“สุวัจน์” ชี้ 111 ถูกตัดสิทธิ ทำชาวบ้าน “ไร้ทางเลือก” หมดสินค้าทางการเมือง เชื่อปี 55 คน 111 กลับมาทำการเมืองเปลี่ยน-ขั้วการเมืองเปลี่ยน แนะ ปชช.ทำใจรับสภาพการเมืองปัจจุบันไปก่อน วอนนักการเมืองรับผลเลือกตั้ง เชื่อทำบ้านเมืองสงบ ไม่หวั่นกระแส “โหวตโน” ให้ประชาชนตัดสิน เชื่อพรรคเล็กยังสำคัญ
วันนี้ (31 มี.ค.) ที่ทำเนียบฯ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางของพรรครวมชาติพัฒนาในการเลือกตั้งครั้งหน้าหลังมีข่าวจับมือกับกลุ่มการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่ม 3 พีจากพรรคเพื่อแผ่นดินว่า ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้งแล้ว นายกฯ ส่งสัญญาณมาแล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องเตรียมพร้อม สำหรับพรรครวมชาติพัฒนาก็มีการเปิดตัวผู้สมัคร ซึ่งพรรคการเมืองเล็กๆ ก็คงต้องอาศัยความเป็นพรรคการเมืองท้องถิ่นนิยม ไม่เช่นนั้นคงสู้กระแสพรรคการเมืองใหญ่ไม่ได้
“วันนี้ผมว่าการเมืองพัฒนาไปเยอะแล้ว เป็นเรื่องของพรรคใหญ่ เป็นเรื่องของนโยบายและมีคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ขึ้นมา ดังนั้น โอกาสของพรรคเล็กถ้าไม่รักษาฐานการเมืองในแต่ละจังหวัดไว้ ผมว่าอยู่ยาก แต่ก็ยังโชคดีอยู่ที่ว่าการเมืองเรายังเป็นการเมืองแบบ 2 ขั้ว ดังนั้นการเมืองครั้งนี้โครงสร้างทางการเมืองก็คงจะไม่ต่างจากโครงสร้างทางการเมืองในปัจจุบัน คือเป็นการแข่งขันระหว่างการเมือง 2 ขั้ว แต่นัยยะสำคัญของพรรคเล็กต่อเสถียรภาพทางการเมืองนั้น ยังมีอยู่ ซึ่งที่พูดอย่างนี้ผมก็อยากเป็นกำลังใจให้พรรคเล็ก ไม่ว่าจะเล็กแค่ไหนก็ยังมีความสำคัญต่อบ้านเมืองในระบบการเมืองปัจจุบัน” นายสุวัจน์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้พรรครวมชาติพัฒนารวบรวมสมาชิกได้เท่าไหร่แล้ว นายสุวัจน์กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่การเมืองมันก็มีการพัฒนาไปเรื่อย มันยังบอกไม่ได้ เพียงว่าตนคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้คงมีการย้ายพรรคเป็นปกติ และอาจจะย้ายมากกว่าเดิมเพราะความไม่แน่นอนทางการเมืองสูง และเราก็ยังมีการเปลี่ยนกติกาเลือกตั้งด้วย จึงเหมือนกับการเริ่มต้นกันใหม่ ด้วยกติกาใหม่ ทำให้ฐานที่ว่าจะไปอยู่ไหนก็จะเปลี่ยนไปหมด ดังนั้น การวิเคราะห์การเมืองวันนี้ว่าพรรคใดชนะ พรรคใดแพ้ ตนว่ามันยังไม่ชัดเจนจนกว่า กกต.จะมีการกำหนดเขตเลือกตั้งที่ชัดเจน วันนั้นจึงจะเห็นภาพว่าใครแพ้ ใครชนะ และนักการเมืองเมื่อเห็นการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ชัดเจนแล้ว ถึงจะตัดสินใจได้ชัดเจนว่าจะย้ายไปอยู่พรรคไหน ดังนั้นวันนี้ก็คงเป็นเรื่องของการพูดคุย ทาบทาม จีบกันไป แต่ความชัดเจนต้องรอดูการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต.ก่อน
เมื่อถามว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรครวมชาติพัฒนาตั้งเป้าไว้เท่าไหร่ เพราะเห็นว่าจะให้เป็นพรรคการเมืองอันดับ 3 นายสุวัจน์กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของพรรคเขา แต่เชื่อว่าพรรคเล็กก็ยังมีความหมาย แต่ก็ยังมั่นใจว่าเป็นเรื่องของ 2 ขั้วเขาเหมือนเดิม
“วันนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ พวกเราต้องช่วยกันรักษาบรรยากาศไปสู่การเลือกตั้ง และต้องมีการเลือกตั้ง ทำอย่างไรให้ทุกคนยอมรับผลการเลือกตั้ง และจบ ไม่เช่นนั้นหากเลือกตั้งมาแล้ว ไม่ยอมรับผลกันก็ไม่จบอีก” แกนนำพรรครวมชาติพัฒนากล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงขณะนี้ยังมั่นใจว่าจะมีการยุบสภาและมีเลือกตั้งแน่ใช่หรือไม่ นายสุวัจน์กล่าวว่า นายกฯ พูดชัดว่าจะมีการยุบสภาแน่นอนต้นเดือนพฤษภาคม ก็ต้องเชื่อนายกฯ แต่คนนั้นคนนี้อาจจะหวั่นเกรงกันเพราะดูสถานการณ์หลายอย่างก็เป็นเรื่องของการวิเคราะห์ วันนี้ทุกคนก็ต้องยืนไปสู่จุดนี้ว่าควรที่จะมีการเลือกตั้ง ประชาธิปไตยเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองในขณะนี้ เมื่อถามว่าส่วนตัวมองว่าการยุบสภาต้นเดือนพฤษภาคมตามที่นายกฯ บอก มีความเหมาะสมแล้วใช่หรือไม่ นายสุวัจน์กล่าวว่า ก็เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรไม่เหมาะสม ยกเว้นสมมุติเกิดมีภัยธรรมชาติ มีอะไรขึ้นมาที่เรานึกไม่ออก และวันนั้นถ้าจะเลือกตั้งในวันที่ทุกคนออกจากบ้านไม่ได้ มันก็เลือกไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าทุกอย่างยังเป็นอย่างนี้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ที่บอกว่ากติกาใหม่ อะไรๆ ก็ใหม่หมด คิดว่าจะมีอะไรที่ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า เราจะได้การเมืองใหม่ที่ดี นายสุวัจน์กล่าวว่า นี่เป็นความรับผิดชอบของพรรคการเมืองแล้ว นอกเหนือจาก กกต.ที่ต้องควบคุมดูแลการเลือกตั้ง นอกเหนือจากความจริงใจของรัฐบาลที่จะให้มีการเลือกตั้งเพื่อลดความขัดแย้งเพราะการเลือกตั้งเป็นข้อเรียกร้องข้อหนึ่งที่นำไปสู่ความขัดแย้งในสังคม ซึ่งวันนี้รัฐบาลก็คืนให้แล้ว กกต.ก็ดูการเลือกตั้งให้ดีที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร จะดุเดือด จะถูกกฎหมายหรือจะได้รับการยอมรับหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของนักการเมืองและพรรคการเมืองแล้ว ดังนั้นวันนี้ถ้าเห็นว่าการเลือกตั้งที่ได้รับการยอมรับจะนำไปสู่การสิ้นสุดของปัญหาของความขัดแย้ง ก็เป็นหน้าที่ของนักการเมืองและพรรคการเมืองต้องมองจุดนี้ และต้องพยายามให้เกิดความเป็นธรรมในการเลือกตั้ง อะไรที่ไม่ถูกต้อง เถื่อนๆ หรือไม่ถูกกฎหมาย หรืออะไรที่ทำให้เห็นว่าไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ตนคิดว่าก็ต้องถอยห่าง ต้องอย่าให้เกิด
เมื่อถามว่ามองกระแสเรียกร้องให้โหวตโนอย่างไร นายสุวัจน์กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิ ทุกคนก็มีสิทธิจะรณรงค์ให้โหวต หรือไม่โหวต เป็นเรื่องปกติ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชน กระแสอะไรจะปลุกขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับพื้นฐานและที่มาที่ไป ก็แล้วแต่ประชาชน ที่จะเป็นผู้ตัดสินในการเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าในครั้งหน้าหากพรรคอันดับ 1 และ 2 จับมือกัน พรรคเล็ก ๆ พร้อมเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ และคิดว่าจะช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งในสังคมได้หรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่กรณีนี้ต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ถ้ามันเกิดอย่างน้อยเสถียรภาพการเมืองมันก็ไม่เหมือนเสถียรภาพการเมืองในปัจจุบัน ดังนั้นการเมืองก็จะมีการเปลี่ยนแปลง อะไรที่เป็นไปไม่ได้ คงใช้กับการเมืองไม่ได้ อะไรจะเกิดก็เกิดได้ทั้งนั้นแต่ตนไม่ทราบ แต่ก็เห็นผู้หลักผู้ใหญ่ของแต่ละพรรคก็ออกมาพูดว่าแนวทางในเรื่องของแนวทางการจับไม้จับมือกันเป็นอย่างไร ก็เริ่มมีภาพขึ้นมา แต่วันนี้บรรยากาศการเมืองยังเป็น 2 ขั้วอยู่
