xs
xsm
sm
md
lg

“สุวิทย์” กลับลำ! อ้าง “มาร์ค” ขอนั่ง หน.ต่อ พร้อมตั้งทีม ฉก.จัดการ เน้นปักแดนให้ชัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุวิทย์ คุณกิตติ
รมว.ทส.เผย หลังเคลียร์ “มาร์ค-สามสี-กษิต” ตั้ง ฉก.จัดการให้เป็นเอกภาพ ปักปันเขตแดนให้ชัด และมีจุดยืนเดียวกัน หวังให้ กก.มรดกโลก เห็นปัญหา เผย “มาร์ค” ขอให้นั่งต่อ โยนเจ้าตัวแต่งตั้ง กก.ลั่นปัญหาจบ ปัดกลัวคำขู่ “เทือก” วอนชาวบ้านให้กำลังใจ ยอมทิ้งเวลาหาเสียงลุยปกป้องแผ่นดินชาติ เมินกินข้าวกับ “กษิต”

วันนี้ (20 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพูดคุยกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ว่า การทำงานนายกฯก็ได้มีการพูดคุยกับตนในกระบวนการขั้นตอนการทำงานแล้วก็จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาดำเนินการเรื่องนี้ให้เป็นเอกภาพ ส่วนกระบวนการขั้นตอนทั้งหมด ก็มีแนวทางเราก็ชัดเจนในเรื่องของปักปันเขตแดน เพื่อให้เรื่องของการขึ้นทะเบียนเกิดความชัดเจนก่อน ส่วนเรื่องอื่นนั้นก็คงเป็นกระบวนการขั้นตอนตามกติกามารยาทของคณะกรรมการมรดกโลก ส่วนที่จะต้องมีคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมานั้น ที่ผ่านมา การทำงานทุกคนมีเจตนาดี เพียงแต่วิธีการแนวทาง ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี มันอาจจะไม่เหมือนกัน ก็อาจจะทำให้เกิดความสับสน ก็จะเป็นจุดอ่อนในกระบวนการทำงานทั้งหมด ดังนั้น จึงต้องมีเอกภาพถ้าไม่มีเอกภาพก็จะไม่มีประสิทธิภาพและไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

“ผมก็เลยคิดว่าถ้ากระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการอยู่แล้ว และเป็นคนรับผิดชอบ นโยบายด้านการต่างประเทศก็จะขอให้กระทรวงการต่างประเทศไปดำเนินการ แต่หลังจากที่คุยกับนายกฯแล้วท่านนายกฯ บอกว่า ให้จัดเป็นคณะทำงานเฉพาะกิจ ขึ้นมาแล้วก็ให้การทำงานเป็นเอกภาพ ขั้นตอนทั้งหมดต้องเป็นไปในทางเดียวเดียวกันจุดยืนเดียวกัน และมติครม.ที่เคยมีก็ยังใช้ในแนวทางนั้น คือ การต้องดำเนินการให้คณะกรรมการมรดกโลกได้เห็นปัญหาและเข้าใจปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา จนกระทั่งเกิดการสู้รบ สูญเสียทรัพย์สินของทั้งสองฝ่ายรวมทั้งประชาชนได้รับความกระทบกระเทือนด้วย” นายสุวิทย์ กล่าว

รมว.ทรัพยากรฯ กล่าวอีกว่า ดังนั้น สิ่งสำคัญวันนี้ต้องมีการดำเนินการขั้นตอนของอนุสัญญาที่จะต้องกำหนด ขอบเขตในเรื่องของพื้นที่ที่จะขึ้นทะเบียนให้มีความชัดเจนซึ่งมันเกี่ยวข้อง กับเขตแดนไทย-กัมพูชา ตรงนี้ไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการเรื่องปักปันเขตแดนของเจบีซี ซึ่งเจบีซีมีการพิจารณาในส่วนนี้ ฉะนั้น เราจุดยืนเราก็ชัดเจนว่ากระบวนการขั้นตอนต่อไปที่จะดำเนินการโดยคณะกรรมการชุดเดียว ก็จะทำให้เป็นเอกภาพมากขึ้น

