ASTVผู้จัดการรายวัน - จับตาประชุมมรดโลกฝ่ายไทย 18 เม.ย.นี้ “สุวิทย์” เชิญประธานเจบีซีฝ่ายไทยให้ข้อมูล ด้าน“ปานเทพ” ชี้ “อัษฎา” ร่วมประชุมมรดกโลกไทย แค่ให้ข้อมูล แนะคุยอำนาจต่อรอง ถอนตัวมรดกโลก-ผลักดันแขมร์ออกจากแดนไทย ดักคอ “ป้อม-ตู่” ควงไปอิเหนา ต้องไม่คุยเรื่องถอนทหาร-คณะสังเกตการณ์ อาจเข้าทางเขมรดันมรดกโลก
รายงานข่าวจากกระทรวงกลาโหม แจ้งว่า มีกระแสข่าวความเป็นไปได้ที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม จะเดินทางไปประเทศอินโดนีเซีย ในวันจันทร์ที่ 18 เม.ย.นี้ เพื่อขอพบผู้นำทหารอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นการเข้าพบภายหลังที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประทศ เดินทางกลับจากอินโดนีเซีย หลังจากไปประชุมเมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า วันที่ 18 เม.ย.วันเดียวกันนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในประธานคณะกรรมการมรดกโลกประเทศไทย ได้เชิญประชุมคณะกรรมการมรดกโลกของไทย ทั้งนี้มีวาระสำคัญเพื่อเตรียมตัวก่อนจะถึงการประชุมนอกรอบร่วมกับทางกัมพูชาในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ที่ฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นการเตรียมการประชุมด้านการบริหาร ก่อนจะถึงการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ในเดือนมิถุนายนนี้
รายงานข่าวระบุว่า นายสุวิทย์ ได้เชิญ นายอัษฎา ชัยนาม ประธานฝ่ายไทย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ เจบีซี ซึ่งนำคณะเดินทางไปร่วมประชุม JBC ที่เมืองโบกอ ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 7-8 เมษายนที่ผ่านมาเข้าไปชี้แจงข้อมูลรายละเอียดการหารือกับฝ่ายกัมพูชาด้วย
ก่อนหน้านั้น นายอัษฎา ให้ความเห็นว่า การประชุมคณะกรรมการมรดกโลกของไทย ในวันที่ 18 เม.ย.นี้ ฝ่ายไทยน่ามีความเห็นว่า การพิจารณาแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร ไม่ควรจะบรรจุเป็นวาระในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก เนื่องจากยังมีปัญหาเรื่องเขตแดน มีปัญหาเรื่องการละเมิดอธิปไตย ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนคนไทยยอมรับไม่ได้ โดยระหว่างนี้ฝ่ายไทยก็ได้เดินหน้าล็อบบี้หาเสียงต่อคณะกรรมการมรดกโลกชาติต่างๆ เพื่อให้เห็นด้วยกับเรา ซึ่งคงจะเช่นเดียวกับทางฝ่ายกัมพูชาที่เขาก็ต้องเดินหน้าล็อบบี้ในประเด็นที่เขาต้องการเช่นกัน
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกฝ่ายไทยที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 เม.ย.นี้ ซึ่งนายอัษฎา ชัยนาม ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซีฝ่ายไทยจะเข้าร่วมประชุมด้วย ว่า ในความเป็นจริงนายอัษฎาไม่ได้มีหน้าที่อยู่ในคณะกรรมการมรดกโลกฝ่ายไทย เพียงแต่ความหารือและให้ความเห็นต่อประเด็นข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการเตรียมตัวก่อนจะถึงการประชุมนอกรอบร่วมกับทางกัมพูชา
