โฆษกพันธมิตรฯ ชี้ประชุมเจบีซีฝ่ายไทย 18 เม.ย.นี้แค่ให้ข้อมูล ย้ำให้ถอนตัวจากภาคีและผลักดันเขมรออกจากแดนไทย ยันยูเนสโกไม่มีสิทธิเข้าแทรกแซง ดักคอ รมว.กลาโหม-ผบ.ทบ.ควงไปอิเหนาถกจีบีซี ต้องไม่คุยเรื่องถอนทหาร-คณะสังเกตการณ์ หวั่นเข้าทางเขมรเรื่องเขตแดน และถูกใช้อ้างขึ้นสู่เวทีมรดกโลก
วันนี้ (15 เม.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกฝ่ายไทยที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 เม.ย.นี้ ซึ่งนายอัษฎา ชัยนาม ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซีฝ่ายไทย จะเข้าร่วมประชุมด้วยว่า ในความเป็นจริงนายอัษฎาไม่ได้มีหน้าที่อยู่ในคณะกรรมการมรดกโลกฝ่ายไทย เพียงแต่เป็นการหารือและให้ความเห็นต่อประเด็นข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการเตรียมตัวก่อนจะถึงการประชุมนอกรอบร่วมกับทางกัมพูชา ส่วนข้อสรุปนั้นขึ้นอยู่กับคณะกรรมการชุดใหญ่ และตัวประธาน รวมไปถึงท่าทีรัฐบาลที่จะยินยอมให้นำแผนบริหารจัดการมาพื้นที่พิจารณาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ควรที่จะพิจารณาถึงอำนาจต่อรอง ไม่ว่าจะเป็นการถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลก หรือใช้กำลังผลักดันชุมชนและทหารกัมพูชาออกจากดินแดนไทยด้วย เพราะถือเป็นสิทธิของไทยที่จะทำได้ โดยคณะกรรมการมรดกโลกหรือยูเนสโกไม่มีสิทธิมาแทรกแซง
ในส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก จะเดินทางไปเยือนประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 18 เม.ย.นั้น นายปานเทพกล่าวว่า คงต้องติดตามว่าหัวข้อที่จะไปหารือกันเป็นเรื่องใด หากยังคงเงื่อนไขเดิมก็ไม่น่าจะมีการประชุมที่เกี่ยวกับคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) หรือการส่งกำลังอินโดนีเซียเข้ามาสังเกตการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะกองทัพตระหนักดีถึงอันตรายร้ายแรงหากมีการส่งคณะผู้สังเกตการณ์หรือชาติที่ 3 เข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ เนื่องจากจะเป็นการยอมแพ้เรื่องเขตแดน อีกทั้งยังเป็นการสละสิทธิในการใช้กำลังทหารผลักดันกัมพูชาออกจากเขตแดนไทยอีกด้วย ดังนั้น หากมีการหารือถึงเรื่องเขตแดนทั่วไปก็เป็นไปไม่ได้ แต่ไม่ควรจะเน้นเรื่องใดเป็นพิเศษ
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวด้วยว่า ทางคณะรัฐมนตรีเองก็ได้มีมติถอนร่างบันทึกการประชุมเจบีซีทั้ง 3 ฉบับที่มีร่างข้อตกลงชั่วคราวเกี่ยวกับการถอนทหารออกจากพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทพระวิหาร ออกจากวาระการประชุมของรัฐสภาแล้ว ดังนั้นจึงไม่ควรถอนกำลังออกจากพื้นที่หรือในวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ และยืนยันต่อนานาชาติด้วยไม่ว่ามีผลอย่างไร มิเช่นนั้นจะเป็นการสนับสนุนให้เดินหน้าการขึ้นทะเบียนมรดกโลก เพราะหากไม่มีกำลังทหารในพื้นที่ก็จะกลายเป็นพื้นที่สันติภาพไปโดยปริยาย