ได้รับการรับรองจาก กกต. ด้วยภูมิหลังที่พกดีกรีอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน สายสรรหาจึงเชื่อว่าคุณสมบัติไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตัวแทนของสายเลือกตั้งแน่นอน

ทำให้ขณะนี้เหลือตัวเลือกเพียง 2 คนเท่านั้น ที่จะชิงตำแหน่ง “ประมุขสภาสูง”

เมื่อมองจากสัดส่วนของ ส.ว.กลุ่มต่างๆ ที่มีอยู่ในตอนนี้ ชัดเจนว่าแบ่งเป็น ส.ว.เลือกตั้ง 76 - ส.ว.สรรหา 73 เหลื่อมกันอยู่เล็กน้อยเท่านั้น

แต่ใช่ว่า นายนิคม จากสายเลือกตั้งจะได้เปรียบเสียทีเดียว เพราะหากเช็คเสียงจริงๆแล้วมี ส.ว.ที่เหนียวแน่นพร้อมสนับสนุนอยู่ไม่เกิน 65 คนเท่านั้น โดยเหตุที่ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยก็มาจากที่ ส.ว.บางส่วนไม่ให้การยอมรับ “ขาใหญ่” ในสายเลือกตั้งบางคน รวมทั้งตัวนายนิคมเองที่มีสายสัมพันธ์เป็นเครือญาติกับ นายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ พรรคภูมิใจไทย ดังนั้นหากคิดว่าคุมเสียงได้ทั้งหมดอยู่อาจผิดถนัด

โดยเฉพาะเมื่อเอกซเรย์ทั้ง 150 ส.ว. จะพบว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมามีการจับกลุ่มกันแบบหลวมๆ มีเพียงกลุ่ม 40 ส.ว.เท่านั้นที่ประกาศตัวชัดเจน ในกลุ่มนี้ก็มี ส.ว.เลือกตั้งปะปนอยู่ด้วย ยิ่งเมื่อกลุ่ม 40 ส.ว.ได้กลับมาเป็น ส.ว.รอบสอง ถึง 23 คน และกลุ่ม 40 ส.ว.ในสายเลือกตั้ง ก็พร้อมโยกคะแนนมาโหวตให้ตัวแทนของสายสรรหา และอาจรวมถึงกลุ่มของ ดิเรก ถึงฝั่งด้วย

ด้าน นายนิคม เล็งเห็นจุดอ่อนนี้ดี จึงพยายาม “ผูกมิตร” กับกลุ่ม 40 ส.ว. แม้จะ “ขบเหลี่ยม” กันมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมาก็ตาม แถมยังบอกว่าหากได้ขึ้นเป็นเบอร์ 1 สภาสูง ก็พร้อมเปิดโอกาสให้ ส.ว.สรรหา มานั่งเป็นรองประธานฯ คนที่ 1 บ้าง หวังซื้อใจ ส.ว.สรรหาบางส่วนที่อาจเปลี่ยนใจหันมาสนับสนุนตัวเอง

ที่ไม่อาจมองข้าม คือ กลุ่มอดีตข้าราชการ เครือข่ายสีเขียว โดยเฉพาะสาย คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่วิจารณ์กันหนาหูว่ามีไม่ต่ำกว่า 40 คน ก็ยิ่งเข้าทาง พล.อ.ธีรเดชไปกันใหญ่

อย่างไรก็ตาม การโหวตเลือกประธานวุฒิฯ วันนี้จึงยังไม่มีอะไรที่แน่นอน สามารถออกได้ทั้ง 2 หน้า ขึ้นอยู่กับว่าเวลาที่เหลือรองฯ นิคม จะ “ล็อบบี้” หาเสียงหนุนเพิ่มพอที่จะเข้าป้ายได้หรือไม่

หากย้อนกลับไปเมื่อราว 3 ปีก่อน ที่นายประสพสุขได้เป็นประธานวุฒิฯแบบ “หักหน้า” สายเลือกตั้ง ทั้งที่มีคนมากกว่า ก็เป็นรองฯ นิคมนี่เอง ที่ยกเสียงในมือราว 15 เสียง พลิกมาหนุนนายประสพสุข ในนาทีสุดท้าย หลังตกลงกันได้ ว่าจะได้นั่งเป็นรองฯ เบอร์ 1 ทำเอา นายทวีศักดิ์ คิดบรรจง ส.ว.บุรีรัมย์ ที่ลงแข่งในวันนั้นยัง “แค้นฝังหุ่น” มาถึงวันนี้

ใครจะรับรองได้ว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย และส่ง ส.ว.สายสรรหาขึ้นบัลลังก์อีกหน

ฤๅ...ดาบเล่มเดิมนั้นกำลังจะคืนสนอง
พล.อ.ธีรเดช มีเพียร
กำลังโหลดความคิดเห็น