ส่วนข้อสรุปนั้นขึ้นอยู่กับคณะกรรมการชุดใหญ่และตัวประธาน รวมไปถึงท่าทีรัฐบาลที่จะยินยอมให้นำแผนบริหารจัดการมาพื้นที่พิจารณาหรือไม่ อย่างไรก็ตามควรที่จะพิจารณาถึงอำนาจต่อรอง ไม่ว่าจะเป็นการถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลก หรือใช้กำลังผลักดันชุมชนและทหารกัมพูชาออกจากดินแดนไทยด้วย เพราะถือเป็นสิทธิ์ของไทยที่จะทำได้ โดยคณะกรรมการมรดกโลกหรือยูเนสโกไม่มีสิทธิ์มาแทรกแซง
ในส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก มีข่าวว่าจะเดินทางไปเยือนประเทศอินโดนีเซียในวันที่ 18 เม.ย.นั้น นายปานเทพ กล่าวว่า คงต้องติดตามว่าหัวข้อที่จะไปหารือกันเป็นเรื่องใด หากยังคงเงื่อนไขเดิมก็ไม่น่าจะมีการประชุมที่เกี่ยวกับคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) หรือการส่งกำลังอินโดนีเซียเข้ามาสังเกตการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะกองทัพตระหนักดีถึงอันตรายร้ายแรงหากมีการส่งคณะผู้สังเกตการณ์หรือชาติที่ 3 เข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ เนื่องจากจะเป็นการยอมแพ้เรื่องเขตแดน อีกทั้งยังเป็นการสละสิทธิในการใช้กำลังทหารผลักดันกัมพูชาออกจากเขตแดนไทยอีด้วย ดังนั้นหากมีการหารือถึงเรื่องเขตแดนทั่วไปก็เป็นไปไม่ได้ แต่ไม่ควรจะเน้นเรื่องใดเป็นพิเศษ
โฆษกพันธมิตรฯกล่าวด้วยว่า ทางคณะรัฐมนตรีเองก็ได้มีมติถอนร่างบันทึกการประชุมเจบีซีทั้ง 3 ฉบับที่มีร่างข้อตกลงชั่วคราวเกี่ยวกับการถอนทหารออกจากพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทพระวิหาร ออกจากวาระการประชุมของรัฐสภาแล้ว ดังนั้นจึงไม่ควรถอนกำลังออกจากพื้นที่หรือในวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ และยืนยันกับนานาชาติด้วยไม่ว่ามีผลอย่างไร มิเช่นนั้นจะเป็นการสนับสนุนให้เดินหน้าการขึ้นทะเบียนมรดกโลก เพราะหากไม่มีกำลังทหารในพื้นที่ก็จะกลายเป็นพื้นที่สันติภาพไปโดยปริยาย.
รายงานข่าวจากกระทรวงกลาโหม แจ้งว่า มีกระแสข่าวความเป็นไปได้ที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม จะเดินทางไปประเทศอินโดนีเซีย ในวันจันทร์ที่ 18 เม.ย.นี้ เพื่อขอพบผู้นำทหารอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นการเข้าพบภายหลังที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประทศ เดินทางกลับจากอินโดนีเซีย หลังจากไปประชุมเมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า วันที่ 18 เม.ย.วันเดียวกันนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในประธานคณะกรรมการมรดกโลกประเทศไทย ได้เชิญประชุมคณะกรรมการมรดกโลกของไทย ทั้งนี้มีวาระสำคัญเพื่อเตรียมตัวก่อนจะถึงการประชุมนอกรอบร่วมกับทางกัมพูชาในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ที่ฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นการเตรียมการประชุมด้านการบริหาร ก่อนจะถึงการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ในเดือนมิถุนายนนี้
รายงานข่าวระบุว่า นายสุวิทย์ ได้เชิญ นายอัษฎา ชัยนาม ประธานฝ่ายไทย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ เจบีซี ซึ่งนำคณะเดินทางไปร่วมประชุม JBC ที่เมืองโบกอ ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 7-8 เมษายนที่ผ่านมาเข้าไปชี้แจงข้อมูลรายละเอียดการหารือกับฝ่ายกัมพูชาด้วย