เมื่อถามว่าทำอย่างไรจะไม่หใประชาชนมองว่านักการเมืองก็ยังคงเล่นการเมืองแบบเดิม ๆ อยู่ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา กล่าวว่า วันนี้ถ้าจะมองว่าการเมืองเหมือนหวยล๊อค ก็เหมือนเดิม เพราะมันไม่มีตัวแปรใหม่ๆ ไม่มีชอยส์ ไม่มีทางเลือกใหม่ๆ ให้ประชาชน เพราะมันไม่มีสินค้าตัวใหม่ให้เลือก
“ดูแล้ววันนี้ก็ยังไม่เห็นเลยว่าจะมีพรรคการเมืองอะไรใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้เกิดผลของการเปลี่ยนแปลงหรือเป็นทางเลือกมาก ๆ ให้ประชาชนได้คิดมากๆ ได้เลือกมากๆ เพราะนักการเมืองที่เป็นบุคคลที่อย่ในรุ่นที่ 2 ของการเมืองที่มีประสบการณ์ แต่เขาถูกล็อกด้วยการอยู่บ้านเลขที่ 111 ซึ่งคนเหล่านี้เป็น ส.ส. 4-5 สมัย เป็นนักการเมืองอาวุโสที่มีประสบการณ์ในทุกๆ ด้าน แต่เขาไม่สามารถที่จะมาสร้างทางเลือกให้กับประชาชน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ต้องรออีกปีหนึ่ง ดังนั้นก็ต้องยอมรับสภาพการเมืองที่ต้องเดินไปแบบนี้ วันนี้สมมติว่าคนบ้านเลขที่ 111 จะมีอิสรภาพ ผมว่าการเมืองเปลี่ยน ขั้วการเมืองเปลี่ยน โครงสร้างทางการเมืองเปลี่ยน โอกาสของประชาชนในการเลือกพรรคการเมืองต่างๆ เปลี่ยนเพราะจะมีหน้าใหม่ๆ มีนโยบายใหม่ ๆ มีคนที่พร้อมที่จะเป็นผู้นำทางการเมืองที่จะเสนอตัวให้สังคมเลือกได้อีกเยอะ ส่วนพรรคประชาสันติ นั้นก็เป็นอีกสินค้าหนึ่ง แต่จริงๆ ควรจะมีมากกว่านี้” นายสุวัจน์กล่าว
นายสุวัจน์กล่าวด้วยว่า ที่พูดเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเรียกร้องอยากคนในบ้านเลขที่ 111 กลับมา เพราะถึงอย่างไรก็เหลืออีกเพียงปีเดียว เพียงแต่วิเคราะห์ให้ฟังว่าทำไมการเมืองบ้านเรามันวนเวียนอยู่อย่างนี้ ก็เพราะว่าส่วนหนึ่งเรามีขีดจำกัดในเรื่องของตัวบุคลากรทางการเมือง ดังนั้นก็ต้องรอปีหน้า พฤษภาคมปี 2555 สมมติคนบ้านเลขที่ 111 ออกจากบ้าน ตนคิดว่าตัวจริงเขาก็อยากลงสนาม ตอนนั้นการเมืองก็คงสนุกอีกครั้งหนึ่งในปีหน้า ซึ่งคงมีอะไรที่เคลื่อนไหว แต่เชื่อว่าอย่างไรหลังการเลือกตั้งประเทศต้องดีขึ้น แต่จะดีขึ้นแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง อย่างไรต้องดีขึ้นเพราะการเลือกตั้งเป็นข้อเรียกร้องอย่างหนึ่งของความขัดแย้ง ดังนั้นเมื่อทุกอย่างกลับคืนสู่การเลือกตั้งก็น่าจะเป็นการส่งสัญญาณที่ดี ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง
เมื่อถามถึงการแข่งขันในจังหวัดนครราชสีมาดุเดือดหรือไม่ นายสุวัจน์กล่าวว่า การเลือกตั้งไม่มีคำว่าไม่ดุเดือด ส่วนกระแสการซื้อตัวหรือดูด ส.ส.นั้น นายสุวัจน์กล่าวว่า อยากให้นักการเมืองด้วยกันช่วยสร้างบรรยากาศดีๆ เพื่อที่เมื่อเลือกตั้งมาแล้ว เราจะได้ตอบได้อย่างเต็มภาคภูมิว่าเราชอบธรรม ปัญหาของบ้านเมืองจะได้จบ แต่ถ้าหลังเลือกตั้งแล้วยังถูกมองว่าไม่ชอบธรรม เป็นแค่สัญลักษณ์ของประชาธิปไตยเท่านั้น สถานการณ์ต่างๆ มันก็คงไม่ดีขึ้น ซึ่งก็เป็นหน้าที่ที่พรรคการเมืองต้องตระหนักและช่วยกันรักษาบรรยากาศที่ดีไว้ เมื่อถามว่าที่นครราชสีมา พรรครวมชาติพัฒนาจะสามารถบล๊อคพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายสุวัจน์กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่คิดว่าคนโคราชรู้ดีว่าเขาจะเลือกใคร