xs
xsm
sm
md
lg

"ธีรเดช"นั่งประมุขสภาสูง ชนะ"นิคม"ขาด 91-52เสียง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ ( 22 เม.ย.) มีการประชุมวุฒิสภานัดพิเศษ เพื่อเลือกประธานวุฒิสภาคนใหม่ โดยมีนางพรทิพย์ โล่ห์วีระ จันทร์รัตนปรีดา รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม
ทั้งนี้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ส.ว.ชลบุรี เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิ) กล่าวว่า ผลการหยั่งเสียงของ ส.ว.เลือกตั้ง มีมติให้เสนอ นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เป็นตัวแทนชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา
ส่วนนายมณเฑียร บุญตัน ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. ได้เสนอ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ส.ว.สรรหา เป็นประธานวุฒิสภา
ขณะที่ น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า การเสนอบุคคลที่เหมาะสมครั้งนี้หากมีแค่ 2 คน ซึ่งเป็นส.ว.ที่มาจาก 2 ระบบชิงกัน จะเหมือนแบ่งขั้ว เป็นฝ่ายเลือกตั้ง และฝ่ายสรรหา ตนจึงขอเสนอทางเลือกที่ 3 คือน.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. เป็นประธาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการเสนอชื่อ น.ส.รสนา ชิงตำแหน่งอีกคนหนึ่ง ทำให้ฝ่าย ส.ว.เลือกตั้ง ต่างตกตะลึง และส่งเสียงอื้ออึง เพราะเห็นว่า ฝ่ายส.ว.สรรหา เสนอชื่อ น.ส.รสนา ขึ้นมาเพื่อตัดคะแนนนายนิคม ที่เป็นส.ว.เลือกตั้งด้วยกันเอง ทำให้ นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ส.ว.ยโสธร ลุกขึ้นเสนอชื่อนายพิเชต สุนทรพิพิธ ที่เป็นผู้ใหญ่ของฝ่าย ส.ว.สรรหา อีกคนหนึ่งชิงตำแหน่ง

**"นิคม"โชว์วิสัยทัศน์สร้างวัฒนธรรมปชต.

จากนั้นเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ ตามข้อบังคับการประชุมคนละไม่เกิน 10 นาที เริ่มจากนายนิคม กล่าวว่า ตนเป็นข้าราชการมาชั่วชีวิต ไม่เคยประกอบอาชีพอื่น ตั้งใจว่า จะรับใช้ชาติ และราชบัลลังก์ การทำงานที่ผ่านมาในช่วง 4 ปี ในปี 2515-2519 อยู่ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ ส่วนอีก 30 ปีหลังมาอยู่ที่ กทม. เป็น ผอ.สำนักมา 6 สำนัก จนเป็นรองปลัดกทม. ซึ่งได้บริการชาวกทม.ให้สะดวกสบายและน่าอยู่ขึ้น
ทั้งนี้ จุดแข็งของตนคือคิดเร็ว ทำเร็ว ซึ่งมีผลงานประจักษ์ 3 ปีแรกของการเป็นรองประธานวุฒิสภา ก็ได้ทำให้กฎหมายเข้าใจง่าย และวุฒิสภาคล่องตัวในการพิจารณา หลังจากหมดสมัยเป็น ส.ว. จะไม่เล่นการเมืองอีก และหากได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา ตนเห็นว่า ส.ว.ที่มาจาก 2 ระบบ แม้จะมาแตกต่างกันแต่ตนคิดว่าต้องไม่แตกแยก ยิ่งในสภาพบ้านเมืองมีความขัดแย้ง จึงเห็นว่า ต้องสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย เคารพกติกาเสียงข้างมาก จึงขอให้สมาชิกช่วยสนับสนุน