“และท่านนายกฯยังขอให้ผมเป็นหัวหน้าคณะ เป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจชุดนี้อยู่ ผมเห็นว่า สิ่งใดที่ผมจะทำให้กับชาติบ้านเมืองได้ในการปกป้องอำนาจอธิปไตยเขตแดนแล้วก็ทำให้เกิดความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชา ผมก็ยินดีที่จะทำ ฉะนั้น ในแนวทาง ทิศทางที่เป็นเอกภาพในการทำงานที่เป็นระบบมากขึ้นโดยการสนับสนุนของนายกฯและ นโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลคิดว่าตรงนี้ก็ดำเนินการต่อไปได้” นายสุวิทย์ กล่าว

นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า ในกระบวนการเรื่องนี้ต้องอาศัยเครื่องไม้เครื่องมือที่มีอยู่ทั้งหมด แต่ว่ากระบวนการที่จะใช้เครื่องไม้เครื่องมือทั้งหมดในทิศทางเดียวกันและทำ งานร่วมกัน ไม่ใช่ว่าช่วยกันโดยที่ไม่เป็นระบบ ดังนั้น กระบวนการจึงต้องมีการจัดระบบในการดำเนินการ

“เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและเป็นความหนักใจของผมเองด้วยทุกครั้งในการทำงานที่ผ่านมาทุกครั้งเลย เพราะมันเกี่ยวข้องกับอำนาจอธิปไตย และเขตแดนและพี่น้องประชาชนเป็นห่วงเหมือนกับผม เพราะผมรักชาติบ้านเมืองและหวงแหนอธิปไตยไม่ต่างจากคนไทยทุกคน เพียงแต่การเจรจานั้นต้องเข้าใจว่าเป็นเรื่องของคณะกรรมการ 21 ประเทศ และเราเป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้น การทำความเข้าใจประเทศสมาชิกทั้งหมดก็เป็นหน้าที่ทีเราต้องดำเนินการ แต่วันนี้ผมเชื่อว่าคณะกรรมการและยูเนสโกได้เห็นปัญหาและรู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกระทบตอ่ความมั่นคงในภูมิภาคด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาเท่านั้น ดังนั้น ทุกประเทศไม่ต้องการเห็นการสู้รบที่จะเสียเลือดเนื้อ และชีวิตของประชาชน ดังนั้น เราต้องทำให้เห็นว่ากระบวนการแก้ไขปัญหามันมีอยู่ ซึ่งผมคิดว่าเรื่องกลไกปักปันเขตต้องทำให้จบสิ้น ตรงนี้ก็พยายามทำความเข้าใจ และจากนี้จะมีคณะกรรมการทำงานเพียงชุดเดียวเท่านั้น” นายสุวิทย์ กล่าว

นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ นายกฯคงจะดำเนินการแต่งตั้ง ซึ่งการทำงานร่วมกันถ้าทุกคนมานั่งคุยกันแล้วมีความเห็น และเดินไปในทางเดียว กันก็ย่อมทำได้ไม่มีปัญหา เพราะปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้เรามีจุดอ่อนช่องว่างที่ตนไม่สบาย อยากให้กระบวนการแก้ไขปัญหาตรงนี้ยุติเสียก่อนถ้ายุติได้ และนายกฯเห็นด้วย กับแนวทางนี้ตนก็คิดว่าเราเดินได้ และตนยินดีในฐานะคนไทยที่ต้องแก้ปัญหาให้ปัญหาของประชาชน

“ปัญหามันจบแล้วครับ คิดว่า คุยชัดเจนแล้วครับ เข้าใจกันหมดแล้วรวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศด้วย” นายสุวิทย์ กล่าว

เมื่อถามว่า ที่ยอมเป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจชุดนี้ เพราะคำขู่ของนายสุเทพด้วย หรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า “อันนี้มันไม่ใช่หน้าที่ความรับผิดชอบของ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ นะครับ เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของ รมว.ต่างประเทศ ที่ฐานะดูแลนโยบายการต่างประเทศ และการเจรจาระหว่างประเทศ เพียงแต่ว่าที่ผมเข้ามาทำหน้าที่นี้ เพราะผมอาสาเข้ามาทำทั้งครั้งแรก และครั้งที่สอง แต่ว่าผมอยู่ในรัฐบาลที่ผ่านมาแล้วผมไม่เห็นด้วยในการทำแผนบริหารและการจะให้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกจนกว่าขอบเขตพื้นที่จะชัดเจนเสียก่อน และผมก็สนใจในการศึกษาปัญหา ผมถึงเข้าใจ และคิดว่า ในช่วงที่รัฐบาลเข้ามาใหม่แล้วจะต้องดำเนินการผมเองรู้ เรื่องดีที่สุดในขณะนั้น แล้วผมก็คิดว่าผมน่าจะช่วยเหลือบ้านเมืองในเรื่องนี้ให้กับรัฐบาลได้ผมถึงอาสา ไปแบบอาสา ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของผมครับ”

