“มาร์ค” เดินหน้าตามคำพูด ทูลเกล้าฯ ยุบสภาต้นเดือนพฤษภาฯ เพื่อเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ได้รัฐบาลราวสิงหาคม หวังให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้น อ้างประชาชนส่วนใหญ่เบื่อคนส่วนน้อยที่เสียงดังจนเสียงข้างมากถูกละเลย รับไม่มั่นใจทุกอย่างจะดีขึ้นทั้งหมด เหตุบางคนยังไม่เปลี่ยนนิสัย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการกำหนดวันการเลือกตั้ง ที่มีการระบุว่าอาจจะมีขึ้นในช่วงประมาณปลายเดือนมิถุนายนหรือช่วงต้นเดือนกรกฎาคมว่า น่าจะชัดเจนอย่างนั้นแล้ว เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะประกาศยุบสภาในวันที่ยุบสภาเลย หรือมีการประกาศล่วงหน้า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า โดยหลักพระราชกฤษฎีการกาก็มีผลวันนั้นเลย คงไม่ใช่เรื่องประกาศล่วงหน้า ก็มีผลวันนั้น และในพระราชกฤษฎีกากฎหมายก็บังคับไว้อยู่แล้วว่า ต้องกำหนดวันเลือกตั้งด้วย ซึ่งจะทราบวันยุบสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ ยืนยันหรือไม่ว่าจะมีการยุบสภาในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ สัปดาห์แรกในเดือนพ.ค. ซึ่งคำพูดนี้เหมือนเดิมทุกประการไม่มีเปลี่ยนแปลง เมื่อถามอีกว่า นายกฯ จะประกาศยุบสภาในวันราชการ หรือวันเหยุดเสาร์-อาทิตย์ นายกฯ กล่าวว่า ทำไมต้องลงลึกไปในรายละเอียดขนาดนั้น เอาเป็นว่าเลือกตั้งก็วันเสาร์-อาทิตย์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมนายกฯ ถึงกล่าวว่าจะมีการจัดตั้งรังรัฐบาลได้ในเดือนสิงหาคม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตามกำหนดสภาต้องประชุมครั้งแรกภายใน 30 วัน ฉะนั้นเราอยากให้เร็วไม่อยากให้ช่วงเปลี่ยนผ่านเป็นช่วงที่นาน วันนี้เราจะมาสร้างความชัดเจนเรื่องนโยบายอีกหลายๆ เรื่อง ตนตัดสินใจยุบสภาก็เพื่อให้มาแก้ปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ มีอะไรวุ่นวายอีกก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับใคร
ต่อข้อถามว่าทำไมนายกฯ ถึงมั่นใจว่าปัญหาทุกอย่างจะจบ นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้บอกว่า ปัญหาทุกอย่างจะจบ แต่มั่นใจว่าหลายสิ่งหลายอย่างจะดีขึ้น เพราะเราเห็นสภาพการเล่นการเมืองกันอยู่มันค่อยข้างชัดว่า ถ้ามีความพยายามใช้คำว่า อยู่ครบเทอม ลากยาว ต่อไปก็จะมีคนสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งในสังคมทำให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างยากลำบาก วันนี้ตนถือว่า บริหารวิกฤตเศรษฐกิจมาเปราะหนึ่งแล้ว และในปีนี้ได้ฉลองสงกรานต์กันก็ถึงเวลาที่จะให้ประชาชนตัดสินใจก็เหมาะสม
ส่วนเหตุผลที่มั่นใจว่าจะตั้งรัฐบาลได้เร็วไม่มีอุปสรรคมาขวางกั้นระหว่างทางนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเรียนว่ากติกาของระบบสภามันชัดเจน เมื่อมีการเรียกประชุมสภาได้พรรคการเมืองก็ตกลงจัดตั้งรัฐบาลกันได้ เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวนอกสภาอาจจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีการจัดตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนคิดว่าวันนี้เสียงส่วนใหญ่ทั้งประเทศชัดเจน ต้องการให้การเมืองกลับสู่สภาวะปกติที่สุด ที่ตัดสินใจยุบสภาไม่อยู่ในตำแหน่งครึ่งปี เพราะตนคิดว่าประชาชนเบื่อเสียงส่วนน้อยที่เสียงดัง ขณะที่เสียงข้างมากถูกละเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า สภาพการปิดล้อมรัฐบาลในช่วงที่มีการเลือกนายกรัฐมนตรีกับการที่ต้องเปลี่ยนที่ประชุมในการประกาศนโยบายรัฐบาลจะเกิดขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็ไม่อยากให้มี จะมาปิดล้อมอะไรกันอีก ประชาชนส่วนใหญ่เป็นผู้เลือกผู้แทนราษฎรเข้ามา เราก็ต้องยืนยันว่านี้จะเป็นกระบวนการตัดสินอนาคตประเทศตามรัฐธรรมนูญ
ต่อข้อถามว่ามั่นใจแค่ไหนว่านโนบายที่วางไว้จะได้กลับมาสานต่อ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นี้มาถามเรื่องผลเลือกตั้งแล้ว ตนมั่นใจแต่ว่านโยบายนี้เป็นนโยบายที่จะประคับประคองเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เป็นนโยบายที่จะช่วยดูแลไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนจากของแพง ถ้าคนอื่นมาแล้วคิดเป็นอย่างอื่นก็เป็นสิทธิของเขา เพราะประชาชนเป็นผู้เลือก แต่ตนยืนยันว่า ถ้ากลับมาก็ใช้หลักนี้ในการบริหารประคับประคองเศรษฐกิจขยายตัวได้ในระดับหนึ่ง เพราะเราไม่ต้องการเห็นการว่างงาน ซึ่งตอนนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหา และขณะเดียวกันไม่ต้องการให้ต้นทุนราคาสินค้า มาเป็นตัวทำลายทั้งเงินในกระเป๋าประชาชน และโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศ
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าหลังการเลือกตั้งจะไม่เจอกับสภาพเดียวที่กำลังเจออยู่ในขณะนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประชาชนคงไม่อยากให้มีปัญหาแบบนี้อีก ฉะนั้นเราต้องช่วยกันเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่ต้องทำอย่างนั้น และคนที่ทำอย่างนั้นก็ทำลายประเทศ ต่อข้อถามว่าเหมือนนายกฯ ยังไม่มั่นใจสถานการณ์ในวันข้างหน้า นายกฯ กล่าวปฏิเสธว่า และว่าตนมั่นใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องดีขึ้น แต่คงไม่ใช่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ดีอยู่ดีๆ จะหายหรือหมดไป บางคนก็เปลี่ยนนิสัยไม่ได้ เราก็เข้าใจ