**พล.อ.ธีรเดชอ้อนรู้ทั้งพลเรือน-การทหาร-การเมือง
ด้านพล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า ตนเกิดมาในครอบครัวนักปกครอง 3 รุ่น ปู่เป็นกำนัน ที่เกาะพงัน พ่อเป็นข้าราชการกระทรวงมหาดไทย จากปลัดอำเภอจนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด ตนก็มีโอกาสติดตามไปด้วย จึงได้สัมผัสประชาชนในชนบทที่ห่างไกล ตั้งแต่เด็กๆ บางจังหวัดอย่างสุพรรณบุรี ที่มีถนนแค่เส้นเดียว ซึ่งพ่อได้เข้าถึงทุกชุมชน ตนก็ได้นำวิถีนั้นมาเป็นแบบอย่าง
ต่อมาได้เป็นนักเรียนโรงเรียนนายร้อย จนจบและเป็นทหารปืนใหญ่ ได้ไปศึกษาที่สหรัฐฯ ทั้งหลักสูตรนักบินทหารบก วิชารัฐศาสตร์ และ เสนาธิการ และได้ทำงานในกองทัพจนเมื่อถึงระดับสูงขึ้น ก็เป็นทหารด้านการข่าว ซึ่งไม่ได้มีอาวุธ แต่มีปากกา ไม่ต่างจากสื่อมวลชน สุดท้ายได้เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย
เมื่อเกษียณราชการ ก็ได้มาเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งผ่านการคัดเลือกด้วยกระบวนการที่ยากมาก ทั้งชั้นกรรมการสรรหา และวุฒิสภา ทำให้ตนได้รู้จักปัญหาชาวบ้านทั่วประเทศมากขึ้นอีก ซึ่งในฐานะผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็ได้ช่วยขจัดปัดเป่าด้วยความเป็นธรรม และเสนอแก้กฎระเบียบที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชน
พล.อ.ธีรเดช กล่าวว่า ในปี 2522 ตนเคยเป็นส.ว.มาแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้มีประสบการณ์ด้านการเมือง จากทั้งเพื่อนส.ส. และส.ว. จึงมีความเชื่อว่า ความรู้ด้านพลเรือน การทหาร และการเมือง จะสามารถนำให้องค์กรวุฒิสภาเดินไปข้างหน้าพร้อมกับเพื่อนส.ว.ได้อย่างสมเกียรติ หากเพื่อนส.ว.ไว้วางใจเลือกเป็นประธาน ตนจะทำตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายทุกอย่างอย่างดีที่สุด และปรารถนาจะเห็นวุฒิสภาเป็นองค์กรแม่แบบแห่งความรัก ความสามัคคี ปรองดอง เป็นหนึ่งเดียวกัน