เมื่อถามว่า แสดงว่า รอบนี้กระทรวงการต่างประเทศไม่รับจะเป็นหัวหน้าคณะใช่หรือไม่ นายสุวิทย์ นิ่งสักพักแล้ว กล่าวว่า “ก็จริงแล้วท่านนายกฯก็บอกว่าทำมาสองครั้งแล้วก็อยากให้ทำต่อ เพราะว่าถ้าไปหลายหน่วยงานเข้ามาทำ นายกฯก็เห็นด้วยว่าก็จะต้องเป็นเอกภาพและต้องเดินไปด้วยกัน ผมคิดว่าในเมื่อการดูแลปัญหาสามารถทำให้เกิดเอกภาพได้ก็โอเคจะพยายามทำให้ดี ที่สุดครับ”

“ผมเรียนว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่และสิ่งสำคัญที่อยากให้ประชาชนเข้าใจ และสามัคคีกันในเรื่องนี้ เพราะไม่อย่างนั้นเราก็ไม่สามารถไปต่อสู้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ ฉะนั้น อยากให้เข้าใจว่า ไม่ใช่เรื่องเล็ก เป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาที่ไม่ได้ปกติธรรมดาที่ไปเจรจากัน แต่เป็นปัญหาที่เกิดมาก่อนหน้านี้แล้ว และหน้าที่ของผมคือไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมาแล้ว และเป็นเรื่องยากลำบากเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็ต้องการกำลังใจจากประชาชนครับ” นายสุวิทย์ กล่าว

เมื่อถามว่า เมื่อมารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจแล้วจะมีปัญหาต่อพรรคกิจสังคมหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ในทางการเมืองก็ต้องทำไป ส่วนไม่มีเวลาหาเสียงตนคิดว่า เรื่องบ้านเมืองต้องมาก่อน อันนี้เป็นเรื่องบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องการเมือง เรื่องการเมืองเป็นเรื่องรองจากบ้านเมือง ส่วนเรื่องของพรรคกิจสังคมก็จะเดินหน้าต่อไป ตอนนี้ที่ทำการพรรคก็ใกล้จะเปิดทำการอย่างเป็นทางการที่ย้ายจากจังหวัดขอนแก่นมาอยู่ กทม.อีกไม่กี่วันก็เปิดเป็นทางการได้ ส่วนกระบวนการหาเสียงก็เดินไป

“ส่วนตัวผมก็ไปทำหน้าที่คนไทยในการปกป้องผืนแผ่นดินไทยผมก็ต้องไปทำหน้าที่ ส่วนเรื่องการเมืองนั้นมาทีหลังไม่เป็นเรื่องครับ เอาเรื่องบ้านเมืองก่อนครับ” นายสุวิทย์ กล่าว

เมื่อถามว่า จะมีการนัดทานข้าวกับนายกษิตหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวด้วยสีหน้าที่ยังเคร่งเครียดว่า “ไม่ต้องกินแล้ว" เมื่อถามว่า เครียดหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า “เรื่องมันเครียด” ส่วนการทำงานที่ผ่านมานั้นกระทรวงต่างประเทศเขาก็เดินของเขาและคณะผู้แทนไทย ก็ทำพอทำไปเจตนาเป้าหมายเราก็เหมือนกันแต่วิธีการแตกต่างกันทำให้เกิดปัญหา ทำให้เกิดจุดอ่อนช่องว่าง เมื่อถามว่าถ้าเป็นปัญหาแล้วเคยคุยกันหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า เคย

ด้าน นายไตรรงค์ กล่าวว่า นายสุวิทย์ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจามรดกโลกฝ่ายไทย ได้ยอมกลับเข้าทำงาน ภายหลังหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่ง นายสุวิทย์ ต้องการให้การทำงานมีเอกภาพมากกว่านี้ และจะจัดระเบียบการทำงานใหม่ อย่างไรก็ตาม ภายหลังการพูดคุยเสร็จสิ้นต่างมีสีหน้ายิ้มแย้ม


กำลังโหลดความคิดเห็น