ก่อนหน้านั้น นายอัษฎา ให้ความเห็นว่า การประชุมคณะกรรมการมรดกโลกของไทย ในวันที่ 18 เม.ย.นี้ ฝ่ายไทยน่ามีความเห็นว่า การพิจารณาแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร ไม่ควรจะบรรจุเป็นวาระในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก เนื่องจากยังมีปัญหาเรื่องเขตแดน มีปัญหาเรื่องการละเมิดอธิปไตย ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนคนไทยยอมรับไม่ได้ โดยระหว่างนี้ฝ่ายไทยก็ได้เดินหน้าล็อบบี้หาเสียงต่อคณะกรรมการมรดกโลกชาติต่างๆ เพื่อให้เห็นด้วยกับเรา ซึ่งคงจะเช่นเดียวกับทางฝ่ายกัมพูชาที่เขาก็ต้องเดินหน้าล็อบบี้ในประเด็นที่เขาต้องการเช่นกัน
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกฝ่ายไทยที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 เม.ย.นี้ ซึ่งนายอัษฎา ชัยนาม ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซีฝ่ายไทยจะเข้าร่วมประชุมด้วย ว่า ในความเป็นจริงนายอัษฎาไม่ได้มีหน้าที่อยู่ในคณะกรรมการมรดกโลกฝ่ายไทย เพียงแต่ความหารือและให้ความเห็นต่อประเด็นข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการเตรียมตัวก่อนจะถึงการประชุมนอกรอบร่วมกับทางกัมพูชา
ส่วนข้อสรุปนั้นขึ้นอยู่กับคณะกรรมการชุดใหญ่และตัวประธาน รวมไปถึงท่าทีรัฐบาลที่จะยินยอมให้นำแผนบริหารจัดการมาพื้นที่พิจารณาหรือไม่ อย่างไรก็ตามควรที่จะพิจารณาถึงอำนาจต่อรอง ไม่ว่าจะเป็นการถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลก หรือใช้กำลังผลักดันชุมชนและทหารกัมพูชาออกจากดินแดนไทยด้วย เพราะถือเป็นสิทธิ์ของไทยที่จะทำได้ โดยคณะกรรมการมรดกโลกหรือยูเนสโกไม่มีสิทธิ์มาแทรกแซง
ในส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก มีข่าวว่าจะเดินทางไปเยือนประเทศอินโดนีเซียในวันที่ 18 เม.ย.นั้น นายปานเทพ กล่าวว่า คงต้องติดตามว่าหัวข้อที่จะไปหารือกันเป็นเรื่องใด หากยังคงเงื่อนไขเดิมก็ไม่น่าจะมีการประชุมที่เกี่ยวกับคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) หรือการส่งกำลังอินโดนีเซียเข้ามาสังเกตการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะกองทัพตระหนักดีถึงอันตรายร้ายแรงหากมีการส่งคณะผู้สังเกตการณ์หรือชาติที่ 3 เข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ เนื่องจากจะเป็นการยอมแพ้เรื่องเขตแดน อีกทั้งยังเป็นการสละสิทธิในการใช้กำลังทหารผลักดันกัมพูชาออกจากเขตแดนไทยอีด้วย ดังนั้นหากมีการหารือถึงเรื่องเขตแดนทั่วไปก็เป็นไปไม่ได้ แต่ไม่ควรจะเน้นเรื่องใดเป็นพิเศษ
โฆษกพันธมิตรฯกล่าวด้วยว่า ทางคณะรัฐมนตรีเองก็ได้มีมติถอนร่างบันทึกการประชุมเจบีซีทั้ง 3 ฉบับที่มีร่างข้อตกลงชั่วคราวเกี่ยวกับการถอนทหารออกจากพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทพระวิหาร ออกจากวาระการประชุมของรัฐสภาแล้ว ดังนั้นจึงไม่ควรถอนกำลังออกจากพื้นที่หรือในวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ และยืนยันกับนานาชาติด้วยไม่ว่ามีผลอย่างไร มิเช่นนั้นจะเป็นการสนับสนุนให้เดินหน้าการขึ้นทะเบียนมรดกโลก เพราะหากไม่มีกำลังทหารในพื้นที่ก็จะกลายเป็นพื้นที่สันติภาพไปโดยปริยาย.