**"รสนา"หวังให้สภาสูงเป็นแม่น้ำสายเดียว
ขณะที่น.ส.รสนา กล่าวว่า หลายวันมานี้ ตนไม่สบายใจที่เห็นการแบ่งขั้วของ ส.ว.เลือกตั้งและสรรหา ในการชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา และประธานคณะกรรมาธิการสามัญอย่างชัดเจน ทั้งนี้ในครั้งแรกที่เข้ามาแม้ยังไม่มีการแบ่ง 2 ขั้ว แต่สื่อมวลชนก็ตั้งฉายาประจำปีว่า " 2 ก๊กพกมีดสั้น" และ " อัมพฤกษ์รับจ็อบ" ซึ่งต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการหยั่งเสียงของส.ว.เลือกตั้ง ตนเห็นว่าเป็นเหมือนพรรคการเมือง จึงตั้งข้อสังเกตว่าวุฒิสภาที่เป็นอิสระ ปราศจากความเป็นพรรคการเมือง ดังนั้นไม่เห็นด้วยที่จะเป็นพรรคเลือกตั้ง และ พรรคสรรหา แต่เห็นว่าวุฒิสภาเป็นแม่น้ำหลายสายที่ไหลมารวมกัน สภาสูงเหมือนสภาหางเสือ ไม่ให้รัฐนาวาแล่นผิดทาง หรือไม่สมดุลจนเรือคว่ำ ซึ่งงานของส.ว.คือ การทำเพื่อส่วนรวม และต้องไม่แย่งขั้ว แบ่งข้าง เพราะการแบ่งขั้วนำไปสู่การแย่งชิง จึงเห็นว่า ต้องเปลี่ยนจากการแข่งขันเป็นการแบ่งบัน
**ธีรเดชชนะขาด91 นิคม 52 รสนา 3
จากนั้นเป็นการลงคะแนนโดยวิธีลับด้วยการใช้บัตร ทั้งนี้ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ.2551 ข้อ 6 กำหนดว่า หากมีผู้ถูกเสนอชื่อมากกว่า 2 คน ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด และมีคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม เป็นผู้ได้รับเลือก หากไม่มีใครได้เกินกึ่งหนึ่ง ให้นำอันดับ 1 และ 2 มาเลือกกันอีกครั้ง ซึ่งผลการลงคะแนนรอบแรกปรากฏว่า ผู้ลงคะแนนทั้งหมด 148 คน นายนิคม ได้ 52 คะแนน พล.อ.ธีรเดช ได้ 91 คะแนน น.ส.รสนา ได้ 3 คะแนน บัตรเสีย 2 ใบ ถือว่าพล.อ.ธีรเดช ได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภาคนใหม่ เนื่องจากได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งตั้งแต่รอบแรก ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้จะมีการนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
สำหรับประวัติของพล.อ.ธีรเดช เกิดวันที่ 4 เมษายน 2483 ปัจจุบันอายุ 71 ปี จบการศึกษาปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ปริญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเวนย์สเตท มลรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ประกาศนียบัตรโรงเรียนเสนาธิการทหารบกไทยและสหรัฐอเมริกา ปริญญาบัตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ปรัชาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ประกาศนียบัตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง สถาบันพระปกเกล้ารุ่นที่ 9 ส่วนการทำงานที่ผ่านมา เคยเป็นส.ว.เมื่อปี 2522-2524 เจ้ากรมข่าวทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ปี 2536-2538 ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ(อัตราพลเอก) ปี 2539-2540 ปลัดกระทรวงกลาโหม (อัตราจอมพล) ปี 2541-2543 เป็นผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ปี 2546 – 2550 ผู้ตรวจการแผ่นดินปี 2550 และประธานผู้ตรวจการแผ่นดินปี 2550 -2553
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเบื้องหลังของการลงคะแนนที่ พล.อ.ธีรเดช ได้คะแนนชนะขาดตั้งแต่รอบแรกนั้นไม่เกินความคาดหมาย โดยพล.อ.ธีรเดช ได้คะแนนเสียงสนับสนุนจากส.ว.สรรหา 73 คน เกือบทั้งหมด ซึ่งรวมถึงส.ว.สรรหาบางรายที่มีความสนิทสนมกับนายนิคม ด้วยท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องการมีใบสั่ง
นอกจากนี้ ยังได้เสียงส.ว.เลือกตั้ง ที่เป็นกลุ่ม 40 ส.ว. และส.ว.เลือกตั้งภาคใต้ ส.ว.เลือกตั้งกลุ่มที่สนับสนุนนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี เมื่อครั้งหยั่งเสียงภายในกลุ่มส.ว.เลือกตั้ง แข่งกับนายนิคม ซึ่งไม่พอใจที่ผู้ใหญ่บางรายใน ส.ว.เลือกตั้ง มัดมือจับทั้ง 2 คน มาหยั่งเสียงภายใน ซึ่งรวมแล้วได้มาอีกประมาณ 20 เสียง นอกจากนี้ แกนนำ ส.ว.สรรหา ยังได้เสนอชื่อ น.ส.รสนา เพื่อตัดคะแนนนายนิคม อีกบางส่วน และเพื่อทำให้ภาพไม่มีการแบ่งขั้วระหว่างฝ่ายสรรหา และฝ่ายเลือกตั้งมากนัก ทำให้พล.อ.ธีรเดช ชนะขาดไปได้ตั้งแต่รอบแรก
ด้าน พล.อ.ธีรเดช กล่าวถึงปัญหาการแบ่งแยกระหว่างส.ว.เลือกตั้ง กับส.ว.สรรหาว่า ตนไม่ได้คิดเรื่องแบ่งแยก แม้เราจะมีที่มาต่างกัน แต่เรามีหน้าที่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการทำงานร่วมกันไม่น่าจะมีอะไรขีดคั่น การแข่งขันเป็นเรื่องปกติแข่งกันจบแล้วก็แล้วกันไป
กำลังโหลดความคิดเห็น